Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
พิศวาส ณ ยามสาง - 16 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10574020/W10574020.html

บทที่ 16

เพราะความสับสนว้าวุ่นเต็มที วัสอรจึงหงุดหงิดอย่างไร้เหตุผล เธอจำต้องลงมานั่งขลุกในครัว หลังจากที่ปุราณรับอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เพราะหวังว่าการได้พูดคุยกับพริ้มเพรา อาจจะพอช่วยบรรเทาความหงุดหงิดลงบ้าง แต่แม่ครัวคนงามกลับสะดุ้งโหยง มองเธออย่างลังเลปนประหวั่นลึก แม้จะส่งยิ้มมาให้ แต่ก็ยังอยู่ในอาการกึ่งกลัวกึ่งกล้า

"เป็นอะไรไป ทำไมมองหน้าฉันแปลกๆ เอ๊ะ หรือว่าเห็นอะไรมาโผล่แวบๆ อยู่ข้างหลังฉันหรือเปล่า"

"เอ้อ คุณฝนจริงๆ หรือคะ"

"อะไรนะ ถามแบบนี้หมายความว่ายังไง"

"เอ้อ ไม่ทราบสิคะ ฉันก็สับสนเหมือนกันค่ะ"

"ใช่ ฉันก็รู้สึกอย่างนั้น" เธอสารภาพอ่อยๆ พลางบ่นพึมพำให้อีกฝ่ายฟังอย่างครุ่นคิดว่า "ฉันมึนไปหมด อธิบายไม่ถูกว่าตัวเองเป็นอะไร ทำไมฉันจำไม่ได้ว่าตัวเองไปร่วมงานศพคุณยายที่กรุงเทพ แถมยังไปตั้งสิบกว่าวันอีก"

"จำไม่ได้หรือคะ"

"ฮื่อ"

พริ้มเพราเริ่มคลายท่าทีคลางแคลง แล้วพาหุ่นบางมานั่งข้าง ลองจับมือลูบแขน เพื่อให้แน่ใจก็จับคางลูบแก้ม หยิกเบาๆ อีกนิด รอดูว่าเจ้าของจะมีปฏิกิริยายังไง

แต่ปรากฏว่า วัสอรเฉยๆ เธอแค่มองอย่างสงสัยเท่านั้น ไม่ได้ส่งเสียงแว้ดเข้ม หรือทำท่ายโสถือตัวเหมือนเมื่อคืนวานสักนิด

"เมื่อคืนนี้.. "

หล่อนหยั่งด้วยเสียงลังเล แล้วหยุดไปเฉยๆ ใจเต้นแรงด้วยความหวาดกลัว รู้สึกเหมือนกันว่าตัวเองทำอะไรเสี่ยงเกินไป หากผู้หญิงตรงหน้าไม่ใช่วัสอรขึ้นมาละก็ หล่อนก็อาจโดนหักคอตายแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวคาห้องครัวเสียก็ได้

"เล่ามาเถอะ อะไรฉันก็ฟังได้ ตอนนี้สมองฉันมันเบลอไปหมด มันเต็มไปด้วยเหตุการณ์อะไรก็ไม่รู้แทรกซ้อนเข้ามาคลุกเคล้ากันเหมือนยำเห็ดยำกุ้ง แยกไม่ออกเลยว่าภาพไหนเป็นของเหตุการณ์ไหน สงสัยว่าตัวเองใกล้จะบ้าเต็มที"

"อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ มันไม่มีอะไรเลวร้ายขนาดนั้นสักหน่อย"

"ก็แน่ละ ยังจะให้มีอะไรมาเลวร้ายไปกว่าการเจอผีคุณสรัลที่นี่อีกหรือ อ้อ ที่เลวร้ายอีกเรื่องก็คือ ฉันจำไม่ได้ว่าไปร่วมงานศพคุณยาย อันนี้แหละ เลวร้ายสุดโต่งเลย นึกขึ้นมาทีไร ฉันก็เสียใจทุกที"

"คุณฝนเริ่มจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณตั้งแต่เมื่อไหร่คะ เอ้อ เอาอย่างนี้ คุณฝนจำเหตุการณ์ที่คุณเจอครั้งสุดท้ายได้ไหม"

