8 ความรักสำคัญแค่ไหน ความเข้าใจสำคัญยิ่งกว่า
เช้าวันนี้... หลังจากที่สองหมื่นหนึ่งพันหกร้อยครั้งผ่านพ้นไป เธอยังไม่ตาย... ข้าวขวัญรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาบนเตียงยับย่นในสภาพเปลือยเปล่าผิดจากความเคยชิน เลยรีบสำรวจร่างกายตัวเองดู จึงรู้ว่า
อา... เหตุการณ์ที่แสนจะเร่าร้อนอ่อนหวานเมื่อคืนนี้ ไม่ใช่ความฝัน มันคือความจริง!
ภาพเธอกับเขา... บนเตียงกว้าง ที่เธอเห็นเมื่อแรกพบเขานั่น... อา... กลับกลายเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ หรือนี่!!!
หญิงสาวรู้สึกเหมือนโลกทลายลงตรงหน้า ...แต่เมื่อเปิดประตูห้องนอนออกมาเห็น เพื่อนสนิท คนเดิมกำลังผิวปากฮัมเพลงหุงข้าวต้มเหมือนอย่างเคย เลยแอบสงสัยว่าเธอเข้าใจอะไรผิดไปคนเดียวหรือเปล่า แต่พอได้สบตาที่หันมามอง... ไม่!... เขาไม่ใช่ เพื่อนสนิท อีกต่อไปแล้ว ยิ้มแก้มบุ๋มที่ส่งมาให้ก็เปลี่ยนไป ช่างเป็นยิ้มที่ไม่บริสุทธิ์เอาเสียเลย ยิ้มเหมือนเด็กเกเรขโมยกินขนมของคุณครูที่ดุที่สุดในโรงเรียนจนอิ่มมา
บอกฉันสิ ว่าเธอเมา ทำไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ข้าวขวัญถามเสียงเบาราวกับคนละเมอ
ไม่เมา...จะเมาได้ไง เราไม่ได้ดื่มเหล้าสักหยด
หมายความว่ายังไง? ...เขาไม่เมา? เพื่อนเขามอมเหล้าเธอ แต่เขากลับไม่แตะเลย แบบนี้เท่ากับหลอกกันชัดๆ นี่
ไม่เมาแน่นอน... นำทัพพ์ยืนยัน ...เรารู้ตัวตลอดว่าทำอะไรลงไป เธอชอบรึเปล่า? เราตั้งใจทำมากเลยนะ เสียงออดอ้อนกับท่าทางเขินนิดๆ ของเขาไม่ได้ทำให้ข้าวขวัญรู้สึกดีอย่างที่หญิงสาวสมควรรู้สึกในเช้าวันรุ่งขึ้นของค่ำคืนแสนหวานเลย เธอแทบจะลุกขึ้นมากระทืบเท้าแล้วกรี๊ดๆๆ ด้วยซ้ำ
ตั้งใจ?! อา... เขาตั้งใจทำแบบนั้น ทั้งๆ ที่บอกเธอมาตลอดว่า ไม่คิดอะไร บริสุทธิ์ใจ เป็นเพื่อนสนิทกัน
ถ้าเราเป็นเสี่ย ก็คงเป็นเสี่ยที่น่าสงสารที่สุดในโลก นอกจากต้องทำงานบ้านแล้ว ยังไม่เคยได้ แอ้มอีหนู เลยสักครั้ง... คำพูดของนำทัพพ์ย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำของข้าวขวัญอีกครั้ง...
เธอคงรู้ใช่มั๊ยว่า ที่เสี่ยเลี้ยงอีหนูน่ะ เค้ามีวัตถุประสงค์อะไร เวลาอยู่ในห้อง เค้าทำอะไรกับอีหนูบ้าง... แล้วเวลาเราอยู่ในห้อง เราทำแบบนั้นกับเธอรึเปล่าล่ะ?
