Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หวานรัก ณ ปลายดง - 6 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10578044/W10578044.html

บทที่ 6

สามแสนรู้สึกตัวเป็นครั้งคราว การขยับตัวเพียงเล็กน้อย ก่อความยินดีแก่ทุกคนที่รอคอย รอยยิ้มมักจะผุดพรายสั้นๆ แล้วจางลงอย่างสลด เมื่อพบว่า เจ้าตัวก็แค่ขยับตัวเฉยๆ

คุณหมอแสวงบุญเข้าใจความรู้สึกของผู้ใหญ่วัยปลายคนทั้งสอง ท่านแวะมาเฝ้าอาการของสามแสนทุกวัน อาจไม่ใช่จุดประสงค์หลักโดยตรง แต่การใส่ใจเป็นพิเศษ ก็คล้ายจะบอกในทีว่า 'สามแสนคือความหวังสุดท้าย'
 
"ผมสารภาพตามตรงว่า ไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีหว่านพืชหวังผลกับสามแสนนะครับ"

เขาไม่เชิงตำหนิ แต่อยากให้ผู้ใหญ่ทราบว่า เขาอ่านความคิดเห็นแก่ตัวนั้นออกอย่างทะลุปรุโปร่ง คุณภูวินทร์กระแอมในลำคอ ชำเลืองไปมองสีหน้าเจื่อนของภรรยา

ท่านวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะกระจกตรงหน้า ขยับตัวขับไล่ความอึดอัด หรือน่าจะบอกว่า เป็นความละอายที่โดนคนหนุ่มรุ่นลูก ติเตียนอย่างสุภาพ

"นายหมอคิดมากไปหรือเปล่า หรือมองอาสองคนในแง่ลบเกินไป" แม้จะละอาย แต่วาจากลับแก้ต่าง

"ถ้ามันเป็นจริงอย่างนั้น ผมยินดีจะขอโทษครับ"

"นายหมอ เราสองคนก็แค่ตื่นเต้น" คุณประกายพลอยช่วยสามีแก้ต่าง "ไม่นึกไม่ฝันว่าสามแสนจะหน้าตาเหมือนชุราวกับฝาแฝด"

"เท่านั้นจริงหรือครับ"

"อาก็แค่อยากจะชดเชยความผิดที่เคยก่อไว้กับชุ"

"หรือครับคุณอา"

คุณประกายพลอยขยับตัว เม้มปากไม่ค่อยพอใจในเสียงย้อนเย็น ท่านลุกจากเก้าอี้ยาว ไปนั่งหน้าโต๊ะทำงาน แล้วมองเจ้าของห้องด้วยแววตาขอความเห็นใจ

"แล้วมันผิดมากนักหรือนายหมอ ถ้าอาสองคนจะถือโอกาสนี้ ดึงตัวนายภีมกลับมา สามแสนจะช่วยให้เรา.. "

"สามแสนเป็นคนอื่นนะครับ ปีนี้แกอายุสิบเจ็ด ผมเดาว่า แกกำลังวุ่นวายกับการเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ"

"ก็เรียนไปสิ อาก็ไม่ได้บอกว่า จะให้เลิกให้หยุดนี่ เรียนให้จบก่อนก็ได้ แล้วเราค่อยมาว่าเรื่องนี้กัน"

"เรื่องไหนครับ เรื่องที่จะยืมมือสามแสนไปล่อหลอกให้ภีมกลับบ้านน่ะหรือ"

ผู้ใหญ่หันไปมองตากันอย่างอึดอัด คุณหมอหนุ่มเลือกใช้คำบาดใจเกินไปหรือเปล่า ใครมาได้ยินเข้า คงนึกตำหนิว่าท่านทั้งสองเห็นแก่ตัวและเลือดเย็น ซึ่งก็เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่ามันจริงนี่เอง สามีภรรยาจึงหน้าเจื่อนลง

"เด็กคนนี้ไม่เกี่ยวกับภีม กับคุณอา แกมีสังคมของแกอยู่แล้ว ขอเพียงแกฟื้นให้ผมซักไซ้ประวัติ เราก็จะทราบว่า แกเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ผมจะรีบส่งข่าว และเชื่อว่าทางโน้นก็ต้องรีบมาในทันที"

"นายหมอ" คุณประกายพลอยคราง

"ผมจึงต้องเรียนกับคุณอาไว้ก่อนว่า การรู้สึกตัวของสามแสน มันกลายเป็นดาบสองคมสำหรับทางฝ่ายเรา"