วัสอรพยักหน้าเร็วโดยไม่ต้องคิด เธอไม่มีวันลืมเหตุการณ์สยดสยองกลางสระในคืนพายุฝนคลั่งได้อย่างแน่นอน มีบางอย่างฉุดรั้งสองขาไม่ให้ถีบอยู่ใต้น้ำ มันทำให้ตัวเปียกๆ ของเธอพลอยโดนดูดลงสำลักน้ำอย่างทุลักทุเลด้วย

เธอจำได้ว่า พยายามช่วยเหลือตัวเองตามสัญชาตญาณ แล้วในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมว่า เธอลงมาผจญความโหดร้ายกลางสระบัว เพียงเพราะเป็นห่วงเจ้านายหนุ่ม ตอนนั้น ก็นึกอยู่อย่างเดียวว่า 'ต้องช่วยเขา'

"จำได้แค่นั้นหรือคะ" พริ้มเพราช่วยซัก คล้ายกรุยทางที่รกไปด้วยขยะแห่งความสับสนให้โล่งขึ้นอีกหน่อย

"ก็จำได้ว่า เหมือนมีใครมากระชากตัวฉันเหวี่ยงไปกระแทกกับลำเรือ อ้อ เรือคว่ำด้วยนะ แต่ฉันก็ไม่รู้ว่ามันคว่ำได้ยังไง แล้วจากนั้นก็ เหมือนถูกจิกผมจับกดน้ำ โอ๊ย ดูมันโหดๆ พิกล เหมือนฉันกำลังจะโดนฆาตกรรม"

"แล้วจากนั้นละคะ"

"ไม่รู้สิ จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย ทุกอย่างมันมืดไปหมด แล้วเมื่อฉันเห็นแสงสว่างลำแรก ฉันก็ดีใจมาก ไม่สนใจว่ามันจะส่องมาจากทางไหน" วัสอรยักไหล่ หยุดเล่า แล้วจ้องหน้าคนฟังนิ่งอยู่อึดใจ จากนั้นก็โพล่งง่ายๆ ว่า "แค่นี้แหละ แสงสว่างลำนั้นมันทำให้ฉันได้รู้ว่าคุณยายตายแล้ว และฉันก็เพิ่งกลับมาจากกรุงเทพ"

"หรือคะ"

"ฮื่อ มันประหลาดไหมล่ะ ฉันเหมือนถูกขังอยู่ในคุกมืดๆ พอออกมาอีกที เวลามันก็ผ่านไปตั้งสิบกว่าวัน โดยที่ฉันก็จำไม่ได้เลยว่า ฉันอยู่ในเวลาสิบวันที่ว่านั้นด้วย ประหลาดไหมพริ้มเพรา ยืนยันทีซิว่า มันประหลาด ฉันจะได้สบายใจสักนิดว่าตัวเองไม่ได้บ้า"

"แล้วเมื่อคืนนี้ละคะ คุณฝนก็จำไม่ได้ใช่ไหมว่า พูดอะไรกับฉันบ้าง"

วัสอรสั่นหน้า แต่ในแววตาฉายความคลางแคลงเต็มพิกัด น้ำเสียงคนถามตื่นเต้นไปหน่อย ดั่งจะบอกเป็นนัยๆ ว่ามีบางอย่างแอบซ่อนเป็นเงื่อนงำอยู่เบื้องหลังคำถามนั้น หล่อนกลืนน้ำลาย บีบมือตัวเองแน่น เลียปาก และจ้องเขม็งเฉพาะดวงตาเรียวสีน้ำตาลอ่อนของเธอ

แล้วอึดใจต่อมา เธอเองที่ต้องเป็นฝ่ายตาโตตะลึงงัน เลียนแบบกิริยาของสาวใช้อาภัพทุกอย่าง เมื่อสองหูสดับเสียงหม่นๆ ต่ำๆ ที่หล่อนโพล่งออกมา แล้ววาจานั้น มันก็ชวนอัศจรรย์ แต่สยองไม่หยอกเลยว่า 'ฉันคิดว่าคุณฝนอาจจะถูกผีคุณสรัลเข้าสิงเข้าแล้ว'




เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นน่ะหรือ คือที่มาที่ไปของคำว่า อาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดกันเองก็ได้ หรือคำว่า ยังไม่มีหลักฐานยืนยันที่แน่ชัด แล้วก็คำว่า มันก็แค่การสันนิษฐานกันตามประสาที่พริ้มเพรากล่าวท้วง

