Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เวรันนที # ตอนที่6 เวรันนทีกับเพื่อนร่วมทาง # ติดต่อทีมงาน

บริวารทั้งสองเตรียมตัวพร้อมแล้วสำหรับการออกเดินทางเพื่ออารักขาผู้เป็นนายกลับไปเยี่ยมบ้านที่เมืองมนุษย์
ฝ่ายชัยยันต์เห็นจะเป็นเพราะหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติอยู่แล้ว แต่สำหรับบริวารอย่างช่อนาคีนั้นดูเหมือนว่าอยากไปเพราะความสมัครใจใคร่รู้มากกว่าหน้าที่ เพราะแท้จริงแล้วหน้าที่หลักของบริวารสาวนางนี้คือรับใช้ใกล้ชิดชานตตีนาคี มิใช่รัชชตะ

เมื่อรู้ข่าวว่านายท่านจะออกเดินทางกลับบ้านช่อนาคีถึงกับหูผึ่ง
เจ้าหล่อนทำเป็นเดินไปเรียบๆเคียงๆเมียงมองแถวที่พำนักของจอมนาคา

“ช่อนาคี!”
ทำเอาบริวารสาวสะดุ้งโหยงเมื่อนายท่านย่องเงียบเชียบจากด้านหลัง

“ฮั่นแน่ แอบมาถ้ำมองอะไรแถวนี้ หรือว่าอยากไปเที่ยวบ้านผม”
รัชชตะทำหน้าล้อเลียนเหมือนรู้ใจ

“อูย นายท่าน ช่อนาคี ตกใจหมดเลยเจ้าค่ะ เดี๋ยวนี้นายท่านเคลื่อนที่ได้เบานัก”
ผู้พูดสีหน้ายังไม่คลายความตกใจดังว่า

“ฮะ ฮะ คนเรามันก็ต้องมีการพัฒนากันบ้าง แล้วว่าไงจะไปมั้ย ไม่ไปผมไปล่ะ เดี๋ยวเสียเวลา”
นายท่านทำทีเหมือนจะเดินผละไป

“นายท่าน นายท่าน เอ่อ ช่อนาคี อยากไป แต่…”
บริวารสาวรีบวิ่งตามมาอย่างร้อนใจ

“แต่อะไร” ไม่ได้หันไปมองหน้าบริวาร ทว่าคงยืนกอดอกรั้งรออยู่

“ยังไม่ได้ขออนุญาต นายหญิงเจ้าค่ะ”
บริวารสาวทำท่ากระมิดกระเมี้ยนตอบ

“เรื่องจิ๊บๆ ไปรอผมที่ฝั่งพร้อมชัยยันต์ได้เลย รับรองช่อนาคีได้ไปเที่ยวแน่นอน”
ชายหนุ่มเดินจากไปอย่างที่ไม่ต้องหันมองเพราะรู้ว่าสักเดี๋ยวช่อนาคีก็คงไปยืนรอเขาดังว่า

การขออนุญาตเพื่อให้ช่อนาคีได้ไปเที่ยวไม่ได้ยากเย็นอย่างที่คิดจริง ๆ เมื่อพบชานตตี
รัชชตะก็แค่อธิบายไปว่าได้รับปากที่จะพาบริวารนางนี้ไปเที่ยวแล้ว ต้องรักษาสัจจะ
เพียงเท่านั้นผู้ที่ให้ความสำคัญกับสัจจะวาจาเช่นเธอก็อนุญาตแบบผ่านฉลุย
ซึ่งในตอนแรกรัชชตะคิดว่าคงเป็นเพียงเหตุผลเรื่องนี้
ทว่าแท้จริงแล้วที่ชานตตีอนุญาตให้ช่อนาคีไปกับเขานั้นน่าจะเพราะเหตุผลอื่น

“รัชชตะ ระหว่างเดินทางท่านมิควรเปิดเผยสถานภาพใดๆ และระวังตัวให้มากเพราะในช่วงนี้ได้เวลาที่ข้าต้องเดินทางไปถ่ายพิษ
และพำนักอยู่กลางเขาอินทนิลกับท่านอินทนาคราช หากมีสิ่งใดเกิดขึ้น ข้ามิอาจออกมาช่วยเหลือท่าน”

“ถ่ายพิษคืออะไรครับ”

“ตลอดเวลานาคานาคีมีพิษร้ายไหลเวียนอยู่ทั่วร่าง เพื่อจะเอาไว้ใช้ทำลายศัตรู เมื่อถึงเวลาที่พิษนั้นสร้างและสะสมในร่างกายมากเกินไป
เราต้องถ่ายมันออกเพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย หรือที่มนุษย์เรียกว่า ลอกคราบ”

