๐๐ ... กมโลภิกขุ..ชายหนุ่มผู้บวชเป็นพระ ... ๐๐ (บทที่ 13)
|
 |
.
๐ กมโลภิกขุ .. ชายหนุ่มผู้บวชเป็นพระ ๐ (บทที่13)
บทที่ 13
ปลงอาบัติอะไรกับพระนัท? หลวงพี่อาจถามเมื่อออกจากโบสถ์หลังทำวัตรเช้า
เอ่อ..เอ่อ... จะบอกอย่างไร ลำพังกับพระนัทรูปเดียวผมก็แย่อยู่แล้ว
ไม่น่าถาม.. หลวงพี่อาจเห็นผมเดินเฉย เรื่องส่วนตัวของเขา
เมื่อเช้าตอนบิณฑบาตผมทำฝาบาตรหล่น พอดีพระนัทเตือน ผมตกใจจึงออกปากบอกขอปลงอาบัติ.. ไม่ได้โกหก แต่ยังเล่าไม่จบ
อ๋อ!..เรื่องแค่นั้น.. มือหนาๆ ตบบนไหล่ผม ไม่ต้องก็ได้
ไม่ใช่แค่นั้น.. ตกลงผมต้องปลงอาบัติซ้ำอีกหรือ พระนัทบอกว่าถ้าบอกกับใครแล้วต้องปลงกับคนนั้นผมจึงไม่ได้ปลงกับหลวงพี่
ไม่จำเป็น.. พอดีพระนัทเดินแซงไปทางกุฏิเล็กของท่าน โดนหลอกล้วงความลับไว้แบล็คเมล์แล้วไงคุณ เสียงค่อนข้างดังหวังให้พระหล่อได้ยิน
คงไว้ล้อเลียนที่ผมทำฝาบาตรหล่น
แน่ใจหรือว่าแค่นั้น.. หลวงพี่ดันผมให้ล้างเท้าก่อน คุณเคยทำฝาบาตรหล่นมาก่อนไม่เห็นอยากปลงอาบัติ..ช่างเถอะถ้าไม่อยากให้ผมรู้
โธ่..ผม.. ผมอายครับ..บอกในใจ
อายอะไร.. ซวยแล้วนายนิดกับการคิดดัง ฮึ!..มีความลับกับผม
จริงๆ แล้วหลวงพี่อาจเป็นพระที่สนิทที่สุด คอยเกื้อกูลดูแลผมแทบทุกเรื่อง ไม่อยากให้มีความขุ่นข้องหมองใจเกิดขึ้นระหว่างเรา แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่อาจกลายเป็นสิ่งทำลายมิตรภาพที่มีอยู่ได้..ความอยากรู้ที่ไม่จำเป็นของฝ่ายหนึ่งและความอายที่ไม่น่าจะซีเรียสอะไรมากนัก..อะไรคือต้นเหตุของความเกินไปทั้งสองฝ่าย!
น้ำอสุจิไหลออกมาเอง.. ผมตัดสินใจหันกลับพูดกับเท้าคู่ปึ้กที่กำลังถูกันอยู่ในอ่างล้างเท้า พอใจหรือยัง? รีบขึ้นบันไดเดินเข้าห้อง
เงาจีวรแวบๆ อยู่หน้าห้อง..หลวงพี่อาจคงอยากออกตัวที่จุกจิกกับผม..ผมทำเฉยเหมือนมองไม่เห็น เปลี่ยนผ้าเลอะฉี่ให้นึง
คุณนิด..
ผมสะดุ้ง..คุณนิด..ชื่อใหม่..เสียงใหม่ที่ไม่คุ้น
พ่อนึง..
ผมชะโงกออกจากห้อง ที่แท้หลวงพี่หลอนั่นเอง มีอะไรหรือครับ?
