Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มณีนาคินทร์ ตอนที่ 42 - 43 ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 42

     อัญญานีแปลงร่างเป็นกัญชพรนอนหลับตานิ่งอยู่บนเตียงนอน แม่นิ่มค่อยๆ เปิดประตูเข้ามาในห้อง เดินตรงเข้ามาที่เตียง แม่นิ่มจัดผ้าห่มให้ห่มร่างอันบอบบางที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงอย่างรักใคร่ แล้วแม่นิ่มก็เริ่มร้องไห้กระซิกๆ ออกมา

“โธ่! คุณกัญของแม่นิ่ม เวรกรรมอะไรหนอ ทำให้เป็นอย่างนี้ แม่นิ่มอยากเห็นคุณกัญมีความสุขกับเขาเสียที”  

แม่นิ่มหยุดพูดแล้วเอามือป้ายน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้ม และพูดต่อว่า

“แม่นิ่มเพิ่งเห็นคุณกัญมีความสุขไม่นานมานี้เอง แล้วจู่ๆ คุณกัญของแม่นิ่มก็กลายเป็นเจ้าหญิงนิทราเสียแล้ว โธ่!...แม่นิ่มจะช่วยคุณกัญยังไงดี”

กัญชพรแปลง นอนนิ่งฟังคำรำพันจากแม่นิ่ม นางเข้าใจความรู้สึกของแม่นิ่มดีว่าห่วงใยกัญชพรแค่ไหน แต่นางก็จำเป็นต้องนอนนิ่งไม่ไหวติง

“อีกไม่นานหรอก แม่นิ่ม กัญชพรก็จะกลับมา”    อัญญานีกล่าวในใจ


     ตวงสิทธิ์และพินทิพย์เดินเข้ามาในห้องของกัญชพร เพื่อมาดูอาการของกัญชพร เห็นแม่นิ่มกำลังนั่งเช็ดน้ำตาอยู่

“แม่นิ่มร้องไห้ทำไม?”      ตวงสิทธิ์ถาม

“แม่นิ่ม สงสารคุณกัญค่ะ”   แม่นิ่มตอบเสียงเครือ  

พินทิพย์เดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ แม่นมของกัญชพร แตะมือไปที่แขนของแม่นิ่มเพื่อเป็นการปลอบใจและพูดว่า

“โธ่!...แม่นิ่มขา พวกเราทุกคนก็ห่วงน้องกัญทุกคนนะคะ เราทุกคนรักน้องกัญไม่แพ้แม่นิ่มหรอกค่ะ”  
แม่นิ่มพยักหน้ารับรู้ แต่ก็อดที่จะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลไม่ได้


    กัญชพรลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง พอขยับกายยังรู้สึกเจ็บแปลบตามร่างกายอยู่ นาคราชแสงขวัญได้ยินเสียงการขยับตัวของคนรักบนเตียง พระองค์รีับรี่เข้าไปนั่งบนเตียง เพื่อประคองร่างของกัญชพรให้ลุกขึ้นนั่ง แค่ยกศีรษะขึ้น เธอก็รู้สึกเหมือนโลกแกว่งไปมาเหมือนอยู่บนเปล นาคราชแสงขวัญจึงใช้กายของพระองค์เข้าประคองให้กัญชพรลุกนั่งได้ถนัดขึ้น กัญชพรนั่งอิงกายกับร่างของนาคราชหนุ่ม  พระองค์ทรงรีบถามอย่างห่วงใยว่า

“เจ้ารู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง กัญชพร?”  

“ปวดร้าวตามตัวอยู่ค่ะ และกัญรู้สึกไม่ค่อยมีแรงเลย”    กัญชพรตอบทั้งที่ยังหลับตา กายอิงซบอกของนาคราชแสงขวัญไว้  พระองค์ทรงกอดกระชับร่างของนางในดวงใจแนบเข้ามาไว้ในอ้อมอกของพระองค์ และเอ่ยว่า

“พี่คงต้องรักษาเจ้าอีกสักพัก เพราะการเดินทางผ่านประตูมิติ ทำให้กายหยาบและกายทิพย์ของเจ้าไม่สมดุลกัน นี่หากเจ้าไม่มีมณีนาคินทร์คุ้มครอง เจ้าคงแตกสลายไปทั้งกายหยาบและกายทิพย์แน่นอน”

กัญชพรค่อยๆ ลืมตาอีกครั้ง แต่อาการอ่อนเพลียนั้นยังไม่คลาย เธอจึงยังอิงแอบอยู่กับแผ่นอกของนาคราชแสงขวัญ และกล่าวด้วยเสียงอ่อนเพลียว่า

“กัญขอบคุณพี่แสงขวัญมากนะคะ ที่ช่วยกัญไว้”

“เจ้าพูดอะไร ยังไงพี่ก็จะไม่ปล่อยให้เจ้ามีอันตรายไม่ได้ เจ้ารับปากพี่แล้วนะว่าจะเป็นชายาของพี่”

