+++ข้าอยากจะฟังคำรัก+++
“เรื่องพวกนี้เจ้าปล่อยไปเสียเถอะ พรุ่งนี้เช้าย่อมจะมีคนจัดการเก็บไปเรียบร้อยอยู่แล้ว”
ชายหนุ่มเอ่ยตรงริมหูนางด้วยเหตุผลเดิมกับเมื่อก่อนหน้า มือใหญค่อย ๆ ดึงเสื้อผ้าที่ยังคงอยู่ในอ้อมแขนของนางออกไปแล้วปล่อยทิ้งลงบนพื้นอย่างไม่ใส่ใจนัก
“แต่ว่านี่เป็นเสื้อผ้า หากถอดกองไว้เรี่ยราด คนที่เข้ามาเก็บจะคิดอย่างไร” นางเอ่ยคล้ายจะวิงวอนให้เขาปล่อยตัวนาง เพื่อไปจัดการกับเสื้อผ้าพวกนั้นให้เรียบร้อย อย่างน้อยก็ควรนำมันพับเก็บและวางที่ไหนสักแห่ง ไม่ใช่ว่าโยนทิ้งเกลื่อนไว้บนพื้นเช่นนี้
“แค่เปลี่ยนห้องนอนไปเท่านั้นเหตุใดจึงทำให้เจ้ากลายเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยไปได้ถึงเพียงนี้" หยางเฟยเยี่ยกระเซ้าขณะกระชับร่างทั้งสองให้แนบชิดยิ่งขึ้น "มาเถอะ ในเมื่อเจ้าช่วยข้าถอดเสื้อผ้า ข้าก็จะช่วยเจ้าบ้าง”
ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงแผ่วเบานุ่มนวลเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง ทว่าถ้อยความที่เอ่ยออกมากลับชวนให้บรรยากาศในห้องราวกับจะอุ่นร้อนขึ้นมาอีกหลายส่วน มือใหญ่ตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่นิ่ง เปะป่ายไปบนตัวเสื้อของนางอย่างมีจุดมุ่งหมาย
เจิ้งเยี่ยอิงอยากเอ่ยออกไปเหลือเกินว่าเสื้อผ้าที่นางสวมใส่อยู่นี้ก็บางมากแล้วควรจะเป็นชุดที่เอาไว้ใส่นอนได้อย่างไม่ติดขัด แล้วเขายังจะถอดออกไปอีกทำไมเล่า วันนี้เขาเดินทางเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน อีกทั้งยังไม่ได้พักผ่อนแม้แต่น้อย อันที่จริงเรื่องการปลดปล่อยความปรารถนาของเขานั้นควรจะเว้นไปซักคืนถึงจะเป็นเรื่องที่เหมาะสม ทว่านางก็ไม่ได้เอ่ยออกมาเพราะไม่มีความกล้ามากพอที่จะขัดใจผู้เป็นสามีแม้แต่น้อย
อารมณ์ความต้องการของเขานั้นมักจะเปลี่ยนแปลงรวดเร็วรุนแรงและคาดเดาได้ยากราวกับคลื่นใต้น้ำอยู่เสมอ แม้จะแต่งงานกันมาหลายเดือนทว่าวันเวลาที่ใช้ร่วมกันนั้นกลับน้อยเกินไปที่นางจะศึกษาความคิดของเขาให้ลึกซึ้งจนพอจะคาดเดาจุดมุ่งหมายของเขาได้
รอยยิ้มที่มักประดับอยู่บนใบหน้างดงามไม่เคยทำให้ผู้คนวางใจพอที่จะปล่อยกายหรือใจให้ถลำลึกไปกับความงามนั้นได้เลย เพราะสัญชาตญาณที่ไม่ค่อยจะมีมากนัก เตือนนางอย่างใจกว้างว่าหากก้าวพลาดเกรงว่าคงจะต้องถูกเขาบดขยี้จนแหลกลาญไม่เหลือแม้เพียงเศษผง
แม้จะตระหนักเช่นนั้น มือเล็ก ๆ ของหญิงสาวก็ยังคงรีบจับยึดมือที่ซุกซนไม่อยู่นิ่งของเขาเอาไว้มั่น เพื่อหยุดการกระทำของเขาก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิด
“เจ้าจะขัดใจข้าหรือ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงเครียด
