แทนธรรม เดินเข้าห้องสัมมนาของโรงแรมแห่งหนึ่งพอดีในตอนที่เสียงปรบมือดังกึกก้องเพื่อต้อนรับนางสิริลักษณ์ พฤกษ์อัมพร เขาหยุดมองเธอครู่หนึ่งก่อนตรงไปยังมุมห้องที่ไม่มีนักข่าวยืนอออยู่ กอดอก และพิจารณาใบหน้าของหญิงสาว
ใครหลายคนคิดว่านางสิริลักษณ์เป็นแม่ม่าย ซึ่งที่จริงแล้วไม่เชิงนัก เธอแค่ไม่ได้พบหน้าสามีตัวเองเกือบสิบปีแม้จะรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ไม่เคยตามหาแถมยังจะประกาศว่าเขาเป็นบุคคลสูญหายเมื่อใกล้ถึงเวลาที่กฎหมายกำหนด ดังนั้นแทนธรรมจึงปรากฏตัวออกมาหลังจากหายหน้าไปนานกว่าสี่ปีกับอีกสิบเอ็ดเดือน โดยมีเจตนาแค่ก่อกวนประสาทของเธอเล่นๆ
ก่อกวนประสาทนางสิริลักษณ์ ภรรยาของเขาเองนี่แหละ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาหายหน้าออกจากบ้านในคืนวันแต่งงานเมื่อเกือบสิบปีก่อน แทนธรรมก็ไม่เคยพบหน้าเธอจริงๆ แม้แต่วันที่เขาตั้งใจจะกวนประสาทเธอ คนที่เจอเขามีเพียง สุภณ หนุ่มใหญ่หน้าตาดีที่เคยรับใช้ตระกูลติสรสินอย่างซื่อสัตย์ ทุกวันนี้เขาก็ยังเป็นเช่นนั้น ซื่อสัตย์ จงรักภักดีและอยู่ในบ้านของตระกูลติสรสิน เพียงแต่เจ้านายใหญ่ของตระกูลนั้นไม่ใช่สายเลือดโดยตรงของติสรสินอีกต่อไป
เห็นได้ชัดว่าสิริลักษณ์กลับไปใช้นามสกุลก่อนแต่งงาน เหมือนจะเป็นการตบหน้าตระกูลที่ครั้งหนึ่งเคยร่ำรวยเข้าขั้นเศรษฐีและยึดมั่นในสายเลือดของตน ธุรกิจของติสรสินคือเสื้อผ้าและสิ่งทอที่ทำกันมาตั้งแต่รุ่นทวดโดยไม่เคยให้คนในตระกูลอื่นมากุมบังเหียนแทน ซึ่งแทนธรรมไม่โทษเธอในเรื่องนั้น เพราะเขาเองก็เคยเปลี่ยนไปใช้นามสกุลของแม่อยู่สี่ปีกว่า ก่อนจะกลับมาใช้นามสกุลในตอนแรกเกิดเช่นเดิม
พนักงานชายคนหนึ่งเดินมาเชิญเขาให้ไปนั่งเก้าอี้ที่ยังว่าง แทนธรรมชำเลืองไปยังจุดที่ชายคนนั้นผายมือแวบหนึ่งก่อนยกมือขึ้น ปฏิเสธ เดี๋ยวผมก็กลับแล้ว
มีเสียงตอบรับอย่างสุภาพก่อนที่ชายคนนั้นจะเดินจากไป แทนธรรมเห็นเขากระซิบกระซาบกับพนักงานอีกคนพลางชี้นิ้วโป้งมายังจุดที่ตนยืนอยู่ ชายหนุ่มส่ายศีรษะ ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะมีอาการเหยียดหยามตามหลัง เขาเพิ่งมาจากต่างจังหวัด สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวลายตารางปล่อยชายเสื้อไว้นอกกางเกงยีนสีซีดกับรองเท้าบูทเก่าๆ มหัศจรรย์แล้วที่คนเฝ้าหน้าประตูให้เขาเดินเข้ามาในห้องสัมมนาได้โดยไม่ตรวจสอบอะไรเลย
