Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
พิศวาส ณ ยามสาง - 15 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10551863/W10551863.html

บทที่ 15

ทันใดนั้น ปรากฏควันสีดำจางลอยเป็นริ้วเป็นสายออกมาจากหน้าระเบียงห้องพักของวัสอร ปีศาจสาวสัมผัสถึงพลังลี้ลับบางอย่าง จนไม่อาจกอดอ้อยอิ่งอยู่กับร่างของสามี

มวลควันดำหนารีบผละพลิ้วตามไปสมทบว่องไว ตาไร้แววถลนอย่างตื่นเต้น ยามมองทะลุสิ่งกีดขวางเข้าไป ก็พบว่าต้นตอของมัน ผุดมาจากหว่างคิ้วของสาวดวงตก ซึ่งยังหลับปุ๋ยใต้ผ้าห่ม

ปีศาจสาวแสยะยิ้ม ตั้งท่าจะลอยพลิ้วข้ามระเบียงไปสิงร่างอ่อนแอ หากแต่ลำแสงขาวนวลเจิดจ้าก็พวยพุ่งออกมาขวาง ซึ่งก็ไม่ต้องสงสัยว่าเจ้าของลำแสงนั้นจะเป็นใครอื่น นอกเสียจาก 'แม่อ่อน'

"สรัลขอยืนยันว่าไม่ต้องการเป็นศัตรูกับแม่นมจริงๆ นะคะ จะไปไหนก็ไปเถอะ เลิกจุ้นจ้านกับเรื่องของสรัลเสียที แล้วจะว่าไปนะ ตอนมีชีวิตอยู่ แม่นมก็มีฐานะเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้นนะ พอตายแล้ว ทำไมทำเป็นลืม คอยเจ๋อจุ้นกับทุกเรื่องของเจ้านาย หลีกไป ถ้าสรัลไม่สิงร่างในจังหวะควันแห่งชีวิตลอยออกจากร่าง สรัลก็คงต้องรอไปอีกนาน หลีก"

"ขอโทษค่ะ นมไม่รู้ไม่เห็นก็ไม่เป็นไร แต่เวลานี้ นมอยู่ตรงนี้ ถ้าจะเข้าไปขโมยร่างของฝนต่อหน้านม ก็คงต้องออกแรงกันหน่อย"

"ออกแรงหรือ จะให้ออกแรงหรือ ได้สิ ไม่ยากนี่ หลีกไป"

เสียงโหยหวนเปล่งกร้าวขึ้น กระแสลมกระโชกมาวูบหนึ่ง ละอองควันสีดำจางพลิ้วเต้นหงิกงอ แต่มันก็น่าประหลาด เมื่อวิถีลอยเคว้งคว้างของมัน กลับแลไหลกรูมายังสรัล ราวกับอีกฝ่ายคุกคามดึงดูดไว้ด้วยพลังจิตแกร่ง แม้แต่แม่อ่อนก็ยังลอบพรั่นพรึงไปด้วย

มันคงเป็นโอกาสทองของปีศาจสาวเสียแล้วจริงๆ เพราะดวงชะตาของวัสอรอ่อนแอลงทุกที ต่อให้ไม่โดนแย่งชิงร่างกาย เธอก็อาจประสบเคราะห์ร้ายอย่างอื่นอยู่ดี

ดังนั้น เมื่อริ้วควันของคนดวงตกถูกดูดมาคลุกเคล้ากับมวลควันดำหนาของปีศาจใจพยาบาท จิตที่กร้าวอยู่ก่อน ก็ยิ่งเปล่งอานุภาพ แม่อ่อนถูกคลื่นเกรี้ยวกราดกวาดจนปลิวลอย

แต่ก็ไม่ได้ไปไหนไกล เพราะพลังของปีศาจย่อมไม่อาจทำลายประกายบุญที่โอบอุ้มร่างสำรวมไว้อีกชั้น ครั้นเห็นปีศาจสาวลอยคว้างว่องไวไปยังเป้าหมาย นางก็ไม่ยอมให้สมมาดโดยง่าย