“เอ่อ ไม่ใช่ ย่อมจะไม่ใช่อยู่แล้ว เพียงแต่ข้าขอไปดับไฟก่อนเท่านั้น”
นางเอ่ยปฏิเสธอย่างลนลานจนปิดไม่มิดพร้อมรีบอธิบายเหตุผล เจิ้งเยี่ยอิงไม่มีทางคิดจะขัดความต้องการของเขาอยู่แล้ว เพราะไม่เคยสามารถปฏิเสธได้เลยแม้เพียงครั้ง ขอเพียงเขาต้องการไม่ว่านางจะปฏิเสธอย่างไรบุรุษผู้นี้ก็จะมีวิธีในการทำให้ความปรารถนาของตนบรรลุเป้าหมาย และตลอดระยะเวลาที่อยู่ร่วมกันยังทำให้นางรู้ดียิ่งไปกว่านั้น ว่ายิ่งปฏิเสธเขาเท่าใด จุดจบในตอนท้ายยิ่งไม่ง่ายดายและอเนจอนาถมากขึ้นเท่านั้น
รอยยิ้มผุดพรายบนริมฝีปากบางของหยางเฟยเยี่ยยามเห็นท่าทีกระวนกวะวายใจของภรรยา หากเป็นคนปกติคงจะรู้สึกสำนึกผิดไม่มากก็น้อยบ้างแล้ว กับการที่เคี่ยวกรำสตรีนางหนึ่งให้ระแวดระวังราวกับกวางน้อยตื่นไพรเช่นนี้ แต่ชายหนุ่มกลับพึงพอใจในท่าทีเช่นนี้ของนางยิ่งนัก ยิ่งนางระมัดระวังตัวเพียงใดเขาก็ยิ่งอยากกลั่นแกล้งนางมากขึ้นเท่านั้น ปฏิกิริยาของนางแทบจะปัดเป่าเอาความกังวลใจตลอดค่ำนี้ของเขาออกไปจนหมดจนเขาเกือบจะลืมจุดมุ่งหมายของตนไปแล้ว
“ไม่จำเป็นหรอก คืนนี้ข้าอยากจะเห็นเจ้า...ทั้งหมด”
ชายหนุ่มเอ่ยชี้แจงความต้องการของตนด้วยน้ำเสียงออดอ้อนอย่างเหนือความคาดหมายใด ๆ ทอดเสียงเย้ายวนในคำพูดแฝงนัยของคำสุดท้ายอย่างชัดเจน จนทำเอาหญิงสาวในอ้อมแขนถึงกับตะลึงงันอย่างไม่ทราบจะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาดีที่อารมณ์ของเขากลับแปรเปลี่ยนเป็นเย้าหยอกด้วยความปรารถนาขึ้นมา
ไม่ทราบเป็นเพราะนางมัวแต่ตกตะลึงหรือเขาเคลื่อนไหวได้ว่องไวเกินไปกันแน่ เพราะบัดนี้เสื้อกระโปรงตัวนอกของนางได้หลุดลงไปกองรวมอยู่กับเสื้อผ้าของเขาบนพื้นเป็นที่เรียบร้อยไปเสียแล้ว
ยามนี้ร่างบางระหงหลงเหลือเพียงเสื้อผ้าชั้นในที่แทบจะไม่ช่วยในการปกปิดผิวกายของผู้สวมใส่มันมากนัก อีกทั้งเมื่อผ้าเนื้อบางถูกแสงไฟสาดส่องยังส่งผลให้นัยน์ตาคมของบุรุษตรงหน้ามองเห็นทะลุไปถึงผิวกายที่ถูกห่อหุ้มเอาไว้ได้อย่างชัดเจน ประหนึ่งเสื้อผ้าเหล่านั้นเป็นเพียงผิวกายชั้นที่สองที่ช่วยขับเน้นให้ผิวกายขาวผ่องของนางดูน่าค้นหายิ่งขึ้น
นัยน์ตาดำขลับเป็นประกายลุกเรืองวาววามด้วยความเร่าร้อน โดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่คิดจะปิดบังแม้แต่น้อย
หญิงสาวขนลุกซู่ขึ้นมาทันทีเมื่อสานสบเข้ากับนัยน์ตาวาวหวานด้วยความปรารถนาของเขา รู้สึกราวกับในช่องท้องเหนือเชิงกรานของตนจู่ ๆ ก็เกิดอาการไหววูบราวกับมีมือล่องหนไม่ทราบที่มาก่อกวนจนเกิดความปั่นป่วนอย่างที่เจ้าตัวไม่อาจสะกดกลั้นเอาไว้ได้
“ไม่คิดเลยว่าแม้จะผ่านคืนเข้าหอมาเนิ่นนานป่านนี้ ในเวลาเช่นนี้เจ้าก็ยังคงหน้าแดงได้ถึงขนาดนี้”
