คำที่เขาออกปากขู่วันนั้นผุดขึ้นมาในหัวอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ก่อนจะลิ้งค์กับคำว่า “คำสาป” “ใจเต้นแรง” “หน้าแดงร้อนผ่ะผ่าว” รวมถึงไอ้อาการประหลาดจากชูการ์ปกติ
‘ไม่ เอ่อ...ถามนายตรง ๆ ว่าที่นายบอกจะทำทุกอย่างให้ฉันตอบตกลง นายขู่ไปวันโน้นน่ะ แล้วนายลงมือทำอะไรหรือยัง’
‘ถามตรงก็ตอบตรงว่า...ยังไม่ทันได้คิด พูดจริงนะเพราะฉันมัวยุ่งกะโครงงานส่งประกวดอยู่’
‘โกหก...โกหกตกนรกนะ นายสาปคำสาปอะไรใส่ฉันใช่ไหม ไม่...ไม่สิ ฉันต้องบอกว่านายส่งพลังประหลาด ๆ สาปใส่ฉันแหง ๆ’
‘คำสาป ? ฉันเรอะจะสาปอะไรใส่เธอ...บ๊อง’
ชูการ์เขียนตอบยิก ๆ อารมณ์พล่านเหมือนกาน้ำเดือด
‘นายไม่ต้องมาทำไก๋ ถอนคำสาปให้ฉันเดี๋ยวนี้...เดี๋ยวนี้เลย’
ธามก้มอ่านข้อความแล้วยิ้มปุเลี่ยน งงเสียจนยกมือขึ้นเกาศีรษะแกรก ๆ จากนั้นก็เลื่อนมือนั้นมาหยิกแก้มแดงเรื่อคนข้าง ๆ เฉย งึมงำว่า
“แก้มคนหรือมาชเมลโลหืม” เจ้าของแก้มแทนที่จะเขิน ใจกลับหล่นวูบ มือรีบดึงกระดาษขาวกลับไปเขียนข้อความถามเอเลี่ยนว่า อาหารประจำดาวของธามคือมาชเมลโลใช่ไหม ถ้าหวังจะโซ้ยแก้มเธอแทนมาชเมลโล งั้นขออัญเชิญไปเซเว่น...ไปซื้อขนมมาชเมลโลกินซะเถอะ เอเลี่ยนอ่านเสร็จทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ พูดต่อ
“มาชเมลโลไส้อะไรอ่ะ ไส้ช็อกโกหรือบลูเบอร์รี่”
ชูการ์หัวใจเต้นตึ๊กตั๊กขึ้นมาเลย
‘เห็นไหม...ตอนนี้ไง ๆ คำสาปร้ายของนายเล่นงานฉันอีกละ ถอนคำสาป...ถอนคำสาปสิยะ’
‘ฉันไม่ได้สาปอะไรเธอนะ’ ธามยื่นกระดาษให้ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
‘ไม่เชื่อหรอก’
‘ฉันสาบานเลยเอ้า เพราะการใช้มนตราสาปใครซักคนไม่ใช่ง่ายนะ ว่าแต่เธอรู้ได้ไงว่าตัวเองถูกสาป ’
‘รู้สิ...ก็จู่ ๆ ร่างกายกับจิตใจมันก็แปลกขึ้นมาน่ะ’
‘ตั้งแต่เมื่อไหร่ ? ’
‘หลังจาก...เอ่อ...’ ชูการ์ชำเลืองเห็นแววตาซึ้งสีน้ำตาลทอดมองอย่างห่วงหวงระคนกังวลใจ ราวกับตรงหน้าคืออัญมณีบอบบางล้ำค่าแสนหวงแหน ชูการ์กระแอมเบา ๆ แก้ขัดเขิน ก้มหน้าร้อนผ่าวลากดินสอเขียนข้อความเพิ่มเติม ‘...หลัง...หรือก่อน...เอ๋ พูดตรง ๆ ว่าจำไม่ได้ แต่น่าจะประมาณที่นายบังคับฉันให้เป็นแฟนแหละ...มั้ง...’