ประกายบุญถูกแผ่เป็นลำขาวนวล หากแต่เจิดจ้าและคมวาว ทอดยาวจากกลางทรวงอกไปจรดประตูหน้าต่าง สรัลต้องรีบผงะร่างไร้มวล พลางยกท่อนแขนป้องปะทะ

เพราะสำหรับหล่อนแล้ว ลำแสงขาวนวลนั้น มันเปรียบได้ดั่งแหหนามคมกริบนับหมื่นนับแสน ยามมันสาดมาต้องร่าง หล่อนก็จะพลันเจ็บพลันปวดจนไม่อาจดันทุรังต่อกร

ร่างบาดเจ็บจำต้องลอยถอยกลับไปตั้งหลักบนขอบระเบียง ตาไร้แววถลึงวาวอย่างเดือดดาล ลอบหงุดหงิดรุ่มร้อนกับฟ้าที่สว่างแล้ว พระอาทิตย์โผล่พ้นทิวเขาและยอดไม้มาอวดโค้งครึ่งเสี้ยว หากแสงแดดแรงขึ้น พลังของหล่อนก็จะอ่อนลง

แม่นมอ่อนก็เช่นกัน แต่นางได้เปรียบว่า เพราะมีประกายบุญคอยโอบอุ้ม ในขณะที่ร่างของหล่อน อาจต้องแปรเปลี่ยนอัปลักษณ์ยิ่งกว่าที่เป็นอยู่

"ขอโทษนะคะ นมไม่อยากเป็นศัตรูกับคุณสรัล แต่ก็จะไม่ปล่อยให้คุณถลำลึกกับบ่วงความรัก จนหลับหูหลับตาก่อบาปสร้างกรรมกับคนอื่น กลับไปเสียเถอะค่ะ หมดยามสางแล้ว" แม่อ่อนกล่าวเนิบนุ่ม ร่างนวลลอยสำรวมอยู่หน้าประตู

"เราคงคุยดีต่อกันไม่ได้แล้วล่ะ ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะแม่นม"

ปีศาจสาวเค้นเสียงยืดยานทิ้งแรงอาฆาต ก่อนจะสะบัดมวลควันดำหนาหายวับไปอย่างโกรธแค้น แม่อ่อนรีบหลับตา รู้สึกได้ถึงพลังที่อ่อนล้าลงของตัวเอง

นางค่อยๆ เลือนร่างขาวนวลไปเอง พร้อมกับแสงแดดลำแรกก็ค่อยสาดมาต้องกระจกหน้าต่าง แล้วทะลุผ่านเข้าไปสว่างอ่อนๆ ถึงหน้าเตียงวัสอร




พริ้มเพราจัดโต๊ะอาหารเสร็จพอดี ตอนเหลียวไปเห็นแม่บ้านวัยใสเดินหน้ามุ่ยเข้ามา เธอเสยผมคล้ายกับจะบอกว่า 'มึนๆ ' จากนั้น ก็นั่งลงสูดกลิ่นข้าวต้มกุ้งถ้วยใหญ่ หลับตาแล้วปรือขึ้น ทำอย่างนั้นอยู่สองสามหน จึงค่อยถามถึงปุราณ

"ลงมาแล้วค่ะ ตอนนี้ไปเดินเล่นในสวน แต่สีหน้าไม่เบิกบานเลย เหมือนไม่ได้นอนทั้งคืนชอบกล คุณฝนก็ระวังคำพูดสักนิดนะคะ อย่าไปเผลอเถียงให้หงุดหงิด เดี๋ยว.. "

"ฉันไม่ใช่คนชอบหาเรื่องน่า" วัสอรรีบแทรกฉุนๆ ไม่อยากฟังสาวใช้คนงามรำพัน "อ้อ จริงสิ เดี๋ยวพอคุณปูกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว ฉันจะแวะเข้าไปคุยด้วยในครัวนะ มีเรื่องสงสัยหลายเรื่อง มันคับข้องใจจนนอนไม่หลับเลยล่ะ"

"นอนไม่หลับหรือคะ หมายถึงเมื่อคืนน่ะหรือคะ"