นึง..ผม..ผม.. หลวงพี่ตะกุกตะกัก ผมมาเยี่ยมนึง
อ๋อ.. นึกไม่ถึงว่ามีหัวใจอ่อนโยนซ่อนอยู่ในร่างอัปลักษณ์ของหลวงพี่ นึงยังไม่ตื่นเลยครับ.. หลวงพี่สีหน้าผิดหวัง ผมปลุกให้..ได้เวลาตื่นแล้ว
ป๊ะ..ป๊ะ.. ลืมตาได้ก็ยิ้ม ชูแขน
นึงยอมให้หลวงพี่หลออุ้ม ไม่ขัดขืน ยิ้มแย้มเหมือนคุ้นเคย..นึงเป็นอย่างนี้เอง ขาดความอบอุ่น ไร้อ้อมแขนใดๆ ตั้งแต่เกิด...แต่ที่หลวงพี่หลอเปลี่ยนแปลง ปฏิวัติตัวเองได้นี้เป็นเพราะอะไร
หลังจากให้นึงกินนม อาบน้ำเรียบร้อยแล้วผมอุ้มไปนั่งเล่นที่ท่าน้ำท้ายศาลา
ไอ้ปัญญาอ่อนมีพ่อหลายคน.. เสียงลอดออกมาจากห้องท้ายสุด..หลวงพี่เรย์แบรนด์ พ่อตัวจริง..ฮะ..ฮะ..
ประโยคแรกพอเข้าใจ งงกับประโยคหลัง..ผมอยากเข้าไปถาม แต่นึกได้ถึงคำเตือนให้อยู่ห่างจากพระรูปนี้ของหลวงพี่อาจ
มานี่!.. อุ้งมือแข็งแรงรั้งผมที่กำลังย่อตัวลงนั่งบนม้ายาว ผมและนึงลิ่วตามแรงฉุด จุ๊..จุ๊.. นิ้วชี้อยู่บนริมฝีปากอิ่ม..ผมพอเข้าใจไม่ถามไถ่อะไร
ทำไมหรือครับ? จนเมื่อลงจากศาลายาวมาเกือบถึงกุฏิหลังเล็กของหลวงปู่
อะ..อรึ..
จุ๊..จุ๊.. อีกครั้งพร้อมกับทำปากอ่านได้ว่า หลวงปู่
พะ..พะ.. นึงไม่รู้ไม่ชี้ด้วยส่งเสียงดัง มองหยากไย่ที่พลิ้วลมอยู่ระหว่างลูกกรงหน้าต่าง
ใจคอนึงจะฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกของพระทั้งวัดกระมัง เหมือนหึง..เหมือนน้อยใจที่รู้สึกว่านึงไม่ได้รักผมเพียงคนเดียว..เออนะนายนิด
ว่าไป!..ถ้าหลวงปู่รับนึงเป็นลูกก็เป็นบุญของนึง ปัญหาอะไรคงไม่มี เมื่อพ้นกุฏิหลวงปู่
ปัญหาอะไร? เสียงเขียวอ่อน
คิดดูให้ดี.. อุ้มนึงไปจากอกผม จำไม่ได้หรือ..สายตาของคนที่พบเห็น..แค่คุณกับผมอุ้มนึงเดินเล่น อะไรๆ ก็ผุดขึ้นในใจของคนเหล่านั้น ส่วนใหญ่ไม่ใช่ในทางที่ดี
ชั่งเขาสิครับ เราทำดี ทำสิ่งที่ถูกต้อง ทำท่าจะยื้อนึงกลับ
ปั้บ!..
มันจะแรงไปมั้ย..ปัดมือผมดังขนาดนี้
แค่ความคิดมันไม่แรงเท่าไหร่หรอก.. หลวงพี่โยงคำต่อว่าเข้ากับความคิดเห็น ความจริงสิยุ่งยากกว่าที่เห็นนัก..นึงไม่ใช่ลูกหมาที่เรานึกเอ็นดูซะเมื่อไหร่
ก็ผมรัก..
เอ้า!.. ส่งคืนนึงดื้อๆ เอาไป..อุ้มเสียให้พอ..คงไม่กี่วันหรอกจะมีญาติโยมมาขอ มาอ้างอุปการะ
ไม่ให้!
แต่เราเป็นพระ.. คำว่า เรา ทำเอาแก้มหลวงพี่เป็นสีกล้วยน้ำว้าเชื่อม ทั้งๆ ที่เป็นคนพูดเอง นอกจากคุณหรือผมต้องสึกออกไปทำเรื่องขอรับเลี้ยงให้ถูกต้องตามกฎหมาย
อื๋อ.. ไม่นึกว่าหลวงพี่อาจจะจริงจังกับนึง ผมเสียอีกทั้งพูดทั้งแสดงความรักออกมาโจ่งแจ้งยังไม่ได้นึกไกลขนาดนี้ ยิ่งสรรพนามว่า เรา..ผมจั๊กจี้ชอบกล
สายมากแล้ว..ตลาดวาย พ่อค้าแม่ค้าเก็บร้านกลับบ้านกันเกือบหมด..เด็กนักเรียนอยู่ในห้องเรียน..หลวงต่างๆ จำวัดสวดมนต์ภาวนาในกุฏิของตน บริเวณวัดเงียบสงบ
ไปหาหลวงพ่อนิลช่วยบอกทางสว่างให้เร..
