Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เกรียนเทพ ตอน มะขาม กับ เกรียนเทพแห่งการกำเนิด ..... ติดต่อทีมงาน

""
                                                                                          ""





          “พี่แท็กซี่  ๆ ขา จอดหน่อยค่ะ”


         “ ไปด้วยๆ ...  ไปส่งหน่อยครับพี่   ”


          “ ไปเชียงใหม่ คิดเท่าไหร่ครับพี่  ”

     

         เสียงร้องเรียกแซวทักทายเอะอะ  เฮฮา  เสียงหัวเราะใสๆ กวนๆ ที่ดังมาจากด้านหลัง ปลุกผมออกจากความคิด ต่างๆนาๆ ที่วุ่นวายสับสนในหัว

สมองอยู่ตอนนี้ บุหรี่ที่คีบอยู่ที่นิ้วตอนนี้กลายเป็นแท่งขี้บุหรี่สีเทายาว ที่ไม่ยอมร่วงหล่นออกจากก้นกรอง จนผมต้องโยนมันทิ้งไป  ก่อนหมุนตัวหันหน้า

กลับไป ตามเสียง


              “ พี่แท็กซี่ใจดีขา ช่วยไปส่งบ้านหนูหน่อย นะค่ะ  น่ะๆๆๆ ” โซดา เด็กสาวนักร้องนำประจำวง ส่งเสียงร่าเริงสดใส  ขึ้นมาอีกครั้งเป็นคน

แรก พร้อมทำท่าทาง แอ็บแบ๊ว ไร้เดียงสา          


               “ ไปส่งผมดีกว่าครับพี่เดี๋ยวผมเลี้ยงข้าว เอ้าแถมน้ำเปล่าให้อีกขวดด้วย ” ชาดำ เด็กหนุ่มมือเบสประจำวง ส่งเสียงแหบห้าวกวนๆ  ตามมาทันที


              “ ผมให้ห้าร้อย ... ” กันย์ เด็กหนุ่มตัวอวบๆ มือกลองประจำวง ส่งเสียงแบบตลกหน้าตาย ตามมาเป็นคนสุดท้าย


         “ โธ่ไอ้อ้วน ทำเป็นเอาเงินมาล่อ ในตัวมรึงมีเงินถึงร้อย รึปล่าวก็ไม่รู้ ” ชาดำ รีบพูดทำลายความน่าเชื่อถือ


         “ นั่นดิ สองพันที่มรึงยืมกรูไป เอาคืนมาเลย น่ะไอ้อ้วน ”


               เหล่านักดนตรีหนุ่ม-สาว วงประจำของร้าน ที่ทยอยกันเดินออกมาจากร้าน ส่งเสียงแซวทักทายผม และพูดคุย เฮฮา แซวกันไปแซวกันมา

หยอกล้อกันตามประสาเพื่อนสนิท ที่คบกันมายาวนาน ตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียน



                “ จะกลับกันแล้วเหรอ ”  ผมยิ้มให้แล้วกล่าวทักทายตอบพวกน้องๆ พร้อมเอื้อมมือไปวางบนหัวเด็กสาวที่กำลังทำท่าทาง เหมือนจะเดิน

เข้าไปเอาเรื่องกับ เด็กหนุ่มตัวอวบที่ยืมเงินเธอไป แบบพี่ชายเอ็นดูน้องสาว


                “ ครับ / ครับ / ค่ะ  ” เสียงขานตอบรับคำดังขึ้นเกือบพร้อมกัน

                “ แล้ว แบงค์ ล่ะไม่กลับพร้อมกันเหรอ ” ผมเอ่ยถามหาเด็กหนุ่ม มือกีต้าร์ และนักร้องนำ อีกคนหนึ่ง ที่ไม่ได้ออกมาพร้อมกัน

     
         “ อยู่นั่นครับพี่ อยู่นี่ครับผม เดินตากลมๆมาแล้วครับท่าน ” เสียงร้องตอบรับเป็นทำนองกวนๆดังออกมาจากในร้าน  ก่อนที่จะได้เห็นตัว    
           

                เด็กหนุ่มในชุด กางเกงยีนส์ซุปเปอร์แบล็คขาเดฟ เสื้อยืดสีดำซีดจนเกือบกลายเป็นสีเทา ด้านหน้าสรีนรูปภาพของ kurt cobain นักร้องนำ