"ใช่ นอนพลิกกระสับกระส่าย ไม่ค่อยหลับเลย"

ปุราณเข้ามาทันได้ยินประโยคน่าหมั่นไส้เข้าพอดี เขากระแอมเบาๆ ก็ไม่นึกว่ามันจะกลายเป็นการตัดบทสนทนาของสาวๆ แต่ก็ดีแล้ว ขืนปล่อยให้วัสอรเพ้อเจ้อ ก็มีแต่จะเพิ่มความหมั่นไส้แกมหงุดหงิดแต่เช้าเสียเปล่าๆ เธอบ่นมาได้ยังไงว่า 'นอนไม่หลับ'

ตั้งแต่เขากอดเธอ พาเธอไปนอน นั่งมองเธอหลับผล็อยคล้ายอ่อนเพลียเต็มที จากตีสามจนถึงตีห้า เธอไม่ขยับตัวเปลี่ยนท่าสักนิด เขาเองเสียอีกที่ไม่ได้นอนเลยทั้งคืน เพราะคะนึงหาภรรยาผู้พรากจาก

ประเดี๋ยวก็เดินออกไปหน้าระเบียง ประเดี๋ยวก็เดินกลับมานั่งเก้าอี้ยาว ประเดี๋ยวก็ไปนั่งเก้าอี้ปลายเตียง และการโยกย้ายครั้งล่าสุด ก็คือออกจากห้องนอนของคนหลับสนิท แล้วไปยืนกอดอกมองสะพาน พร้อมกับใจที่วาดหวังว่าภรรยาสุดที่รักจะมาปรากฏตัวให้เห็น

แต่ก็เปล่าเลย ทุกอย่างว่างเปล่าและเงียบสงัด จวบจนถูกแทรกด้วยเสียงไก่ขัน เสียงนกการ้องชวนกันโบยบินออกจากรวงรัง กับปรากฏการณ์ประหลาดของสายลมกระโชกมาหอบสั้นๆ ที่เหลือจากนั้น ก็คือ 'ความผิดหวัง'

"กินเยอะหน่อยนะคะ หน้าตาของคุณปูไม่ค่อยสดชื่นเลยค่ะ รู้สึกไม่สบายบ้างหรือเปล่าคะ" พริ้มเพราอ้อมแอ้มถามอย่างเป็นห่วง อยากสบตาคู่สวย แต่ก็ไม่กล้าหาญพอจะท้าทายแรงหึงหวงของผีเกเร

"สบายดี นอนน้อยนิดหน่อย ก็คงจะเหมือนแม่บ้านกระมัง ได้ยินเมื่อกี้นี้ บ่นว่ายังไงนะ นอนไม่ค่อยหลับ พลิกกระสับกระส่ายหรือ"

"ค่ะ ทำไมคะ"

"ไม่ทำไม ฉันเปรยเฉยๆ มีปัญหาหรือ"

วัสอรอ้าปากค้าง ตาเรียวเหลือบไปสบแสงหวั่นๆ ในตาเศร้าของพริ้มเพรา หล่อนทำหน้าย่นๆ แต่อ่านว่า 'สงบปากสงบคำบ้างเถอะค่ะ' พอเห็นอย่างนั้น เธอก็ฉุนเลย

ทำไมเธอต้องสงบปากสงบคำ เธอยังไม่ได้พูดอะไรที่ฟังแล้วเหมือนหาเรื่องเจ้านายหน้าไม่เบิกบานคนนี้สักนิด เขาต่างหากที่ยอกย้อนชวนทะเลาะด้วยคำว่า 'มีปัญหาหรือ'




และหลังจากอาหารเช้ามื้ออึมครึมผ่านพ้นไป ทุกชีวิตในเรือนริมน้ำก็ดำเนินไปอย่างสงบ ทุกคนวุ่นวายกับงานของตัวเอง แม้แต่วัสอร ก็ยังคงทำหน้าที่แม่บ้านต่อไป เพียงแต่วัสอรในสายตาของปุราณ ณ วันนี้  'เปลี่ยนไป'

