ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วครับ อีกสองตอนก็จะมาถึงบทอวสานแล้ว ขอขอบคุณกิฟต์จากเพื่อนนักอ่านด้วยครับ คุณ yaimooyoyo, คุณ เรียวรุ้ง, คุณ Sky With Rainbow, คุณเรื่อยๆ-เหนื่อยก็พัก,คุณ นารีจำศีล,คุณ Hermosa, คุณJeab_Forest55,คุณ Travel to the moon, คุณ kdunagin,คุณ atk และคุณ บุหงาบาหยันครับ
สำหรับตอนที่ 23 ที่ผ่านมาครับ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10579747/W10579747.html
คุณ เรื่อยๆ-เหนื่อยก็พัก : บทปะตะปา จะออกลักษณะ ตาเฒ่า เจ้าเล่ห์ครับ หื่นหน่อยๆ
คุณkaburapat : เห็นด้วยครับ ในบทนี้จะยิ่งเห็นภาพที่ว่าชัดเจนขึ้นอีกครับ
คุณกุลธิดา (kdunagin) : อยากสร้างลักษณะตัวร้ายที่ไม่ใช่กรี๊ดกร๊าดอย่างเดียวครับ รสลินเป็นน้องสาวเจ้าพ่อ ลักษณะการตัดสินใจต่างๆจะค่อนข้างเด็ดขาดไปทุกอย่าง อยากได้อะไรก็ต้องเอาให้ได้ เหมือนมุ่งแต่ผลลัพธ์โดยไม่สนใจวิธีการที่จะได้มาครับ
คุณscottie : เหมือนกันครับ ผมชอบในความเด็ดขาด แอบเรียกเองว่าเป็นเหมือนนางร้ายภูธรครับ สไตล์นักเลงๆหน่อย
ตอนที่ 24 ครับ
บทที่ 24
บัดนี้เจ้าก็ได้มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างแล้วใช่ไหมปะตาปา เสียแรงที่ข้าเคยยกย่องเทิดทูนให้เป็นถึงอาหยันแห่งราชสำนัก หากเจ้าก็กลับคิดคดทรยศ... ทรยศทั้งข้า ทั้งสิงหราปาตี และทุกคนในกุรุงปักกา!!
เสียงนั้นก้องสะท้อนออกมาจากภายในเรือนติกาหลังปัตราอันลอยเด่นอยู่เหนือผืนพสุธา ติกาหลังอันงดงามวิจิตรเป็นที่จองจำดวงพระวิญญาณแห่งรายาเอาไว้เนิ่นนานนับพันปี นี่คือโทษทัณฑ์ที่ทุกข์ทรมานเหนือกว่ามนุษย์ผู้ใดจะได้รับ...
ความขมขื่น ชิงชัง และเคียดแค้นหลอมรวมกันอยู่ในดวงวิญญาณดวงนั้น
ไม่ ข้าไม่...
ชิงฉัตรร้องตะโกนออกมาสุดเสียง นัยน์ตาวาวโรจน์เหมือนประจุด้วยเปลวเพลิง มือของนายหัวหนุ่มใหญ่กำกริชกุหนุงมัสแนบแน่น
ถ้าเช่นนั้น ก็จงดู ดูเพื่อให้เห็นว่าสิ่งที่เจ้ากระทำลงไปมันก่อให้เกิดผลลัพธ์สิ่งใดตามมา...
**************************
เสียงกรีดร้องโหยหวนของชาวนาครกุรุงปักกาประสานกันไม่ต่างกับมหาคีตาแห่งมรณะที่บรรเลงขึ้นจากหัตถ์แห่งพญามัจจุราช ส่วนหนึ่งกลายสภาพเป็นฝูงปีศาจหิวกระหายในเลือดเนื้อมนุษย์ ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งซึ่งกำลังลนลานหนีภัยมฤตยูอย่างกระเสือกกระสนเพื่อรักษาชีวิต ก็กลับกลายเป็นเหยื่อภักษาของเพื่อนมนุษย์ที่แปรสภาพเหล่านั้นอย่างน่าอเนจอนาถนัก
เห็นจะมีแต่เพียงปะตาปาเฒ่าที่มิได้สนใจใดๆ ติกาหลังหนึ่งหรัดก่อนแบหลาปลงพระชนม์จนวายปราณ นางได้สาปแช่งชาวพารากุรุงปักกาทั้งมวลด้วยพิษฐานอันแรงกล้า ที่แม้แต่ทวยเทพและองค์ปะตาระกาหลายังมิอาจเมินเฉย
แต่ตัวของมันเอง... หาใช่ชาวกุรุงปักกาไม่!