วง nirvana  สะพายกระเป๋าใส่กีต้าร์ เดินออกมาจากร้านพร้อมโอบกอด เด็กสาวน่าตาน่ารักอีกคนหนึ่ง เดินออกมาด้วยกัน พอเห็นหน้าผม ก็รีบปล่อยมือ

ที่โอบกอดเด็กสาวนั้น แล้วยกมือขึ้นพนมท่วมหัว  ให้กับผม แล้วร้องเป็นทำนองกวนๆ ขึ้นอีกครั้ง ก่อนจูงมือเด็กสาวไปยืนรวมกันกับเพื่อนบนถนน

แคบๆหน้าร้าน


               “ สวัสดี สวีดัด ราตรีสวัสดิ์  ครับท่านพี่แท็ก ข้าน้อย พร้อมนางกำนัล  ขอตัวกลับไปนอนฟัน เอ๊ย นอนฝัน ก่อนน่ะครับท่านผู้ชม ”


               “ ระวังจะเป็นฟันน้ำนม อมแล้วติดคุก จุกท้องตาย น่ะเว้ย ไอ้คาสโนว่า ”  ชาดำ ร้องแซวขึ้นบ้าง เพื่อทำลายโอกาสเพื่อนตามนิสัย อัน

เป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว


               “ กรูให้ห้าพัน .. ” กันย์ รีบพูดขึ้นเล่นมุกแบบตลกหน้าตาย


                “มรึงรีบเอาเงินของกรูคืนมาเลย น่ะเว้ยไอ้อ้วน ”

       

               เด็กสาวที่อดรนทนไม่ไหว เดินเข้าไป ทำท่าเหมือนจะยกขาขึ้นเตะ เด็กหนุ่มตัวอวบๆ ที่รีบวิ่งเยาะๆหนีวนไปวนมา อยู่บนถนน เรียกเสียง

หัวเราะ เฮฮาของพวกเราจนดังสนั่นไปทั่วทั้งซอย ท่าทางการพูดคุย เล่นกันของพวกเขาตอนนี้ถ้าใครผ่านมาเห็นคงนึกว่าเป็นวงตลก  มากกว่าจะคิดว่า

เป็นวงดนตรีที่เพิ่งเล่นเพลงร็อคหนักๆ อยู่บนเวทีในร้านเมื่อสามชั่วโมงก่อน แม้แต่เด็กสาวที่แบงค์พาออกมายังแสดงสีหน้าออกอาการงงๆไม่เชื่อสายตา

ตัวเองว่าพวกเขาจะเป็นคนอย่างนี้กัน  ผ่านเวลาไปสักพักจนผมเห็นว่านี่มันก็ดึกมากแล้ว จึงร้องบอกน้องๆ ว่าให้ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้านไปพัก

ผ่อนได้แล้ว



                 .............................................................................



           “ สวัสดี ครับ / ค่ะ ”  เสียงเอ่ยคำล่ำลาด้วยความเคารพคนที่แก่กว่าตน ดังขึ้นตามลำดับที่น้องๆ ต่างคนต่างยกมือไหว้ผม ก่อนเดินแยกย้าย

กันไปขึ้นรถของใครของมันเพื่อเดินทางกลับที่พักอาศัยของแต่ล่ะคน  เหมือนทุกๆคืน  ที่พวกเขาต้องกลับดึกๆอย่างนี้  เพราะในร้านมีลูกค้า

มากกว่าปกติ  หรือเป็นคืนที่พวกเรามีนัดประชุมวงกัน


                 “ ขับรถกลับบ้านกันดีๆ ล่ะ อย่าไปเถลไถลที่ไหนต่อน่ะ โชคดีๆทุกคน”       ผมยกมือรับไหว้  และยิ้มให้พวกน้องๆแล้วพูดล่ำลากันพอสมควร



           .......................................................................

 

           นาฬิกาที่ข้อมือบอกเวลา ตีสองกับสิบห้านาทีแล้ว พวกน้องๆต่างขับรถออกไปหมดแล้ว  ภายในร้านไม่มีใครเหลืออยู่แล้ว ในและนอกร้าน

เหลือดวงไฟที่เปิดอยู่เพียงไม่กี่ดวง ทำให้บรรยากาศความมืดสลัวและ ความเงียบเหงาเข้าแทนที่ความสนุกสนานที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้อย่างสิ้นเชิง ผมหยิบ

บุหรี่ที่มวนขึ้นเองเป็นพิเศษ จากกล่องทองเหลืองเก่าคร่ำคร่า ขึ้นคาบไว้ที่มุมปาก ก่อนจุดไฟต่อบุหรี่ด้วยไฟแช็ค zippo ลักษณะเดียวกันกับกล่องบุหรี่