'เธอคิดอะไรของเธอ' นั่นคือข้อสงสัยที่ผุดขึ้นเงียบๆ ในใจของปุราณ เขาผิดสังเกตกับอากัปกิริยาของแม่บ้านวัยใสตั้งแต่ช่วงสายแล้ว เธอแปลกไปกว่าวัสอรที่เขาคุ้นเคย

เด็กสาวคนนั้น ร่าเริงและช่างเจรจา แม้หลายวาจาอาจฟังแล้วน่ารำคาญไปบ้าง แต่ก็ยังเคยเรียกความเอ็นดูออกมาจากความรู้สึกได้อยู่ แต่สายของวันนี้ จนถึงเดี๋ยวนี้ เธอคล้ายมีบางอย่างต้องครุ่นคิด และเป็นการคิดอย่างหนักหน่วงจัด

เมื่อครู่นี้ เขานอนพักสายตาบนเก้าอี้หวายยาว เธอคงนึกว่าเขาหลับ โดยปกติ เจ้าตัวก็มักจะมานั่งยองๆ แอบสำรวจหน้าตาเขา เหมือนไม่รู้จักอิ่มจักพอ แต่บ่ายวันนี้ เธอวางถาดลง แล้วผละไปเลย

เวลานี้ ก็ไปยืนกอดอกเคร่งขรึมกลางสะพาน แล้วสายตาก็ทอดลึกไปถึงกลางสระ มันมีอะไรให้มองหรือ ทำไมจึงเพ่งเขม็ง และนิ่งจนแม้แต่ทุกส่วนของร่างกายก็พลอยทื่อดั่งรูปปั้นอย่างนั้น

พ่อหม้ายหนุ่มถอนใจเบาๆ ระลึกถึงความฝันเมื่อยามสาย คงเป็นเพราะไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน พอล่วงเข้ายามสาย จึงรู้สึกง่วงและเผลอหลับไปบนเก้าอี้ทำงานนั่นเอง แต่แม้ว่าจะเป็นการงีบช่วงสั้นๆ ความฝันก็ยังอุตส่าห์แทรกเข้ามารบกวน แล้วเขาก็จำมันได้แม่นเลย

"แม่นม โอ้โฮ แม่นมสวยจังครับ ผมไม่เคยสังเกตว่าแม่นมสวยได้ขนาดนี้เลยนะ"

"โถ คุณปูของนม มีแก่ใจเย้าคนแก่นะคะ อย่ามัวแต่ทะเล้นกับนมเลยค่ะ ฟังนมบอกอะไรดีกว่า"

"บอกอะไรครับ"

"บอกว่า คุณปูเจอเนื้อคู่แท้แล้วนะคะ ดีใจไหม"

"แม่นม เหลวไหลน่า พูดแบบนี้ เดี๋ยวสรัลมาได้ยินเข้า เธอจะเสียใจนะครับ แล้วผมก็ไม่สนใจเนื้อคู่ที่ไหนอีกแล้ว ทุกวันนี้ ผมก็มีความสุขกับสรัลของผม"

"คุณสรัลไม่ใช่ของคุณปูหรอกค่ะ คุณปูหมดสิ้นพันธะต่อเธอแล้ว จำคำของนมไว้นะคะ คุณปูหมดสิ้นพันธะต่อเธอแล้ว หมดสิ้นมากว่าสามปีแล้ว หมดสิ้นแล้ว หมดสิ้นแล้ว"

'หมดสิ้นแล้ว' คำเหล่านี้ มันสะท้อนก้องเป็นห้วงๆ อยู่ในโสตสะเทือน ปุราณไม่เข้าใจว่าทำไมแม่นมอ่อนต้องมาเข้าฝันบอกกล่าวเรื่องไร้สาระอย่างนี้ นางเองก็น่าจะทราบดีกว่าใครไม่ใช่หรือ หัวใจดวงนี้ถูกสรัลครอบครองไปหมดแล้ว