เราเปล่าทำใช่มั๊ยล่ะ แล้วเราจะเป็นเสี่ยไปได้ไง เธอย่อมรู้ดีว่ามันไม่ใช่อย่างงั้น เราสองคนเป็นเพื่อนสนิทกัน อยู่ด้วยกัน พึ่งพาอาศัยกันด้วยความบริสุทธิ์ใจ จริงมั๊ย?
นี่หรือ บริสุทธิ์ใจ? นี่หรือ สิ่งที่เพื่อนทำกับเพื่อน?
ข้าวขวัญเคยคิดว่า ขอเพียงแต่นำทัพพ์กับเธอไม่ได้มีความสัมพันธ์เกินเลย ไม่เคยทำแบบที่เสี่ยทำกับอีหนูตอนอยู่ในห้อง เธอกับเขาก็คือเพื่อนสนิทที่พึ่งพาอาศัยกัน ไม่ใช่เป็นอย่างที่ชาวบ้านร่ำลือ
แต่นี่
ไม่... ไม่นะ ลูกสาวลุงสิบไม่ขายตัว ไม่ใช่... ไม่ ไม่ ไม่... ไม่ยอมเด็ดขาด!!!
ในสายตาใครหลายคน ภาพพจน์ของชาวนามาคู่กับความลำบากและยากจน บางคนขายลูกสาวไปเป็นโสเภณี บางแห่งส่งลูกสาวขายตัวกันทั้งหมู่บ้านก็มี แต่สิ่งที่พ่อของเธอทำ คือกู้ศักดิ์ศรีชาวนาคืนมา พึ่งพาตนเอง ยืนอยู่บนความพอเพียง เลี้ยงตัวและครอบครัวได้ด้วยสิบนิ้วสองมือไม่ใช่หรือ
ด้วยศักดิ์ศรีลูกสาวชาวนา ข้าวขวัญยอมไม่ได้ ถึงตายก็ไม่ยอมเป็นอีหนูของใคร
ว่าไง...? นำทัพพ์ไม่รู้ว่าข้าวขวัญคิดไปไกลถึงไหนๆ เขาวางทัพพีคนข้าวมาโอบกอดเธอก้มลงกระซิบเสียงอ้อนข้างหู ...เราถามว่า ชอบมั๊ย ทำแบบเมื่อคืนนี้... เธอมีความสุขเหมือนเรารึเปล่า?
ลูกสาวลุงสิบกำลังสับสน ไม่รู้จะตอบเขายังไง จะว่าไป ก็ชอบนะ มีความสุขมากด้วย แต่ว่า... ไม่สิ... ต้องไม่ชอบ ไม่มีความสุขสิถึงจะถูก
ถ้าเธอชอบ ต่อไปนี้ เราทำแบบนั้นกันทุกคืนเลยดีมั๊ย?
ไม่!
ไม่ได้นะ ทำแบบนั้นก็เท่ากับว่า รถสปอร์ตของเขา... กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า เครื่องประดับ ข้าวของที่เขาให้ ค่าใช้จ่าย และอื่นๆ อีกมากมายนั่นก็
กลายเป็นอีหนูรับของเสี่ยน่ะสิ! รับของเขาแล้วเอาตัวเข้าแลก ยินยอมให้เขาตักตวงความสุขจากร่างกายเธอเหมือนผู้หญิงแบบนั้นเลย ...แล้วมิตรภาพที่บริสุทธิ์ก็จะพังทลาย กลายเป็นความสัมพันธ์ชั้นต่ำที่แปดเปื้อนคาวโลกีย์!
เธอจะไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้นเด็ดขาด เอา เพื่อนสนิท ของเธอคืนมานะ
ไม่!