“…..”
ชายหนุ่มได้แต่ยืนอึ้งกับคำตอบนั้นด้วยนึกภาพตามว่า การลอกคราบคงจะน่าขนลุกขนพอง

‘เฮ่ย นี่อย่าบอกนะว่าเราต้องลอกคราบน่ะ’

“ใช่ ท่านก็เช่นกันเมื่อถึงเวลาท่านจะรู้เอง ในเวลาที่ลอกคราบนั้น ผู้เป็นเจ้าของร่างจะไม่มีพลังและเรี่ยวแรงที่จะต่อกรกับผู้ใด
เราจึงจำเป็นที่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของผู้อื่น”

“ท่านอินทนาคราช”
รัชชตะย้อนคิดถึงเสียงชายแก่ที่สอนให้เขาทรงตัวในอากาศ

“ใช่......ไปเถิดรัชชตะ ช่อนาคีไปกับท่านก็เท่ากับมีบริวารคอยอารักขาเพิ่มขึ้นอีก นี่คือบรรจุทรัพย์ และวัตถุที่ท่านหวงแหน”
หญิงสาวเจรจาพร้อมยื่นกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือคืนให้แก่เขา

“ฮะ ฮะ คุณเรียกเป๋าตังค์ว่า บรรจุทรัพย์เหรอ ฮาดีเนอะ ผมไม่เคยได้ยินใครเรียกยังงี้เลย”

“ท่านยังมีความทรงจำของมนุษย์อยู่มากแม้บัดนี้กายท่านจะมิใช่มนุษย์อีกแล้ว”

หญิงสาวคล้ายรำพึงกับตัวเอง ซึ่งรัชชตะก็เห็นด้วยกับคำพูดของเธอเช่นกัน เพราะเขาเองก็รู้สึกว่ารูปร่างหน้าตา
และความละเอียดของผิวกายได้เปลี่ยนไปมาก
ตั้งแต่ขึ้นจากสระมรกต ทว่าไม่ได้ออกความเห็นใดๆนอกจากเดินตามหญิงสาวออกไปทางประตูด้านนอกจนกระทั่งถึงริมหาดทราย
ที่ขณะนี้เรือและบริวารทั้งสองพร้อมออกเดินทางแล้ว

“มหาสมุทรด้านหน้าวิมานมรกตนี้ คือ มหาสมุทรแห่งสันติภาพ นามว่า ‘เวรันนที’
ท่านจะเดินทางอย่างปลอดภัย ห่างไกลจากการรังควานของเหล่าครุฑมิจฉาทิฏฐิทั้งหลาย แต่เมื่อถึงสีทันดรต้องระวังให้มาก”

“เวรันนทีเหรอครับ ชื่อเพราะจังนะครับทะเลที่นี่”

“เวรันนที เป็นมหาสมุทรสันติภาพที่ครั้งหนึ่งพญาเวนไตยราชปักษีได้เคยกระทำสัจจะวาจาสงบศึก
กับท้าวอนันตนาคราชจ้าวแห่งวังนาคินทร์ทั้งหลายที่จะเก็บน่านมหาสมุทรนี้ไว้เป็นน่านนทีหนึ่งที่ทุกชีวิต
จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขไร้ซึ่งสงคราม และเพื่อเป็นอนุสรณ์จึงนำชื่อของจ้าวผู้เป็นใหญ่ทั้งสองประกอบรวมกัน
ได้นามว่า เวรัน”

“แล้วทำไมภุชนาคินถึงโดนรังควานโดยพวกครุฑล่ะครับ ทั้ง ๆที่สัญญากันไว้แล้ว”

“โชคร้ายนัก วังนาคินทร์ส่วนหนึ่งอยู่นอกเขตเวรันนที และภุชนาคิน คือ วังนาคินทร์ที่ใหญ่ที่สุดในจำพวกนั้น
จึงเป็นเป้าหมายให้พวกครุฑเหล่ามิจฉาทิฏฐิต้องการเข้าครอบครองและข่มเหง”

“ถ้างั้นเราก็ให้จ้าวผู้เป็นใหญ่ทั้งสองทำสัญญาสงบศึกโดยการขยายเขตออกไปสิครับ ไม่เห็นจะยากเลย”

“การณ์ต่างๆ ดูจะไม่ง่ายเช่นที่ท่านคิดนัก แล้วท่านจะได้สนทนาเรื่องที่สงสัยใคร่รู้ต่ออินทนาคราชสหายของบิดาเมื่อกลับมาจากเมืองมนุษย์
ไปเถิด หากล่าช้าท่านจะพลาดนัดหมายสำคัญของคนรัก และอย่าลืม เรียกว่านนาคามาบังกายเมื่อถึงมหานทีสีทันดร”

