บทที่ 2
นิ้วมือใหญ่กำลังกดออดประตูรัว รอการตอบรับจากคนด้านในที่นานกว่าครึ่งชั่วโมงก็ยังคงเงียบสนิท ภาสพัทธ์หมุนตัวเดินลงมาหยุดยืนอยู่ริมฟุตบาธ แหงนหน้าขึ้นมองบานหน้าต่างใสด้านบนด้วยจิตใจกระวนกระวาย หากน้องสาวเป็นอะไรอยู่ข้างใน จะเข้าไปช่วยอย่างไรดี พอลดระดับสายตาลงมาอีกครั้งก็เห็นด้านหลังเจ้าของเรือนผมสีชาคุ้นตากำลังไขกุญแจประตูให้เปิด ชายหนุ่มจึงรีบวิ่งกลับไปยังขั้นบันไดด้านบนอีกหน
“แพท...” เสี้ยวหน้าสวยหวานของแพทรียาทำให้เขารู้สึกดีใจ หากแต่เมื่อมองต่ำลงไป ภาสพัทธ์ก็ต้องตะลึงงันไปชั่วขณะ เจ้าของชื่อหันกลับมาหาเจ้าของเสียงทุ้มแล้วก็ต้องเบิกดวงตากว้างอย่างตกใจไม่แพ้กัน
“พี่พัทธ์!” มือบางยกขึ้นมาจับหน้าท้องของตนไว้แน่น ดวงตาคู่สวยเริ่มชื้นขึ้นมาเพราะมีชนักติดหลังแบบที่หากจะพูดตามที่เห็น ต้องเรียกว่าติดอยู่ด้านหน้าเสียมากกว่า
ภาสพัทธ์ถึงกับทำอะไรไม่ถูก... ปัญหาใหญ่กว่าที่เขาเคยคิดไว้!
ภายในห้องที่แพทรียาใช้พักอยู่กับอนาวินนั้น หรูหราน่าอยู่ชนิดที่คนเป็นพี่วางใจได้ว่าน้องสาวมีความเป็นอยู่ที่ดีพอ หรืออาจจะดีกว่าภาพที่เขาเคยคิด ธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทของเนตรโยธานั้นไปได้ดี สูสีกับเทพมณฑล-ธาราแบบที่เรียกได้ว่ากินกันไม่ลง
อนาวินเคยเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนประจำเดียวกันกับเขา แม้จะไม่สนิทกันแต่ก็พอมองเห็นถึงนิสัยใจคอ ผู้ชายคนนั้นจิตใจดีน่านับถือจนภาสพัทธ์ไม่รู้จะขัดอย่างไรตอนที่รู้ว่าทางนั้นคบหากับน้องสาวตนเอง
‘พี่พัทธ์ห้ามแพทเรื่องนี้ไม่ได้นะคะ ไม่เห็นจะมีเหตุผลเลย เป็นคู่แข่งทางธุรกิจแล้วยังไงคะ พี่วินไม่ดีตรงไหน’ คำถามนั้นล่ะที่ทำให้ภาสพัทธ์พ่ายแพ้ย่อยยับ
อนาวินดีทุกอย่างทั้งรูปร่าง หน้าตา ความคิด ฐานะ ชาติตระกูล ไม่น่าแปลกใจเลยที่มัดใจแพทรียาไว้ได้อยู่หมัด ทว่าอย่างเดียวที่ไม่เข้าท่า ก็คือเป็นลูกศัตรู!
ใช่... ต้องย้ำว่าเป็นศัตรูเลยทีเดียว เรื่องขัดใจหนก่อนหนหลังกันตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นพ่อนั้นเขาไม่ใคร่จะสนใจ แต่หากว่ากันในปัจจุบันแล้ว ไม่ว่าเทพมณฑล-ธารา จะไปเปิดสาขาโรงแรมหรือรีสอร์ทที่ไหน เนตรโยธาจะตามไปเปิดเคียงใกล้กันทุกที่ จนใครไม่รู้จะคิดว่าเป็นเครือพี่เครือน้องกันถึงได้ตั้งอยู่คู่ติดกันไปเสียหมด จนบางทีซีอีโอหนุ่มของเทพมณฑล-ธารา อยากลองเปิดสาขาใหม่ไปตั้งอยู่แถวปากเหวเลย ดูสิว่าเนตรโยธายังอยากตามไปตั้งคู่อยู่ไหม!