ไม่ได้ ...เธอหลอกฉัน ไหนว่าเธอไร้สมรรถภาพไง? โบ้ยเฉยเลยข้าวขวัญเอ้ย
เฮ่ย เราไม่เคยหลอกนะ ใครกันแน่ที่เป็นคนไปป่าวประกาศบอกชาวบ้านว่าเราไร้สมรรถภาพ? ตกลงเธอรู้แล้วนะว่าสมรรถนะของเราน่ะ ยังใช้ได้ดีอยู่
ไม่รู้ล่ะ เธอไม่ปฏิเสธ ก็ถือว่าหลอกฉัน พอฉันตายใจหลงเชื่อก็ให้เพื่อนช่วยกันมอมเหล้าแล้ว... แล้ว...
ข่มขืน!!!
พาฉันไปโรงพักเดี๋ยวนี้นะ
ไปโรงพักทำไม? นำทัพพ์ถามเพราะคิดตามไม่ทัน
ฉันจะไปแจ้งความ... นี่เป็นทางรอดหนึ่งเดียวที่ข้าวขวัญคิดออกยามคับขัน เรื่องเมื่อคืนนี้ จะต้องเป็นแค่ อุบัติเหตุ ที่เธอไม่ตั้งใจเท่านั้น
ฉันถูกข่มขืน!
ตอนแรก ข้าวขวัญคิดแค่ว่าอยากได้ใบแจ้งความ เขียนสั้นๆ เหมือนแจ้งกระเป๋าตังค์หายเพื่อเอาเอกสารไปทำบัตรประชาชนใหม่ ...เธออยากมีอะไรก็ได้ ที่เป็นหลักฐานยืนยันว่าเรื่องเมื่อคืน ไม่มีใครตั้งใจ เหตุเกิดเพราะประมาท เมาแล้วขับ (ขี่ควบ) ทำให้เกิดความเสียหาย ได้รับบาดเจ็บตามร่างกายเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่า เรื่องมันจะบานปลาย วุ่นวายไปหมดทั้งโรงพักแบบนี้
และทั้งหมดนี้ ก็คือเหตุผลของข้าวขวัญ แต่เธอกลับตอบถามของนำทัพพ์ไม่ได้ ว่าทำไมเธออยากให้มันเป็นแค่ฉากข่มขืน
ปรับปรำคนดีชัดๆ ตัวเองนั่นแหละ เป็นคนลงไม้ลงมือก่อน... ทั้งกอด ทั้งจูบ ทั้งลูบ ทั้งคลำเราจนทนไม่ไหว ความจริง เราต่างหากเป็นผู้เสียหาย แล้วขอโทษนะ เมื่อคืนนี้ เธอไต่ขึ้นมาอยู่บนตัวเรากี่ครั้งนับบ้างรึเปล่า แล้วก็ เธออีกนั่นแหละ ที่เป็นคน...
ยู๊ด หยุดๆๆๆ ห้ามพูดนะ ห้ามพูด ข้าวขวัญรีบเอามือปิดปากเขา แล้วโวยวายกลบเกลื่อนด้วยความอับอาย ...ก็เธอมอมเหล้าฉันนี่ ไม่รู้เหล้าอะไรที่พวกเธอหมักเองอะไรนั่น มันต้องใส่ยาปลุกเซ็กส์แน่ๆ เลย ไม่งั้น ฉันจะรู้สึกอยากทำแบบนั้นกับเธอจนทนไม่ไหวได้ไง... อุบส์! ข้าวขวัญหดมือกลับมาปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน
นำทัพพ์ได้ยินแล้วอดยิ้มขำปนเอ็นดูเธอไม่ได้
อ้อ... อยากทำแบบนั้นกับเราจนทนไม่ไหวเหรอ ฮึๆ จะบอกให้นะว่า สาโทนั่นน่ะ ไม่มียาปลุกเซ็กส์อะไรทั้งนั้นแหละ ความจริงก็คือ ...เธอต้องการเรา
ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ
จริง! ...เธออยากพิสูจน์มั๊ยล่ะ? นำทัพพ์ท้า และประโยคนั้นก็ทำให้ข้าวขวัญไม่กล้าเถียงอะไรกับเขาอีกจนกระทั่งกลับมาถึงคอนโด
เธอหันมายืนเท้าสะเอวขวางประตู เมื่อเขาทำท่าจะเดินเข้ามาในห้องชุดเหมือนอย่างเคย
นี่... ยังคิดจะมาอยู่ที่นี่อีกเหรอ?