นาคราชหนุ่มรีบทวงสัญญาทันที กัญชพรยิ้มอย่างอิดโรยอยู่บนแผ่นอกของพระองค์ นาคราชแสงขวัญเห็นกัญชพรเงียบไม่ตอบ จึงค่อยๆ คลายอ้อมกอดและดันร่างของเธอให้ออกห่างจากอกของพระองค์ แต่มือทั้งสองข้างยังคงจับประคองเธอไว้อย่างทนุถนอม กัญชพรยิ้มและหลบตาอย่างเอียงอาย

“พี่ไม่ยอมให้เจ้าเปลี่ยนใจหรอก พี่รักเจ้ามากนะกัญชพร พี่ไม่รู้ว่ารู้สึกรักเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ พอรู้ตัว พี่ก็ถอนใจจากเจ้าไม่ได้เสียแล้ว”

จอมนาคาพรรณนาความในใจ กัญชพรเงยหน้าสบตาพระองค์และตอบว่า

“กัญก็เหมือนกัน กัญรักพี่แสงขวัญ รักเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กัญรู้ว่ากัญรักพี่มาก หากแม้กัญตายแทนพี่ได้ กัญก็ยอม....”

กัญชพรพูดยังไม่ทันจบประโยค ก็ถูกจอมนาคาประกบปากจูบ ตอนแรกก็ตกใจอยู่เพราะถูกจูบแบบสายฟ้าแลบ แต่แล้วก็หลับตารับรสจูบจากริมฝีปากของชายอันเป็นที่รักของเธอ จอมนาคาค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดาย และเลยขึ้นไปจูบหน้าผากของกัญชพรอีกครั้ง และกระชับร่างอรชรเข้ามาแนบอกไว้ กัญชพรเองก็เบียดกายเข้าแนบชิดแผ่นอกกว้างของพระองค์ เสียงจอมนาคาเอ่ยเหมือนจะขาดใจ

“เจ้าห้ามเอ่ยคำไม่เป็นมงคลแบบนี้อีกนะกัญชพร ถ้าพี่ยังมีลมหายใจ พี่จะไม่ยอมให้เจ้าตายหรอก”

“พี่แสงขวัญ”   กัญชพรได้แต่เอ่ยเรียกชื่อชายคนรักเบาๆ พร้อมกับน้ำตาที่คลออยู่ที่เบ้าตาของเธอ


     พญาครุฑิการปรากฏตัวขึ้นที่บ้านของเพียรอีกครั้ง คราวนี้เป็นการมาเยือนแบบไม่คาดฝัน ยังความแปลกใจมาให้เพียรเป็นอย่างมาก

“ท่านพญาครุฑ!”      เพียรเรียกผู้มาเยือนอย่างไม่เชื่อสายตา พญาครุฑิการเดินเข้าร่างกายกลับกลายเป็นเทพบุตรหนุ่ม เดินตรงมาหาเพียรที่ยืนตะลึงอยู่

“ข้ามีเรื่องอยากให้เจ้าช่วย”    เทพบุตรปักษาเอ่ยความประสงค์ของพระองค์ทันที เมื่อเดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าเพียร

“เอ่อ...ท่่านมีอะไรจะให้ข้ารับใชหรือ?”     เพียรถามติดอ่างอย่างตื่นเต้น

“ข้าต้องการตัวกัญชพร และเจ้าแสงขวัญ”    พญาครุฑแปลงตอบ

“....”     ยังไม่มีคำตอบใดๆ จากปากของเพียร พญาครุฑิการจึงยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนยื่นข้อเสนอว่า

“ข้ามีข้อแลกเปลี่ยนให้เจ้า ข้าได้ตัวกัญชพร เจ้าก็เอามณีนาคินทร์จากนางไป ส่วนเจ้าแสงขวัญ หลังจากข้าทรมานมันจนสาแก่ใจแล้ว ข้าจะส่งมันให้เจ้าฆ่า และเ้จ้าก็เอามณีนาคินทร์จากตัวมันไป ยุติธรรมดีมั้ย...มนุษย์!”

คำว่า...มนุษย์...พญาวิหคผู้ยิ่งใหญ่เน้นหนักแกมเยาะหยัน  เพียรนิ่งไตร่ตรองข้อเสนอที่ถูกหยิบยื่นให้ และรีบตอบตกลงทันที พญาครุฑิการจึงทรงบอกแผนการให้เพียรไปลงมือทำตามที่พระองค์วางแผนไว้  เพียรยิ้มอย่างสมใจ


     พินทิพย์เดินเข้ามาในบ้านตอนหัวค่ำ  เห็นลุงของเธอกำลังนั่งอ่านหนั่งสืออยู่ เพียรเห็นหลานสาวจึงกวักมือเรียกให้เธอเข้าไปหา พินทิพย์เดินตรงเข้าไปที่ลุงของเธอนั่งอ่านหนังสืออยู่ และทักว่า

“คุณลุงอ่านเรื่องอะไรอยู่หรือคะ?”

“ก็ไม่มีอะไรมาก ก็หนังสือธรรมะทั่วไปแหละ แต่จริงๆ แล้วลุงรอพินอยู่ หมู่นี้เราสองคน ลุงหลานไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะ”  

เพียรกล่าวเนิบๆ ไปเรื่อยๆ พินทิพย์ค่อยๆ หย่อนตัวนั่งลงข้างๆ ผู้เป็นลุง และยิ้มประจบ

“แหม คุณลุงเพียรคนเก่งน้อยใจก็เป็นด้วยหรือคะ?”