แม้หล่อนจะพรากจากด้วยความตาย แต่มันก็ไม่อาจขวางกั้นแรงรักหมดใจของหล่อนได้ แล้วท้ายที่สุดหล่อนก็กลับมาเขาอยู่ดี ดังนั้น สำหรับเขาแล้ว สรัลเท่านั้น คือเนื้อคู่แท้ ที่เขาจะผูกพันความรักความภักดีไว้ตลอดไป

"นมฝากดูแลฝนด้วยนะคะ เมตตาให้เหมือนน้อง และรักให้สมกับที่เป็นคู่ทุกข์คู่ยาก"

"อะไรนะครับแม่นม"

"ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่าทอดทิ้งฝนของนมนะคะ นมฝากน้องด้วยคุณปู นมฝากน้องด้วย"

แล้วเมื่อเสียงแผ่วของแม่นมอ่อนเงียบลง เขาก็ตื่นเอาดื้อๆ หากแต่ในโสตกลับยังอื้ออึงด้วยวาจาฝากฝังแสนประหลาด

เขาไม่ได้เฉลียวใจว่า วัสอรคือเนื้อคู่แท้ของตน หากกลับคิดไปว่า แม่นมอ่อนคงจะเป็นห่วงหลานสาวหัวแก้วหัวแหวน จนไม่อาจปล่อยวางความผูกพัน




'อืม ฝนตก' ในใจอุทานอย่างนั้น หากแต่สองขาเริ่มผละจากหน้าต่าง แล้วตรงดิ่งลงมายังสะพานไม้ เพราะหลานสาวของแม่นมอ่อน ยังตรึงร่างทื่อไม่อนาทรต่อสายฝน

"คุณปู"

"มีแฟนหรือยังล่ะ"

วัสอรส่ายหน้างงๆ เหลือบตามองร่มดำคันใหญ่ที่เขาถือมาด้วย ตอนนี้ก็ช่วยกางป้องฝนให้เธออีก แต่คำถามของเขานี่สิ มันประหลาดไปสักหน่อย เธอก็ยืนใคร่ครวญเรื่องราวของตัวเองไปเพลินๆ เครียดๆ แต่เขากลับโผล่พรวดพราดมากางร่มให้ แล้วตั้งคำถามได้ห่วยเป็นบ้า

"ก็ดีแล้วนี่ ฉันก็มั่นใจได้แล้วสิว่า ที่เธอเรียกเมื่อกี้นี้ หมายถึงฉันจริงๆ ไม่ใช่ใจลอย แล้วโพล่งชื่อแฟนตัวเองออกมา"

"แฟนของฝนคงไม่ชื่อปูหรอกค่ะ" เธอค่อยหัวเราะ และค่อยเข้าใจว่าโดนเขาสัพยอกลึกไปหน่อย นอกจากไม่ขำแล้ว ยังทำเอางงในตอนแรกเสียอีก "แล้วถ้าเลือกได้ ฝนก็จะพยายามหลีกเลี่ยงผู้ชายชื่อนี้ให้ถึงที่สุดด้วย"

"เกลียดฉันขนาดนั้นเลยหรือ แต่ฉันก็ไม่ถือสาหรอกนะ ฉันเองก็รู้ตัวอยู่"

วัสอรบอกไม่ถูกว่า ทำไมต้องใจหายวูบกับวาจาสัพยอกซ้ำ เสียงทุ้มของเขามันชวนให้รู้สึกไปเองว่า 'เขาเหงา' เธอรีบสั่นหน้าเบาๆ ต้องสลัดความหวั่นไหวออกไปจากใจให้หมด อย่าให้มันมารวนการตัดสินใจแน่วแน่เมื่อสองนาทีก่อน

เธอจะไม่ทำงานที่เรือนริมน้ำอีกแล้วล่ะ และตั้งใจว่าหลังอาหารค่ำผ่านพ้นไปแล้ว ก็จะเข้าไปลาออกกับเจ้านายหนุ่มเลย พอพรุ่งนี้ฟ้าแจ้ง เธอก็จะไปจากที่นี่ทันที  

เจ้านายหนุ่มกับแม่บ้านวัยใสเดินเนิบเนือยห่างจากกลางสะพานมาจนเกือบถึงฝั่ง โดยไม่นึกรู้สักนิดว่า มีสายตาอับเฉาของพริ้มเพราลอบเฝ้ามองด้วยใจแห้ง