เราเหนื่อยนะ ใช้งานเราทั้งคืน ตื่นมาก็หาเรื่องให้ปวดหัว แล้วยังจะไม่ให้เรานอนอีก?
ไม่ได้ๆๆ ข้าวขวัญกระทืบเท้าเร่าๆ เมื่อร่างสูงเดินกระเผลกๆ เข้าประตูไป ที่น่าเจ็บใจคือ แทนที่จะนอนห้องตัวเอง กลับกระโดดขึ้นเตียงเธอหน้าตาเฉย
ไปให้พ้นนะ ไม่งั้นฉันจะโทรเรียกตำรวจมาลากคอเธอออกไป
นำทัพพ์ไม่เถียงด้วย เขายื่นมือถือให้เธอแล้วล้มตัวลงนอน
อย่าเพิ่งนอนซี่... ข้าวขวัญรับมือถือมาแต่ไม่โทรหาตำรวจ เธอตามเขาขึ้นเตียง คิดจะลากเขาลงมา แต่ทว่า ทำอีท่าไหนไม่รู้กลายเป็นนอนระทวยอยู่ในวงแขนเขาเสียได้
อืม... ลืมไปว่ายังนอนไม่ได้ ต้องทำเรื่องสำคัญก่อน
เรื่องสำคัญ?
ใช่... สำคัญมาก ต้องพิสูจน์ให้เธอเข้าใจว่า ความรู้สึกต้องการเราจนทนไม่ไหวนั่นไม่เกี่ยวกับเหล้าหรือยา ในสาโทนั่น ไม่ใส่ยาอะไรเลย!
และแล้ว จากสองหมื่นหนึ่งพันหกร้อยครั้ง... ก็เพิ่มเป็น เจ็ดหมื่นหกพันกว่า ครั้งอย่างรวดเร็ว
ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า สี่หมื่นหกพันกว่า ครั้งเป็นการทุจริตระหว่างอยู่ในตำแหน่ง ใช้อำนาจหน้าที่เอื้อผลประโยชน์หาความสุขส่วนตนและ 'น้องชาย' สมควรลงโทษ
ส่วนอีกสามหมื่นครั้งที่เหลือเล่า ถือว่าเขาทำให้เกิดประโยชน์สุขส่วนรวม???
หมายเห็ด กรณีนายนำทัพพ์ กระทำการคนเดียว ไม่มี "นอมินี" เหมือนอดีตนายก อิอิ
ข้าวขวัญไม่เชื่อ มันต้องมียาแน่ๆ ...เป็นยาปลุกเซ็กส์ชนิดร้ายแรงที่ตกค้างอยู่ในร่างกายได้นานเป็นสัปดาห์!
ถ้าในเหล้านั่นไม่มียา เธอจะมีความสุขขนาดนั้นเหรอ ทั้งๆ ที่รู้สึกผิด คิดอยู่ตลอดเวลาว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องสมควร...
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้... ไม่มีวันไหนเลยที่เธอกับนำทัพพ์แยกห่างจากกัน ยานั่นทำให้เธอเป็นบ้า (กาม) ขาดเขาไม่ได้เลย และทุกครั้ง หลังจากสุขสมอารมณ์หมาย เธอก็ต้องนอนหงายก่ายหน้าผากอยู่ข้างๆ นำทัพพ์ซึ่งหลับปุ๋ยด้วยความอ่อนเพลีย
น่าหงุดหงิดที่สุดเลย ทำคนอื่นเค้ากลุ้มใจ แต่ตัวเองหลับสบายอมยิ้มอย่างมีความสุข ข้าวขวัญรู้สึกเกลียดแก้มบุ๋มๆ นั่นจับใจ (เกลียด แต่ไม่รู้ทำไม หันมามองมันทีไร ใจอ่อน ลุกจากที่นอนไปไม่ได้ทุกที)
เพื่อนไม่แทงข้างหลังเพื่อน... เธอกับเขาไม่สามารถกลับมาเป็นเพื่อนสนิทกันได้อีกต่อไป (ถึงนำทัพพ์จะไม่แทงข้างหลัง แต่แทงข้างล่างก็ทะลุถึงหัวใจเหมือนกัน) ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกเลย แล้วนี่เธอจะยังคิดจะไปอยู่กับเขาที่นู่นอีกเหรอ ในฐานะอะไรมิทราบ ไม่ใช่เพื่อน... แต่ก็ไม่ใช่...