เพียรยิ้มกว้าง มองหลานสาวอย่างเอ็นดู พลางเอามือไปขยี้ผมหลานสาวเหมือนเธอยังเป็นเด็กๆ

“โตแล้วนะเราน่ะ ยังจะมาล้อเล่นเป็นเด็กๆ อีก”

พินทิพย์เข้าไปกอดผู้เป็นลุง และพูดว่า

“พินรักคุณลุงที่สุด คุณลุงเปรียบเหมือนทั้งพ่อและแม่ของพิน พินโตมาได้ก็เพราะคุณลุงเพียรคนนี้ของพิน”

เพียรกอดหลานสาวตอบ น้ำตาคลอลูกนัยน์ตาของเขา แล้วเขาก็รีบกระพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่น้ำตาที่คลอเบ้าตาให้หายกลับเข้าไป และเอ่ยด้วยน้ำเสียงปกติว่า

“ไปอาบน้ำ อาบท่าก่อนเถอะ เพราะเดี๋ยวอีกสักครู่ เราจะมีแขกมาเยี่ยมที่บ้าน”

พินทิพย์คลายกอดออก และกระเถิบนั่้งตัวตรงถามทันทีว่า

“ใครคะ?”

“เขาชื่อคณิต เ็ป็นลูกชายของเพื่อนของลุงเอง เขาเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก และแวะมาทำธุระแถวนี้ พอรู้ว่าลุงอยู่ที่นี่เขาก็เลยจะแวะมาเยี่ยม”  

เพียรแต่งเรื่องได้เป็นฉากๆ เพื่อหลอกหลานสาว พินทิพย์ทำหน้างงๆ ก่อนเอ่ยถามกลับว่า

“ไม่เคยได้ยินคุณลุงเล่าให้ฟังเลยนะคะ”

“เรื่องมันนานมาแล้ว เอาเถอะ รีบไปอาบน้ำอาบท่าก่อนเถอะ”   เพียรเร่งหลานสาวเพื่อตัดบท พินทิพย์จำเป็นต้องลุกจากไป


     หลังจากอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย พินทิพย์ออกจากห้องและลงมาจากชั้นสองของบ้าน เห็นลุงของเธอกำลังนั่งสนทนากับชายหนุ่มคนหนึ่ง ชายหนุ่มผู้มาใหม่ค่อยๆ เงยหน้าจากการสนทนา หันมาทางพินทิพย์ที่กำลังเดินลงมาจากชั้นสอง ทำให้เพียรต้องหันมามองตาม เมื่อเห็นหลานสาวทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว เขาจึงยิ้มกว้างและกวักมือเรียกเธอ

“มานี่สิพิน มารู้จักกับคณิต ลูกชายของเพื่อนของลุง”

พินทิพย์จึงเดินตรงเข้าไปหาบุรุษสองวัยที่นั่งมองเธออยู่ และหย่อนร่างงามนั่งลงข้างๆ ผู้เป็นลุง ชายหนุ่มที่ถูกแนะนำ ยิ้มตอบเธอนิดๆ พร้อมก้มศีรษะนิดหนึ่งเป็นการทักทาย พินทิพย์จึงยิ้มตอบเขาเป็นมารยาท เมื่อเข้ามาเห็นหน้าเขาชัดๆ จึงเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาจัดว่างามมากกว่าหล่อ และถ้าจะให้เทียบความงามที่แฝงไว้ในความหล่อคงเทียบได้เพียงนายแสงขวัญเท่านั้นถึงจะสูสี แต่ิสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาผู้นี้แตกต่างกันคือ...แววตา...แววตาของนายคณิตผู้นี้แข็งกร้าว ไม่อ่อนโยนเหมือนใบหน้าของเขา

“สวัสดีครับ คุณพินทิพย์”   ชายหนุ่มผู้มีนามว่าคณิตเปิดปากกล่าวทักทายก่อนอย่างสุภาพ

“ค่ะ สวัสดีค่ะ”    พินทิพย์ตอบอย่างสุภาพเช่นกัน เพียรจึงเดินเรื่องต่อทันที

“พิน เดี๋ยวพินช่วยจัดห้องเพิ่มให้คณิตเขาหน่อยนะ เขาจะมาพักอยู่กับเราสักสองสามวัน”   เพียรบอกหลานสาว  หลานสาวคนสวยของเพียรเอียงหน้ามองผู้เป็นลุง เขาจึงรีบพูดต่อว่า

“คือ...ลุงชวนให้คณิตเขาพักกับเราเอง ไหนๆ ก็มาทำธุระแถวนี้อยู่แล้ว จะไิปเช่าโรงแรมทำไมให้มันเปลือง บ้านพักของเราก็กว้างขวาง มีห้องหับเหลือตั้งหลายห้อง พินช่วยเป็นธุระให้ลุงทีนะ”  