หล่อนร้องไห้อย่างไม่มีเหตุผล ในทันทีที่เกิดความรู้สึกว่า วัสอรช่างเหมาะสมกลมกลืนกับปุราณยิ่ง ขณะที่ทั้งสองเดินเคียงคู่แนบชิดใต้ร่มดำคันใหญ่ แลไปก็คล้ายกิ่งทองใบหยกชอบกล

อีกฟากหนึ่งในที่เร้น สรัลก็กำลังหลั่งน้ำตาเลือดสีดำอย่างเงียบเชียบ หล่อนจ้องถลึงตามติดหนุ่มสาวที่เดินขึ้นไปถึงสนามหญ้า วัสอรคงสะดุดอะไรบางอย่าง สามีจึงรีบตะครุบแขนด้วยท่าทางห่วงใยเสียจัง

ในจิตหึงหวงแรงกล้า ก็แทบจะบัญชาร่างไร้มวลให้ปราดไปจิกเสี้ยนสวาทมาตบๆ แล้วควักลูกตาทิ้ง ฉีกปากเลาะฟันเสียให้หมดด้วย อยากดูว่า เมื่อศัตรูหัวใจอัปลักษณ์โดยสิ้นเชิงแล้ว สามียังจะหยิบยื่นท่าทีห่วงใยให้อีกไหม

แต่ก็ทำไม่ได้หรอก เพราะเวลานี้ หล่อนตกอยู่ในสภาพ 'ผีบาดเจ็บ' พลังแกร่งกร้าวหลายส่วนถูกลิดรอดด้วยประกายบุญคมกริบของแม่นมอ่อน

ร่างไร้มวลยังคงกอปรเป็นควันดำหนา หากแต่ถ้วนทั่วก็พรุนรั่ว ทำให้ควันดำหนาแตกซ่าน และพลิ้วเป็นเส้นเป็นริ้ว ลักษณะเช่นนี้ แม้แต่จะพัดพาตัวเองให้ห่างหายไปจากกอบัว ที่ตนฟุบแทรก ก็ลำบากจะแย่ ประสาอะไรกับจะลอยไปอาละวาดกับเสี้ยนชั่ว

"ฝากไว้ก่อน" คำอาฆาตยืดยาน เปล่งโหยหวนเดียวดายอยู่กลางสระลึก "ฉันจะไม่ยอมยกปูให้ใคร ต่อให้ใครคนนั้น จะถูกสวรรค์กำหนดลงมาให้เป็นเนื้อคู่แท้ก็เถอะ นังวัสอร รอให้ฉันแข็งแรงกว่านี้ ให้จิตฉันกล้ากว่านี้ ให้ฉันได้ดูดซับพลังลี้ลับจากเดือนดาวได้อย่างเต็มที่ก่อน แล้วเมื่อถึงยามสางของฉัน เธอกับฉันต้องได้เห็นดีกันแน่"

แรงพยาบาท ประหนึ่งคลื่นยักษ์กลางท้องสมุทรใหญ่ มันพลุ่งพล่านอยู่ในที่เร้นและเงียบเชียบ คนทั่วไปย่อมไม่มีวันได้แลเห็น ก็คงจะมีแต่แม่อ่อน ที่เฝ้ารับรู้อย่างสะทกสะท้อนระคนกลัดกลุ้มอย่างเงียบๆ ตรงมุมอันสงบ ที่รายล้อมไปด้วยรัศมีสีขาวนวลของประกายบุญ




พริ้มเพราชงกาแฟเข้ามาให้หนุ่มสาวในห้องนั่งเล่น ดูเหมือนว่าทั้งสองคล้ายมีบางอย่างคับข้องใจ และต้องการสนทนากันตามลำพัง  หล่อนวางถาดลง แล้วทำท่าจะผละไป หากแต่วัสอรก็รีบเรียกไว้ก่อน

"นั่งลงเถอะ พริ้มเพรา ฉันอยากให้เธออยู่ฟังด้วย"

