ขุนศึกกู้แผ่นดิน(ขลุ่ยเพียงออ) บรรพที่ ๒ ความในใจ
|
 |
บรรพที่ ๒ ความในใจ
กว่าขบวนเสด็จทางชลมารคจะมาถึงสุพรรณบุรีก็ล่วงเวลาไปแล้วหนึ่งราตรี แม้ว่าการเดินทางทางน้ำจะเร็วกว่าทางบกอยู่มากแต่ทว่าบรรดาเหล่าฝีพายก็เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ากันพอสมควร อีกทั้งเมื่อมาถึงเหล่าบรรดาขุนทหารต่างก็ต้องเร่งสร้างพลับพลาชั่วคราวเพื่อถวายพระเจ้าอยู่หัวและพระมหาอุปราชาสำหรับประทับบรรทมในราตรีนี้ โดยผู้เป็นเจ้าชีวิตของชนทั้งสยามทรงประทับรออยู่ที่พระแท่นที่เตรียมไว้ชั่วคราวพร้อมกับพระอนุชา ข้างพระวรกายมีมหาดเล็กของทั้งสองวังของรับใช้เจ้านายของตนอยู่ไม่ห่าง
พระเฑียร เรามาเปลี่ยนอากาศกันเสียตั้งไกล พระสุริโยทัย เป็นเยี่ยงใดบ้างเล่าผู้ผ่านแผ่นดินกรุงเทพบวรทวารวดีศรีอโยธยาตรัสถามพระอนุชา พร้อมปรายตามองออกญาพิษณุโลกหรือขุนพิเรนทรเทพที่กำลังทำตัวนิ่งเฉย แต่ในหัวใจนั้นใคร่รู้ยิ่งกว่าผู้ใด ด้วยพระเจ้าไชยราชาธิราชทรงทราบดีว่าออกขุนพิเรนทรเทพผู้นี้เคยมีจิตเสน่หากับพระสุริโยทัยอัครชายาของพระอนุชาของพระองค์มาแต่ก่อนเก่า พระองค์จึงแสร้งทำเป็นถามความเป็นอยู่ของนางเพื่อให้ขุนพิเรนทรเทพได้รับทราบบ้าง
กราบทูล ทูลกระหม่อมพี่ พระสุริโยทัยมิเจ็บมิไข้ประการใดพระเจ้าข้า เพลานี้นางกำลังตั้งครรภ์ น้องจักพามาก็ไม่สะดวกใจนัก กลัวจักเป็นอันใดไปพระเฑียรราชากล่าวถึงพระสุริโยทัยผู้เป็นชายาด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักใคร่
กระนั้นรึ ดีจริงเทียวหนา อีกมินานพี่คงจักได้อุ้มหลานอีกครากระมังพระเจ้าอยู่หัวตรัสด้วยความยินดี รังความโสมนัสมาให้กับผู้เป็นพระอนุชายิ่งนัก
แล้วขุนพิเรนทรเทพเจ้า ลงมาแต่พิษณุโลกเมื่อใดฤาสมเด็จพระไชยราชาธิราชเจ้าผินพระพักตร์มาตรัสถามผู้มีศักดิ์เป็นเชื้อสายราชวงศ์พระร่วงอีกทั้งยังเป็นทหารคู่พระทัยในการรบอยู่หลายสมรภูมิ
มาถึงเมื่อวานซืน พระเจ้าข้า นะเกล้านะกระหม่อม ลงมาเยี่ยมแม่หยัวศรีจุฬาลักษณ์ ได้ข่าวว่าพระนางทรงประชวรพอดีปะพวกข้างในเขาบอกกันมาว่า พระองค์จักเสด็จทรงปลาที่สุพรรณบุรี ข้าพระพุทธเจ้าเลยโดยเสด็จมาด้วยพระเจ้าข้าขุนพิเรนทรเทพกล่าวตอบ พระเจ้าอยู่หัวทรงพยักพักตร์น้อยๆเป็นเชิงรับรู้ แล้วจึงผินพระพักตร์ไปสนทนากับพระอนุชาผู้รั้งตำแหน่งพระมหาอุปราชต่อ
ราวหนึ่งยามพลับพลาชั่วคราวสำหรับพระเจ้าอยู่หัวและพระมหาอุปราชก็ก่อตั้งสำเร็จลุล่วง พระเจ้าอยู่หัวจึงทรงย้ายจากพระแท่นชั่วคราวมาพำนักยังพลับพลาที่ประทับแทน
พ่อเทพเสียงกระซิบจากผู้เป็นสหายที่หมอบกระแตรอให้พระเจ้าอยู่หัวเสด็จผ่านไปดังขึ้นข้างหู ทำเอาขุนพิทักษ์เทวาลอบยิ้มเบาๆ น้ำเสียงเยี่ยงนี้มิพ้นคืนนี้หาได้นอนไม่แน่ ผู้เป็นสหายผู้นี้คงจักพาลัดเลาะไปเที่ยวท่องแห่งหนใดอีกกระมัง