สูดควันรสชาติขมเข้มของมันเข้าปอดเรื่อยๆนานๆแล้วค่อยๆ ปล่อยควันที่เหลือทิ้งออกมาเบาๆ อนุญาตให้ความคิดมากมายที่สับสนปนเป เข้าไปวน

เวียนอยู่ในสมองอย่างนั้น ไม่หยุดยั้ง ไม่เรียบเรียง หรือห้ามความคิดใด ๆไม่ว่าดีหรือร้าย จริงหรือฝัน อดีต หรือ ปัจจุบัน  แม้กระทั่งอนาคตที่เลื่อนลอย  



                เวลาผ่านไปนานเท่าไรก็ไม่รู้ ที่ผมปล่อยให้ความคิดในสมองของตัวเอง แยกตัวออกจากทุกๆส่วนของร่างกาย ปล่อยให้มันเป็นเอกราช

เป็นอิสระจากการถูกยึดครองโดยหัวใจและร่างกาย มาเนิ่นนาน


                 จนกระทั่งเสียงดังของเครื่องยนต์ของรถคันหนึ่งที่เคลื่อนมาจอดหยุดลงตรงหน้าปากซอยทางเข้าร้าน เลียบถนนใหญ่ ที่อยู่ไม่ไกลนั้น

จะทำลายอิสรภาพของความคิดภายในหัวสมองนั้น ทั้งๆที่มันเพิ่งจะได้รับเอกราชเพียงไม่นาน  ผมตื่นขึ้นมากลับเข้าสู่สภาวะปรกติอีกครั้ง  โยนกรอง

บุหรี่ที่คีบอยู่กับนิ้วมือที่ตอนนี้กลายเป็นแท่งขี้บุหรี่สีเทายาว ลงกับพื้น มองไปยังรถเก๋งสีดำคันนั้น ที่เพิ่งจอดสนิท เห็นใครบางคนบนรถกำลังผลักอะไร

บางอย่างให้ออกมาจากรถให้ร่วงลงไปตกยังข้างถนนอย่างรุนแรง แล้วรีบร้อนขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว


                    ผมมองตามรถที่วิ่งออกไปด้วยความรวดเร็วนั้น ด้วยความหวังว่าจะสามารถจดจำสัญลักษณ์พิเศษ อะไรบางอย่างของรถเก๋งสีดำคัน

นั้นได้บ้าง นอกจากสีที่ดำสนิทนั้นของมัน ปรากฏว่าผมตั้งความหวังกับตัวเองไว้สูงเกินไป ผมมองไม่เห็นลักษณะพิเศษใดของมันเลย  มองไม่เห็นแม้แต่

สีอื่นๆ หรือสิ่งอื่นใดนอกจากสีที่ดำสนิทนั้นของมัน หรือว่าเราจะกลายเป็นคนแก่ชราที่สายตาฝ้าฟางไปซ่ะแล้ว ไม่หน่าอายุเรายังไม่ขึ้นเลขสี่เลย มันจะ

เป็นไปได้อย่างไงกันว่ะ ความคิดที่เริ่มวกวนสับสนกำลังกลับคืนมาอีกครั้ง ทำให้ผมต้องรีบรวบรวบสมาธิให้กลับคืนมาอีกครั้ง ด้วยการออกก้าวยาวๆ

เดิน ไปยังถนนใหญ่หน้าปากซอยทางเข้าร้าน ไปยังตรงที่ๆอะไรบางสิ่งบางอย่างถูกผลักทิ้งลงมาจากรถปีศาจคันนั้น


            ท้องฟ้าในคืนเดือนดับ ไร้แสงจันทร์ ไม่มีดาวสักดวงบนท้องฟ้า แม้มีต้นเสาไฟตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น แม้บนยอดสุดของต้นเสาไฟมีดวงตา

ไฟ ดวงใหญ่งอกติดอยู่บนนั้น แต่กลับไร้แสงสว่างใดๆ เล็ดลอดออกมาจากดวงตาของดวงไฟ จนบางครั้งตอนที่ผมยืนสูบบุหรี่ที่มวนเองเป็นพิเศษ

อยู่หน้าร้าน  และมองไปที่มัน ผมเคยคิดไปเองว่ามันไม่น่าจะใช่เสาไฟฟ้าปรกติทั่วไป  มันน่าจะเป็นต้นไม้ที่งอกและเติบโตขึ้นมาตั้งตระหง่าน อยู่