นำทัพพ์ไม่เคยบอกรัก ไม่เคยขอเป็นแฟน ไม่เคยขอแต่งงาน ไม่เคยพูดอะไรที่ให้ความหวังเธอ มีแต่มาอยู่ด้วย ช่วยค่าใช้จ่าย ให้สิ่งของวัตถุ
มากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน... งั้นก็... กิ๊ก? ...นิยามใหม่ของเมียเก็บ! คิดมาถึงตรงนี้ ข้าวขวัญก็รู้สึกมีน้ำขมๆ เอ่อล้นขึ้นมาจุกคอ (เป็นไงล่ะ หนูทับบี้ของป้าจี้แน่มั๊ย ทะลุหัวใจแต่น้ำพุ่งต่อมาถึงคอเล้ย กั๊กๆๆ)
แต่ถึงขนาดนี้แล้ว เขาก็ยังปากแข็งปฏิเสธอีกว่าไม่ได้เป็นเสี่ย
ไม่ใช่แน่ เพราะอีหนูเค้าต้องอาบน้ำให้เสี่ยสิ มีที่ไหน เสี่ยอาบน้ำให้อีหนูแบบนี้ ขาดทุนแย่ เขาบอกอย่างอารมณ์ดีตอนถูสบู่ให้เธอในอ่างอาบน้ำเมื่อวานตอนหัวค่ำ ข้าวขวัญอยากค้าน แต่
อา... อย่านะ... สัมผัสของเขาทำให้เธอไร้เรี่ยวแรง ...อย่า... อย่าทำแบบนั้น เดี๋ยวก็กินสบู่เข้าไปหรอก ไม่... โอว... เขาเป็นแมวหรือไง ถึงได้ทำความสะอาดร่างกายเหมือนน้องเหมียวเลย? แต่เป็นน้องเหมียวแค่ประเดี๋ยวเดียว แมวน้อยก็แปลงร่างเป็นเสือร้ายขย้ำหม่ำเธอแล้ว
หรือข้าวขวัญสมควรคิดว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขา เปลี่ยนจากเพื่อนสนิท... นางงามน้ำใจงามกับหนุ่มพิการน่าสงสาร เป็น...หญิงสาวจิตเมตตารักสัตว์ (สัตว์โลกน่ารัก / สัตว์ป่าพิศวง) ดีหนอ?
ลูกสาวลุงสิบไม่รู้ว่าควรปรึกษาใคร เธอไม่มีเพื่อนคนไหนสนิทพอที่จะพูดเรื่องแบบนี้ให้ฟัง เคยมีนะ เพื่อนสนิท ที่เล่าอะไรๆ ให้เขาฟังได้ทุกเรื่อง แต่ตอนนี้เขาคนนั้นได้หายไปแล้ว กลายเป็น... เฮ่อ... จะเล่าให้พ่อฟัง ก็ไม่กล้า กลัวพ่อผิดศีลข้อหนึ่ง ก่อคดีอาญา ที่สำคัญกว่า... พ่อต้องเสียใจแน่ๆ ถ้ารู้ว่าลูกสาวที่พ่อตั้งความหวังไว้ ส่งเสียให้เรียนสูงๆ กลับกลายเป็นนักศึกษาค้าประเวณีแลกกับการใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือยแบบนี้ แล้วนี่เธอยังจะอัพเกรดจากนักศึกษาขายตัวเป็นนักเรียนทุนปริญญาโทขายตัวอีกเหรอ?