สาปสยองนั้นจึงหาได้มีอำนาจจักแผ้วพานใดๆแก่มันแม้สักปลายก้อย
นี่คือโอกาสอันดีที่จะหลบหนีจากไป พร้อมติกาหลังปัตราและกุหนุงมัสอันศักดิ์สิทธิ์
การถือครองของทั้งสองสิ่งอันเป็นเสมือนเทวประทานจากองค์ปะตาระกาหลา จักนำมาซึ่งมหาอำนาจอันเหนือผู้ใดในเจ็ดคาบสมุทร มันมองเห็นอนาคตอันเรืองรองของการสถาปนาอาณาจักรใหม่ ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นเอกราชันย์
มือเหี่ยวย่นของอลัชชีเฒ่ายื่นออกไปสุดล้า สายตาจรดจ้องอย่างกระหายเมื่อมองเห็นเรือนแก้วผลึกซึ่งประดิษฐานอยู่เบื้องหน้ากำลังรอคอยการสัมผัสจากปลายนิ้วอีกเพียงชั่วอึดใจเบื้องหน้า
แต่ยังมิทันจักได้ครอบครอง คลื่นยักษ์มหาศาลก็โถมกระแทกผ่านบานทวารเข้ามาอย่างรวดเร็ว และทุกช่องชั้นบัญชรรายรอบบริเวณ กลืนกินทุกสรรพสิ่งภายในนั้นอย่างหิวโหยเหมือนสัตว์ร้ายที่กำลังสวาปามฝูงเหยื่ออันโอชะอย่างตะกละตะกรามโดยมิอิ่มเอม แรงปะทะส่งผลให้ผนังศิลารอบด้านอันแข็งแกร่งผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานถึงกับราพณาสูรลงทบท่าวกับผืนปฐพีในฉับพลัน พร้อมกับกวาดร่างทุกร่างที่พยายามดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดให้ไหลทะลักออกไปสู่ความตายด้านนอก รวมถึงกระชากร่างของมันให้หลุดติดไปพร้อมกันด้วย!
ผู้เป็นนักบวชนอกรีตกรีดเสียงร้องโหยหวนสุดชีวิต ภาพสุดท้ายที่มองเห็นคือคลื่นน้ำพุ่งกระทบเรือนแก้วก่องประกายเหมือนกับเรืองแสงขึ้นอีกครั้ง ก่อนทุกอย่างจะดับวูบลง
รวมถึงทุกสรรพชีวิตในกุรุงปักกา...
ร่างอลัชชีเฒ่าถูกคลื่นลูกมหึมากวาดลงมาแล้วกระชากร่างทั้งร่างให้หายลับจมดิ่งลงไปสู่ห้วงสมุทรอันไพศาลด้านนอก แม้มิกลายสภาพเป็นอสูรปีศาจเฉกชาวกุรุงปักกา หากชีวิตของมันก็ด่าวดิ้นลงเมื่อร่างถูกแรงมหาศาลของเกลียวน้ำอันหมุนวนและเชี่ยวกรากกดให้จมดิ่งลงไปจนขาดใจตายใต้ผืนน้ำอันเย็นยะเยียบ
หากเรือนแก้วติกาหลังปัตรา กลับคล้ายถูกพลังแห่งคลื่นยักษ์กวาดพุ่งในทิศตรงกันข้าม มันลอยเลื่อนเข้าสู่เขตราชฐานด้านในราวกับเป็นเพียงวัตถุที่โปร่งเบาไร้น้ำหนัก ณ ที่นั้นเององค์รายาและเจ้าชายสิงหราปาตีกำลังเร่งสาวพระบาทดำเนินตรงไปยังตำแหน่งหอคอยสูงเด่น เคียงคู่เสาหลักเมือง ยอดหอคอยที่ถูกสร้างให้สูงเสียดฟ้าแห่งนี้ น่าจะเป็นสถานที่เดียวซึ่งสามารถหลบหนีมหันตภัยในครั้งนี้ได้...
บุหลันรัศมีทรงหันกลับมาพอดีเมื่อก้าวขึ้นสู่ขั้นบันไดอันสูงชัน เบื้องหน้าออกไป เรือนแก้วหลังนั้นลอยกระเพื่อมเหนือยอดคลื่นที่ลดระดับลงแล้วตรงดิ่งเข้ามาส่งให้มันทอดวางลงกับพื้นหน้าพระพักตร์อย่างนุ่มนวล ก่อนที่ม้วนคลื่นจะถอยร่นแล้วแตกซ่านกลับลงไป ราวถูกอัญเชิญมาถวายด้วยญาณวิถีอันเร้นลับ
โอ... เรือนแก้วของข้า มันกลับมาหาข้าแล้ว...