"เราน่าจะมีหนทาง.. "

"เหนี่ยวรั้งสามแสนไว้ที่นี่ให้นานที่สุดใช่ไหมครับ"

คุณหมอใจดี ไม่อยากก้าวก่ายความคิดผู้ใหญ่ แต่มันช่วยไม่ได้ เพราะเขาอ่านออกจริงๆ และในฐานะหมอ เขาจำเป็นต้องปกป้องคนไข้ให้แคล้วคลาดจากความตาย และปลอดภัยจากความเห็นแก่ตัว

"ถ้าเป็นไปได้ คุณอาอาจจะแอบภาวนาขออย่าให้แกฟื้นด้วยซ้ำไป จริงไหมครับ"

"พูดแต่ละคำนะนายหมอ ถนอมจิตใจคนฟังบ้างเถอะ" คุณภูวินทร์ไม่เชิงเอ็ด

"ผมทำหน้าที่ของหมอครับ" คุณหมอแสวงบุญกล่าวย้อนหนักแน่น "คนไข้มีแผลบาดเจ็บ ก็ต้องรักษาให้แผลหาย คนไข้กำลังจะตกเป็นเหยื่อความคิด ผมก็ต้องหาทางคุ้มครองให้ปลอดภัย"

"เอาล่ะ เราอย่ามาเถียงกันเลย" คุณประกายพลอยตัดบทเสียงเนือย "มาพูดเรื่องนี้ดีกว่า นายหมอคิดว่า นายภีมจะมาวันไหน นี่มันผ่านไปสามสี่วันแล้วนะ"

"เขามาทุกคืนครับ"

"อะไรนะนายหมอ"

คุณประกายพลอยผุดลุกอุทานตาโต คุณภูวินทร์ก็รีบผลุงมาชิดโต๊ะด้วยสีหน้าแตกตื่นอีกคน คุณหมอหนุ่มคนนี้ ออกจะเลือดเย็นเกินไปหน่อย

ทั้งที่ทราบดีแก่ใจแล้วว่า ท่านถ่อสังขารชรามาขลุกอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นวันๆ กว่าจะกลับบ้านพัก ฟ้าก็มืดค่ำแล้ว ก็เพื่อดักรอพบหน้าบุตรชายสุดที่รัก แต่เจ้าตัวทำไมยังอมพะนำเรื่องสำคัญเช่นนี้ไว้เงียบกริบอีก

"ผมไตร่ตรองดีแล้ว ถ้าเราจะดึงนายภีมออกจากป่า เราต้องเฉยๆ ไว้ก่อน การบีบคั้นจะเท่ากับผลักเขาให้หนีไปจากเราไกลยิ่งขึ้น"

"แต่ว่านายภีมมาทุกคืน" คุณประกายพลอยต่อว่าน้อยใจ "แค่นายหมอจะบอกเราสักคืนก็ไม่ได้หรือ"

"ผมไม่อยากเสี่ยงกับการหนีสุดกู่ของนายภีมอีก ครั้งหนึ่ง คุณอาเคยบีบคั้นเขาแบบนั้นไม่ใช่หรือครับ"

ผู้ใหญ่ถอนใจยาวหนัก อัดอั้นจนอยากร้องไห้ ทุกประโยคของคุณหมอแสวงบุญ มันก็จริงหมด

ถ้าไม่เป็นเพราะว่าคุณภูวินทร์ส่งคนเข้าไปสืบเสาะร่องรอยในป่า ทำให้ภภีมรู้ตัว เขาก็คงไม่หนีสุดกู่ ถึงขั้นเกือบจะลุเข้าฝั่งชายแดนพม่าด้วยซ้ำไป

"เท่าที่นายภีมมันยอมย้อนกลับมาป้วนเปี้ยนอยู่ในป่าเมืองกาญจน์ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือครับ ใจเย็นอีกหน่อยเถอะ"

น้ำตาแห่งความคับแค้นหยดลงจากเบ้าตาช้ำของคุณประกายพลอย คุณหมอหนุ่มรู้สึกเห็นใจหัวอกของผู้เป็นมารดา เขาอยากจะซ้ำเติมด้วยซ้ำไปว่า ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับท่าน มันก็คือผลกรรมที่ท่านก่อไว้กับบุตรชายตัวเองโดยแท้

ท่านพรากภรรยากับเลือดในอกของบุตรชายไป ด้วยวิธีทารุณโหดร้าย ท่านก็ต้องตรอมตรมเพื่อซึมซับและสำนึกให้ได้ในที่สุดว่า การพลัดพรากจากผู้เป็นที่รัก มันทุกข์ทรมานและเจ็บปวดแสนสาหัสแค่ไหน