อนาวินกับแพทรียาต่างไม่เคยรู้จักกันมาก่อนและมาพบรักกันตอนมาเรียนต่อที่ต่างประเทศ ภาสพัทธ์ได้รับรู้เพราะแพทรียาเปิดอกอยากปรึกษาหาวิธีคบกันแบบเปิดเผย ทำเอาเขาต้องแบกความลับนี้ไว้ด้วย เพราะหากไปบอกกับครอบครัว สองคนนี้ถูกดึงออกจากกันเป็นแน่
แต่อย่างว่า... ความลับไม่มีในโลก ปู่ของอนาวินรู้ จึงวางแผนว่าตนเองป่วยหนักหลอกให้หลานชายกลับไปและกักตัวไว้ไม่ยอมให้กลับมาหาแพทรียากว่าสามสัปดาห์แล้ว ทว่า ท้องป่องๆ ของน้องสาวนี่สิ มันเรื่องอะไร ทำไมไม่เคยมีใครบอกเขามาก่อน!
“กี่เดือน” ชายหนุ่มถามเสียงเรียบ ในหัวกำลังคิดหาหนทางเดินต่อ
“สี่เดือนกับอีกสองสัปดาห์ค่ะ” คำตอบจากแพทรียาทำเอาเขาแทบหงายหลัง
“จะคลอดอยู่อีกไม่กี่เดือนแล้วเนี่ยนะ ใจคอจะเก็บเป็นความลับไปถึงเมื่อไหร่” คนพี่เผลอตะคอก น้องสาวจึงได้แต่ตอบเสียงหงอย
“ก็รอจนคลอดและพักฟื้นตัวเรียบร้อยนั่นล่ะค่ะ... แพทกับพี่วินปรึกษากันแล้วว่าเราจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับไว้ก่อน พี่พัทธ์ก็รู้ว่าสองครอบครัวของพวกเราเข้ากันไม่ได้ขนาดไหน บอกไปตอนนี้ก็จะมีแต่ปัญหา ไว้อุ้มหลานกลับไปกราบ พวกท่านคงใจอ่อน ยอมรับได้เอง” ภาสพัทธ์ฟังแล้วก็รู้สึกหนักอึ้งในใจ ความคิดนั้นเดิมทีก็ไม่ได้แย่ แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว
“พวกเนตรโยธารู้รึเปล่า” คำถามนี้ของเขา น้องสาวตอบกลับโดยการส่ายหน้า
“ตอนโทรคุยกันอาทิตย์ที่แล้ว พี่วินบอกว่าจะหนีกลับมาช่วงขึ้นไปสัมนาที่เชียงใหม่ แล้วรับแพทกลับไปคลอดที่ประเทศไทย จะได้เห็นสองตระกูลมายืนตื่นเต้นกันหน้าห้องคลอด” หญิงสาวบอกกลั้วขำ “ที่คุยๆ กันนึกว่าจะมาถึงเมื่อวาน แต่พี่วินไม่โทรมาหลายวันแล้ว ไม่รู้เป็นยังไง ถูกจับได้หนีไม่รอดเลยโดนยึดโทรศัพท์ด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้” แพทรียาไล่ดูเบอร์โทรเข้าย้อนหลังอย่างอดห่วงไม่ได้ คนเป็นพี่ชายรู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งๆ มาจุกตันในลำคอ
“แล้วทำไมพี่โทรหาเราไม่ติด”
แพทรียาแอบหลบตาเล็กน้อย “แพทปวดท้องค่ะ หมอเลยสั่งแอดมิดสี่วันรวด ตอนนั้นปวดมากเลยลืมเอาโทรศัพท์ไปด้วย นี่หมอก็เพิ่งยอมปล่อยแพทกลับบ้าน” มือบางเอื้อมไปกดเพลย์เสียงเทปโทรศัพท์บันทึกเสียงที่เจ้าตัวโทรจากเครื่องในโรงพยาบาลเข้าหาเครื่องที่บ้านหลังนี้
... ไฮ พี่วิน ไม่ต้องตกใจนะที่กลับมาแล้วไม่เจอแพท ปวดท้องนิดหน่อย หมอเลยให้นอนโรงพยาบาล ลืมเอามือถือไปด้วยน่ะ ติดต่อกลับแพทที่เบอร์นี้นะ...