หยางเฟยเยี่ยเอ่ยชื่นชมปฏิกิริยาที่ทำให้เขาประหลาดใจได้เสมอของนางอย่างพึงพอใจ
แม้จะรู้เป็นอย่างดีว่าคำพูดเช่นนั้นจะยิ่งทำให้นางเขินอายยิ่งกว่าเดิม แต่เขายังคงก้มลงกระซิบกระซาบตรงริมหูนางราวกับต้องการจะเห็นว่าหากกระตุ้นอีกสักเล็กน้อยจะสามารถเห็นดวงหน้าเล็กของสตรีตรงหน้าแดงยิ่งกว่านี้ได้อีกหรือไม่
นางอยากจะตอบกลับไปเหลือเกิน ว่าคนสติดีที่ไหนหากได้มาเห็นสายตาของเขาในยามนี้เข้าก็ต้องหน้าแดงด้วยกันทั้งนั้น
หากไม่เป็นเพราะความสว่างจากแสงตะเกียงทำให้สามารถมองเห็นความปรารถนาของเขาได้อย่างชัดเจนมีหรือที่จนป่านนี้จะทำให้นางเกิดความขัดเขินได้ถึงเพียงนี้ และนั่นยิ่งทำให้สัมผัสได้ถึงความปรารถนาที่มักถูกซ่อนไว้ในความมืดของยามราตรี ผุดพรายขึ้นมาภายในช่องท้องตอบสนองต่อความมุ่งหมายของนัยน์ตาวาววามทั้งคู่จนน่ากระอักกระอ่วนใจเป็นที่สุด
ในตอนที่ก้มลงไปกระซิบนั้น เมื่อสังเกตเห็นใบหูเล็ก ๆ ของนางที่ขาวผุดผ่องดุจไข่มุกก็เริ่มที่จะแดงก่ำเช่นกัน ปลายลิ้นเรียวก็อดไม่ได้ที่จะแลบออกมาลูบไล้สัมผัสเบา ๆ ในจุดที่เขารู้เป็นอย่างดีว่าอ่อนไหวแค่ไหน สำหรับภรรยาสาวของตนเอง
ในระหว่างที่เรียวฟันขาวและลิ้นอ่อนนุ่มทว่าเปียกชื้นยังคงหยอกเย้ากับติ่งหูไวสัมผัสของนาง มือแกร่งที่โอบรั้งนางไว้ก็ไม่ได้หยุดนิ่งกลับเคลื่อนขึ้นมาเพื่อปลดเสื้อตัวบางของนางออกไปอย่างอาจหาญ แล้วค่อย ๆ เลื่อนลงไปจัดการกับอาภรณ์ชิ้นล่างต่อโดยไม่ปล่อยให้เวลาสูญเปล่าไปแม้เพียงชั่วเสี้ยววินาที
มือหยาบกร้านเป็นไตเนื่องจากผ่านการจับอาวุธมาเป็นเวลานาน ยามลากผ่านผิวกายเย็น ๆ เนียนนุ่มของนางก็ยิ่งเป็นการปลุกเร้าเร่งกระตุ้นให้สติของเจิ้งเยี่ยอิงหนีหายไปอย่างรวดเร็ว กว่าที่มือของเขาจะปลดเปลื้องผ้าชิ้นสุดท้ายออกจากกายนางไปได้นั้น ร่างของนางก็อ่อนปวกเปียกจนยากจะทรงกายยืนอยู่ได้หากไม่ถูกเขาโอบพยุงเอาไว้
เมื่อปลดเปลื้องอาภรณ์ทุกชิ้นของหญิงสาวออกไปจนหมด ชายหนุ่มไม่รอช้า อุ้มนางขึ้นไปวางลงบนเตียงทันที แสงสีทองเรื่อเรืองของตะเกียงช่วยขับเน้นให้ผิวกายของนางยิ่งดูน่าเคลิบเคลิ้มหลงใหลยิ่งขึ้น แม้ว่าทันทีที่ลงไปอยู่บนเตียง ร่างของนางจะขดเล็กราวกับลูกนกที่หวาดกลัวพายุก็ตาม
หยางเฟยเยี่ยไม่ได้ปล่อยให้ความรู้สึกเขินอายครอบงำหญิงสาวอยู่นานมากนัก เมื่อกายแกร่งเลื่อนขึ้นทาบทับและคลี่ร่างของนางให้แหงนหงายเพื่อที่ตนจะได้ดื่มด่ำกับภาพอันเย้ายวนใจได้อย่างเต็มที่
ความปรารถนาที่ฉายชัดบนดวงหน้างดงามของสามีเป็นผลให้ร่างบอบบางของนางสั่นสะท้านน้อย ๆ นัยน์ตาสีเข้มดำสนิทยิ่งกว่าความมืดมิดยามราตรีของเขาที่สานสบกับดวงตาของนาง ราวกับแอบแฝงไว้ด้วยเวทมนตร์ที่มีไว้สะกดให้ผู้คนทำตามความปรารถนา และตอบสนองเขาอย่างกระตือรือร้นกระนั้น