ทรงดำริในพระทัยด้วยความปิติพุ่งโพลง ความเสียดายพระทัยแต่แรกแปรเปลี่ยนเป็นความกระหายโลภอีกครั้งเกินยั้งพระทัย มหารายาเข่นพระทนต์แนบแน่นเมื่อทรงหวนนึกถึงอลัชชีเฒ่าที่หลงไว้วางพระทัย แต่มันกลับเป็นฝ่ายทรยศเพียงชั่วพริบตา เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป...
ปะตาปา ฉวยจังหวะที่กลุ่มเสนามาตย์กำลังนำพระองค์หลบหนีภัยแห่งคลื่นมรณะ ขโมยเรือนแก้วหมายจะหนีออกจากพระราชวังหลวง แต่แล้วมันก็คงจะไม่อาจสู้กับพลังคลื่นนรกพวกนั้นได้สำเร็จ เรือนแก้วจึงพลัดหลุดลอยกลับเข้ามาที่นี่
ดำริได้ดังนั้น ก็ทรงเอื้อมหัตถ์ฉวยคว้าเอาไว้ได้ทัน หากหัตถ์สีคล้ำของพระโอรสก็แตะเอาไว้คล้ายจะเตือนสติพระมารดา
แม่...
สิงหรา...
ปล่อยมันไปเถิดพระเจ้าค่ะ เรือนแก้วนี่ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่!!
นี่เจ้าสติวิปลาสไปแล้วหรือสิงหราปาตี สิ่งนี้คือของวิเศษคู่บ้านเมือง คือเครื่องหมายแห่งอำนาจ บัดนี้มันตกเป็นของเราแล้ว ในเมื่อได้มาด้วยความยากลำบากเพียงใด แล้วเจ้าจะให้แม่ปล่อยมันทิ้งไปกระนั้นหรือ?
ในม่านฝนพร่างพราย คล้ายจะทรงมองเห็นหยาดอัสสุชลคลอคลองกลางดวงเนตรของพระโอรส วงพักตร์นั้นบัดนี้แจ่มกระจ่างดุจบุหลันลอยดั้นผ่านผืนเมฆปราศจากความมัวหมองด้วยฤทธิ์ดำฤกษณาเฉกเดิม แต่องค์รายากลับเข้าพระทัยว่ามันคงเป็นเพียงหยาดฝนที่ไหลปะทะวงพักตร์นั้นเสียมากกว่า
หม่อมฉันขอ... บัดนี้เราต่างสูญเสียมามากแล้ว หม่อมฉันได้ตระหนักแล้วว่า มหาสงครามและชัยชนะที่เราได้มาไม่อาจแลกกับชีวิตของผู้บริสุทธิ์ใดๆ ไม่ว่าจะเป็นของเราหรือบุหรงปุระก็ตาม หม่อมฉันเสียพระทัยเหลือเกินที่ได้ทำร้ายหทัยเกนหลงดะราหวัน ไม่อาจแม้แต่จะตามหานางได้พบเพื่อขออภัยในความผิดที่ก่อขึ้น
ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ทิ้งศพของนางกาลีผู้นี้ไปเสียสิ สิงหราปาตี แล้วฝ่าคลื่นนรกพวกนี้ไปตามหาชายาของเจ้า จะให้ศพของนางเป็นตัวถ่วงในครั้งนี้หรือ?
รายาทรงตวาดออกไปด้วยความกริ้วโกรธาสุดระงับ กระไรเลยลูกหนอลูก แม่สู้อุตส่าห์สร้างทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้เพื่อเจ้า แต่เพียงผู้เดียว หากลูกรักกลับมิเคยเห็นคุณค่าหรือความตั้งใจแม้แต่น้อยนิดไม่
บุหลันรัศมีกรีดสุรเสียงลอดผ่านไรทนต์ออกมา เมื่อเห็นพระโอรสยังตระกองพระศพเจ้าหญิงแห่งบุหรงปุระเอาไว้แนบแน่น
กระไรเล่าสิงหราปาตี สุดท้ายแล้วเจ้าก็ยังแหนหวงนางอยู่เช่นเดียวกัน คิดโทษแต่ว่าเป็นความผิดของข้า อันที่จริงแล้วความลุ่มหลงในอิสตรีของเจ้าก็นำพาความพินาศให้บังเกิดแก่กุรุงปักกาด้วยเช่นเดียวกัน
วรกายเจ้าชายผู้อาภัพรักผงาดขึ้น พักตร์คล้ำลงด้วยความสะเทือนพระทัยทั้งต่อชะตากรรมของทุกสรรพชีวิตเบื้องหน้าและการปลงพระชนม์ของสตรีในอ้อมพาหา
หม่อมฉันขออภัยถ้าสิ่งที่กราบทูลไปจะทำให้ทรงระคายเคืองพระทัย บัดนี้หม่อมฉันได้รู้แล้วพระเจ้าค่ะ สำนึกแล้วในผลลัพธ์เลวร้ายที่เกิดขึ้น และนี่ก็จักเป็นสิ่งสุดท้ายที่หม่อมฉันต้องการจะทำ... คือการนำพระศพขององค์ระเด่นติกาหลังหนึ่งหรัดไปทำพิธีเพื่อให้ดวงพระวิญญาณของนางไปสู่ปรภพ... มิใช่ปล่อยทิ้งไว้ให้เป็นที่อเนจอนาถเยี่ยงนี้ ขอเพียงเท่านั้น หม่อมฉันมิได้ประสงค์สิ่งใดต่อไปอีกทั้งสิ้น
เจ้าลูกโง่!!