ภาสพัทธ์ฟังแล้วก็สะเทือนใจ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าน้องสาวกำลังแสร้งยิ้มอย่างเข้มแข็งทั้งที่ในใจนั้นแสนจะโดดเดี่ยวหวาดกลัว แพทรียากำลังท้อง การอยู่ตัวคนเดียวไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าอนาวินกำลังถูกที่บ้านรั้งตัวเอาไว้ เขาจะบอกเรื่องการจากไปของอนาวินได้อย่างไร เมื่อแพทรียาใช้กำลังใจจากการเฝ้ารอวันที่ชายหนุ่มจะกลับมา... เขาล่ะกลัวใจน้องสาวจริงๆ!
ภาสพัทธ์กลับมาถึงประเทศไทยด้วยสภาพอิดโรย หลังจากคิดทบทวนมาแล้วหลายตลบจึงเรียกดิษพงศ์และบุศรัณย์ให้มาหาที่ห้องสูทของตนชั้นบนสุดของโรงแรม ซึ่งทั้งสองก็กระตือรือล้นด้วยอยากแน่ใจว่าแพทรียายังปลอดภัยดี
“สัญญาก่อนว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับ... ฉันไว้ใจนายสองคนได้ใช่ไหม” แทนตัวญาติผู้น้องว่านายนั้นไม่แปลก แต่แทนตัวบุศรัณย์ควบไปด้วยเนี่ยพาให้ดิษพงศ์รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อย่างไรไม่ทราบ
“วางใจเถอะค่ะ บุศย์เคยเป็นยังไงก็ยังเป็นเหมือนเก่า แต่ถ้าคุณพัทธ์ไม่ไว้ใจ แค่บอกมาว่าคุณแพทปลอดภัยดี บุศย์ก็จะเดินออกไปจากห้องนี้ปล่อยให้คุณพัทธ์คุยเรื่องลับๆ กับคุณดิษตามสบาย” บุศรัณย์เปล่าประชด เพราะสำหรับหล่อน อยากรู้แค่นั้นจริงๆ
ภาสพัทธ์พยักหน้า ตอบเสียงเรียบ “ยัยแพทปลอดภัย...” เพียงเท่านี้บุศรัณย์ก็โล่งใจ ส่งยิ้มบางให้คนตรงหน้าแล้วหมุนตัวทำท่าจะเดินออกไป ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อภาสพัทธ์พูดอีก “แต่ต่อไปไม่แน่”
“ทำไมคะ?!” สาวมาดแมนหันควับกลับมาถาม แม้ใบหน้าจะเรียบนิ่ง แต่สายตากลับปกปิดความตกใจไว้ไม่มิด ภาสพัทธ์ตัดสินใจเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ญาติผู้น้องและลูกสาวป้ามะลิฟัง
“ถ้าพวกนายคิดอะไรออกก็ช่วยบอกที ตอนนี้ฉันมืดแปดด้าน คิดอะไรไม่ออกเลย และถ้าเป็นไปได้ ฉันคิดว่ายัยแพทต้องการคนอยู่ข้างๆ” ภาสพัทธ์สบตาบุศรัณย์เป็นพิเศษ
เขาสืบถามความในใจทุกอย่างจากน้องสาวมาเป็นข้อมูลในการหาวิธีจนมากพอ แพทรียาไม่ได้ติดต่อเพื่อนเก่าๆ นานแล้วตั้งแต่ใช้ลมหายใจเข้าออกเป็นอนาวิน นั่นทำให้ภาสพัทธ์อดฉุกคิดไม่ได้ว่าเหตุใดครึ่งปีก่อนหล่อนจึงส่งโปสการ์ดหาบุศรัณย์