คืนนี้..ยังมิทันที่หมื่นอินทรรักษ์จะพูดจบ ขุนพิทักษ์เทวาก็ชิงตอบขึ้นเสียก่อนเลย
เห็นจักมิได้หนาออเจ้า คืนนี้ข้าต้องอยู่เวรด้วยขุนราชอารักษ์ ออเจ้าลองชวนออกหลวงหิรัญภักดีดูแล้วกันนา
กราบทูลพ่ออยู่หัว พระสุนทรสงครามมาขอเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าข้าเสียงทหารคนหนึ่งดังขึ้นซึ่งเรียกความสนใจจากทุกคนที่อยู่หมอบอยู่บริเวณหน้าพลับพลาที่ประทับ ร่างชายวัยกลางคนสวมโจงกระเบนและเสื้อพร้อมทั้งรัดประคดเนื้อดีค่อยๆหมอบคลานเข้ามา ก่อนจะทรุดกายลงถวายบังคม
ข้าพระพุทธเจ้า ออกพระสุนทรสงคราม เจ้าเมืองสุพรรณบุรี พระพุทธเจ้าข้า ได้ข่าวว่าพ่ออยู่หัวเสด็จมาทรงปลาที่สุพรรณบุรี เกล้ากระหม่อมจึงรีบควบม้ามาเข้าเฝ้า พระพุทธเจ้าข้าพระเจ้าอยู่หัวพยักพระพักตร์น้อยๆ ก่อนจะหันไปสนทนาต่อกับพระเฑียรราชาผู้เป็นพระอนุชา ส่วนออกพระสุนทรสงครามค่อยๆคลานมารวมตัวกับเหล่าขุนทหารที่นั่งหมอบกระแตกันอยู่และสนทนากับสหายบางคนที่ไม่ได้พบกันมานานด้วยตัวออกพระสุนทรสงครามนั้นต้องมาประจำอยู่ที่เมืองสุพรรณบุรี
จวบจนเมื่อถึงเวลากลางคืนแล้วออกขุนพิทักษ์เทวาและออกขุนราชอารักษ์แลเหล่าองครักษ์ทั้งหมดที่ต้องอยู่เวรในคืนนี้พากันเดินตรวจตราความปลอดภัยให้พระเจ้าอยู่หัวที่ทรงบรรทมอยู่ภายในพลับพลา
พ่อเทพ พ่อเทพเสียงเรียกเบาๆจากขุนราชอารักษ์ ทำให้ขุนพิทักษ์เทวาผินหน้ามามองด้วยสายตาที่แสดงความพิศวง
มีกระไรรึ พ่อแก้ว
พ่ออินไปข้างไหนเสียเล่า มิเห็นตั้งแต่เมื่อเย็นแล้วหนาขุนราชอารักษ์ถามหาสหายคนสนิทของขุนพิทักษ์เทวาด้วยว่าเมื่อตอนกินข้าวเขาก็หาได้พบสหายผู้นี้ไม่
คืนนี้พ่ออินมิได้อยู่เวร ลางทีอาจจะชวนออกหลวงหิรัญภักดี ลัดเลาะไปเที่ยวท่องแห่งหนใดกระมังขุนพิทักษ์เทวาตอบพลางก้มหน้าลงซ่อนยิ้มด้วยความขบขันเมื่อนึกถึงหมื่นอินทรรักษ์ผู้เป็นสหายที่ช่างลัดเลาะเที่ยวท่องประสารักสนุกราวกับเป็นเด็กไว้จุกเสียเหลือเกิน
กระนั้นรึ ใจจริงข้าก็หมายใจว่าจักเข้าชมเมืองสุพรรณบุรีเช่นกันขุนราชอารักษ์ถอนหายใจอย่างเสียดายที่ไม่ได้ไปเที่ยว แต่ทว่าหน้าที่ที่เป็นถึงราชองครักษ์ทหารร่วมพระราชหฤทัยย่อมสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดเสมอ แม้จิตใจจะใคร่ลดเลี้ยวเที่ยวท่องก็ตาม ชายชาติทหารนั้นหน้าที่ย่อมมาก่อนสิ่งอื่นใดทุกครา
เป็นเยี่ยงไรบ้าง เมืองสุพรรณขุนราชอารักษ์เอ่ยสัพยอกหมื่นอินทรรักษ์และหลวงหิรัญภักดีที่เพิ่งก้าวลงจากอาชาสีน้ำตาลของออกพระสุนทรสงครามที่เจ้าตัวนั้นได้ขอหยิบยืมมาเพื่อควบขี่ไปลัดเลี้ยวเที่ยวท่องภายในตัวเมืองเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อนหน้า
จากคุณ |
:
อโยธยานารี
|
เขียนเมื่อ |
:
22 พ.ค. 54 13:30:30
|
|
|
|