พอเงยหน้าจากกระดาษ มนุษย์ต่างดาวก็จัดการลากสายตาเหมือนแสกน
‘เธอมีจมูกหมูผุดขึ้นกลางหลัง...บนสะดือ...หรือ...เอ่อ...อวัยวะใต้ร่มผ้าของเธอโดนเปลี่ยนให้กลายเป็นแบบฉัน’ คนถูกเอเลี่ยนแสกนอยากกรี๊ดก็กรี๊ดไม่ได้ เลยต้องอาศัยเขียนแทนตัวโต ๆ ว่า
‘กรี๊ดดด..ด..ด...ไอ้บ้า...ไอ้เอเลี่ยนจอมลามก !?!? ไม่ใช่ ๆ แบบนั้นย่ะ’
ธามไม่ยักโต้ตอบ กลับทำหน้าเคร่งขรึมแสกนสายตาตรวจเธออีกรอบ เอ่ยจริงจังบนกระดาษว่า
‘เล่าอาการให้ฉันฟังทีซิ เผื่อฉันจะรู้จักคำสาปที่เธอเจอ...อย่างน้อย ๆ ก็อาจจะรู้วิธีปฐมพยาบาล’
อ่านคำถามแล้วเหมือนมนุษย์ต่างดาวมีแก่ใจอยากช่วยจริง แต่ชูการ์คิดว่าอาการใดใดล้วนเกี่ยวกับนายเอเลี่ยนทั้งหมด ทั้ง...ใจเต้นแรง หน้าร้อนผ่าว ฯลฯ ให้พูดหรือเขียนบอกไปตรง ๆ ก็เกรงจะถูกกำปั้นต่างดาวเขกกะโหลก ซ้ำร้ายธามอาจสนใจปฏิกิริยาซึ่งเธอมีต่อเขาคนเดียวกระทั่งทำรายงานส่งยานแม่ จากนั้นชูการ์ก็จะพบจุดจบบนนอกดาวนพเคราะห์
‘เกิดมาจนเดี๋ยวนี้ก็เพิ่งเคยเห็นคนถูกสาปตัวเป็น ๆ คือเธอนี่แหละ เธอมันซุ่มซ่ามแถมชอบไปโผล่ผิดที่ผิดทาง คงไม่แปลกหรอก หากจะเผลอเหยียบตาปลาสิ่งมีชีวิตซึ่งบังเอิญมีมนตราเข้า ไม่รู้ล่ะสิว่าเอเลี่ยนบนโลกนี้ไม่ได้มีแค่ฉันกับวินธัย’ ธามแกล้งหลิ่วตากวนประสาท แต่คำพูดทั้งหมดจริง 100 %
‘ฉัน...ฉันไม่รู้หรอก’ ธามจิ้มนิ้วชี้ย้ำบนกระดาษให้ยัยเตี้ยที่กำลังเบะปากทำหน้าเหมือนอยากร้องไห้อ่านข้อความนี้ ประโยคซึ่งเขาเขียนถามว่า ‘แล้วไหงมาปรักปรำฉัน หืม ยัยเตี้ยบ๊อง’
ชูการ์สูดจมูกฟืด เม้มปากแล้วโพล่งออกมาเสียงเบา “ก็เพราะนาย”
“หา”
คนหลุดปากโพล่งเพิ่งนึกได้ว่าควรสนทนาผ่านหน้ากระดาษ หน้ากระดาษเดิมมีตัวอักษรเต็มไปหมด ดังนั้นจึงพลิกอีกด้าน เขียนว่า ‘เพราะนายแหละขู่ฉันว่า...หึ ๆ คอยดูนะ ฉันน่ะจะทำทุกอย่างให้เธอตอบตกลงเป็นแฟนฉัน...แบบเนี้ย แล้วจะไม่ให้คิดว่าเป็นนายได้ไง ทีนี้พอไม่เกี่ยว ฉันก็ไม่คิดดันทุรังให้นายรับผิดชอบหรอกเดี๋ยวซวยถูกส่งไปยานแม่..เอ๊ย..ไม่ใช่ เหอะ ๆ ยังไงคำสาปก็อยู่ในตัวฉัน ฉันคงต้องลองไปปรึกษาหมอคลีนิคใกล้บ้านดูก่อน’
“บ้าแล้ว...ใครเค้าไปรักษาคำสาปที่คลีนิคหมอกันฮึ” ธามพูดลอดไรฟันอย่างมีสติระวังไม่ให้เสียงดังเกินไป หากเขาก็อดไม่ได้ที่จะจับแขนผู้หญิงบื้อ (ที่สุดของที่สุดเท่าที่เคยเจอะเจอ) เขย่าแรง ๆ ซ้ำหลายรอบอย่างหงุดหงิด เรื่องร้ายขนาดนี้คนตรงหน้ายังมีหน้าหาทางรักษาประสาท ๆ เขาล่ะอยากโวยให้เธอกลัวหัวหด แต่เกรงเจ้าฝึกสอนพาทีจะพารานอยส์โสภาจนช็อกตาย
“เออ ๆ ไม่ไปหาหมอคลินิกแถวบ้านก็ได้ย่ะ โอ๊ย ๆ ปล่อย เจ็บนะ เอางั้นฉันจะลองใช้วิธีโทร.ไปปรึกษาอาจารย์คอนเฟิร์มกับฟันธงแทนที่เบอร์19...โอ๊ย !”