ทรงตรัสบริภาษด้วยเพลิงโทสะพลุ่งโพลงแล้วผลักกรพระโอรสอย่างมิไยดี แต่แล้วเสียงร้องโหยหวนของเสนามาตย์ทั้งสี่ดังขึ้นจากเบื้องปฤษฎางค์ เมื่อคลื่นลูกหนึ่งพุ่งเข้ากระแทกใส่กลุ่มผู้คุ้มกันแล้วกลืนร่างคนเหล่านั้นหายลับลงไปยังพื้นเบื้องล่างอย่างรวดเร็วน่าสยดสยอง!
ไม่มีเวลาโต้เถียงกันอีกต่อไป รายาทรงฉวยเรือนแก้วใส่ในไถ้ผ้าขนาดใหญ่ที่พันรอบวรกายเอาไว้แนบแน่น พร้อมกริชกุหนุงมัส กริชอันปลงพระชนม์ชีพติกาหลังหนึ่งหรัดที่ทรงคว้ามากจากพระศพก่อนหน้า ต่อให้ต้องเผชิญความวิปริตแปรปรวนของธรรมชาติเบื้องหน้าหรือมหันตภัยจักบังเกิดขึ้นอีกสักเพียงใด ก็มิได้ทรงพรั่นพรึง ขอเพียงมีของสองสิ่งนี้ติดวรกายไปด้วยเท่านั้น!!
ระหว่างการสาวพระบาทเร่งร้อนขึ้นสู่ยอดหอคอย พระทัยส่วนหนึ่งยังร้อนรนด้วยความเจ็บแค้น...
จะเหลือก็เพียงแต่ไอ้อลัชชีทรยศเท่านั้น ที่แทบจะต้องทำให้กระอักพระโลหิตด้วยความแค้นพระทัยสุดสาหัส ในฐานะที่ทรงไว้วางพระทัยมันมาโดยตลอด ความเชื่อใจ ความศรัทธาพังทลายลงไม่เหลือชิ้นดี ยิ่งเร่งเร้าประทัยให้ปั่นป่วน
ปะตาปา ไม่ว่าเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม ข้าขอสาบานว่าจะตามจองล้างจองผลาญเจ้าให้ถึงที่สุด คนอย่างบุหลันรัศมีไม่เคยยอมพลาดท่าเสียทีผู้ใดมาก่อน และข้าจะไม่ยอมให้มันมาหลอกข้าได้โดยไม่ได้รับการตอบแทนย้อนกลับอย่างสาสม!!
โดยมิรู้องค์เลยว่า ด้วยพลังแรงอาฆาตพยาบาทนั้นจักมีกำลังมหาศาลเพียงใด แรงแห่งกรรมที่ส่งผลให้ดวงพระวิญญาณมิอาจดำเนินไปสู่สัมปรายภพตามที่พึงเป็น
และถึงแม้ว่าดวงวิญญาณนั้นจะถูกจองจำ ทนทุกข์อยู่ภายในเรือนแก้วติกาหลังที่ทรงยึดมั่นถือมั่นเอาไว้ตลอดพระชนม์ชีพ โดยมิยอมปล่อยวาง พระทัยที่ร้อนรุ่มก็ยังถูกคุมขังพันธนาเข้าไปอีกชั้นหนึ่งก็ด้วยแรงพยาบาทต่อปะตาปาผู้ทรยศ
เป็นการกักขังทั้งดวงพระวิญญาณด้วยความโลภและกักขังดวงหทัยด้วยความแค้น!!
นับเนิ่นจำเนียรกาล ตราบจนลุล่วงมาจนถึงปัจจุบัน...
*********************
ชิงฉัตร เงยหน้าขึ้นสบนัยน์ตากับร่างอสูรอันสูงตระหง่านแทบเงื้อมศีรษะโดยมิได้แสดงอาการพรั่นพรึงใดๆ บัดนี้ทุกเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมาผ่านเข้าสู่การรับรู้ชัดเจนด้วยประสาทสัมผัสที่หก ชัดเจนแจ่มแจ้งจนมิเหลือข้อเคลือบแคลงใดๆอีก
เขาคือปะตาปาผู้ทรยศ!!