ให้ท่านมืด.. ผมกลัวได้ยินคำว่า เรา ให้หายมืด
ป้าบ!.. คราวนี้ทั้งแรงทั้งหนักบนไหล่ผม กระเทือนถึงนึง
ป๊ะ..ป๊ะ..เอิ๊ก..เอิ๊ก.. หัวเราะร่วน..ขำเป็นด้วยหรือ..รู้สึกขำจริงๆ หรือ..ผมสงสัยตงิดๆ
ในโบสถ์สงัดวังเวง..หลวงพ่อนิลยังดำสนิทไม่เปลี่ยนแปลง..วันนี้ใบหน้าท่านเศร้าหมองกว่าทุกวัน..ความจริงท่านยังงามแข็งแรงตามลักษณะของท่าน..นายนิดต่างหากที่รู้สึกไปเอง
หลวงพี่รูปหนึ่งล่ำม่อต้อท่าทางนักเลงนั่งส่องพระอยู่หลังตู้เคาน์เตอร์กระจกที่บรรจุสารพัดพระเครื่องและวัตถุมงคล ท่านจำวัดในโบสถ์เพื่อรักษาคุ้มครองมูลค่าทั้งหลายเหล่านั้น..ยายแก่คนหนึ่งนั่งสัปหงกรอธูปมอดข้างกระจาดผลไม้ที่นำมาถวายหลวงพ่อ
หลวงพ่อครับ.. ไม่ได้พูดออกมา แค่คิดในใจ ผมจะทำอย่างไรดีเรื่องนึง..ความจริงผมไม่ได้คิดอะไรมาก ตั้งใจจะดูแลเขาไปเรื่อยๆ แต่หลวงพี่รูปนี้.. ชำเลืองหลวงพี่ดำข้างๆ หลวงพี่ท้วงติงความเป็นจริงเรื่องการเลี้ยงดูที่ผมหาทางออกไม่ได้เพราะความไม่พร้อม แม้จะมีอยู่เต็มเปี่ยมด้านความรัก..แต่รักอย่างเดียวคงไม่สามารถทำให้อะไรลุล่วงไปได้
คุณ!..คุณ!..
หือ.. ผมลืมตา..ไม่มีใครอยู่ข้างๆ หลวงพี่อาจกำลังคลานเข่าตามนึงที่กำลังเดินเตาะแตะไปด้านประตูโบสถ์
นึงเดินได้แล้ว หลวงพี่หันมายิงฟันขาว
ได้ไง.. ผมกึ่งแปลกใจมองตาม นั่น!..ปีนข้ามธรณีประตูแล้ว หลวงพี่มัวหันมาบอกผม แววซนเริ่มออกฤทธิ์
อ้าว..เร็วจัง.. เปลี่ยนเป็นลุกขึ้นเดินไปหานึง
ควันหรือฝุ่นผงอะไรสักอย่างลอยลงมาจากขอบด้านบนของประตูโบสถ์..ผมมองพลางสงสัย..พลันฝุ่นนั้นเริ่มร่วง..ฝุ่นเม็ดใหญ่ขึ้น..เศษหิน..อิฐเล็ก..ก้อนใหญ่ กำลังหล่นลงมา
หลวงพี่!.. ผมพูดอะไรไม่ออกได้แต่ชี้มือไปที่ขอบประตู..นึงกำลังนั่งอยู่บนธรณี..เสียงกราว..โครม..อิฐ..เศษไม้พังลงมาหน้าประตู ตรงหน้านึง
นึง.. ปากร้องเรียกแต่ใจนึกถึงหลวงพ่อนิล
นึง!.. นึงหันกลับตามเสียงหลวงพี่ที่พุ่งเข้าหา
หลวงพี่อาจตะครุบคร่อมลงบนตัวนึงทันจังหวะที่อิฐจำนวนมากถล่มลงมาหน้าประตูและบนหลังหลวงพี่
โครม!..โครม!..ตุ้บ!..ตุ้บ!..ปึ้ก!..
จากคุณ |
:
ดาเรน
|
เขียนเมื่อ |
:
24 พ.ค. 54 12:32:22
|
|
|
|