'ทำไมสรัลถึงได้โหดร้ายขนาดนั้น' นี่คือคำถามที่ผุดวนเวียนอยู่ในสมองอันอื้ออึงและหวีดหวิวไปด้วยสายลมแห่งความผิดหวัง

ปุราณเม้มปากอย่างขมขื่น ไม่อยากเชื่อเลยว่า การเปลี่ยนสถานะจากคนเป็นผี จะแปรร่างมัณฑนากรสาวใจดีน่ารัก ให้กลายกลับเป็นปีศาจอำมหิตและเลือดเย็นยิ่ง

สรัลไม่เคยนึกถึงจิตใจสามีคนนี้บ้างหรือ หล่อนคิดอะไรอยู่ สิงร่างของวัสอรเพื่ออะไร หวังจะใช้ร่างเคราะห์ร้ายเชื่อมร่างไร้มวลให้กลับสู่ร่างคนอีกครั้งใช่ไหม

หลังจากนั้นจะเป็นยังไงหรือ วัสอรก็คงจะหายไป ทั้งที่เธอก็ยังอยู่ละสิ ในขณะที่สรัลผู้ตายจาก กลับฟื้นคืนและมีชีวิตมาร่วมเสน่หากับเขาอย่างมีความสุข หล่อนคิดไว้อย่างนั้นหรือเปล่า

ร่างสูงเพรียวอ่อนล้าลงประหนึ่งถูกกัดกร่อนด้วยพิษร้ายแห่งความขมขื่น เขาเซเล็กน้อย ในจังหวะหมุนตัวกลับเพื่อทิ้งหน้าต่างที่ข้างนอกมันแผ่ผืนความมืดมหึมา

วัสอรรีบวางถาดนมสด แล้วปรี่ไปช่วยประคอง ยามที่ตาสองคู่ประสานกัน มันก็อธิบายไม่ถูกว่า แสงที่ส่องกระทบถึงกัน มันมีความหมายลึกล้ำไปกว่า 'ให้ความช่วยเหลือ' หรือเปล่า

"ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ" เสียงถามอาทรฟังแผ่วอยู่ในคอ

"สบายดี ปล่อยเถอะ ฉันเดินเองได้"

ปุราณตัดรอนอย่างไว้ตัว พลางเบี่ยงร่างซวนห่างสองมืออาทร เขาไปนั่งเก้าอี้หวายตัวยาว ยามหลุบตาลงมองมันแวบหนึ่ง ก็อดที่จะระลึกถึงความสุขที่ได้กลืนกินผ่านห่วงมายาเสน่หาไม่ได้

สรัลคงกำหนดมันให้เกิดขึ้น ทั้งหมดไม่ใช่ความจริงใช่ไหม ปีศาจสาวร่ายมันขึ้นมาหลอกหลอนด้วยมนตราราคะที่ระอุกล้าอยู่ในจิตอันแข็งแกร่ง แล้วเขาก็มีความสุขอย่างที่สุด

ยามห่างหายกลิ่นและไออุ่นของปีศาจ เขาเป็นต้องทุรนทุราย คร่ำครวญและวิงวอนอย่างอ่อนแอ แล้วหล่อนก็มาอย่างใจดี เสนอบทพิศวาสอันแสนเร่าร้อน ให้เขาสนองตอบอย่างเมามันแกมกระหาย

"ดื่มนมสดก่อนดีไหมคะ"

วัสอรใจคอไม่ดี ยามได้เห็นสีหน้าเครียดจัดของพ่อหม้ายหนุ่ม ยิ่งตาคู่นั้นด้วยแล้ว มันแลหม่นแกมผิดหวังเหลือเกิน

เขาเสียใจมากกระมัง ที่ได้รับรู้วีรกรรมเกเรของผีภรรยา เธอใจร้ายกับเขาเกินไปหรือเปล่า ที่แฉความลับเก่าใหม่หมดพิกัด ไล่เรียงกันมาตั้งแต่ครั้งพริ้มเพรากันเลย

"คุณปู" เธอเรียกเมื่อเห็นว่าเขายังนั่งเฉย

"เดี๋ยวฉันกินเอง เธอไปนอนได้แล้ว ฉันขอคิดอะไรคนเดียวเงียบๆ "

"มีอะไรต้องคิดอีกคะ"