เขาคือผู้อยู่เบื้องหลังการล่มสลายของกุรุงปักกานคราในตำนานแห่งนี้...
เขาคือผู้ที่ทุกดวงวิญญาณทุกดวงต่างเฝ้ารอคอย เฉกเช่นเดียวกับศาปานต์... หากด้วยพลังแรงแห่งการเฝ้ารอที่แตกต่างกัน
หนึ่ง เพื่อรอคอยการถอนสัจจาธิษฐาน และอีกหนึ่งเพื่อการชำระสะสาง..
แต่เขาก็คือชิงฉัตร ธารานพรัตน์ นายหัวผู้ยิ่งยงและไม่เคยหวั่นเกรงแม้แต่ความตาย ทุกครั้งเขาสามารถใช้สติปัญญา ความกล้าได้กล้าเสียและเล่ห์กลที่มีอยู่เอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้สำเร็จ โดยไม่เคยเพลี่ยงพล้ำ และมันก็ควรจะรวมถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
ไม่มีวันที่เขาจะต้องมาตายอย่างน่าอนาถอยู่ที่นี่ ตายโดยมิได้ประสบความสำเร็จดังความใฝ่ฝัน เขาจะไม่ยอมเป็นอย่างปะตาปาเฒ่าในอดีตชาติ ที่ต้องจบชีวิตลงใต้ท้องทะเลอันหนาวเย็นและปล่าวเปลี่ยวโดยไม่แม้แต่จะประกาศความยิ่งใหญ่ของตนเองให้โลกได้ประจักษ์...
เพราะเขาคือชิงฉัตร ธารานพรัตน์! ดังนั้นนายหัวหนุ่มใหญ่จึงตัดสินใจในฉับพลัน...
*********************
กุหนุงมัสในกำมือเป็นประกายเรืองรองสีทองคำ ปลายกระหนกเรียวหยักโค้งของมันคล้ายเปลวเพลิงที่ถูกวาดออกไปในความมืด และทำให้กลุ่มปีศาจที่ร้ายล้อมอยู่แตกฮือออกจากกันเหมือนกับถูกไฟนรกเผาผลาญ
นั่นรวมถึงเจ้าชายสิงหราปาตีด้วยเช่นกัน จอมอสูรถอยห่างออกมาอย่างคาดไม่ถึงเมื่อร่างนายหัวหนุ่มพุ่งปลายกริชวาดตรงเข้ามา ในขณะที่อีกมือหนึ่งตวัดคว้าเรือนแก้วติกาหลังที่ลอยอยู่เบื้องหน้าเข้ามาไว้ในอ้อมแขนของตนเอง
เขาสามารถครอบครองสิ่งสำคัญอันยิ่งใหญ่แห่งสองอาณาจักรนั้นไว้ได้แล้ว เฉกเช่นเดียวกับที่ปะตาปาเคยมาดหมายเอาไว้ในอดีตภพ...
ทันทีที่ได้สัมผัสเรือนแก้วเนื้อผลึกที่โปร่งแสงราวประจุไว้ด้วยเกล็ดเพชรรัตน์ ชิงฉัตรก็ตระหนักขึ้นมาทันทีว่านี่เองคือสิ่งที่เขาปรารถนามาโดยตลอด ในห้วงมหรรณพแห่งความทรงจำที่พร่าเลือน แท้จริงแล้วสัญญาจากอดีตนั้นยังคงติดตามมาไม่ต่างกับสายใยอันเหนียวแน่นที่ถักทอร้อยรัดตัวตนของเขาและปะตาปาเอาไว้ให้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
มันก็คงไม่ต่างกับความรู้สึกต้องตาต้องใจและประทับเข้าสู่ใจจนยากถ่ายถอน เมื่อแรกพบกับศาปานต์... เจ้าหญิงติกาหลังหนึ่งหรัดในอดีตชาติเฉกเดียวกัน
ในชาติภพนี้ เขามีทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องประสงค์แล้ว...
หนูป่าน รีบออกไปด้วยกัน เร็วเข้า...