"ที่ผมเชิญคุณอามาคุยในวันนี้ ก็เพื่อขอร้องว่าเลิกล้มความคิดเอาเปรียบสามแสนเถอะครับ สงสารเด็ก"

พยาบาลที่เข้ามาส่งสายตาเตือนให้เตรียมตัวเข้าห้องผ่าตัด ทำให้คุณหมอใจดีต้องรีบสรุปใจความ

ผู้ใหญ่สองคนสบตากับเขา โดยไร้คำตอบรับ และเขาก็ไม่มีเวลาสำหรับหวั่นวิตก เพราะคนไข้นอนรออยู่ในห้องผ่าตัดแล้ว จึงได้แต่หวังว่า ท่านทั้งสองจะไม่เห็นแก่ตัว จนลืมนึกถึงจิตใจของสามแสนผู้บริสุทธิ์




ดึกสงัดของคืนนั้น สามแสนส่งเสียงไอเบาๆ ร่างใต้ผ้าห่มขยับนิดๆ ใบหน้าซึ่งมีสีสันขึ้น ส่ายไปมาด้วยกิริยากระสับกระส่าย ปากแห้งพึมพำแผ่วเบามาก ภภีมซึ่งปรี่มาชิด ต้องโน้มตัวลงเงี่ยหู

"พี่ชาย"

"สามแสน"

ภภีมกระซิบปลุกชิดพวงแก้ม มือใหญ่สอดใต้ผ้าห่ม คลำหามือเล็กมากุม พยายามบีบสลับกับเขย่า เขาอยากเห็นเปลือกตาขยับแย้มเหลือเกิน

หัวใจมันหนักหน่วง เพราะถูกทับโถมด้วยภูเขาระกำลูกใหญ่ มันจะแตกระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ทันทีที่สามแสนรู้สึกตัว เวลานี้ เขาไม่ปรารถนาสิ่งใดมากไปกว่านี้อีกแล้ว

"พี่ชาย ช่วยด้วย พี่ชายช่วยสามแสนด้วย"

"พี่อยู่นี่ ได้ยินเสียงพี่ไหม ลืมตาสิ สามแสนลืมตาก็จะเจอพี่ทันที พี่มาเฝ้าสามแสนทุกคืน คนดี ลืมตาสิ"

"พี่ชาย สามแสนกลัว"

"ไม่ต้องกลัว ลืมตาเถอะ พี่จะไม่ยอมให้อันตรายกล้ำกรายถึงตัวสามแสนได้ ลืมตาสิสามแสน ลืมตาสิ"

'คนดี' ภภีมอุทานลิงโลดในทรวงร้อนจัด ดวงตาคู่ที่เขาปรารถนาจะแลเห็นมาตั้งหลายวัน ปรากฏขึ้นแล้ว

แสงในยามนี้ อาจไม่สดใสเหมือนเช้าวันแรกที่เขาเจอบนหน้าชานโปร่ง หากแต่แสงหม่นเพียงเท่านี้ ก็เปรียบได้ดั่งนิมิตงดงาม เขาพอใจเท่านี้ล่ะ พอใจว่าสามแสนปลอดภัย ไม่ถูกความตายมายื้อมาพรากไปจากเขาเหมือนชุลียาอีก

"พี่ชาย" สามแสนครางเสียงแหบแห้ง "สามแสนหิวน้ำ"

"ได้"

มือสั่นลนลานไปหมดด้วยแรงปีติถาโถม น้ำจากขวดรินไม่ค่อยลงแก้วเท่าไหร่เลย ตอนย้ายมาจ่อชิดปากแห้ง มันก็ยังสั่น ทำให้คนดีดื่มยากสักหน่อย

"รู้สึกยังไงบ้าง" เขารีบถาม

"สามแสนกลัว ไอ้พวกนั้นมันจะ.. มันถอดเสื้อสามแสน ถอดกางเกง มันจะ.. "

"พี่รู้แล้ว มันไม่ได้ทำอะไรสามแสนหรอก พี่ไปช่วยไว้ทันน่ะ อย่าตกใจอีกนะ ไม่มีอะไรน่ากลัวอีกแล้ว"

"สามแสนคิดถึงพี่ชายมากเลย เรียกหาพี่ชายตั้งนาน แต่พี่ชายไม่ได้ยิน ไม่ยอมกลับมาช่วยสามแสน"