อย่างนั้นได้เอง และที่มองเห็นเป็นดวงไฟนั้น มันน่าจะเป็นดอกดวงตาของมันที่คอยจับจ้องมองดูเรา ก่อนที่ความคิดจะล่องลอยไปไกลกว่านั้น โดยที่

ไม่รู้ตัวผมเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าบางสิ่งบางอย่างนั้นแล้ว และเมื่อมองลงไปที่มันอีกครา ผมก็ต้องสะดุ้งเฮือกขึ้นด้วยความตกใจ อย่างรุนแรง เมื่อมัน

สามารถขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้ เมื่อมันหายใจได้


                     ที่จริงสิ่งนั้นมันก็ไม่ใช่สิ่งแปลกประหลาดอันใด ถ้ามองดูดีๆ มันก็เหมือนกันเกือบทุกๆอย่างกับตัวผม มันก็มีแขน มีขาสองคู่ มีใบหน้า

และศีรษะที่ติดอยู่กับลำตัว มันก็มีดวงตาและหูสองข้าง มีจมูก มีปาก และมันก็ยังหายใจ แต่สิ่งที่ทำให้ผมตกใจอย่างแรง คือสภาพของมันที่ถูกทำ

ร้าย ทำลาย จนเกือบจะกลายเป็นเพียงเศษซากมนุษย์ ผมตัดสินใจอุ้มร่างของเด็กหนุ่ม ที่ตอนนี้ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลสาหัสฉกรรจ์ โชก

อาบไปด้วยเลือด นั้นขึ้นมา รีบเดินเร็วๆ กลับไปที่ร้านของผม  เมื่อกลับถึงร้านแล้วผมรีบวางร่างที่โชกเลือดลงบนโซฟาตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด ก่อนเดินไป

เปิดไฟในร้านทุกดวง แล้วรีบเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือของผมที่วางทิ้งไว้บนเคาเตอร์ กดหมายเลขเดียวที่นึกออกตอนนี้คือ 191


                 “  “ ตื๊ด ... ตื๊ด  ... ตื๊ด  ..... ” “ แmง ให้กรูรอตั้งสาม ตื๊ด ” ผมคิดในใจ  “ ..... เหตุด่วน เหตุร้าย 191 สวัสดีครับ ... ”  “ แmงกว่าจะรับ

ได้ ซ่ะที ” นี่ผมก็ยังคิดในใจอยู่  ”  ทั้งๆทีมันก็ไม่ได้นานเท่าไร แต่เพราะความกระวนกระวายใจจากความเป็นห่วงทำให้ผมคิดว่า ไอ้เสียง ตื๊ด สาม

ครั้ง นี่มันช่าง น่าโมโหจริงๆ

            หลังจากแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคร่าวๆ   พร้อมทั้งบอกที่อยู่ของผม ให้กับเสียงที่ปลายสายนั้นแล้ว  และเสียงที่ปลายสายนั้นแจ้งตอบกลับ

มาว่าจะรีบดำเนินการทุกอย่างให้อย่างรวดเร็วที่สุดแล้ว ผมรีบเดินกลับมาดูเด็กหนุ่ม ที่นอนร่างโชกเลือดอยู่บนโซฟา เห็นริมฝีปากของเขาขยับพะงาบๆ

เหมือนต้องการจะพูดอะไรสักอย่าง ผมรีบโน้มตัวลงไปแนบใบหู ให้ใกล้กับปากของเขาให้มากที่สุด


                   “ นะ นะ น้ำ ๆ ”

                    หลังจากฟังจับใจความได้แล้ว ว่าเขาอยากดื่มน้ำ ผมรีบเดินไปคว้าขวดน้ำเปล่าที่วางอยู่บนบาร์ มาค่อยๆ บรรจงหยดลงตรงปากเขาอย่าง

ช้าๆ เขาค่อยๆ กลืนน้ำลงคออย่างยากเย็น จนพอใจ ผมรู้สึกว่าเขายังจะพอมีสติเหลืออยู่บ้าง ดูจากการร้องขอน้ำดื่ม  และการดื่มน้ำของเขา


                    “ น้องชื่ออะไรครับ พอตอบพี่ได้ไหม ” ผมลองถามชื่อเขาดู เพื่อให้เขาไม่หลับไป และเพื่อเช็ดดูความทรงจำของเขา ตอนนี้ผมเป็นห่วง