เมื่อหมดความสนใจพนักงานไร้มารยาท แทนธรรมก็กลับไปสำรวจภรรยาของตนต่อ น่าแปลกที่เขาจำรูปลักษณ์ภายนอกของเธอได้แทบทั้งหมด แม้เวลาที่เขาใช้มองหน้าเธอจริงๆ จะไม่ถึงสี่สิบแปดชั่วโมงและตอนนี้เธอก็แต่งหน้าเข้มจัด สิริลักษณ์เป็นผู้หญิงหน้าเล็กรูปหัวใจ ดวงตากลมโตปลายเฉียงขึ้นเล็กน้อยใกล้เคียงกับดวงตาของแมว ริมฝีปากอวบอิ่มเต็มตึง จมูกเล็กปลายรั้น และสีผมก็ยังเป็นสีน้ำตาลแดงเช่นเดิม แต่เขามองไม่ออกว่าเธอผอมลงหรือไม่เพราะชุดสูทนักธุรกิจหญิงสีขาวที่เธอใส่ช่วยอำพรางรูปร่าง
ที่เปลี่ยนไปมากคงเป็นบุคลิกท่าทาง แววตาที่เหมือนตื่นตระหนกตลอดเวลาเปลี่ยนเป็นมั่นคงเด็ดเดี่ยว อันที่จริงดูเย็นชาด้วยซ้ำ หญิงสาวยืดตัวเต็มความสูงทำให้ดูงามสง่าประดุจนางพญา น้ำเสียงกังวานมีอำนาจของเธอดังไปทั่วห้องขณะกล่าวสุนทรพจน์ให้ความเชื่อมั่นกับนักลงทุน แทนธรรมเกือบหัวเราะเมื่อคิดว่าถ้าตอนนี้เขาเป็นนักลงทุนคนหนึ่ง และติสรสินเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แล้ว เขาคงจะแทบเทหมดหน้าตักเพื่อซื้อหุ้นบริษัทของเธอแน่
แต่แล้วดวงตาแมวคู่นั้นก็เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยอย่างตกใจเมื่อเห็นเขา แทนธรรมจึงยิ้มแบบยกมุมปากทักทายเธอ นั่นทำให้ดวงตาของเธอกลับเป็นเย็นชาอีกครั้งแทบในทันที
หลังจากนั้น สิริลักษณ์ก็ไม่ชำเลืองมายังเขาอีกเลย แทนธรรมจึงลดมือที่กอดอกลงแล้วเดินออกจากห้อง คิดในใจว่าการทักทายเบื้องต้นสิ้นสุดลงแล้ว เขาควรจะไปรอเธอที่บ้าน
แทนธรรม ติสรสินกลับมาแล้ว!
สิริลักษณ์กรีดร้องโหยหวนอยู่ในใจทั้งที่ปากของเธอยังกล่าวสุนทรพจน์อย่างไม่มีติดขัด แต่ถึงแม้ว่าเธออยากจะกระโดดลงจากเวทีแล้วตรงไปตบตีผู้ชายใจร้ายคนนั้นให้สาแก่ใจมากแค่ไหน เธอก็ต้องควบคุมอารมณ์ของตนเองเอาไว้ งานนี้มีนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าร่วมมากมาย ยังไม่รวมถึงว่าที่หุ้นส่วนในอนาคตของเธออีก ตอนนี้เธอต้องการความร่วมมือทางการเงินและอำนาจของพวกเขามากกว่าการแก้แค้นผู้ชายเลวๆ คนหนึ่ง
เสียงปรบมือดังเกรียวกราวอีกครั้งเมื่อสุนทรพจน์ของเธอจบลง หญิงสาวเดินไปจับมือกับชายวัยกลางคนตอนปลายสามคนซึ่งยืนยิ้มร่ารออยู่แล้ว เมื่อครบทั้งหมดและเข้านั่งประจำเก้าอี้ของตนอย่างเรียบร้อย สิริลักษณ์ก็ชำเลืองไปยังจุดที่แทนธรรมเคยยืนอยู่
เขาไปแล้ว
สิริลักษณ์อยากจะถอนหายใจออกมาดังๆ แต่เธอรู้ดีว่าเขาคงแค่กลับไปรอเธอที่บ้าน ไม่หรอก บางทีอาจจะไม่รอ ทำไมเขาจะต้องรอเธอล่ะ ในเมื่อเธอฝากใบหย่าไว้กับสุภณแล้ว แทนธรรมแค่กลับบ้านไปเซ็นชื่อเท่านั้น เขาก็จะเป็นอิสระ ไปไหนก็ได้ตามที่ใจต้องการ หญิงสาวค่อนข้างมั่นใจว่าเมื่อกลับถึงบ้านแล้วก็จะไม่พบหน้าเขาอีกเหมือนเช่นเคย