"กลับสิ ทำไมจะไม่กลับ พี่จะทิ้งสามแสนไปได้ยังไง แล้วพี่ก็ได้ยินเสียงร้องให้ช่วยของสามแสนด้วย คนดี พี่ขอโทษ พี่กลับกระท่อมช้าไป ทำให้สามแสนต้องตกอยู่ในอันตราย พี่ขอโทษ"

"ไม่หรอก สามแสนไม่เคยโกรธพี่ชายเลย"

"ครับ"

"พี่ชายน่ารักออก ใจดีด้วย"

"ครับ"

"ถึงจะปากจัดไปสักนิด หงุดหงิดฉุนเฉียวไม่เป็นเวล่ำเวลาสักหน่อย แต่สามแสนก็รู้นะว่าพี่ชายเป็นคนดี"

ภภีมอยากร้องไห้ รันทดใจมากกับวาจารำพันของสาวน้อย มันช่างเป็นนิมิตงดงามที่แสนขมขื่นนัก เมื่อเขาได้ประจักษ์ในตอนหลังว่า สามแสนยังไม่ตื่นเลย

เธอเพียงแค่ละเมอ เพื่อระบายความหวาดกลัวกับเหตุการณ์ในคืนนั้น มันคงเกาะแน่นอยู่ในความทรงจำ เธอคงสลัดไม่หลุด และในช่วงเวลาที่หวาดกลัวสุดขีด คนแรกที่เธอระลึกถึงก็คือ 'พี่ชาย'

คุณหมอแสวงบุญจึงได้แต่ส่ายหน้า เขามาปรากฏตัวเงียบๆ และฟังสาวน้อยระบายห้วงฝันของตัวเองผ่านเสียงแหบเครือ มองเพื่อนรักสวมกอดร่างน้อยไว้อย่างหวงแหน

มันทำให้ภาพเก่าๆ ของช่วงเวลาสิบห้าปีก่อนย้อนกลับมา นานมากเหลือเกินใช่ไหม ที่เขาไม่ได้เห็นภภีมสวมกอดผู้หญิงด้วยสายใยผูกพันเช่นนี้

ชุลียาคือสาวผู้โชคดี ที่สามารถคว้าอ้อมกอดของเพื่อนรักไปเป็นเจ้าของ หล่อนเป็นสาวใช้ต่ำต้อย มีวาสนาแต่อาภัพ มีบุญเกื้อหนุนให้พบรักกับภภีม หากแต่ก็มีกรรมหนัก ที่ปักหลักจับแยกจับพรากด้วยความตาย

"แกอย่าชวนคุย เด็กมันจะเหนื่อย พาลงนอนเถอะ" แม้จะรู้สึกเวทนา แต่อาการของคนไข้ก็ต้องมาเป็นที่หนึ่ง

"สามแสนฟื้นแล้ว" ภภีมรีบบอกเพื่อนรัก แววตาเขาฉายความเศร้าระคนปีติ

"แกอย่าหลอกตัวเอง เด็กมันไม่รู้สึกตัวหรอก ละเมอ" คุณหมอทอดเสียงหนัก "รู้ใช่ไหม แค่ละเมอ"

ภภีมไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก เขาเป็นหนุ่มโดดเดี่ยว เพราะนิสัยค่อนข้างขวางโลก ไม่นิยมการยกยอปอปั้น ไม่พิสมัยการจับกลุ่มตีรันฟันแทง ไม่โปรดปรานการตีสองหน้า

จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า ทำไมคุณหมอแสวงบุญ ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของวาจาพิฆาตใจ และเคยกระชากความคิดในใจคนอื่นออกมาฉีกเสียกระจุยหลายต่อหลายคน จึงถูกจับวางไว้บนแท่น 'เพื่อนรัก' ตลอดกาล

เพราะแม้แต่ตัวเขาเอง ก็ยังไม่วายโดนคุณหมอเพื่อนรักฉีกใจเสียป่นปี้ ใช่ล่ะ เขาหลอกตัวเอง อยากมีความสุขช่วงสั้นๆ กับการได้สนทนาสู่สาวละเมอ 'เขา' ณ ตรงนี้ เป็นได้เพียงเงาไม่ยั่งยืนในห้วงความฝันสับสนของสาวน้อยเท่านั้น

"พี่ชาย สามแสนไม่นอนแล้ว สามแสนกลัว"

"ไม่เป็นไร นอนเถอะ พี่จะนอนเฝ้าเอง"

"จริงนะ พี่ชายอย่าโกหกนะ อย่าผิดคำพูดกับสามแสน"