ความจริงนี่ก็ใกล้วันเดินทางเข้ามาทุกที เธออยากกลับไปอยู่กับพ่อ แต่ก็รู้สึกผิดจนไม่มีหน้ากลับบ้าน ไม่กล้าเจอหน้าพ่อเพราะกลัวถูกจับพิรุธได้ พ่อต้องรู้แน่ๆ เลยว่าลูกสาวของพ่อ... ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
ข้าวขวัญจึงเก็บความทุกข์ไว้แต่เพียงคนเดียว จนกระทั่งถึงวันก่อนหน้าวันเดินทาง... ทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว แต่เธอยังตัดสินใจไม่ได้ ว่าจะเลือกเส้นทางชีวิตยังไง ไปกับเขา หรือว่า...
เสียงโทรศัพท์ในห้องนั่งเล่นดังขึ้น ปลุกเธอให้ตื่นจากห้วงความคิดอันสลับซับซ้อน
ฮัลโหล ดิฉันโทรจากบริษัทโฮมแอนด์คอนโดฟอร์เล้นท์นะคะ นายหน้าดูแลคอนโดที่คุณข้าวขวัญเช่าอยู่ จำได้มั๊ยคะ?
อ้อ... ค่ะ มีธุระอะไรคะ
ที่คุณข้าวขวัญฝากเรื่องไว้ ว่าอยากติดต่อขอซื้อห้องชุดน่ะค่ะ
เธอเกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย เป็นเพราะเสียดายความหลังที่เคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับเขา เธอเลยอยากซื้อคอนโดนี้เพื่อเก็บมันไว้ แต่... ตอนนี้ นอกจากภาพความหลังครั้งเก่าที่แสนดี ยังมีภาพเหตุการณ์สำคัญที่หญิงสาวไม่มีวันลืมได้ตลอดกาลแทรกซ้อนขึ้นมา!... อ่า... ครั้งแรกของเธอในห้องนี้...
ดิฉันค้นชื่อกับเบอร์โทรศัพท์เจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คุณได้แล้วนะคะ คุณมีกระดาษจดมั๊ยคะ?
เอ่อ... มี... มีค่ะ
เขาชื่อคุณนำทัพพ์ ทรัพย์สมบัติสถิตนะคะ เบอร์โทร........
อะไรนะคะ? ไม่ใช่สัญญาณไม่ดี ข้าวขวัญได้ยินชื่อนั้นชัดแจ๋ว แต่เธอไม่แน่ใจว่าฟังอะไรผิดไปรึเปล่า
นำทัพพ์ ทรัพย์สมบัติสถิต นายหน้าบอกชื่อซ้ำอีกครั้งพร้อมเบอร์โทรซึ่งข้าวขวัญจำได้ขึ้นใจ
คุณ... อ่า... คุณแน่ใจนะคะว่าเขาเป็นเจ้าของห้องนี้?
ร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ
หรือว่าเขาคิดเหมือนเธอ แต่มีกำลังทรัพย์พร้อม เลยติดต่อเจ้าของห้องคนเก่าแล้วซื้อมาเป็นของตัว? แต่พอถามรายละเอียดจากนายหน้า กลับได้ความว่า...
ไม่ใช่ค่ะ เขาเป็นเจ้าของห้องที่ให้คุณเช่ามาตลอด 3 ปี เพียงแต่เขาแต่งตั้งบริษัทเราจัดการทำธุรกรรมจัดหาผู้เช่าและเก็บค่าเช่าให้ ไม่ใช่แค่นั้น
อ้อ... นี่เขาเขียนเงื่อนไขอัตราค่าเช่าพิเศษไว้ด้วยนะคะ ว่า ถ้าผู้เช่าชื่อนางสาวข้าวขวัญ สีลม ค่าเช่าจะลดลงเหลือเพียง 20% ของค่าเช่าปกติ และนายหน้าได้ค่าตอบแทนเพิ่มขึ้น 10 เท่า!