"ไม่ใช่กงการของเธอไม่ใช่หรือ สิ่งที่เธอต้องการก็คือไปจากที่นี่ ไปจากเรือนริมน้ำที่มีผีเกเรอาละวาด ไปจากเจ้านายที่มีพฤติกรรมประหลาด สมสู่กับผีได้อย่างผิดธรรมชาติ ในสายตาเธอ เรือนริมน้ำกับเจ้าของเรือน มันน่าขยะแขยง น่าสะอิดสะเอียน"

"คุณปู"

"เธอต้องรู้สึกอย่างนั้นล่ะ ในขณะที่แอบมองฉันมั่วโลกีย์กับผีอย่างเมามัน"

"คุณปู"

"เพียงเพราะว่าเธอต้องการไปจากที่นี่ ความลับที่ฉันเก็บรักษาอย่างระมัดระวังและรอบคอบที่สุด มันก็ถูกเธอฉีกเสียขาดกระจุย เธอไปจากที่นี่ได้เลย พร้อมกับหอบงานที่สำเร็จลุล่วงของเธอกลับไปด้วย น่าเสียดายอยู่นิดเดียว ก็ตรงที่คนสั่งการอย่างแม่นมไม่ได้อยู่รอชมผลลัพธ์"

"คุณปู"

วัสอรกลืนน้ำลาย หน้าแห้งสนิท นึกไม่ออกว่าควรพูดอะไรออกมาบ้าง แทนการเรียกชื่อเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก ในขณะที่ต้องฟังเขาสำทับซ้ำเติมตัวเองอย่างน่าสงสาร มันเป็นอากัปกิริยาว้าวุ่นที่เขาเผยให้เห็นเป็นครั้งแรก ตอนนี้ก็ลุกไปยืนมองความมืดนอกหน้าต่างอีกแล้ว

หัวใจมันเกิดอาการกระตุกหนึบ กระแสแหลมคมบางอย่างทิ่มแทงจนรู้สึกเจ็บจี๊ดเป็นช่วงๆ วัสอรหายใจขัด เมื่อนึกว่า การหันหลังของเจ้านายหนุ่ม ประหนึ่งตัดพ้อว่า 'เธอใจร้าย'

"คุณปูคะ" เธอรีบตามมายืนข้าง อยากอธิบายให้เขาเข้าใจ "ฝนไม่มีเจตนาเปิดเผยความลับ เอ้อ แต่ว่า ตอนนั้น คุณปูก็คาดคั้นให้เล่าทั้งหมดไม่ใช่หรือ แล้วอีกอย่าง เรา เอ้อ หมายถึงฝนกับพริ้มเพรา คือเราไม่ตำหนิคุณปูเรื่องที่ เอ้อ มีอะไรกับ เอ้อ กับผี"

"ทำไม ฉันมีอะไรกับผี แล้วมันก่อความเดือดร้อนให้ชาวบ้านคนไหนหรือ เธอหรือพริ้มเพรามีสิทธิ์อะไรมาตำหนิฉัน นี่มันเรื่องส่วนตัวของฉันกับสรัล ฉันไม่เคยป่าวประกาศ ไม่เคยต้องการให้ใครเข้ามารับรู้ สิ่งที่ฉันทำ มันก็แค่ประคับประคองความรักไม่ให้.. "

"คุณปูประคับประคองก็ถูกแล้วนี่คะ ย้ายตัวเองมาซ่อนความเศร้าอยู่ที่เรือนริมน้ำ มันเป็นวิมานรักหลังแรก เป็นที่ที่คุณปูกับคุณสรัลมาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ด้วยกัน คนทั่วไปก็มักจะทำอย่างคุณปู กลับไปหาที่ที่ทำให้เรามีความสุข มีความทรงจำที่ประทับใจ"

"นั่นสิ แล้วเธอจะมาบอกว่าเธอสองคนไม่ตำหนิฉันได้ยังไง"

"เราไม่ตำหนิคุณปูหรอกค่ะ แต่เราไม่เห็นด้วยกับการดันทุรังของคุณสรัลต่างหาก"

"นี่เธอ.. "

วัสอรตกใจที่เห็นเขาขยับตัว ตาหม่นพลันทอประกายวาววูบวาบ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาจะแย้งอะไรออกมา ได้ยินแค่สองคำก็เงียบไปเอง

"ก็มันจริงนี่คะ" เธอยังแหย่เสียงขลาดๆ ออกไปให้เขาตวัดตาขุ่นมาอีกหน "คุณปูยังมีชีวิตอยู่ มีสิทธิ์จะเก็บคุณสรัล เก็บความรักและความประทับใจที่มีต่อกันไว้ในใจได้ตลอดไป อาจจะแต่งงานใหม่.. "