เขาตรงเข้าไปหาร่างหญิงสาวที่ยืนนิ่งเหมือนถูกสะกด เอื้อมมือออกไปหมายจะฉวยข้อมือบอบบางของอีกฝ่าย แต่ศาปานต์กลับส่ายศีรษะ หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงปฏิเสธชัดเจนมั่นคงทั้งสีหน้าและแววตาอันเด็ดเดี่ยว
ไม่ค่ะ ป่านตัดสินใจแล้วค่ะนายหัวฉัตร ป่านเพิ่งรู้ว่าเราทำผิดมามากเหลือเกินแล้วกับคนที่บริสุทธิ์... ด้วยความแค้น ความพยาบาท ที่มันไม่เคยก่อให้เกิดความสงบสุขขึ้นมาได้เลย พวกเขากำลังรอคอยการตัดสินใจของป่าน ป่านจึงต้องอยู่ที่นี่ เพื่อทำในสิ่งที่ควรจะทำให้สำเร็จ
ป่าน เรากำลังจะตกเป็นเหยื่อของปีศาจพวกนี้ มันกำลังจะฆ่าพวกเรา
ป่านมองเห็นอดีตของตัวเองแล้ว และไม่อยากจะให้วงจรแห่งความทุกข์เช่นนี้ ย้อนกลับมาย้ำเตือนในสิ่งที่ป่านเคยทำไว้กับพวกเขาอีกต่อไป คำสาปที่ตรึงให้ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งและเวียนว่ายอยู่ในทะเลแห่งทุกข์... แท้จริงทุกสิ่งควรจะจบสิ้นลงเสียทีและเป็นไปตามกรรมที่พึงเป็นของแต่ละคน
ป่าน
เขาอุทานเสียงแผ่วโหยด้วยความผิดหวัง หากศาปานต์ยังเอ่ยต่อไปด้วยเจตนาอันแน่วแน่ มือข้างหนึ่งของหญิงสาวแตะลงที่องค์พระเหนือตำแหน่งหัวใจ เหมือนจะยึดถือเป็นสรณะ
ทุกอย่างควรจะจบสิ้นลงพร้อมกับของทั้งสองสิ่งอันเป็นต้นเหตุทั้งมวลนี้ด้วยเช่นเดียวกัน นายหัวคะ เห็นแก่ความถูกต้อง เห็นแก่ป่าน... ส่งติกาหลังปัตราและกริชกุหนุงมัสด้ามนั้นกลับคืนมาเถอะค่ะ แล้วจากนั้นเราจะได้ไม่มีสิ่งใดติดค้างกันอีกต่อไป
สายตานายหัวหนุ่มเหมือนกับหญิงสาวเบื้องหน้ากลายเป็นใครอีกคนที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน และเคยไม่เข้าใจ
ทำไมล่ะ ในเมื่อเรามีทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว คุณจะต้องปลอดภัย เห็นไหมไม่มีใครกล้าทำอะไรเราเลย ผมจะพาป่านกลับไปจากที่นี่ พร้อมติกาหลังปัตราและกริชกุหนุงมัส
น้ำเสียงนายหัวหนุ่มบ่งถึงความชื่นชมปรีดิ์เปรมสุดระงับ นัยน์ตาคู่นั้นเป็นประกายแข่งกับแสงดาวเจิดจรัสเบื้องบน หากแล้วก็ต้องหยุดชะงักงันเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เปล่งมาจากใครบางคนเอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน
ปล่อยวางทุกสิ่งลงเถอะครับ นายหัวฉัตร ตอนนี้คงไม่มีประโยชน์สำหรับการยึดเหนี่ยวของเหล่านี้เอาไว้กับตัวเองอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อมันได้เดินทางมาถึงสถานที่ที่มันควรจะอยู่แล้ว ณ ที่นี้ เรากลับออกไปสามคนพร้อมกับชีวิตของตัวเราเองดีกว่า
ร่างสูงสง่าของชายหนุ่มที่ก้าวพ้นเงามืดออกมา ทำให้ศาปานต์ถึงกับอุทานออกมาอย่างยินดี
ผู้กอง...
*************************
พระแสงละจากซากโครงกระดูกอันเคยเป็นร่างที่มีเลือดเนื้อและชีวิตของระตูอิสมารา ตรงมายังกลุ่มปีศาจเหล่านั้น น่าแปลกท่าทางกระเหี้ยนกระหือรือของมันดูเหมือนจะแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนเนือยลง และแฝงไปด้วยความยำเยงอย่างประหลาด
ทะ ท่าน... ท่านอิสมารา...
หนึ่งในกลุ่มอสุรกายเอ่ยเสียงกระท่อนกระแท่นออกมา คล้ายเปลี่ยนจากความหิวกระหาย มาเป็นความปลื้มปิติ
ใน ที่สุด ทะ ท่าน ก็มา มาเพื่อช่วยให้นางได้ปลดปล่อย พวกเรา... ได้โปรดอโหสิกรรมให้แก่ข้าด้วย อิสมารา... ข้า...