บอกหลานสาวเสร็จ จึงหันไปทางชายหนุ่มผู้ถูกเชิญให้เป็นแขกพิเศษ และพูดกับเขาว่า

“เราไปคุยธุระกันต่อที่ห้องโน้นดีกว่า จะได้คุยกันตามประสาผู้ชาย”

ไม่รอให้ฝ่ายใดตอบรับ เพียรรีบลุกขึ้นเดินนำไปก่อน ชายชื่อคณิตจึงลุกตามชายสูงอายุไป ปล่อยให้พินทิพย์นั่งมองบุรุษสองวัยตามหลัง

“แปลกแฮะ เหมือนมีลับลมคมนัยกันแปลกๆ”    พินทิพย์บ่นกับตัวเองเบาๆ แล้วจึงลุกไปจัดการเรื่องห้องให้แขกพิเศษของคุณลุงของเธอ


     พินทิพย์มาหาตวงสิทธิ์ที่บ้านพักของเขาในตอนสายของวันรุ่งขึ้น เธอเล่าเรื่องที่ลุงของเธอพาลูกชายเพื่อนเก่าเข้ามาพักในบ้านพักของเธอ

“ลุงของคุณคิดยังไงกัน?”    ตวงสิทธิ์เ่อ่ยถามลอยๆ และเขาก็พูดต่อทันทีว่า       “อ๋อ...หรือว่าคิดจะหาคู่ให้พินแทนผม”    

“บ้าน่าตวง คุณนี่เพี้ยนไปแล้ว”    พินทิพย์ไม่พูดเปล่า เธอฟาดฝ่ามือเข้าหนึ่งเพี๊ยะที่ต้นแขนของตวงสิทธิ์ แรงฟาดทำเอาแขนของเขาแดง นั่งเกาแกรกๆ

“ได้ไงล่ะ ก็ดูท่าทาง ลุงของพินไม่ค่อยชอบหน้าผมเท่าไหร่ เขาอาจจะคิดกำจัดผมก็ได้นี่”    ตวงสิทธิ์บ่น  แต่พินทิพย์กลับนั่งนิ่งใช้ความคิดไม่ทันได้ฟังสิ่งที่ตวงสิทธิ์บ่น และเธอก็หันมามองหน้าชายคนรัก และพูดเสียงเครียดว่า

“ตวง พินรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลย นายคณิตคนนี้ดูแปลกๆ ยังไงบอกไม่ถูก ยิ่งแววตาด้วยแล้ว พินกลัวเขาบอกไม่ถูก”  

“คุณคิดมากไปหรือเปล่า?”     ตวงสิทธิ์ท้วง

“ไม่หรอกค่ะ พินรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ”    พินทิพย์ยืนยันความรู้สึกเดิม ตวงสิทธิ์เือื้อมมือไปกุมมือของพินทิพย์และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า

“ไม่เป็นไรหรอกพิน ผมว่าคงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว”

พินทิพย์มองสบตาชายคนรักและตอบเขากลับไป

“ค่ะ ก็หวังอย่างนั้นเหมือนกัน”

“น้องกัญเป็นยังไงบ้างคะ?”    พินทิพย์เปลี่ยนเรื่องถาม

“เหมือนเดิมจ้ะ ยังเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่”   ตวงสิทธิ์ตอบ สีหน้าของเขาเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

“แล้วหมอว่ายังไงบ้างคะ?”   พินทิพย์ยังคงห่วงสาวน้อยผู้กลายเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่ในเวลานี้

“หมอเองก็แปลกใจ ร่างกายของน้องกัญก็ปกติดีทุกอย่าง แต่ทำไมไม่ยอมฟื้นลืมตาเท่านั้น ตอนนี้หมอเองก็จนปัญญาเหมือนกัน ได้แต่บอกให้รอดูอาการเท่านั้น”    ตวงสิทธิ์ตอบแล้วถอนใจ

“โธ่! น้องกัญ ทำไมโชคร้ายอย่างนี้นะ นี่เราเลยไม่รู้เรื่องเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องกัญ คุณแสงขวัญกับคุณอัญญานีก็พลอยหายหน้าไปไหนก็ไม่รู้ ถ้าอยู่ก็น่าจะได้รู้เรื่องอะไรบ้าง?”    

“เห็นแม่นิ่มบอกว่าคุณแสงขวัญกับคุณอัญญานีมีธุระต้องไปจัดการด่วน เลยมาเยี่ยมน้องกัญยังไม่ได้ อีกสามสี่วันอาจจะปลีกเวลาแวะมา ถ้าเสร็จธุระแล้ว”    ตวงสิทธิ์บอกตามที่แม่นิ่มเล่าให้ฟัง

“งั้นหรือคะ”    พินทิพย์รับรู้เพียงแค่นั้น



 ตอนที่  43


     ร่างของกัญชพรแปลงนอนนิ่งไม่ไหวติง มีแม่นิ่มคอยเฝ้าดูแลอยู่ไม่ห่าง พินทิพย์และตวงสิทธิ์เดินมาหยุดยืนข้างๆ เตียง

“น้องกัญรู้สึกตัวบ้างมั้ยจ๊ะแม่นิ่ม?”    พินทิพย์เอ่ยถามทันทีที่เดินมายืนข้างเตียงคนป่วย