บาดแผลบนศีรษะของเขามากที่สุด


                    “ ขะ ขะ ขาม  ” รอสักพักเขาจึงค่อยๆ ตอบกลับผมมาอย่างแผ่วเบา


                     “ เข้มแข็งไว้ อดทนไว้ก่อนน้อง  อีกเดี๋ยวรถพยาบาลก็มาแล้ว ” ผมพยายามพูดให้กำลังใจเขา แต่ในใจคิดว่าทำไมมันถึงได้ช้า กันขนาดนี้ว่ะ


                     “ ไม่  เป็น ไร พี่ ผม  อยากตาย ”


                      “ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ... ผม ใกล้ แล้วล่ะ ....  ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”  

 
                        ถ้อยคำ และเสียง หัวเราะ นั้นที่เขาค่อยๆ เปล่งออกมา เลือนๆ  และใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มสาใจของเขานั้น มันบาดลึกสะเทือนความ

รู้สึกผมอย่างรุนแรง  จนผมต้องน้ำตาไหลโดยไม่รูตัว  หยดน้ำตาลูกผู้ชายที่ไม่เคยไหล ออกมาเลยหลังจาก ที่มันรินไหลออกมาต่อหน้าศพ พ่อ-แม่  

ในงานพิธีศพพวกท่านทั้งสอง  เป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งตอนนั้นผมอายุเพียง สิบขวบ  ได้รินไหลออกมาอีกครั้งแล้ว

                        “ พี่ ช่วย ทำ ยัง ไง ก็ ได้ ให้ ผม รีบ รีบ ตาย ตาย ไป ที ได้ ไหม ฮะ  ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ” เขายังมีแรงหันมามองหน้าผม  ยิ้มและหัวเราะ

อ้อนวอนแบบเหนื่อยๆ ให้ผม ก่อนกล่าวถ้อยคำ บ้าๆเหล่านั้นออกมาได้

                           ผมรีบเบือนหน้าที่เต็มไปด้วยหยดน้ำตานั้น หนีออกไปให้พ้นสายตาที่ปวดร้าวและอ้อนวอนขอความตายคู่นั้น ไม่อาจจะทนฟังคำ

ขอร้องแบบนี้ของเขาได้อีกต่อไปแล้ว  


                “ เขาเป็นอะไรกันแน่ เขาไปเจอกับอะไรมากัน ถึงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ ” ผมรำพึงในใจ ก่อนหันกลับไปมองหน้าเขาอีกที  แล้วตัดสิน

ใจล้วงมือที่สั่นเทาไปหยิบกล่องบุหรี่ทองเหลืองเก่าคร่ำคร่าในกระเป๋ากางเกงข้างหนึ่งขึ้นมา ค่อยๆเปิดมัน แล้วหยิบบุหรี่ที่ผมมวนเองเป็นพิเศษขึ้น

มา มวนนึงเอามาคาบไว้ที่มุมปาก ก่อนเอ่ยกับตัวเองเบาๆ


                      “ เป็นไง เป็นกัน มันทนไม่ไหวแล้วเว้ย ”


                   ผมจุดบุหรี่ที่มวนขึ้นมาเป็นพิเศษนั้น ด้วยไฟแช๊ค zippo ลักษณะเดียวกันกับกล่องบุหรี่ ที่ถืออยู่ในมืออีกข้างหนึ่ง สูดควันสีเทารสขม

เข้มของมันเข้าปอดด้วยความแรง นานเนิ่นนาน ก่อนค่อยๆปล่อยที่เหลือของมันทิ้งออกมาอย่างช้าๆ แล้วก้มตัวเข้าไปหาเด็กหนุ่มที่นอนอิดโรยอยู่บน

โซฟา แต่ก็ยังมีแรงพอมองดูสิ่งที่ผมกำลังกระทำอยู่ ผมก้มตัวลงไปใกล้ใบหน้าของเขา  ค่อยๆ สอดบุหรี่ที่มวนเองเป็นพิเศษนั้น เข้าไปในปากเขาอย่าง

ช้าๆ ก่อนร้องสั่งเขาดังๆ


                     “ มีแรงดูดได้เท่าไหร่ ก็เอาเลยไอ้น้อง เต็มที่ไปเลย ”


                เด็กหนุ่ม ยังฝืนยิ้มให้ผม เหมือนบอกคำขอบคุณ และคำอำลา ในคราวเดียวกัน ก่อนเขาจะรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดที่เหลืออยู่ สูดควันบุหรี่