วูบนั้นเองที่เขามองทะลุผ่านร่างในคราบปีศาจทุรลักษณ์ เห็นถึงความเป็นมนุษย์ที่ถูกขังเอาไว้นับพันปีอย่างทุกข์ทรมาน ใบหน้าที่คุ้นเคยของบุรุษชาวกุรุงปักกาที่เคยประมือกันมาแล้วในอดีตชาติ จนเขาต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และถูกนำไปจองจำยังเกาะยาหัด
กิดาหยันมนตรี!!
ศีรษะใหญ่โตวิปริตผิดรูปผงกรับช้าๆ ก่อนผายมืออันแบนกว้างเป็นแฉกกระดูกงองุ้มออกจากกัน อันเป็นลักษณาการเชื้อเชิญ
มาเถิดอิสมารา ทุกดวงวิญญาณ ทุกผู้ที่ทุกข์ทรมาน กำลังรอคอยท่านผู้เป็นอาคันตุกะคนสุดท้ายของเรา... ของกุรุงปักกา!!
*********************
มาแล้วหรืออิสมารา... ผู้กองพระแสง แม้แต่ในชาตินี้ภพนี้ เจ้าก็ยังสู้อุตส่าห์ตามมาเป็นมารผจญขวางกั้นความรักของข้าโดยไม่เคยเปลี่ยนแปลง
นายหัวชิงฉัตรนึกในใจด้วยความรู้สึกทั้งขมขื่นชิงชัง ทั้งด้วยปฏิกิริยาของการปฏิเสธอย่างมิไยดีจากสตรีที่เขาพึงใจ น่าอนาถนัก... ในชีวิตนายหัวชื่อดังแม้รูปโฉมอาจจะไม่หล่อเหลาคมคาย แต่ทั้งทรัพย์ศฤงคารและอำนาจบารมีล้นฟ้า ก็สามารถทำให้อิสตรีที่พึงประสงค์เข้ามาสยบอยู่แทบเท้าได้ทุกเมื่อ
แต่สำหรับศาปานต์แล้ว กลับมิใช่! เขาเพียรพยายามใช้ ไม้อ่อน และจิตวิทยาที่ตนเองเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่าจะสามารถจัดการกับ ลูกไก่ตัวน้อย ให้อยู่ในกำมือได้อย่างง่ายดาย แต่แล้ว พระแสงก็เป็นคนเข้ามาตัดหน้าไปอย่างน่าเจ็บใจที่สุด แม้แต่วางแผนให้น้องสาวคนสวย มาแทรกกลาง เพื่อแยกคนทั้งคู่ออกจากกัน แต่รสลินก็ทำไม่สำเร็จ...
ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ ก็สืบเนื่องมาจากผลแห่งปมในอดีตชาติเท่านั้น!!
และเขาจะเป็นผู้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างให้หมดสิ้น เพื่อให้เกิดการเริ่มต้นขึ้นครั้งใหม่... โดยมีเฉพาะเขาและศาปานต์เพียงสองคน
พระแสงเองกลับเป็นฝ่ายควบคุมอารมณ์ได้เหนือกว่านายหัวหนุ่มใหญ่ ผู้ที่กำลังเกิดความรู้สึกว้าวุ่นสับสน ต่อสู้กันเองอยู่ภายในจิตใจ
นายหัวฉัตรครับ ผมอยากให้นายหัวคืนสมบัติทั้งสองชิ้นนี้ให้กับผู้เป็นเจ้าของอย่างแท้จริง เราจะกลับออกไปด้วยชีวิตของเราเท่านั้น
คุณแน่ใจหรือพระแสงว่าจะพาเราออกไปจากที่เกาะแห่งนี้ได้ เห็นไหมพวกผีดิบเหล่านี้กำลังรอคอยที่จะฉีกเนื้อพวกเราทุกคนกินเป็นอาหาร และแน่นอนมันกำลังรอคอยที่การชำระแค้นผมในอดีตชาติอีกด้วย
เสียงของชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆชัดเจนด้วยความมั่นคงในหัวใจ
ผมเชื่อมั่นในการให้อภัยครับนายหัว และคิดว่าคุณป่านเองก็คงจะเชื่อในความเห็นนี้เช่นเดียวกัน ตอนนี้เธอกำลังจะทำหน้าที่ครั้งสุดท้ายให้กับชาวกุรุงปักกา และทุกชีวิตที่สูญเสียไปของบุหรงปุระ สองนครที่ต้องห้ำหั่นกันเองจนพินาศย่อยยับ นั่นคือการถอนคำสาปและแรงอธิษฐาน
และถ้าสิ่งนั้นได้เกิดขึ้นด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ ทุกชีวิตที่ต้องทนทุกข์ทรมาน ณ สถานที่แห่งนี้ ก็จะได้เดินทางไปสู่ภพภูมิของพวกเขาอย่างที่ควรจะเป็น ผมเชื่อว่าเมื่อเหตุการณ์นั้นมาถึงพวกเขาจะต้องอโหสิกรรมให้แก่เราเช่นเดียวกัน
แกมันโง่ ไอ้ผู้กองพระแสง ใครวะจะมาให้อภัยคนที่ทำกับพวกมันถึงเพียงนี้ ตอนนี้พวกมันคงกำลังจะรอคอยโอกาสที่จะจัดการกูอยู่ล่ะสิไม่ว่า... นี่ถ้าไม่เพราะมีกริชกุหนุงมัสติดตัวเอาไว้แล้วล่ะก็ อย่าหวังเลยว่าจะมีโอกาสรอด ป่านนี้ก็คงจะถูกพวกมันฆ่าตายไปตั้งนานแล้ว!!