“ยังเหมือนเดิมค่ะ ไม่ยอมฟื้นเสียที”   แม่นิ่มตอบเสียงอ่อยๆ พลางมองไปที่ร่างของนายสาวด้วยสายตาที่เศร้าสร้อย พินทิพย์นั่งลงริมเตียงนอนที่มีร่างของกัญชพรแปลงนอนทอดร่างนิ่ง สิ่งที่ทำให้ทุกคนยังสบายใจอยู่บ้างคือ กัญชพรยังมีลมหายใจ หน้าอกของเธอกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ ดูไปเหมือนเธอกำลังนอนหลับปกติ

“โธ่! น้องกัญ เมื่อไหร่จะฟื้นเสียที”    พินทิพย์ได้แต่ถอนใจ ทุกคนก็พากันถอนใจตามด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวที่นอนเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่


     ดูเหมือนเพียรกับนายคณิตจะมีเรื่องความลับคุยกันอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นพินทิพย์เดินเข้าบ้าน ทั้งสองจะหยุดการสนทนา แล้วหันมามองผู้เข้ามาใหม่ เพียรรีบเอ่ยทักหลานสาวคนสวยทันที

“อ้าว พิน กลับแล้วหรือลูก เป็นไงวันนี้สนุกมั้ย?”  

“ค่ะ”   เป็นคำตอบสั้นๆ จากปากหลานสาวเพียงคนเดียวของลุงเพียร คณิตยังคงนั่งมองพินทิพย์อย่างเฉยเมย

ให้ตายเถอะ...ดวงตาคู่นั้นที่จ้องมองพินทิพย์เหมือนพญาเหยี่ยวจ้องมองเหยื่ออย่างไรไม่รู้ พินทิพย์เองรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ขึ้นมาทันที เพื่อต้องการให้พ้นจากสายตาคู่นั้น มีวิธีเดียวคือต้องปลีกตัวออกจากตรงนี้ไปให้เร็วที่สุด พินทิพย์จึงฝืนยิ้มและพูดว่า

“พินรู้สึกเพลียๆ ขอตัวขึ้นห้องก่อนนะคะ”

“เชิญครับ”     เป็นประโยคแรกที่นายคณิตตอบแทนลุงของเธอ นานๆ ทีจะได้ยินนายคณิตพูดกับเธอสักครั้ง พินทิพย์รีบเดินเลี่ยงขึ้นห้องเธอทันที  เมื่อเห็นร่างของพินทิพย์ลับตาไปแล้ว คณิตจึงหันมาทางเพียร และเอ่ยว่า

“หลานสาวของเจ้าเข้าถึงตัวกัญชพรได้”

“ท่านหมายความว่า...”    ยังไม่ทันที่ลุงของพินทิพย์จะพูดจบ คณิตรีบเอ่ยดักคอไว้ก่อน

“ข้าต้องการให้พินทิพย์ นำข้าเข้าไปหาตัวกัญชพร”

เพียรนิ่งไปสักครู่ ใจจริงเขาไม่อยากให้พินทิพย์เข้ามาเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ เพราะนั่นอาจหมายถึงความปลอดภัยของหลานสาวเพียงคนเดียว

“ท่านรับรองความปลอดภัยของพินทิพย์ได้หรือไม่?”    เพียรถามอย่างเป็นกังวล

“ข้าเพียงต้องการเข้าใกล้ตัวกัญชพร ข้าจะทำร้ายหลานสาวของเจ้า
ทำไม?”     คณิตตอบด้วยเสียงไม่พอใจ เพียรรู้สึกโล่งอก

“แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อไป?”   เพียรถามต่อ

ชายหนุ่มใช้มือขวาลูบไปที่แขนซ้ายของเขาเบาๆ หนึ่งครั้ง แล้วเขาก็หงายฝ่ามือขึ้น ปรากฏขนนกสีทองเหลืองอร่ามหนึ่งเส้นวางอยู่บนฝ่ามือขวาของเขา แล้วเขาก็ยื่นขนนกสีทองเส้นนั้นให้เพียรพร้อมพูดว่า

“นี่คือขนของข้า นำมันไปไว้กับพินทิพย์ อย่าให้นางรู้ตัว”

“แล้วจะทำอย่างไรต่อไป?”     เพียรยังคงสงสัยต่อแผนการของพญาครุฑิการ

“เจ้ารับไป แล้วไม่ต้องสงสัยอะไรมาก เพราะหลังจากนั้นจะเป็นหน้าที่ของข้าเอง”     คณิตออกคำสั่งเสียงกร้าว เพียรจึงยื่นมือไปรับขนนกจากมือของเขามาถือไว้