"ไม่มีวัน" ปุราณสวนพรวดด้วยเสียงกระด้างห้วน

"ค่ะ จะมีวันหรือไม่มีวัน คุณปูก็มีสิทธิ์จะเลือก แต่คุณสรัลเธอตายแล้วนะคะ เธอหมดสิทธิ์ที่จะมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของคุณปู เธอต้องปล่อยคุณปูไป แล้วบางทีนะคะ เธออาจจะไปจากคุณปูตั้งนานแล้ว ถ้าคุณปูไม่มัวแต่อ่อนแอ และจมอยู่กับความเศร้าโศก คร่ำครวญหาแต่เธอ ทำให้เธอตัดใจจากไปไม่ได้ คุณปูควรที่จะหยุด.. "

"ไม่ใช่เรื่องของเธอ อย่ามาแส่"

วัสอรตาโต ปุราณไม่ได้พูดประโยคนี้ เสียงยืดยานที่เค้นจากจิตอันเดือดดาล มันดังอยู่ข้างหลัง ต้นคอร้อนจัดด้วยแรงลมประหลาด ปุราณไม่เห็นปฏิกิริยาผิดปกติ ทั้งที่วัสอรก็ยืนใกล้แค่นี้

เธอตกอยู่ในอาการตะลึงงัน ตัวแข็งทื่อ ตาเบิกโพลงด้วยความพรั่นพรึง เขามัวแต่ทอดตาออกไปควานหาร่างของภรรยาในความมืด มองเห็นสะพานไม้กลางสระเลือนรางกลางแสงเดือนดาว ใจก็วาดหวังอยากเห็นหล่อนยืนอยู่ตรงนั้น

"ฉัน.. "

"สารเลว เธอกล้ายุแหย่สามีของฉันให้หน่ายแหนงหรือ ลำพังความจุ้นจ้านสาระแนที่เธอเป็นอยู่ ฉันก็ไม่เคยเมตตาอยู่แล้ว แต่นี่ยังกล้ากำแหงล้างสมองคุณปู ถือดีว่ามีแม่นมอ่อนเป็นเกราะป้องกันใช่ไหม ฉันจะพิสูจน์ให้เธอเห็นว่า สิบแม่นมอ่อน ร้อยแม่นมอ่อน ก็ขวางทางรักของฉันไม่ได้ นังสารเลว นี่แน่ะ"

'ว้าย' วัสอรมั่นใจว่า เธอกรีดร้องหมดหลอดเสียง แต่ทำไมปุราณถึงยังยืนทื่ออยู่อีก เขาไม่เห็นหรือ

จนแม้แต่ร่างของเธอ ถูกเหวี่ยงลอยมากระแทกกับโต๊ะทำงานดังโครม ก่อนจะรูดลงนั่งหมดสภาพ ให้ปีศาจใจเหี้ยม จิกผมแล้วพาศีรษะกระแทกตึกๆ กับขอบโต๊ะ นัยน์ตาพร่าของเธอ ก็ยังเห็นว่าปุราณยืนนิ่งไม่ไหวติงเอาเสียเลย

"คุณปู"

เธอตะโกนเรียก มั่นใจว่าเสียงก้องทั่วห้องทีเดียว แต่ก็เหมือนว่า มันถูกสกัดให้ชะงักอยู่หน้ากำแพงไร้เงาสักผืน แล้วดีดสะท้อนย้อนกลับมากระแทกหน้าเธอเต็มเหนี่ยว เลือดกระอักออกจากปากทันที เจ็บร้าวทรวงอกจนน้ำตาไหล

"เขาเป็นของฉัน เป็นสุดที่รัก เป็นสามีตลอดกาล ไม่ว่าใครก็พรากเขาไปจากฉันไม่ได้ ฉันไม่ยอม"

"ทำไมไม่ยอม" วัสอรฝืนความเจ็บร้าว เค้นเสียงตอบโต้ "คุณตายแล้วนะ คุณกับเขาอยู่กันคนละโลกแล้ว คุณน่าจะพอใจกับความสุขความสมหวังที่คุณได้รับในระหว่างที่มีชีวิตอยู่"

"นี่แน่ะ สาระแนนัก"