หรือบางที แทนธรรมอาจจะเซ็นใบหย่าเสร็จแล้วและมาที่นี่เพื่อบอกลาเธอก็ได้ ฮึ! ไม่หรอก ดูจากรอยยิ้มกวนประสาทประจำตัวของเขาก็รู้แล้ว เป็นไปได้มากว่าเขาต้องการจะเยาะเย้ยเธอต่างหาก ผู้ชายเฮงซวย แต่สิริลักษณ์ยิ่งแย่กว่าที่รู้สึกปวดร้าวลึกๆ อย่างไม่สมควร
แทนธรรมยังหล่อร้ายกาจเหมือนเดิม ไม่สิ เขาหล่อกว่าเดิมด้วยซ้ำ น่าแปลกที่วันเวลาไม่ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงไปมากนักนอกจากผิวกายที่เข้มคล้ำขึ้น ร่างกายใหญ่ขึ้นมากกว่าที่เธอจำได้ ผมสีดำตัดสั้นเรียบร้อยกว่าเมื่อเกือบสิบปีก่อน มีเพียงดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจนเกือบเป็นสีทองของเขาเท่านั้นที่ดูกร้าวแกร่งไม่เคยเปลี่ยน
และดวงตาคู่นั้นก็มองเธออย่างเหยียดหยามไม่เคยเปลี่ยนเช่นเดิม
เสียงปรบมือหลังจากพิธีกรกล่าวปิดงานดังขึ้น สิริลักษณ์ควบคุมอาการสะดุ้งของตนแล้วปรบมือตามน้ำ นักลงทุนหลายรายตรงเข้ามาหาเธอรวมไปถึงนักข่าว แน่ละว่าเธอเลือกนักลงทุนก่อน เพราะสิ่งที่เธอต้องการคือเงิน ไม่ใช่ชื่อเสียงในฐานะม่ายสาวที่กำลังจะแต่งงานกับไฮโซหนุ่มอายุน้อยกว่า
หลังจากตอบคำถามของนักลงทุนแล้ว เธอก็ถูกก้องเกียรติเรียกตัวไป ซึ่งต้องขอบคุณเขา สิริลักษณ์ไม่ถูกโรคกับคำถามซอกแซกในเรื่องส่วนตัว เรื่องบางเรื่อง ไม่ว่าจะฝึกฝนตนเองอย่างไรก็ทำใจให้ชินไม่ได้สักที ทำได้ดีมาก หนูสิ เลขาของฉันเพิ่งโทรมาถามว่าจะล็อกหุ้นให้กับนักลงทุนรายใหญ่ที่โทรเข้ามาติดต่อก่อนไหม
ดิฉันว่าไม่สมควรค่ะท่าน เธอบอกพร้อมกับยิ้มเย็นประจำตัว ไม่ใช่รอยยิ้มที่มองแล้วรู้สึกเย็นตาเย็นใจ แต่เป็นรอยยิ้มชวนขวัญผวา เชื่อดิฉันเถอะค่ะว่าข่าวล็อกหุ้นไวพอๆ กับข่าวซุบซิบดารา
ถ้าอย่างนั้นฉันจะทำตามแผนเดิมของเรา ชายสูงวัยพูดพลางขยับมาแตะเอวเธออย่างแผ่วเบา แล้วงานกาล่าดินเนอร์คืนนี้ล่ะ ให้เจ้ากรไปรับที่ไหนดี
สองทุ่มที่บ้านค่ะ เผอิญดิฉันรีบจนลืมเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยน นั่นเป็นคำโป้ปด แต่ก้องเกียรติไม่จำเป็นต้องรู้ความจริง
ดีแล้ว แต่ฉันจะให้เจ้ากรไปรับหนูก่อนเวลา เผื่อว่าพวกเธออาจจะอยากพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว
สิริลักษณ์เพียงแค่ยิ้มรับ ก่อนจะขอตัวกลับโดยอ้างว่าเธอต้องไปทำผมและแต่งหน้าใหม่ พอดีกับที่นักข่าวเริ่มกรูเข้ามาขอสัมภาษณ์เรื่องการหมั้นหมายของเธอกับกิติกร ลูกชายของก้องเกียรติ เธอจึงปล่อยให้เขารับมือกับนักข่าวแล้วเดินออกจากงาน
จากคุณ |
:
g_maru
|
เขียนเมื่อ |
:
18 พ.ค. 54 15:42:04
|
|
|
|