"ไม่ นอนเถอะ"

"สัญญานะพี่ชาย สามแสนรู้นะ คนอย่างพี่ชาย ลองว่าได้ออกปากสัญญาแล้ว พี่ชายจะไม่มีวันบิดพลิ้วคืนคำ"

"ใช่ สามแสนเก่งมากเลย รู้จักพี่ไม่กี่วัน ก็เข้าใจนิสัยใจคอของพี่อย่างลึกซึ้ง นอนนะ พี่สัญญาว่า.. "

"จับมือสามแสนไว้อย่างนี้ จนกว่าสามแสนจะหลับนะ แล้วพรุ่งนี้.. "

"พรุ่งนี้ตื่นมา สามแสนจะหายป่วย"

"ไม่หรอก สามแสนอยากตื่นมา แล้วเห็นว่าพี่ชายยังจับมือสามแสนไว้มากกว่า อย่าหนีสามแสนไปไหนนะ พรุ่งนี้สามแสนตื่นแล้ว ต้องได้เห็นหน้าพี่ชายเป็นคนแรก สัญญาสิ ไม่สัญญา สามแสนไม่นอนนะ"

ขอบตาร้อนอ้าวขึ้น หยาดน้ำแห่งความสะเทือนใจกลั่นรื้น มันคลอจนเกิดประกายสะท้อนกับแสงไฟ ก่อนจะหยดลงกระทบหน้าผากของสามแสน ในจังหวะที่เจ้าตัวโน้มลงช่วยขยับหมอน คนดีของเขาหลับไปอีกแล้วล่ะ

คุณหมอหนุ่มรู้สึกสะเทือนใจมากเป็นครั้งแรก ยามได้เห็นเพื่อนรักกุมมือสาวน้อย จูบซับอย่างอาลัยอาวรณ์ น้ำตาหลายหยดนั้น หาใช่ประจานว่าเจ้าตัวอ่อนแอ มันคือเครื่องยืนยันให้เขาต้องยอมรับอย่างเจ็บปวดใจที่สุดว่า 'ภภีมรักสามแสนเข้าแล้ว'

"ปล่อยให้เป็นหน้าที่ดูแลของพยาบาลต่อเถอะ แกออกไปคุยกับฉันข้างนอก"

"คุยอะไรอีก"

"แกไม่มีเรื่องคุยกับฉันบ้างเลยหรือ"

"ไอ้หมอ อย่ายียวน ฉันอารมณ์ไม่ดี" น้ำตาอาลัยอาวรณ์ยังแห้งไม่สนิท แต่เสียงทุ้มกลับดุดันขึ้น

"ไอ้ภีม" คุณหมอเรียกเสียงหนัก "ไม่จำเป็นว่าต้องเรื่องสามแสนเรื่องเดียวเท่านั้นไม่ใช่หรือ ที่แกยอมทิ้งคราบฤาษีออกจากป่ามาได้"

"ไอ้หมอ แกหุบปากไปเลย"

"ภีม ฉันเป็นเพื่อนแกนะเว้ย แล้วฉันก็รักแก ห่วงแก เหมือนที่แกห่วงสามแสน"

คนหนุ่มสำนึกได้ว่า คุณหมอเพื่อนรักกำลังหาจังหวะแทรกวาจาพิฆาตใจ มองออกว่า อีกฝ่ายจงใจละคำว่า 'รัก' ก่อนจะสบตาเข้ม ตอกย้ำมาเป็นนัยๆ

เขาหลบตาช้ำลงมองวงหน้าซีดของสามแสน ไม่อยากสบแสงคมกริบ เพราะว่ามันไม่ซื่อ เจ้าของดวงตา แค่ว่าอยากทิ่มตำความจริงให้ทะลุคาใจเท่านั้นเอง

"ไปเว้ย ลุกขึ้น" คุณหมอเร่ง "แกไม่มีเรื่องคุยกับฉัน แต่ว่าฉันมี ไอ้ภีม ลุกเว้ย"

"เรื่องมาก"

เขาด่าลอดไรฟัน ในแววตาฉายความดุร้ายเจือรำคาญ ร่างสูงใหญ่ลุกอย่างไม่ค่อยพอใจนัก แต่จังหวะนั้นเอง สามแสนก็ค่อยละเมอแผ่วพร่าขึ้นอีก

"พี่ชาย สามแสนรักพี่ชายนะ พี่ชายใจดี เป็นคนดีมากเลย กลับถึงบ้านเมื่อไหร่ สามแสนจะพาพ่อแม่มาหาพี่ชาย พ่อกับแม่ ต้องรักพี่ชายเหมือนที่สามแสนรักเลย ไม่เชื่อก็คอยดู"