เสียง 'เผียะ' มันดังสะใจอยู่ในผิวแก้มช้ำของวัสอร ตอนนี้เอง ที่เธอมั่นใจว่าเกิดเหตุไม่ปกติกับปุราณแน่แล้ว เขาไม่ได้ยืนนิ่งเอง แต่สรัลคงควบคุมเขาเอาไว้

"ฟังให้ชัดๆ นะ" ใบหน้าปีศาจยื่นมาแสยะ จนเห็นฟันคมแหลมดำจัด "ไม่ว่าฉันจะอยู่หรือตาย ฉันต้องเป็นเจ้าของความสุขความสมหวังอย่างที่เคยเป็น ฉันต้องได้อยู่กับความรักของฉัน สามีของฉัน อย่างที่เคยอยู่ อย่ามากำแหงยุยงให้เขาปล่อยวางแล้วปลดปล่อยฉันไป ไม่อย่างนั้น ฉันจะฆ่าเธอ"

"คุณจะทำบาปกับฉันทำไม ในเมื่อพรุ่งนี้ฉันก็จะไปจากที่นี่อยู่แล้ว ฉันไม่เคยคิดพิศวาสคุณปูสักหน่อย"

"ให้มันจริงเถอะ"

"ทำไมจะไม่จริง คุณนึกว่าคุณปูเป็นผู้ชายเพียบพร้อมคนเดียวในโลกหรือยังไง ที่ผู้หญิงทุกคนพอได้เจอแล้ว เป็นต้องออกอาการอยากได้ไว้เป็นเจ้าของ"

"ก็แล้วไม่ใช่หรอกหรือ"

"นี่คุณคงลืมไปแล้วละสิว่า ทุกวันนี้ ใครต่อใครไม่ได้มองว่าเขาเป็นผู้ชายเพียบพร้อมเหมือนก่อนแล้ว แต่ทุกคนกำลังหวาดระแวงว่าเขาเป็นพ่อหม้ายโรคจิต เดินพูดคนเดียว ยิ้มหัวคนเดียว เหมือนจะเลี้ยงผีไว้ในบ้าน ทุกคนพยายามจะหาข้อมูลมายืนยันข้อสันนิษฐานนี้ เพื่อจะพาเขาไปรักษาตัว"

"ปากบัดซบแบบนี้ มันก็ต้องเจ็บตัวแบบนี้แหละ"

วัสอรร้องไห้โฮออกมาเลย เธอเจ็บจริงเจ็บจังกับการโดนตบฉาดแล้วฉาดเล่า เหนือร่างอรชรถูกทับแทรกด้วยมวลควันดำหนาของปีศาจ แม้มันจะทะลุผ่านไปได้ แต่ด้วยอำนาจและพลังจากจิตหยาบอำมหิต สรัลก็บัญชาให้เหยื่อรู้สึกอึดอัดและทรมาน จนแทบอยากจะกลั้นใจตายไปเสียเลย

ซึ่งก็คลับคล้ายกับความสุขสมในกามอันแสนทรมานของปุราณนั่นล่ะ ทุกครั้งที่ร่างกายโดนเหนี่ยวรั้งด้วยพันธนาการราคะของปีศาจ ความสุขที่เร่าร้อนผิดปกติ ก็ทำให้เขาแทบอยากจะกลั้นใจตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด

แล้วทันใดนั้นเอง แสงนุ่มนวลเจิดจ้าก็พลันส่องสว่างเข้ามาทางหน้าต่าง ปุราณกระแอมในคอเบาๆ สองสามครั้ง สรัลสำนึกรู้ว่า แม่อ่อนคงมาช่วยหลานสาวและเจ้านายหนุ่ม

หล่อนจึงลากร่างระทวยของเหยื่อ เหวี่ยงวืดไปกระแทกกับเก้าอี้หวาย แล้วปล่อยให้นอนแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น ก่อนจะเลือนร่างหนีห่างประกายบุญอันคมกริบ




มวลควันดำหนาที่ปรุรั่วไปด้วยรูพรุน ลอยเคว้งคว้างไปหยุดกลางอากาศ แสยะยิ้มเยาะเย้ยใบหน้าสงบสำรวมของแม่อ่อน นางลอยร่างสุขุมใกล้หน้าต่าง ส่ายหน้าตำหนิสิ่งที่หล่อนทำเพื่อสนองจิตหึงหวงแรงกล้า