‘แพทไม่แน่ใจค่ะพี่พัทธ์ แต่ตอนนั้นแพทเพิ่งรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง แพทมีความสุขแล้วก็นึกถึงบุศย์ อยากบอกบุศย์ว่าแพทกำลังมีความสุขมากแค่ไหน แต่แพทก็เขินๆ นะคะเลยไม่กล้าเขียนอะไรมาก ไม่ได้คุยกับบุศย์นาน นานจนจำไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายพูดกันเมื่อไหร่ แล้วพูดว่ายังไง’
‘แล้ว... ถ้าบุศย์อยากมาดูแลแพทระหว่างที่วินไม่อยู่ล่ะ’
น้องสาวของเขาตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม ‘ดีสิคะ’
“บุศย์ ช่วยไปดูแลยัยแพทหน่อยได้ไหม” คำขอร้องจากภาสพัทธ์ ผู้ที่แม้จะชอบขอแกมสั่งใส่หล่อนตั้งแต่เด็กยันโต หากก็ไม่ได้วางมาดเจ้านายเสียทีเดียว ตลอดเวลายังรู้สึกได้ว่าคนๆ นี้ให้ไออุ่นแบบพี่ชายส่งผ่านมาด้วย “และถ้ามีโอกาส ฉันก็อยากให้เธอค่อยๆ บอกเรื่องนั้น”
บุศรัณย์นิ่งคิด...
ไม่ใช่ไม่อยากไป... แต่ตอนนี้มีเพื่อนอีกคนที่กำลังตกอยู่ในห้วงทุกข์... จริงสิ!
“คุณพัทธ์... บุศย์อยากไปช่วยดูแลคุณแพทนะคะ แต่ตอนนี้บุศย์มีเรื่องนึงที่นี่ให้ต้องห่วง” ประกายตาแบบนั้น ภาสพัทธ์แย้มยิ้มเลยทีเดียว บุศรัณย์เคยเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ พอเจอเรื่องขอร้องยากๆ จากเขา เจ้าหล่อนจะต้องมีข้อต่อรอง และทุกครั้งข้อต่อรองของหล่อนจิ๊บจ้อยเหลือเกินเมื่อเทียบกับเรื่องที่เขาขอ
หากแต่คำขอของเจ้าหล่อนคราวนี้ ภาสพัทธ์ถึงกับต้องร้องอุทานในใจว่า ‘โอ้โห... รอบนี้ไม่จิ๊บแฮะ’
แต่ก็อีกนั่นแหละ ไม่ได้ยากสักนิดสำหรับเขา
“อ่ะนี่ สี่แสน!” เงินสดปึกใหญ่วางตุ้บลงตรงหน้าของปาจารีย์ที่กำลังตะลึงจนเบ้าตาแทบทะลัก
“ไปเอามาจากไหนอ่ะบุศย์ อย่าบอกนะว่าปล้นธนาคารมา!”
คนถูกถามยักไหล่ก่อนทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิกับพื้น ส่ายหน้าน้อยๆ พลางถอนหายใจ
“เปล่าปล้นธนาคาร... แต่ว่าปล้นคนๆ นึงมาน่ะ”
“เฮ้ย บุศย์ไม่เอานะ เล่าดีๆ เล่ามาให้หมดเปลือก ไปเอาเงินก้อนนี้มาจากไหน แล้วต้องแลกกับอะไร ดอกเบี้ยเท่าไหร่ เขาจะเอาคืนวันไหน ถ้าบุศย์ไม่บอกให้ฉันสบายใจ ฉันไม่กล้าใช้หรอกนะ” นี่ล่ะนิสัยของปาจารีย์ ตัวเองเดือดร้อนให้ตายก็จะทนแต่ไม่ยอมให้ใครสักคนต้องมาร่วมเดือดเนื้อร้อนใจด้วย
“อ่ะ เล่าก็เล่า... จำได้ใช่ไหมที่เคยเล่าให้ฟังว่าแม่ฉันเป็นแม่บ้านให้เศรษฐี”
“อือๆ” ปาจารีย์พยักหน้ารับฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ
‘บ๊องแบ๊วน่ารักซะ’ บุศรัณย์เห็นแล้วก็อดยื่นมือไปขยี้แก้มไม่ได้ก่อนจะเล่าต่อ