"อย่านั่ง" คุณหมอรีบสกัดหนุ่มระทวย ขาแข้งพานอ่อนไปหมด "เด็กมันก็แค่ละเมอ แกอย่าเพ้อเจ้อตามเด็ก ไป"

ภภีมร้อง 'เอ๊ะ' แล้วด่าในใจ 'ไอ้เวรนี่' เพราะคุณหมอหนุ่มกีดกันทุกวิถีทาง ไม่ให้เขาก่อเยื่อสานใยกับสามแสน

มันเป็นยังไงหรือ โลกจะถล่ม ถึงกาลวิบัติใช่ไหม ถ้าเขากับสามแสนจะรักกัน เพื่อนโรคประสาท ถึงได้จงใจตัดช่องตัดทางอย่างขมีขมัน ด้วยการบังคับลากแขน ทั้งผลักไหล่รุนหลัง ทำให้เขาตกเป็นเป้าน่าสอดน่ารู้ในสายตาคู่อื่นๆ แถวนั้น




ทันทีที่ประตูห้องทำงานปิดสนิท เจ้าของห้องก็โดนผลักหยาบๆ ร่างสูงแผ่ความเกรี้ยวกราด ผ่านการเคลื่อนไหวกระแทกกระทั้น

คุณหมอแสวงบุญสูดหายใจลึก เพื่อตั้งรับกับพายุอารมณ์ของเพื่อนรัก เขาวางสีหน้าราบเรียบ ไม่เผยความตระหนกใดๆ เมื่อเพื่อนรักหันขวับมาประกาศก้องว่า

"ฉันรักสามแสน"

"รักสามแสน หรือว่ารักหน้าตาของสามแสน"

"ฉันรักสามแสน แกจะเชื่อก็ได้ ไม่เชื่อก็ช่างหัวแก"

"ฉันก็ถามซ้ำได้ว่า แกรักสามแสน หรือว่ารักหน้าตาของสามแสน"

"ไอ้หมอ" โทสะมันพลุ่งเป็นคลื่น กวัดแกว่งอยู่ในทรวงร้อนฉ่า ภภีมอยากหักคอคุณหมอปากเสียเสียจริงๆ

"แกถามใจตัวเองให้ชัดเจนอีกสักทีดีไหม ก่อนจะประกาศชุ่ยๆ ออกมา" คุณหมอเท้าสะเอว ในใจครั่นคร้ามอยู่ แต่ภายนอกดูกล้าหาญดีมาก "แกตอบฉันมาซิ ถ้าสามแสนมีหน้าตาเหมือนหนูเหมือนแมวที่ไหนสักตัว แกจะรักเด็กคนนี้ได้ภายในสองสามวันหรือเปล่า"

"แกเงียบนะ" นอกจากเสียงที่ตะคอกดุร้ายแล้ว ร่างร้อนยังปราดถลันเข้าหาอีกสองสามก้าวด้วย

"เงียบอะไร" คุณหมอก็ทำเถียงใจดีสู้เสือ หากแต่ฝีเท้าก็ถอยหนีไปสองสามก้าวเช่นกัน "แกนั่นแหละเงียบ สงบความคลุ้มคลั่งลง ถามตัวเองดู ทบทวนให้ดีๆ แกจะรักสามแสนได้ยังไง เด็กคนนั้นน่ะ คราวลูกแกแล้วนะเว้ย"

"แล้วมันไม่เคยมีหรือ ชายแก่แต่งงานกับสาวน้อย หรือสาวแก่แต่งงานกับหนุ่มอ่อน มันเรื่องใหญ่นักหรือ แกคัดค้านฉัน ไม่เห็นด้วยที่ฉันจะรักกับสามแสน เพราะแกอคติว่า ความรักของฉันมันไม่บริสุทธิ์"

"เออ" คุณหมอใจดีกระแทกเสียงกลับทันควัน "แล้วมันก็ไม่บริสุทธิ์จริงเสียด้วย อ้อ คุณพยาบาล เข้ามาก็ดีแล้ว มายืนตรงนี้"

พยาบาลสาวทำหน้าเหลอหลา ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ก็ถูกคุณหมอปราดมาจับไหล่ พารุนมายืนตรงหน้าหนุ่มหน้าดุตาข้น หล่อนนึกขยาดกับแสงวับวาวเหมือนนัยน์ตาของเสือร้าย ในจังหวะกระโจนพิฆาตเหยื่อ