เขาหลอกเธอ! ปากก็พูดว่าไม่คิดอะไร แล้วแบบนี้... มันหมายความยังไง?!
คืนสุดท้ายก่อนวันเดินทาง... นำทัพพ์กลับบ้านมาเพื่อร่ำลาทุกคนไปเรียนต่อ หลายวันมานี้เขามีความสุขจนยิ้มบุ๋มค้าง ตอนกินข้าวกับครอบครัว ท่านเจ้าสัวและคุณหญิงไพลินก็ทักว่าหน้าตาสดใสผิดหูผิดตา โหวงเฮ้งดีอย่างงี้แปลว่าดวงกำลังขึ้น ...พี่พลถามว่าได้วิตามินอะไรดีๆ มา บอกๆ กันมั่ง อย่าเก็บไว้คนเดียว ...ส่วนพี่พลอยก็เดาว่าไปต้องทำศัลยกรรมทำหน้ามาแน่ๆ ถึงผุดผ่องอย่างงี้ คลีนิคไหนแนะนำด่วน
มีคนเดียวเท่านั้นที่ทายถูก...
หนูทับบี้ต้องมีเมียแน่ๆ นี่จะหนีไปอยู่กับเมียแล้วทิ้งป้าจี้ ฮือๆๆ
ป้าน้อยๆ ของเขาคงเลียนคำพูดและท่าซับน้ำตาแบบแม่สามีมาจากละครทีวี
ไม่มี๊ เมียเมออะไรมีที่ไหนกัน
ทำไมต้องหลบๆ ซ่อนๆ ด้วย พามาให้ป้าดูตัวหลานสะใภ้เดี๋ยวนี้เลยนะ แก่แดดจริงๆ เล้ย ป้าของเขา ...แล้วนี่ชิงสุกก่อนห่าม ไม่ดีนะ ทำไมไม่แต่งงานล่ะ?
เอางี้... ทัพพ์สัญญา ว่าถ้าจะแต่งงานจริงๆ ทัพพ์จะให้ป้าช่วยเป็นผู้ใหญ่ไปสู่ขอกับพ่อเค้า
จริงๆ นะ? ให้ป้าเป็นคนไปขอเมียให้จริงๆ นะ ป้าจี้ตาโตแทบจะกระโดดขึ้นมาตบมือด้วยความตื่นเต้นดีใจ ในขณะที่ชายหนุ่มเกี่ยวก้อยน้อยๆ ที่ยื่นมาทำสัญญา ก็เกิดนึกขึ้นมาได้ว่า ไม่รู้จะบอกท่านเจ้าสัวกับคุณหญิงยังไง ตำแหน่งเถ้าแก่ฝ่ายชายโดนลูกสาวท่านแย่งไปเสียแล้ว ...ส่วนฝ่ายหญิง เขาอยากจะรู้จริงๆ ว่า หน้าลุงสิบตอนเห็นป้าเขาจะเป็นยังไง รีบๆ โตเร็วๆ ละกันนะป้าจี้
อีกสักสองสามปี โอเค๊
อีกสองสามปี เข้ากับเธอก็เรียนจบโทพร้อมกันพอดีเหมาะ แต่ เฮ่อ...ป้าจี้ก็ยังอยู่แค่มัธยมปลาย หรือเขาต้องรอผู้ใหญ่สู่ขอโตก่อนดีหนอ? แต่ผู้ใหญ่ใจร้อนกว่า
ทำไมต้องรออีกสองสามปี? ไปขอตอนนี้เลยซี่ รีบๆ แต่ง เดี๋ยวเกิดป่องขึ้นมาทำไง
มันจะแก่แดดเกินไปหน่อยแล้ว ทำเป็นรู้ดี เดี๋ยวเหอะ
ปากตำหนิป้าจี้ แต่ในใจกลับคิดตาม... ครั้งแรกนั้นเขาไม่ได้ป้องกัน แต่หมอให้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเธอกิน ถึงจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่คำนวนจากประจำเดือนเธอแล้ว น่าจะยังปลอดภัย หลังจากนั้น เขาก็ป้องกันอย่างดี คงไม่น่ามีข้อผิดพลาด ถึงมี เขาก็พร้อมรับผิดชอบอยู่แล้ว แต่ว่า... จริงอย่างที่ป้าจี้บอก