“ลูกสาวบ้านนั้นอยู่เมืองนอก กำลัง... ไม่สบาย ต้องการคนไว้ใจได้ไปดูแล พี่ชายเขาก็เลยจ้างฉัน โดยมีข้อแลกเปลี่ยนว่าต้องให้ฉันยืมเงินสี่แสนไม่คิดดอกไม่เร่งต้น แล้วก็ให้งานแกทำ”
“เฮ้ย โม้...” ปาจารีย์อุทานอย่างไม่อยากเชื่อ ทั้งที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้ล้อเล่น
บุศรัณย์ตบบ่าเพื่อนสาวยิ้มๆ สายตาเจือแววอาวรณ์ “ฉันจะเดินทางคืนนี้ คงไปสักพัก ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดคงไม่กี่เดือน... อยู่นี่ก็ดูแลตัวเองดีๆ นะ อย่าวิ่งรอกหาจ็อบทำจนดึกดื่นกลับกลางค่ำกลางคืนฉันเป็นห่วง ก่อนนอนก็ปิดล็อกบานประตูหน้าต่างดีๆ ออกจากห้องก็ถอดปลั๊กปิดไฟอะไรให้เรียบร้อยอย่าเผาห้องฉัน เข้าใจ๋?” ถ้อยคำเหล่านั้นทำเอาเพื่อนสาวที่นั่งฟังถึงกับสะอื้นขึ้นมาเสียเฉยๆ ตามมาด้วยน้ำตาหยดแหมะ
“แกสั่งอย่างกับเป็นแม่ฉันเลย งือๆ”
บุศรัณย์ฟังแล้วก็ขำก๊าก “ที่ร้องไห้นี่ซึ้งฉันหรือว่าแกคิดถึงแม่กันแน่ฮะไอ้ปุ่น”
คนตัวเล็กไม่ตอบแต่สวมกอดเพื่อนสาวหน้าหล่อเอาไว้แน่น “ขอบใจนะบุศย์... ฉันเป็นเพื่อนที่ไม่เอาไหนจริงๆ เป็นภาระให้แกตลอด” คำพูดนั้นทำเอาอีกฝ่ายดันร่างเล็กออกมองสบตาด้วยสีหน้าตกใจ
“พูดอะไรอย่างงั้นไอ้ปุ่น แกไม่เคยเป็นภาระฉันเลยนะเว้ย ไม่ว่าแกจะเดือดร้อนเรื่องเงินรึเปล่า ยังไงฉันก็ต้องไปเพราะฉันห่วงคุณแพท ส่วนเรื่องของแกเป็นเหมือนผลพลอยได้ อย่าคิดอย่างนี้อีกรู้ไหม ทุกอย่างที่ฉันให้แกเป็นของแถมตลอด จำไว้”
“โห พูดซะหมดซึ้งเลย” ปาจารีย์แสร้งงอนก่อนจะหลุดขำทั้งน้ำตา “ถ้าตังค์เหลือใช้ยังไง โทรกลับมาหาฉันบ้างนะบุศย์”
“อืออออ...” คนกำลังจะไปพยักหน้าลากเสียงยาว “ไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาซะเลย ยังไงคืนนี้แกต้องไปส่งฉัน จะได้แนะนำให้แกรู้จักกับเจ้านายคนใหม่ บอกไว้ก่อนเลยนะว่าหล่อลากไส้ อย่าเผลอไปตกหลุมรัก”
“ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา ฉันไม่เคยเห็นมีใครหล่อสู้บุศย์ได้สักคน” ปาจารีย์ว่า ทำเอาสาวหล่อค้อนกลับยกใหญ่
“เออดี ไม่ใช่กลับมาแล้วแกไปกิ๊กกับเจ้านายฉันล่ะจะงอนข้ามชาติให้ดู”
“โห ข้ามชาติเลยเหรอ” ปาจารีย์หัวเราะร่วน ก่อนจะโดนเจ้าของห้องไล่ให้ไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาเสียที
(ต่อ)
จากคุณ |
:
อัยย์เนญ่า (Nyah)
|
เขียนเมื่อ |
:
22 พ.ค. 54 19:58:39
|
|
|
|