"เอ้า ทีนี้แกดูให้เต็มตา ถ้าสามแสนหน้าตาอย่างนี้ แกยังจะประกาศอีกไหมว่า แกรักเด็กคนนั้น ดูสิ หน้าไปคนละทิศคนละทางกับชุเลยนี่ ขอบคุณนะครับ วางรายงานไว้บนโต๊ะ แล้วรีบกลับออกไปครับ"

ตอนท้าย คุณหมอก็หันไปกล่าวเสียงนุ่มกับพยาบาลหน้าแห้ง ก่อนจะหันกลับไปพยักพเยิดกับหนุ่มดุเพื่อนรัก อยากฟังเสียงประกาศก้องๆ อีกสักหน แต่ว่าตอนนี้ พ่อตัวดีก็ดูว่าจะอึ้งๆ

"ภีม" เขาเข้าไปตบบ่า เผยแววตาเห็นใจอย่างสุดซึ้ง "ฉันเข้าใจแกนะเว้ย ความรักมันก็ทำให้คนเราหวั่นไหวได้ชั่วขณะ แล้วแกเองก็หวั่นไหวง่ายกับเรื่องนี้ด้วย ไม่อย่างนั้น แกกับชุก็คงไม่แอบทำเรื่องงามหน้ากันเงียบๆ หรอก จริงไหม"

พอเห็นเพื่อนก้มหน้า เมินหน้า สลัดไหล่ย้ายไปยืนหันหลัง คุณหมอก็ถอนใจเบาๆ เจ้าตัวคงอยากซ่อนความสะเทือนใจนั่นล่ะ อดีตเมื่อสิบห้าปีก่อน มันโหดร้ายทารุณไม่ใช่หรือ ถ้าไม่จำเป็น เจ้าตัวก็คงจะไม่เลี้ยวความทรงจำย่างกรายเข้าไปรื้อฟื้นอีก

แต่ถึงแม้ว่าจะสงสารแค่ไหน เห็นอกอกเห็นใจสุดซึ้งยังไง คุณหมอแสวงบุญก็จะไม่ทรยศจุดยืนของตัวเอง เขาจึงพร้อมที่จะพิฆาตใจของเพื่อนรัก ด้วยประโยคทารุณที่ว่า

"แกกับสามแสนรักกันไม่ได้"

"ไม่ได้ เพราะว่าสามแสนเป็นเด็กคราวลูก หรือว่าไม่ได้ เพราะว่าสามแสนหน้าเหมือนชุ"

"ไม่ได้ เพราะว่าความรักที่แกมีให้สามแสน มันไม่บริสุทธิ์"

ภภีมหมุนตัวกลับมา คาดคั้นด้วยตาขมขื่น เพื่อนรักต้องอธิบายได้ไม่ใช่หรือ ความรักที่มีให้สามแสน ก็คือความรักที่กลั่นออกมาจากใจ มันไม่บริสุทธิ์ยังไงหรือ

"ภีม ฉันรู้ว่าแกเองก็เข้าใจ คำตอบมันชัดเจนอยู่ในหัวใจแกนั่นแหละ ยุติธรรมกับสามแสนหน่อยเถอะ อย่าให้เด็กมันต้องเสียความรู้สึกภายหลังเลย"

"ว่าความรักที่ให้ไป มันไม่บริสุทธิ์น่ะหรือ" ภภีมย้อนประชดผ่านเสียงขื่นลึก

"ว่าแกไม่ได้รักเพราะตัวตนแท้จริงของเด็กต่างหาก แกมองเห็นชุอยู่ในร่างของสามแสน แกไม่ได้รักสามแสนหรอก เชื่อฉันเถอะไอ้ภีม"

"มันไม่จริง"

"แกรักสามแสน มันอาจจะเป็นเรื่องจริง แต่ถ้าสามแสนไม่เล่นด้วย เด็กมันก็มีสิทธิ์เต็มที่ แกจะเค้นไปเคี่ยวให้ตามใจแกไม่ได้"

"แกก็ได้ยิน เมื่อกี้นี้ สามแสนละเมอว่า.. "

"เด็กมันรักแก เพราะแกใจดี ในความรู้สึกรักของเด็ก มันก็คงแค่รักพี่ชายคนหนึ่ง แกจะไปเอานิยายอะไรกับเด็กมัธยมปลายวะ"