“เรื่องคำสาปมันอันตรายจริงนะ นี่ยังมีหน้ามาพูดเล่นเหรอ” ธามเคี้ยวฟันกรอด รู้หรอกว่าเธอเจ็บ แต่ให้ยัยนี่เจ็บนิดเจ็บหน่อยเพราะเขาเป็นไร...จะได้จำ !
“แล้วควรให้ฉันทำไงเล่า” ชูการ์เอ่ยเสียงสิ้นหวัง น้ำตาคลอด้วยความเศร้าและเจ็บแขน ระหว่างนั้นกริ่งสัญญาณหมดคาบเรียนดังขึ้น ตามด้วยเสียงไชโยโห่ร้องของอาจารย์ฝึกสอนคนเดียวล้วน ๆ ราวเก็บกดมาตลอด
“เย้ ! ฮะฮ่า...สติ้วเด้นท์ทั้งหลาย วันนี้อาจารย์ขอตัวกลับไปเขียนแผนการสอนล่วงหน้าก่อนน้า พบกันใหม่ชาติหน้า..เอ๊ยชั่วโมงหน้า ส่วนคนไหนงานไม่เสร็จ อาจารย์อนุญาตให้ส่งพรุ่งนี้ได้ ....A เป็นเรื่องธรรมชาติ ! ” ประโยคท้ายสุดอาจารย์พาทีตะโกนก่อนก้าวออกจากชั้น
ชูการ์ปลดมือธามจากต้นแขนสำเร็จก็กระถดเก้าอี้ให้ห่าง ธามมุ่นคิ้วอย่างไม่พอใจ รุกเข้ามาใกล้ตอนสมาชิกในชมรมทยอยออกจากห้องไปหมด
“ให้ฉันช่วยเธอเรื่องคำสาปไหม แม้ฉันจะยังไม่รู้ว่าเธอซวยเจอคำสาปอะไรเข้า ไม่รู้ว่าควรช่วยเธอแบบไหนยังไง แต่เทียบแล้ว ฉันรู้จักมนตรามากกว่าเธอ รู้จักคนมากมายที่เก่งมนตรา สำคัญที่สุดคือ...ฉันว่าดีกว่าปล่อยเธอโทร.ปรึกษาสำนักโหร 1900 อะไรนั่น ดีไม่ดีเธอจะโดนเค้าด่าเอา”
“ฉัน...” ยัยซวยกลอกตา คิดอย่างเป็นกลางเธอก็ควรทำตามคำแนะนำของเอเลี่ยนตรงหน้า จริงตามเขาพูด หมุนโทรศัพท์ไปเบอร์สำนักโหรก็อาจจะเจอหมอดูด่า หาหมอที่คลินิกคำสาปคงไม่หาย ซ้ำร้ายหมออาจส่งต่อเธอไปยังจิตแพทย์ “...ถามหน่อยว่าฉันมีทางเลือกดีกว่านี้ด้วยเหรอ สะ...สุดท้ายนี่คงไม่ใช่นายวางแผนจะโซ้ยเนื้อฉันผัดพริกขิงหรอกนะ”
ยัยนี่พูดถึงผัดพริกขิงอีกละ...เขาเคยบอกแล้วไงว่าไม่กินเผ็ด !