"นมพยายามเตือนครั้งแล้วครั้งเล่าว่า สิ่งที่คุณสรัลทำจะไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ทำไมไม่ฟังค่ะ"

"สรัลก็พยายามบอกหลายต่อหลายครั้งเหมือนกันว่าอย่ามาขวางทางรักของสรัล แม่นมก็ไม่เห็นจะฟัง"

"คุณหมดพันธะกับคุณปูโดยสิ้นเชิงแล้ว เห็นหรือยังว่า แม้แต่ความลับที่คุณปูพยายามจะเก็บซุกซ่อน ก็ยังถูกเปิดเผย คุณตายจากเขาไปแล้ว ไม่ว่าใครจะก่นด่าเสียดสีด้วยถ้อยคำรุนแรงแค่ไหน คุณก็ไม่สะทกสะท้านอยู่แล้ว แต่คุณปูยังต้องมีชีวิตอยู่ในโลกใบเดิมของเขาไปอีกนาน คุณต้องการเห็นเขาไม่มีหน้าไว้สู้สายตาใครเลยหรือ"

"เงียบนะ"

"วันนี้ เขาแค่รู้สึกอับอาย อดสู และสังเวชต่อฝน ต่อพริ้มเพรา ที่ถูกจับได้ว่าตัวเองต้องสมสู่กับผี เพียงเพราะนึกไปว่า วิธีนั้นเท่านั้น ที่จะช่วยฉุดรั้งคุณและความรักให้อยู่กับเขาต่อไป แต่การร่วมชีวิตแบบนั้น มันผิดธรรมชาติซึ่งเขาเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ แล้ววันต่อไปละค่ะ คุณต้องการให้เขาอับอาย อดสู และสังเวชตัวเองต่อหน้าคนทั้งโลกหรือเปล่า"

"หุบปากนะแม่นม"

แม่อ่อนลอยหนีมือยาวขาววอกของปีศาจ สรัลยื่นปราดมาหมายจะตบปากสั่งสอน นางรับมือได้ แต่ไม่อยากปะทะด้วย เพราะเจตนาแน่วแน่มีเพียงอย่างเดียวคือ 'เตือนสติ'

กระแสลมร้ายกระโชกแรงมาหอบหนึ่ง พัดชายผ้าม่านพลิ้วตลบ ไอร้อนร้ายของมันซ่านเข้าไปกระทบใบหน้าแน่วนิ่งของพ่อหม้ายหนุ่ม แม่อ่อนปรายตา แลเห็นเขารู้สึกตัว ร่างแข็งทื่อเริ่มขยับแล้วหมุนกลับ อีกประเดี๋ยวก็คงตกใจกับสภาพบอบช้ำของหลานสาวดวงตก

"นมเตือนด้วยความหวังดี ปล่อยวางความผูกพันในภพนี้ให้หมดสิ้น เพื่อก้าวไปสู่ภพใหม่ตามครรลองเถอะค่ะ"

"ไม่มีวัน ได้ยินไหมแม่นม ไม่มีวัน คอยดูไปเถอะ คอยดูว่าสรัลจะกลับไปเป็นคนได้ยังไง สรัลจะเป็นต้นแบบ เป็นจุดเริ่มต้นของผีทั่วทุกหนแห่งในโลก ให้เอาเป็นเยี่ยงย่างในความมานะพยายาม และบากบั่นต่อการต่อสู้เพื่อเอาชนะชะตาลิขิตของฟ้า"

"ด้วยการคืนร่างคนตายสู่คนเป็นอีกครั้งหรือคะ"

"ใช่ สรัลจะทำให้ได้ แม่นมอ่อนก็ไม่มีวันจะมาขัดขวางความตั้งใจของสรัลได้ ถ้าบีบคั้นกันนักละก็ สรัลก็กล้าพอที่จะทำลายดวงวิญญาณของแม่นมอ่อนให้แตกสลาย ไม่ต้องได้ผุดได้เกิดกันอีกต่อไป ไม่เชื่องก็ลองดู"

'อนิจจา อาการหนักเกินเยียวยาจริงๆ ' แม่อ่อนถอนใจพรู ทอดแววตาปรานีมองไปตามวิถีที่มวลควันดำหนาลอยละลิ่วเสียดแทรกสายลม แล้วค่อยหายกลืนเข้าไปในความมืดของรัตติกาล

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 54 11:01:34




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com