"แกคงลืมไปแล้วกระมังไอ้หมอ ตอนฉันรักกับชุ ปีนั้นฉันอายุยี่สิบ แล้วชุมันก็เพิ่งสิบเจ็ด ถ้าไม่มีใครปิดฉากมันด้วยบทความตาย นิยายรักฉบับนั้น มันจะไม่มีวันจบจนถึงวันนี้เว้ย"

สิ้นคำร้าวรานนั้น ภภีมก็สะบัดหน้าผละไปทันที เขาเหนื่อย ไม่อยากแสดงอารมณ์ก้าวร้าวใส่เพื่อนรัก เพราะซึ้งใจว่าการทัดทานด้วยสารพัดเหตุผล มันเกิดจากความปรารถนาดี

แต่ครั้นจะให้ปักหลักตอกตำอดีตรักแตกสลายนานไปก็ใช่ที่ เขาไม่ใช่คนที่อดทนกับอะไรได้นานมากนัก หากพลั้งเผลอต่อยปากคุณหมอเข้าให้ มันจะกลายเป็นบาปเกาะใจเสียเปล่าๆ




ชายหนุ่มย้อนกลับมานั่งเซื่องซึมหน้าเตียงคนไข้ สามแสนหลับสนิท สีหน้าดีขึ้นมาก พยาบาลบอกด้วยรอยยิ้มว่า เจ้าตัวไม่มีไข้แล้ว คาดว่าอาการน่าจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ

เขากุมมือเล็กอย่างสับสน ขณะเพ่งวงหน้าไร้เดียงสา หัวใจก็ค่อยๆ มืดลง มันควรจะเป็นอย่างนั้นไม่ใช่หรือ ความรักที่ไม่บริสุทธิ์ ไม่ควรเปล่งแสงใดๆ ในห้องหัวใจที่ร้าวแหลก ทิ้งให้มันอับเฉาเดียวดายอยู่ในห้วงมืดเช่นเดิม น่าจะดีกว่าใช่ไหม

ใช่แล้วล่ะ เขาควรจะเชื่อคุณหมอแสวงบุญ เขากับสามแสนรักกันไม่ได้หรอก ความรักที่ไม่บริสุทธิ์ มันเอาเปรียบและทำร้ายหัวใจไร้เดียงสาของสามแสนอย่างเลือดเย็นเกินไป

เขาไม่ใช่คนแบบนั้น บิดามารดาต่างหากที่เป็น แล้วเขาก็จะไม่เอาเยี่ยงอย่าง แม้จะมีใครมากระแนะกระแหนว่า เขาเปรียบได้ดั่ง 'ลูกไม้ไกลต้น' ก็เถอะ

คุณหมอแสวงบุญน้ำตาซึมไปเอง เพราะอ่านท่าทีเด็ดเดี่ยวของเพื่อนรักออก เจ้าตัวโน้มจูบหน้าผากสาววัยรุ่น จูบมือเล็กอย่างอาลัยอาวรณ์

ก็เห็นอยู่ว่า ตั้งแต่ออกมาจากห้องทำงาน เจ้าตัวก็กุมไม่วาง ท่าทางก็เค้นคิดหนักหน่วง นานเท่าที่บทสรุปมันจะมาเตือนให้จากไป ภภีมผู้น่าสงสาร จึงตัดสินใจหันหลังให้กับสามแสน เพื่อไม่ให้นิยายรักฉบับใหม่ ยื้อยาวอย่างมีปัญหาในภายหลัง

ร่างสูงลุกผละแล้วชะงักครั้งแรก ครั้งต่อมา และต่อมา และครั้งสุดท้าย ที่เจ้าตัวเผยความอ่อนแอหวั่นไหว ย้อนกลับไปสวมกอดร่างหลับใหล

กอดแน่นมาก ด้วยท่าทางโหยหาอาลัยอาวรณ์จับใจยิ่ง จูบหน้าผาก กระซิบกระซาบบางคำ ซึ่งมันก็เบาจนคนอยู่ไกลไม่ได้ยิน แต่ก็เดาว่า น่าจะเป็นถ้อยอำลาโศกปนซึ้ง

คุณหมอหนุ่มเบี่ยงตัวแอบข้างประตู รอจนเพื่อนรักเดินจากไปไกลหลายก้าว จึงค่อยตามมาหยุดมองตรงระเบียง ทุกฝีก้าวมั่นคงและเด็ดเดี่ยวของเพื่อนรัก เปรียบเสมือนลางสังหรณ์เวิ้งว้าง มันกระซิบบอกกับเขาว่า 'ภภีมจะไม่กลับอีก'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 54 17:30:15




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com