“ชานตตี ยังไงผมก็ต้องขอบคุณเรื่องที่คุณเสี่ยงชีวิตช่วยผมที่บ่อโคลนนะไม่ได้คุณป่านนี้ผมคงจมลงไปเป็นวิญญาณงูเร่ร่อนในบ่อแล้ว”
รัชชตะพูดด้วยใจจริง

“ท่านมิต้องเอ่ยคำขอบคุณ เพราะการอารักขาจ้าวแห่งภุชนาคิน คือ หน้าที่ของบริวารเช่นข้า
หากปล่อยให้ทายาทท้าววาสุกรีมีอันเป็นไปแล้วผู้ใดจะช่วยเหลือบริวารที่ถูกขังในภุชะคูหาเล่า”

ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เพียงเท่านั้นหญิงสาวร่างบางก็กลายร่างเป็นงูใหญ่เกล็ดเขียวม้วนกายเป็นวงอย่างสวยงาม
ดังเช่นการทำความเคารพนบนอบต่อหน้าเขา ก่อนจะทะยานสู่ฟากฟ้าเหนือเขาสลับซับซ้อนด้านหลังวิมานมรกต

ชายหนุ่มมองตามร่างยาวด้วยความรู้สึกอื่นที่เข้าทดแทนความรู้สึกเดิมๆที่มีต่อเธอ
ในสายตาของรัชชตะชานตตีคือผู้หญิงหน้าตายไร้อารมณ์ขันคนหนึ่งสิ่งที่เธอถนัดคือคำสั่งแกมบังคับอย่างเผด็จการ
และการแสดงออกด้วยท่าทีอันหยิ่งทนง ทว่ามาตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจว่าเธอคือผู้ที่จงรักภักดีต่อเผ่าพันธุ์และหน้าที่อย่างยิ่ง

‘หรือบางทีเธออาจใจดี เพียงแต่ภายนอกเคลือบแฝงไว้ด้วยความเคร่งขรึมให้ดูน่ายำเกรงเท่านั้น’

“นายท่าน ขึ้นเรือเถิด ขณะนี้ที่เมืองมนุษย์คือวันเกิดของนพมาศคนรักของท่าน”
ชัยยันต์ส่งเสียงเรียกเมื่อนั่งรอผู้เป็นนายอยู่ในเรือเรียบร้อยแล้วพร้อมกับช่อนาคี

ความคิดคำนึงถึงนาคีสาวมีอันหยุดไว้เพียงเท่านั้น ในเมื่อสิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือการไปให้ทันวันเกิดของนพมาศ
รัชชตะรีบตามบริวารทั้งสองไปขึ้นเรือ และครั้งนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไปเขาสามารถเดินบนน้ำได้อย่างสบายเช่นเดินบนพื้นดินทั่วไป

”ว้าว ชัยยันต์คุณดูดิ ผมเดินบนน้ำได้แล้ว” รัชชตะตื่นเต้นดีใจซะเต็มประดา

“คิก คิก พวกเราก็เดินบนน้ำได้ทั้งนั้นเจ้าค่ะ” บริวารสาวมิวายขบขันในท่าทีของผู้เป็นนาย

“ช่อนาคี ยียวนยังงี้ รึว่าไม่อยากไป”

“นายท่าน ช่อนาคีพูดเล่นดอกเจ้าค่ะ” พูดพลางหลบสายตาทะเล้นลงอย่างสำนึกผิด

เรือน้อยแล่นออกมาเรื่อยอย่างไร้แรงกระทำเช่นเคย รัชชตะสังเกตว่าในคราวนี้ท้องฟ้าที่เคยสว่างแจ่มใสดังช่วงเที่ยงวัน
ได้กลับกลายเป็นขอบฟ้ายามเย็นสีส้มระเรื่อตัดขอบมหาสมุทรกว้างใหญ่สีคราม
จากการคาดคะเนนี่น่าจะเป็นยามเย็นของเวรันนที ซึ่งเท่ากับเกือบครึ่งปีของเมืองมนุษย์แล้วตามคำบอกเล่าของชานตตี

การเดินทางไม่ได้สร้างความตื่นเต้นให้แก่รัชชตะดังเช่นคราวแรกที่มา และแล้วเรือน้อยก็ถูกพาม้วนเหมือนรถไต่ถังจากเวรันนทีมาสู่มหานทีสีทันดร

“นายท่าน เรียกว่านนาคากำบังกายเถิดจากนี้ ไม่ใช่เวรันนทีแล้ว อันตรายอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ”

<ต่อ>

แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 54 14:37:54

แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 54 14:31:33

จากคุณ : Kiwi_brown
เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 54 14:10:54




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com