สีหน้าของแม่บ้านวัยใส แลจริงจังเคร่งเครียด จนสาวใช้อาภัพลอบหวั่นทรวง หล่อนเหลือบไปขอความเห็นจากเจ้านายโดยตรงก่อน ครั้นเห็นเขาพยักหน้า จึงค่อยทรุดนั่งลงบนพื้นอย่างสำรวม

"ตอนแรก ก็ตั้งใจว่าจะคุยเรื่องนี้หลังอาหารค่ำนะ แต่เพราะคุณปูลงไปช่วยกางร่มแท้ๆ ฉันก็เลยต้องรีบคุยเสียเดี๋ยวนี้ แล้วถ้าทุกอย่างมันราบรื่น ฉันก็อาจจะกลับกรุงเทพเสียเย็นนี้เลย แทนที่จะเป็นพรุ่งนี้อย่างที่ตั้งใจไว้"

"กลับกรุงเทพหรือคะ" พริ้มเพราอุทาน แล้วเหลือบไปสำรวจใบหน้าสงบของเจ้านายหนุ่มอีกแวบ

"ใช่ ฉันลาออกแล้วล่ะ" วัสอรบอกยิ้มๆ "ในเมื่อคุณยายก็จากไปแล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นต้องทำหน้าที่แม่บ้านแทนท่านอีกนี่ คุณปูก็ค่อยประกาศรับสมัครแม่บ้านคนใหม่เอาก็ได้ แล้วฉันก็เชื่อว่าคงจะมีคนแห่มาสมัครกันเยอะแยะ เพราะเจ้านายเขาหล่อออก"

"เนื้อๆ หน่อย"

ปุราณทำทีแทรกขัดด้วยเสียงเคร่ง เขาไม่ถึงกับกระดาก แต่ก็รู้สึกหวั่นไหวลึกๆ จนต้องรีบซ่อนมันไว้เบื้องหลังกำแพงชาเย็น

"ค่ะ" วัสอรยิ้มบาง แล้วอดสัพยอกไม่ได้ "แปลกคนจริงๆ มีผู้หญิงชมว่าหล่อ ทำไมไม่ดีใจ ก็หล่อจริงๆ นี่นา เอ๊ะ หรือว่าคุณปูส่องกระจกแบบผ่านไปที เลยไม่ค่อยจะเห็นเงาตัวเองชัดๆ เอ๊ะ หรือว่าวันๆ มัวแต่ส่องหาเงาอย่างอื่น เอ๊ะ.. "

"เอ๊ะ หรือว่าฉันจะสาดกาแฟในถ้วยนี้ไล่ส่งแม่บ้านปากเปราะเสียดีไหม"

แม่บ้านปากเปราะตาโตแข่งกับพริ้มเพรา หล่อนอาการหนักกว่า เพราะยกมือทาบอกตกใจจังกับประโยคขู่เด็กอมมือ วัสอรไม่กลัวสักนิด กาแฟเธอก็มี เหลือเต็มแก้วกว่าด้วย หากเขาทำจริง เธอก็จะตอบโต้ล่ะ ฝ่ายเขาอาจจะเรียกว่า 'ไล่ส่ง' แต่ฝ่ายเธอต้องเรียก 'ทิ้งทวน'

"เอ้อ คุณฝนไตร่ตรองดีแล้วหรือคะ บางที มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดกันเองก็ได้ค่ะ เรายังไม่มีหลักฐานยืนยันที่แน่ชัดนะคะ ก็แค่สันนิษฐานกันตามประสา แล้วอีกอย่าง ถ้าคุณฝนไปตอนนี้ แล้วใครจะดูแลคุณปู"

"ทุกวันนี้ ฉันก็เหมือนจะเป็นฝ่ายดูแลเด็กปากเสียคนนี้อยู่แล้ว" ปุราณแทรกขัดสาวใช้อาภัพด้วยเสียงเคร่งอีกหน "ตั้งแต่เธอมาถึงวันแรก ฉันก็ไม่เห็นเลยว่าเธอจะทำอะไรได้ นอกจากยกถาด เก็บถาด พิมพ์งานเตาะแตะๆ ซุ่มซ่าม หกล้ม แล้วก็หาโอกาสแอบมองฉัน"