พิเศษในมือผมเข้าไปในปอด เข้าไปในร่างกาย เข้าไปสู่หัวใจ อย่างสุดแรง ก่อนค่อยๆพริ้มตาหลับลง โดยไม่ปล่อยสิ่งใดๆ เหลือทิ้งออกมาจากริม

ฝีปาก และลมหายใจ ของเขา ผมดึงบุหรี่นั้นออกมาจากปากเขาเอามาคาบไว้เองอีกครั้ง ในหูได้ยินเสียงไซเรนของรถกู้ชีพ ก้องดังใกล้เข้ามาทุกขณะ

ผมไม่สนใจ สูดควันสีเทาเข้าไปในปอด เข้าไปในร่างกาย เข้าไปสู่หัวใจแรงๆ อีกครั้ง แต่คราวนี้ผมก็ไม่ปล่อยสิ่งใดๆทิ้งออกมาอีกเช่นกัน  ผมไม่รู้ว่า

เขาจะได้รับรสชาติอย่างไร ผมไม่รู้ว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่ไหม ผมไม่รู้ตอนนี้เขาจะล่องลอยไปถึงที่ใดแล้ว


                      แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มันหนาและหนักในจิตใจของผมนั้น กลายเป็นเบาบางและ ผมกำลังล่องลอยอยู่ในท่ามกลามหมู่

ควันสีขาวบริสุทธิ์



                      .............................................................................

                      ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร เหมือนพริบตา อันยาวนาน


                       ในท่ามกลางพื้นที่สีขาวบริสุทธิ์  กว้างไกลสุดสายตา หญิงสาวในร่างเรืองแสง ยืนยิ้มให้ผมอยู่ตรงที่สุดปลายสายตาของผม ใบ

หน้าที่เปล่งแสงได้นั้นช่างงดงามเหนือคำบรรยาย เสียงกระซิบหนึ่งล่องลอย อยู่ในควันสีขาวบางๆที่ลอยอยู่ทั่วบริเวณอันกว้างไกลนั้น พร้อมเสียงหัวเราะสดใส


           
                        “ ยินดีต้อนรับสู่   เกรียนเทพค่ะ ๆๆๆๆๆๆๆ ”



                ....................................................................

                         
                        ตีสองกับสิบห้านาทีแล้ว ไฟป้ายร้านและไฟหน้าร้านบางดวง ถูกดับลงไปนานแล้ว ผมยืนสูบบุหรี่ ปล่อยอารมณ์อยู่หน้าร้าน ใน

ชุดพนักงานผูกผ้ากันเปื้อนสีเข้ม    แหงนหน้ามองท้องฟ้า คืนนี้ท้องฟ้ามีรอยยิ้มเอียงๆ สดใสที่ดูน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก ได้เสียงร้องเรียกดังๆมาจาก ชั้นสาม

ของหอพักที่อยู่ตรงข้าม เมื่อผมลดใบหน้าจากท้องฟ้าลงมามองตามเสียงเรียกนั้นไป  ก็เห็นเด็กหนุ่ม ที่มีใบหน้าคุ้นๆ กำลังนั่งเล่นกีต้าร์  อยู่บนขอบหน้าต่าง


                      “ ลองฟังเพลงนี้ น่ะครับ ผมแต่งให้พี่โดยเฉพาะเลย ”


                      ผมโยนบุหรี่คีบอยู่ทิ้งไป ก่อนยิ้มที่มุมปากเป็นเชิงทักทาย ยืนสองมือล้วงกระเป๋านิ่งฟังบทเพลงที่เขากำลังร่ำบรรเลง จนดังก้องไปทั่วทั้งซอย


                       เป็นบทเพลงแห่งการถือกำเนิดใหม่ ของผู้วายปราณ




                               ......................................................................



๐ จบตอนแค่นี้ ก่อนครับ ... แล้วพบกันใหม่เมื่อหัวใจว่างๆๆๆๆ

๐ ขอบคุณทุกท่าน ที่แวะมาอ่านนะ ครับ แวะทักทาย หรือให้คำแนะนำกันได้น่ะ ครับ

๐ สุข สวัสดิ์ ... ในวันสบายๆๆๆๆๆ ครับ


   .......................................


เกรียนเทพ ตอน    หูกวาง กับ เกรียนเทพแห่งความสูญเสีย ... ครับ


http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10555982/W10555982.html

เกรียนเทพ ตอน มะพร้าว กับ เกรียนเทพแห่งความรัก ..... ครับ



http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10567467/W10567467.html              

 
    ....................................................

จากคุณ : moonpeace
เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 23:19:59




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com