“บ้า....บ๊อง” ธามยื่นหน้าเข้าไปมองคนบื้อเต็มตา ปลายจมูกกับปลายจมูกแทบสัมผัสกัน “ฉันอุตส่าห์ห่วงเธอ มันร้ายแรงนะยัยบื้อ”
“ห่วงเหรอ...อี๋...อย่าเอาคำดี ๆ แบบนั้นมาเปื้อนปากสิ ฉันว่านายต้องทำเพื่อหวังอะไรตอบแทนแหง ๆ” ชูการ์อุบอิบ ปากค้านทั้งที่ใจแทบโลดออกมาตอนได้ยินคำว่า ‘ห่วงเธอ’ ธามยิ้มแสยะ ใบหน้าเทพบุตรกลายร่างเป็นยักษ์ขมูขีถลึงตาโหด เหนือริมฝีปากบนเหมือนมีเขี้ยวโง้งงอกออกมา
“ปากคอเราะร้ายนักยัยเตี้ย..เดี๋ยะ...เอ๊ะ...เดี๋ยวก่อน ! เธอว่าฉันหวังอะไรตอบแทน นั่นสิ ช่วยเธอในเรื่องลำบากตั้งขนาดนี้ก็น่าจะมีค่าจ้างเป็นการตอบแทน เอ อะไรดีน้า” เขี้ยวโง้งเลือนหายไปกับรอยยิ้มเจิดจ้า “ย้ำอีกทีว่าฉันไม่กินไอ้ผัดพริกขิงอะไรนั่นหรอก สตอก็ไม่ชอบ ของเผ็ดก็ไม่กิน เนื้อมนุษย์ยิ่งไม่คิดลอง”
“หะ...หวา...” แปลว่าทีแรกเขาคิดช่วยอย่างบริสุทธิ์ใจหรอกหรือ ชูการ์เองต่างหากที่กวักมือเรียกความซวยเข้าหาตัว ใช่...การอยู่บนโลกต้องใช้เงิน ยัดเงินเป็นของตอบแทนให้ละกัน “สงสัยนายจะอยากได้เงินใช่ไหมล่ะ ว่าไง...จะเอาเท่าไหร่ ฉันมีงบส่วนตัวไม่มาก เกินสี่หลักฉันไม่มีให้นะ”
“หึ ๆ...ปู๊ดดด..ด..” ธามพยายามกลั้นยิ้มเก็บหัวเราะเต็มที่แต่ไม่สำเร็จ ชูการ์เต้นผาง ร้องโวยวายด้วยถ้อยคำที่ยิ่งฟังยิ่งตลกเข้าไปใหญ่สำหรับเจ้าชายอย่างเขา
“ตลกตรงไหน บ้า...ก็นายพูดเองเรื่องค่าตอบแทน ฉันเลยตกลงราคาอยู่นี่ไง เออเฮอะ ตลกว่างบฉันมันน้อยไปเหรอ สี่หลักนี้ไม่น้อยนะ ทุ่มสุดบัญชีออมทรัพย์เชียว...ชวนหัวเราะตรงไหนไม่ทราบ!”
“ตลกสิ...หึ...เธอไม่รู้หรือไงว่า ฉันน่ะเป็นรัชทายาทคนหนึ่งแห่งดวงดาวมารีน บ้านเจ้าชายธามน่ะกำแพงยังเป็นทองคำ ส้วมฝังเพชร แล้วคิดเหรอว่าจะสนเศษธุลีที่เธอมีในบัญชีออมทรัพย์ วะฮ่ะฮ่า”
ผู้หญิงแทบทุกคนบนโลกที่ได้เจอและหลงติดใจธามเพราะใบหน้าหล่อเหลา รูปลักษณ์ดูดีราวเทพบุตร เรื่องของกำแพงทองคำ..ส้วมฝังเพชรหรือฐานะรัชทายาทลำดับสามแห่งมารีนจึงเป็นเรื่องซึ่งเขาไม่เคยโอ่หรืออวดอ้างให้ตัวเองต้องเหนื่อยอธิบาย หากไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากเอ่ยอยากพูดเหลือเกิน เพียงแต่ยัยบื้อนี้จะฟังรู้เรื่องไหม...เท่านั้นแหละ ?!?!
จากคุณ |
:
citrus_tree
|
เขียนเมื่อ |
:
22 พ.ค. 54 22:12:47
|
|
|
|