"อะไรนะ" สองสาวอุทานพร้อมเพรียง ตาโตแข่งกันอีกแล้ว

"ไม่ได้ยินหรือ"

พอได้ยินเสียงทุ้มเข้มย้อนลอยๆ สองสาวก็พากันสะอึก พริ้มเพราหน้าเจื่อนลง แต่วัสอรหน้าแดงจัดเลย เธออายมากที่โดนเขาฉีกหน้าด้วยวาจาเถรตรง คงจะเคืองที่เธอชิงตัดหน้าขอลาออกก่อนเขาจะเอ่ยปากไล่ละกระมัง

'เป็นผู้ใหญ่ยังไงก็ไม่ทราบ เก็บอารมณ์ไม่เป็นเลย' เธอแอบค่อนขอด ขณะผินหน้าแดงๆ ไปมองถ้วยกาแฟ จู่ๆ ก็ไม่กล้าสบตาลุ่มลึกคู่นั้นเสียอย่างนั้น

"เมื่อกี้นี้ เธอพูดเรื่องอะไรกัน" ปุราณไม่สนใจแก้มแดงของสาวแม่บ้าน เขารู้สึกสะกิดใจกับหลายวาจาของแม่ครัวเอกเสียมากกว่า "อะไรคือมันอาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดกันเองก็ได้ อะไรคือยังไม่มีหลักฐานยืนยันที่แน่ชัด แล้วอะไรคือแค่สันนิษฐานกันตามประสา"

พริ้มเพราอ้ำอึ้งจนเห็นพิรุธ หล่อนไม่กล้าบอกเล่าเรื่องล่อแหลมต่อความเชื่ออย่างนั้นให้เขาฟังหรอก วัสอรก็คงไม่อยากเล่าเหมือนกัน ไม่อย่างนั้น เธอคงไม่ตัดปัญหายุ่งยากพวกนั้น ด้วยการไปจากเรือนริมน้ำ

แล้วดีไม่ดี ปุราณอาจจะพานมาเคืองหล่อนเสียด้วยซ้ำไป เพราะจะว่าไปแล้ว คำบอกเล่าของหล่อนนี่ล่ะ ที่มีส่วนผลักดันให้วัสอรตัดสินใจลาออก แม้เธอจะไม่บอกมาตรงๆ แต่หล่อนก็คิดว่า ตัวเองคะเนไม่ผิดแน่

"ว่ายังไง เธอสองคนมีความลับอะไรกับฉันอีก นอกเหนือจากเรื่องที่ฝนมองเห็นสรัล"

"คุณปู" สองสาวไม่ได้ตาโตแล้วล่ะ แต่เบิกกว้างเลย อ้าปากค้างแข่งกันอีก แถมยังตบอกเหมือนกันด้วย

"ไม่ได้ยินอีกแล้วหรือ" เจ้านายหนุ่มถามย้อนไปเหมือนรำคาญจัง

"เอ้อ ได้ยินค่ะ"

วัสอรเป็นฝ่ายตอบอ่อยๆ เธอเริ่มจะมองเห็นความล้มเหลวลอยมารำไรแล้วล่ะ เห็นทีคงจะไปจากเรือนริมน้ำไม่ได้อย่างสะดวกโยธินเสียแล้ว อย่าไปโทษใครเลย ต้องโทษตัวเองที่วู่วาม รีบร้อนไปหน่อย

หากรอให้ค่ำกว่านี้ เจ้านายหนุ่มก็อาจจะขาดสมาธิมากพอ เพราะมัวแต่รอผีภรรยาโผล่มาสร้างเสน่หา เขาอาจจะรำคาญที่เธอเข้าไปรบกวนเกะกะ เลยพานพยักหน้าอนุญาตส่งๆ ไปก็ได้ แบบนั้น มันราบรื่นกว่าตั้งเยอะ แหม ทำไมเธอคิดน้อยไปได้ขนาดนี้นะ

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 19:22:16




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com