     กัญชพรลืมตาขึ้นอีกครั้ง พบตัวเองนอนอยู่คนเดียวบนเตียงเดิม มองไปรอบๆ ไม่พบแสงขวัญ เธอค่อยๆ ขยับร่างเปลือยเปล่าภายใต้ผ้าแพรเนื้อเนียน กัญชพรจับผ้าแพรผืนที่ห่มขึ้นมาเพื่อนำมาพันกายไว้หลวมๆ และลุกขึ้นนั่ง อาการวิงเวียนศีรษะยังคงมีอยู่ แต่ตอนนี้เธอไม่รู้สึกเจ็บร้าวตามร่างกายอีกแล้ว หญิงสาวชาวมนุษย์ค่อยๆ ขยับตัวจากบนเตียง ทิ้งขาลงมาที่พื้นทีละข้าง และลุกขึ้น ลองก้าวเดินช้าๆ อาการวิงเวียนเมื่อสักครู่ค่อยบรรเทา เธออยากสูดอากาศจากภายนอกบ้างจึงเดินตรงไปที่หน้าต่างบานใหญ่ มือทั้งสองข้างยังคงกุมผ้าแพรที่พันรอบกายของตน แล้วเดินไปหยุดยืนพิงขอบหน้าต่างด้านข้าง มองทอดสายตาออกไปด้านนอก ภาพที่ประัจักษ์สายสาของเธอ เป็นภาพที่งดงาม ช่างเหมือนภาพจิตรกรรมจริงๆ ไม่ว่าจะมองไปทิศใดก็ล้วนงามตา ทุกหนแห่งที่มองเห็นในระยะสายตาส่องประกายแวววาวไปด้วยแสงแห่งอัญมณีหลากสีสัน บรรยากาศรอบนอกเย็นตาโปร่งสบาย กัญชพรสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ อากาศสดชื่นเย็นสบาย เธอเพลินกับการชื่นชมบรรยากาศใหม่ที่ตื่นตาภายนอก แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อรู้สึกว่ามีมือใครบางคนอ้อมมากอดเอวเธอจากด้านหลัง เมื่อเห็นว่าเป็นผู้ที่เฝ้าถวิลหาเธอจึงปล่อยกายให้อยู่ในอ้อมกอดของเขา

“ดูเจ้าชอบที่นี่มากนะ”   นาคราชแสงขวัญกระซิบข้างหูเบาๆ

“ค่ะ”    กัญชพรตอบสั้นๆ

“เจ้าลุกมาทำไม เจ้ายังไม่แข็งแรงดีเลย”   จ้าวนครบาดาลเริ่มบ่น กัญชพรทำหน้าเบื่อขึ้นมาทันที

“เอาแต่นอน อยากให้กัญเป็นง่อยหรือคะ?”  

จ้าวแห่งบาดาลกระชับอ้อมกอดเข้ามาแนบแน่นขึ้นอีก แล้วเอ่ยต่อว่า
“เจ้านี่ดื้อเหมือนกันนะ ถ้าเป็นลมล้มลงไปตอนพี่ไม่อยู่ ใครจะช่วยเจ้าล่ะ พี่เป็นห่วงเจ้ามากนะ”

กัญชพรอิงศีรษะเข้ากับแผ่นอกกว้างของนาคราชแสงขวัญ และตอบว่า

“ค่ะ กัญรู้ว่าพี่แสงขวัญห่วงกัญมาก แต่กัญรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว และก็....”     เสียงกัญชพรค่อยๆ หายไปในลำคอ ใบหน้าเธอเริ่มเป็นสีชมพู

“เจ้าเป็นอะไร ทำไมหน้าแดงอย่างนั้น”     ท้าวเธอสงสัย

“คือ...กัญขอเสื้อผ้าสักชุดได้มั้ยคะ?”    กัญชพรเอ่ยขอ และใช้มือที่กุมผ้ากระชับผ้าแพรเข้าหาตัวอีกครั้งเพราะความลื่นของเนื้อผ้า

“ฮึๆๆ นึกว่าเรื่องอะไร?”     นาคราชแสงขวัญขำ

“พี่แสงขวัญขำอะไร?”    กัญชพรหน้างอทันที

“ก็ขำเจ้าที่เพิ่งมารู้สึกอายพี่น่ะสิ”    จ้าวแห่งบาดาลไม่พูดเปล่า พระองค์เอามือไปจับปลายจมูกน้อยๆ ของกัญชพรอย่างเอ็นดู

“พี่แสงขวัญก็พูดได้สิ พี่เป็นผู้ชายนี่”    กัญชพรแกล้งงอนเพื่อกลบเกลื่อนความอายของตัวเอง

“พี่ล้อเจ้าเล่นน่ะ อย่างอนไปเลยนะ”    นาคราชแสงขวัญตอบ และจับตัวกัญชพรให้หันหน้ามาหาพระองค์ และเอ่ยด้วยเสียงอันจริงจังว่า

“พี่ต้องรักษาเจ้าอีกหนึ่งครั้ง อดทนหน่อยนะ”

“ค่ะ กัญทราบดี”   กัญชพรพยักหน้าตอบ นาคราชแสงขวัญค่อยๆ ดึงกายของกัญชพรเข้ามากอดไว้ในอ้อมกอดของพระองค์


    การรักษากัญชพรเริ่มต้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้ง และครั้งนี้จะเป็นการรักษาครั้งสุดท้าย กัญชพรนอนกายเปลือยเปล่าลืมตา อาภรณ์เพียงชิ้นเดียวที่ติดกายคือมณีนาคินทร์ หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะเมื่อต้องนอนเปลือยกายต่อหน้าชายคนที่เธอรัก นาคราชแสงขวัญนั่งลงที่เตียงข้างกายของกัญชพร พระองค์ใช้พระหัตถ์ยื่นไปลูบแก้มนวลของกัญชพร และเอ่ยเสียงนุ่มว่า

“เจ้าสัญญาได้มั้ยว่า เจ้าจะไม่กลัวพี่ ยามเมื่อพี่ต้องคืนร่างเป็นพญานาค?”    