บนใบหน้าซีดสลดคล้ายคนสำนึกผิด ชิงฉัตรนึกเข่นเขี้ยวในใจ ทั้งด้วยความชิงชังใบหน้าคมเข้มสมบุรุษเพศของไอ้ผู้กองเดนตาย และท่าทีที่มันมีความคิดเห็นทุกอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ยไปกับศาปานต์ เหมือนกับคนรักที่รู้จิตใจกันไปเสียทุกอย่าง!!
ยิ่งคิดก็ยิ่งให้เจ็บแค้นจนอยากจะกำจัดร่างสูงสง่าของนายตำรวจหนุ่มผู้นั้นให้ตายดับไปต่อหน้า ให้สมแค้น!!
แล้วผมจะต้องทำยังไงดีล่ะ ผู้กอง... ผม...
ด้วยท่าทางอ่อนลงจนเห็นได้ชัด ทำให้พระแสงคลายใจ ชายหนุ่มอาจเชี่ยวชำนาญในการต่อสู้อย่างนายตำรวจ แต่สำหรับในเรื่องของเล่ห์กลภายในจิตใจมนุษย์แล้วยังมิอาจเทียบชั้นกันได้แม้สักกระผีก นายหัวฉัตรคือบุรุษผู้ผ่านประสบการณ์ร้อนหนาวและเหลี่ยมมุมอันซับซ้อนในชั้นเชิงมนุษย์มามากมาย สามารถแปรเปลี่ยนใบหน้าของตนเองให้ตรงข้ามกับความรู้สึกภายในใจชนิดขั้วตรงข้าม โดยไม่มีผู้ใดอ่านใจได้ออก สิ่งนี้คือประสบการณ์และการเอาตัวรอดที่ถูกสั่งสมเพาะบ่มมาตลอดทั้งชีวิต
ได้โปรดส่งของทั้งสองชิ้นมาให้กับผม เพื่อถวายคืนแก่ ติกาหลังหนึ่งหรัดและเจ้าชายสิงหราปาตี ก่อนที่จะดำเนินการถอนคำอธิษฐาน...
เขาก้าวเข้ามาหานายหัวฉัตรซึ่งยื่นเรือนแก้วผลึกเรืองประกายออกมาให้แต่โดยดี มือต่อมือสัมผัสกัน ชิงฉัตรยิ้มอ่อนโยนอย่างผู้สำนึกผิด ประกายตาใสบริสุทธิ์ดุจทารก
คุณต้องช่วยผมด้วยนะพระแสง... ผมขอขอบใจคุณจริงๆ... ขอบใจในความเสียสละและความกล้าหาญของคุณ
พระแสงไม่ค่อยเข้าใจประโยคสุดท้ายของอีกฝ่ายที่สะกิดความรู้สึกอย่างประหลาด
เสียสละ... ชิงฉัตรหมายถึงการเสียสละอะไรกัน??
วูบนั้น คล้ายแสงสว่างเรืองรองขึ้นในความคิดของชายหนุ่มเมื่ออ่านผ่านทะลุม่านตาหรี่เล็กของอีกฝ่าย ประกายของความเชื่อมั่นและต้องการเอาชนะ นี่ย่อมมิใช่คนที่ยอมศิโรราบต่อผิดบาปของตนเองเลยแม้แต่น้อย... หากเขาก็ตระหนักได้ช้าเกินไป
นายหัว
แล้วกริชอันคมกริบในกำมืออีกข้างของนายหัวชิงฉัตร ก็เสียบทะลุผ่านช่องท้องเข้ามาอย่างรวดเร็วไม่ต่างกับอาวุธสังหาร!!
*******************
ขอบคุณมิตรนักอ่านทุกท่านครับ จะพยายามนำลงตอนที่ 25 ภายในสัปดาห์นี้ครับ หมอกมุงเมือง
จากคุณ |
:
สามปอยหลวง
|
เขียนเมื่อ |
:
23 พ.ค. 54 07:57:03
|
|
|
|