ทำไมเขาต้องรออีกตั้งสองปี ในเมื่อเธอกับเขาก็เรียนจบตรีแล้วทั้งคู่ ลองอยู่ด้วยกันมาตั้งสามปีก็มีความสุขดี เข้ากันได้ทุกเรื่อง ที่สำคัญเรื่องนั้น... นำทัพพ์ยิ้มแก้มบุ๋มออกมาโดยไม่รู้ตัว
แน้ ยิ้มอะไรอ่ะ? บอกหน่อยจิ
ม่ายบอก ป้าจี้อย่ายุ่งน่า ยิ้มของลูกผู้ชาย
ตอนนี้... เขากับเธอก็เท่ากับเป็นสามีภรรยากันทางพฤตินัยแล้ว เขาไม่อยากเห็นเธอมีความสุขเสร็จแล้วต้องนอนก่ายหน้าผากด้วยความรู้สึกผิดเลย เขาควรให้ความมั่นใจกับเธอ ทำอะไรบางอย่างให้เธอหลับฝันดีในอ้อมกอดเขา เป็นคู่สามีภรรยาไปเรียนต่อโทก็ได้นี่นา
คิดได้ดังนั้น นำทัพพ์ก็ตัดสินใจ... ตะกุยตู้เซฟหาของเก่าที่แม่แท้ๆ ทิ้งให้เขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ เป็นกล่องกำมะหยี่สีแดงที่เก็บอยู่ข้างในสุด เป็นของล้ำค่าที่สุด...
แหวนหมั้นของพ่อกับแม่
ประเพณีค่อยตามมาทีหลังก็แล้วกัน เขาจะขอเธอแต่งงานพรุ่งนี้เลย!
ป้าจี้... คืนพรุ่งนี้ ป้าจี้จะไปส่งทัพพ์ที่สนามบินใช่มั๊ย? แต่งตัวสวยๆ นะ
ป้าจี้สวยตลอดอยู่แล้ว หนูทัพพีมีอะไรเหรอ?
พรุ่งนี้ ลุงสิบก็จะมาส่งข้าวขวัญที่สนามบินเหมือนกัน เขาไม่ได้จะให้ป้าจี้เป็นผู้ใหญ่พูดสู่ขอเธอกับลุงสิบที่สนามบินหรอก แต่เขาอยากแนะนำให้ครอบครัวฝ่ายหญิงได้รู้จักกับครอบครัวของเขา ป้าจี้... ญาติสนิทคนเดียวที่เขารักที่สุด
อย่าบอกนะ ว่าจะให้ป้าไปขอสาวให้จริงๆ กรี๊ดๆๆๆๆ... ขอแต่งงานที่สนามบิน อะไรจะหวานปานน้านนนน หลานป้าจี้น่าร๊าก โอ... ชาตินี้ป้าจะได้เข้าฉากขอแต่งงานหวานๆ แบบนี้รึเปล่า เอาแบบที่ป้าเป็นนางเอกนะ แบบเป็นผู้ใหญ่ไปขอสาวให้หลานชายแบบนี้ไม่นับ
เพ้อเจ้อจริง ไปนอนได้แล้วไป๊
เดี๋ยวๆ บอกก่อนซี่ ตกลงจะให้ป้าจี้ไปขอสาวที่สนามบินจริงๆ เหรอ?
เดี๋ยวก็รู้ ไปไป๊... ไปนอนเดี๋ยวนี้เลย
จากคุณ |
:
Acciacatura
|
เขียนเมื่อ |
:
22 พ.ค. 54 19:55:40
|
|
|
|