กัญชพรเอามืออีกข้างขึ้นมาจับมือของพระองค์แนบแน่นเข้าที่แก้มของเธอและตอบว่า

“ไม่ค่ะ ไม่ว่าพี่แสงขวัญจะอยู่ในร่างใด กัญก็ยังรักพี่ไม่เปลี่ยนแปลง”  

คำตอบของนางอันเป็นที่รัก เหมือนดั่งน้ำทิพย์ชโลมหัวใจของจ้าวแห่งบาดาลให้ชุ่มชื่น  จอมนาคายิ้มและกล่าวว่า

“ขอบใจเจ้ามากนะ กัญชพร พี่สัญญานะว่าเรื่องทุกอย่างจบลงเมื่อไหร่ พี่จะอภิเษกเจ้าอยู่เคียงข้างกายของพี่ตลอดไป”

กัญชพรยิ้มรับอย่างมีความสุข จอมนาคาแสงขวัญค่อยๆ ดึงพระหัตถ์ออกจากแก้มของเธอ และขยับตัวถอยห่างลงมายืนอยู่หน้าเตียง และยกมือประนมร่ายเวทย์ เพียงครู่ร่างของชายหนุ่มรูปงามก็หายไป กลายเป็นพญานาคราชตัวมหึมามาแทนที่ เกล็ดสีเขียวมรกตปกคลุมตลอดทั่วลำตัวยาว ศีรษะชูขึ้นอยู่เหนือร่างของกัญชพร จ้องมองลงมาด้วยดวงตาสีแดงดั่งทับทิม พญานาคราชจ้องมองร่างเปลือยเปล่านิ่ง กัญชพรยิ้มให้กับพญานาคราชแสงขวัญ เธอไม่มีอาการว่าตกใจกลัวอะไรทั้งสิ้น กลับยิ้มหวานส่งให้ ร่างของพญานาคแสงขวัญค่อยๆ เลื้อยเข้าหาร่างของกัญชพร ค่อยๆ บรรจงรัดลำตัวของเธอโดยรอบ กายแนบกาย ทำให้พระองค์รู้สึกถึงความนวลเนียนของผิวกายของเธอ ผิวกายที่เนียมนุ่มยิ่งกว่าแพรไหม นาคราชแสงขวัญต้องพยายามหักห้ามใจของพระองค์อย่างหนัก กัญชพรเองก็รู้สึกถึงไออุ่นที่แผ่ออกมาจากกายของพญานาคราชแสงขวัญ  เมื่อลำตัวของจอมนาคาพันรอบกายของกัญชพรจนมิด เหลือเพียงส่วนของใบหน้าที่โผล่ให้เห็น จอมนาคาจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้เธอและถามว่า

“เจ้าพร้อมหรือยัง?”  

“พร้อมค่ะ”    กัญชพรตอบ พร้อมหลับตาลงและตั้งสมาธิทันที


     พินทิพย์รู้สึกวิงเวียนศีรษะเหมือนจะเป็นไข้ เธอจึงล้มตัวลงนอนเหมือนเดิม จนกระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง หญิงสาวจึงพยายามฝืนสังขารลุกขึ้น เดินเกาะสิ่งของไปตามทางเพื่อไปเปิดประตู

“อ้าว! พิน เป็นอะไรไปหรือลูก?”    ลุงเพียรถามทันทีที่เห็นสีหน้าของหลานสาวเมื่อเปิดประตูมา

“พินไม่ค่อยสบายนิดหน่อยค่ะ”   พินทิพย์ตอบ  

“งั้น ไปๆ เข้าไปนอนเหมือนเดิมลูก”    ลุงเพียรไม่พูดเปล่า เข้าประคองร่างหลานสาวและพยุงเดินกลับเข้าไปนั่งที่เตียงนอนของเธอ เมื่อหลานสาวนั่งลงเรียบร้อย เพียรจึงเอ่ยถามต่อทันที

“ลุงเห็นว่าสายมากแล้ว พินยังไม่ลงไป ลุงเลยเป็นห่วง ก็ลองมาเคาะประตูเรียกดู”

“พินรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อยน่ะค่ะ ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ กะว่านอนอีกสักหน่อย ก็จะลุกไปอาบน้ำแล้วค่อยลงไป”   พินทิพย์ตอบ

“แล้วนี่ไหวมั้ยนี่ ต้องไปหาหมอมั้ย?”   ลุงเพียรถามอย่างเป็นห่วง

“ไม่ต้องหรอกค่ะ พินไม่ได้เป็นอะไรมาก”    หลานสาวตอบ

“งั้นเอาอย่างนี้ เดี๋ยวลุงจะไปต้มข้าวต้มมาให้ พินไม่ต้องลงไปหรอก พักผ่อนในห้องนี่แหละ เดี๋ยวสักครู่ลุงจะเอาข้าวต้มมาให้ก็แล้วกัน”  