สายตาที่มองดูเรือนกายเปล่าเปลือยของนางด้วยความหลงใหล ชื่นชมราวกับว่าในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่จะงดงามเท่ากับภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขาในยามนี้อีกแล้ว ทำให้ร่างของนางหยัดขึ้นน้อย ๆ อย่างไม่อาจควบคุมราวกับเป็นการตอบสนองต่อความปรารถนาส่วนลึกของสตรีนับแต่บรรพกาล ยามที่ถูกชายคนรักจับจ้องด้วยแววตาชื่นชมบูชากระนั้น
ความมีเหตุมีผลใด ๆ ของเจิ้งเยี่ยอิงที่เคยมีเมื่อก่อนหน้า ดูเหมือนจะถูกโยนทิ้งไปในเวลาอันรวดเร็ว เพราะไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อใดที่มือของนางยื่นขึ้นไปโอบรั้งลำคอแกร่งของบุรุษที่โน้มกายอยู่เหนือร่างนางให้โน้มลงมาหานางให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
เสียงหัวเราะต่ำ ๆ ดังออกมาจากลำคอของชายหนุ่มด้วยความพึงพอใจ ริมฝีปากบางประดับไปด้วยรอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงกันเป็นระเบียบ ขับเน้นให้นัยน์ตาสีเข้มพราวระยับยิ่งกว่าเดิม เสียงหัวเราะของเขาช่วยปลุกนางให้ฟื้นตื่นจากภวังค์ที่เต็มไปด้วยความหลงใหล จากมนต์สะกดที่เขาได้ร่ายเอาไว้ด้วยการจับจ้องผ่านนัยน์ตาคู่งามนั้น มือที่รั้งลำคอแกร่งไว้ในตอนแรกจึงตั้งท่าจะชักกลับราวกับมือบางเกิดรับรู้ได้อย่างกะทันหันว่าไปต้องของร้อนเข้ากระนั้น
แต่ราวกับว่าเขาสามารถคาดเดาท่าทีที่เปลี่ยนไปของนางได้ เพราะในเวลาเพียงชั่วเสี้ยวก่อนที่ปลายนิ้วของนางจะผละจากผิวสัมผัสของเขา มือแกร่งก็เอื้อมขึ้นกอบกุมกระชับมือเล็กนั้นให้เลื่อนขึ้นไปยังตำแหน่งเดิม ก่อนที่ร่างแกร่งจะโน้มตัวอย่างเชื่องช้าเย้ายวนใจลงมาหาหญิงสาว
“เจ้าไม่เคยเริ่มก่อนเลย” เขากระซิบเบา ๆ ชิดใบหน้านาง ลมหายใจร้อน ๆ ของเขาเป่ารดลงมาจนนางรู้สึกจักจี้
“นั่นทำให้ข้าไม่แน่ใจนัก” เขาพึมพำเบา ๆ
หยางเฟยเยี่ยมองปากอิ่มที่เผยอออกจากกันน้อย ๆ ของนางในอาการหักห้ามใจ
เจิ้งเยี่ยอิงไม่เข้าใจสิ่งสามีพูดสักนิด สายตาของนางจดจ่ออยู่กับปากบางได้รูปของเขาในอาการเหม่อลอย แทนที่เขาจะมอบจุมพิตลงไปบนริมฝีปากอิ่มนุ่มของนางดังคาด ริมฝีปากบางกลับเคลื่อนลงไปสัมผัสกับซอกคอนางอย่างแผ่วเบา ในอาการหยอกเย้า
ทั้งลมหายใจที่อุ่นร้อนและปลายฟันที่ขบย้ำลงไปบนผิวกายบอบบางที่ถูกเขาค่อย ๆ เคี่ยวกรำอย่างใจเย็นและเชื่องช้า คล้ายกับมีเวลาทั้งชีวิตที่จะทรมานผิวละลื่นเนียนนุ่มของนางให้ไวสัมผัส จนกว่าเขาจะพึงพอใจ ยิ่งเพิ่มความทรมานจากการรอคอยคาดหวังของนางให้ลุกแรงยิ่งขึ้น
“เยี่ยอิง... เจ้าสังเกตบ้างไหมว่าร่างกายของเจ้าเปลี่ยนไปจากเมื่อหลายเดือนก่อน”
เขาพึมพำเสียงแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน แต่ครั้งนี้นางกลับเข้าใจคำพูดของเขาได้อย่างง่ายดาย และยังถึงกับเกิดอาการสะดุ้งเล็กน้อยอีกด้วย
แต่ไหนแต่ไรนางไม่เคยสนใจเรื่องรูปร่างหน้าตานัก ทว่านับแต่นางเริ่มมีใจให้กับสามีของตัวเอง เรื่องเช่นนี้ก็ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับนางอีกเรื่องหนึ่งไปเสียแล้ว นึกไปถึงเช้าวันนี้ที่เขาอุ้มนางเดินเข้ามาในบ้านยิ่งทำให้นางรู้สึกกระสับกระส่ายในเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น
“ท่านหมายถึงข้าอ้วนขึ้นหรือ” นางนึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ขณะรอคอยคำตอบของเขาด้วยความใจจดใจจ่อ
เขาผงกศีรษะขึ้นมามองนางนิ่ง ๆ ไปชั่วอึดใจจนนางรู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมา นึกหวาดกลัวคำตอบของเขาขึ้นมากะทันหัน ทว่าก็เพียงแค่นั้น เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงมองนางแล้วส่งยิ้มหวานออกมาเท่านั้นเอง
จากนั้นศีรษะของเขาก็หายไปจากสายตาของนางอีกครั้ง เพราะเขากลับไปตั้งหน้าตั้งตาทรมานนางต่อไป
อันที่จริงเขาเริ่มมันใหม่ทั้งหมดเลย! เจิ้งเยี่ยอิงคิดพลางสะอึกสะอื้นด้วยความทรมาน ปลายลิ้นของเขาทำให้ศีรษะของนางแหงนเงยไปข้างหลังเผยลำคอขาวผ่องราวกับแมวน้อยที่ถูกเจ้าของหยอกเย้าจนจำต้องยอมจำนนในที่สุด
ยามที่ปลายนิ้วของเขาปัดผ่านยอดทรวงของนางอย่างแผ่วเบาโดยไม่ได้ตั้งใจ หญิงสาวถึงกับหลุดเสียงครางวะหวิวออกมาอย่างไม่อาจสะกดกลั้น ร่างบางสะท้านเฮือกขึ้นมาตามสัมผัสของปลายนิ้วราวกับปลายนิ้วผ่าวร้อนของเขาได้มีกระแสดึงดูดบางอย่างส่งผ่านออกมา
ชายหนุ่มหยุดชะงักการโลมเล้าลาดไหล่ขาวผ่องไปเล็กน้อยเพราะเสียงครางของนาง ก่อนที่ใบหน้างดงามจะยกขึ้นมามองดูใบหน้าของนางอีกครั้ง ยามนี้มันเต็มไปด้วยหยดเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ที่ผุดพรายไปทั่ว เขายังคงส่งยิ้มแบบเดิมมาให้นาง
"ที่ข้าหมายถึงคือฏิกิริยาตอบสนองของเจ้าต่างหากเล่า"
เมื่อสบกับดวงตางดงามพราวระยับด้วยเพลิงปรารถนาอันร้อนแรงของเขา นางก็ถึงกับเบือนหน้าหนีไปด้วยความอับอายกับปฏิกิริยาที่ตนตอบสนองออกมา เสียงแปลก ๆ ที่หลุดออกมาเมื่อครู่จะทำเป็นไม่ได้ยินก็ไม่ได้เสียแล้ว หากเป็นในความมืดนางอาจจะไม่ต้องทนมองสายตาแบบนั้นของเขาก็เป็นได้ สายตาที่ทำให้นางรู้สึกวางตัวไม่ถูก เหมือนกับกำลังจะถูกขย้ำอย่างไรอย่างนั้น
“รู้สึกขึ้นมาหรือไม่ว่าร่างกายของเจ้าอ่อนไหวมากกว่าหลายเดือนก่อน” เขาพึมพำออกมาอีกครั้ง
เจิ้งเยี่ยอิงนึกอยากปฏิเสธ แต่กลับช้าไปกว่าเขาก้าวหนึ่ง
จากคุณ |
:
Black Chip (siMiSma)
|
เขียนเมื่อ |
:
24 พ.ค. 54 13:26:48
|
|
|
|