“ขอบคุณค่ะคุณลุง”     พินทิพย์ยกมือไหว้ ผู้เป็นลุงยิ้ม

“เอาล่ะ พักผ่อนไปก่อน เดี๋ยวลุงมาใหม่นะ”    พูดจบก็เดินตรงออกจากห้อง ไม่ลืมที่จะกดล็อคประตูให้หลานสาว


     นาคราชแสงขวัญค่อยๆ ดึงผ้าแพรห่มให้ร่างกัญชพร หญิงสาวนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง พระองค์นั่งมองใบหน้าอันงดงามของเธออยู่เนิ่นนาน หลังจากการรักษาครั้งสุดท้ายผ่านไปได้ด้วยดี ทุกครั้งที่จอมนาคาใช้พิษและพลังทิพย์รักษาร่างของกัญชพร เธอต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัส แต่เธอก็อดทนผ่านการรักษาทุกครั้งมาได้ด้วยดี เพราะสิ่งที่สามารถทำให้กายมนุษย์ธรรมดาของเธอทนได้คือมณีนาคินทร์

“ในที่สุด เจ้าก็เป็นปกติแล้ว กัญชพร”    

นาคราชแสงขวัญเอื้อมมือไปลูบแก้มนวลของกัญชพร ความรู้สึกอิดโรยจากการใช้พลังทิพย์ช่วยในการฟื้นพลังชีวิตของกัญชพร ทำให้พลังทิพย์บางส่วนของพระองค์ลดทอนลงไปบ้าง แต่ด้วยตะบะบารมี จะทำให้สิ่งเหล่านั้นกลับคืนมาในไม่ช้า


    ภายในห้องนอนของกัญชพรในภพมนุษย์ อัญญานียังคงแปลงร่างเป็นกัญชพร นางนั่งที่ขอบเตียงรู้สึกเบื่อๆ ระยะเวลาแห่งการรอคอยสามวันของมนุษย์นี่มันช่างยาวนานนักสำหรับนาง

“เบื่อหรือคะ พี่อัญญานี?”    

เสียงนุ่มคุ้นหูดังมาจากระเบียงห้องนอนของกัญชพร กัญชพรแปลงรีบหันไปทางต้นเสียงทันที เมื่อเห็นเจ้าของเสียงเมื่อครู่ ดวงตาเบิกโตด้วยความดีใจ เรียกผู้มาใหม่ด้วยความยินดีเป็นล้นพ้น

“กัญชพร!”

กัญชพรแปลงรีบลุกจากเตียงนอนวิ่งไปกอดร่างกัญชพรตัวจริงทัีนที สองร่างกอดกันเหมือนดั่งฝาแฝด ผิดกันแค่คนหนึ่ีงเป็นมนุษย์แท้ๆ อีกนางคือนาคแปลงเท่านั้น

“พี่อัญญานี ดีใจที่ได้พบพี่อีก”   กัญชพรตัวจริงบอก กัญชพรแปลงน้ำตาไหลด้วยความดีใจ นางพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ร้องไห้ด้วยความดีใจจนระงับไม่อยู่

“อ้าว!...ร้องไห้เสียแล้ว”     กัญชพรตัวจริงแซว กัญชพรแปลงยิ้มทั้งน้ำตา พลางเอามือทั้งสองเช็ดน้ำตาตัวเอง และรีบพูดว่า

“ข้าดีใจมากเกินไป ข้าภาวนาตลอดเวลา ขอให้เจ้าปลอดภัย”    

กัญชพรตัวจริงยิ้มกว้าง และเอ่ยคำขอบคุณแก่นางนาคแปลงว่า

“ขอบคุณมากนะคะ ที่พี่รักและห่วงใยกัญมาตลอด”

กัญชพรแปลงพยักหน้าแทนคำตอบ กัญชพรเริ่มสังเกตผู้ที่ยืนตรงหน้า และหัวเราะเบาๆ ก่อนแซวต่ออีกว่า

“แหม! เหมือนกำลังยืนส่องกระจกเลยแน่ะ”

กัญชพรแปลงเพิ่งได้สติ จึงก้มมองตัวเอง แล้วเงยหน้าตอบว่า

“ก็ต้องให้เหมือน ไม่อย่างนั้น แม่นิ่มก็ต้องสะกิดใจแล้วว่าไม่ใช่คุณกัญของแกแน่”

“แม่นิ่ม”    กัญชพรตัวจริงเรียกชื่อแม่นมเบาๆ จริงสิ..แม่นิ่มคงทุกข์ใจมาก เมื่อเห็นกัญชพรต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราแบบนี้

“แม่นิ่มรักกัญชพรมากนะ แกทั้งรักและเป็นห่วง”    กัญชพรแปลงบอก

“ค่ะ กัญก็รักแม่นิ่มเหมือนแม่คนที่สองของกัญ”   กัญชพรเอ่ยอย่างจริงใจ

จากคุณ : ศรนรินทร์
เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 54 01:47:53




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com