๐๐ ... กมโลภิกขุ..ชายหนุ่มผู้บวชเป็นพระ ... ๐๐ (บทที่ 14)
|
 |
.
๐ กมโลภิกขุ..ชายหนุ่มผู้บวชเป็นพระ ๐ (บทที่ 14)
บทที่ 14
คราวนี้นึงมีคนนอนเป็นเพื่อนที่โรงพยาบาล
นึงไม่เป็นอะไรมากแค่ฟกช้ำและตาแดงเพราะฝุ่นเข้าตา..หลวงพี่อาจหนักมาก หนักกว่าเก่า ตัวหนัก อาการหนัก..นายนิด!
ผมจะไม่พูดเล่น นึกเล่นเรื่องการเจ็บป่วยของหลวงพี่แล้ว..หลังเยิน หัวแตก ไม่รู้ตับไตเป็นอย่างไรบ้างหินก้อนใหญ่หล่นกระแทกอย่างนั้น..ดีที่หลวงพี่รู้สึกตัวขณะรับวิบากกรรม ไม่งั้นนึงอาจถูกพุงกะทิทับจนหายใจไม่ออก..หลวงพี่โหย่งตัวไว้ตลอดเวลา กระทั่งมีคนช่วยกันรื้อซากปรักหักพังที่ทับถมอยู่
ส่วนที่พังลงมาคือหน้าบันของอุโบสถ ใครคนหนึ่งบอกว่าเพราะมีรอยเจาะอุดอย่างไม่เรียบร้อยตั้งแต่อดีต นัยว่าเพื่อบรรจุซุกซ่อนพระเครื่องและวัตถุมงคล..ที่หล่นลงมาทำร้ายหลวงพี่ส่วนหนึ่งคือพระเครื่องมหาขลังโบราณนั่นเอง..พระคุ้มครอง แต่พระเกือบทำลายชีวิตสองชีวิตที่นอนเตียงติดกันนี้
หลวงพี่เขียดกลับจากฉันเช้าที่บ้านเดินผ่านโบสถ์พอดีได้เข้าช่วยเหลือ อีกรูปหนึ่งที่คอยเตร่อยู่ใกล้ๆ ผม..พระนัท..เป็นอีกแรงที่ช่วยรื้อซากอิฐและช่วยพยุงกึ่งแบกหลวงพี่ดำใหญ่ส่งโรงพยาบาล
พระทั้งวัดรู้เรื่องเพียงไม่กี่รูปละหรือ?..ไม่ใช่..รู้กันทั้งวัด มากันทั้งวัด แต่มาเพราะกรุแตก..ต่างรื้อหาหยิบฉวยวัตถุมงคลที่หล่นลงมา บางรูปหนักข้อ ปีนป่ายขึ้นไปดูช่องโหว่บนเพดานเพื่อหาสิ่งล้ำค่าที่อาจซุกซ่อนหลงเหลืออยู่..เป็นโกลาหล
แต่..มีหรือจะรอดพ้นสายตาและอำนาจของนักเลงประจำโบสถ์ไปได้..หลวงพี่มะขามข้อเดียวมีลูกศิษย์บึกๆ ประจำตัวหลายคน..พระเครื่องโบราณและวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายถูกยึดเป็นของท่านหมด อ้างว่าเป็นของเก่าแก่ประจำวัด สมบัติของวัด เคลื่อนย้ายไปไหนไม่ได้..ก็จริง..แต่อาจเคลื่อนไหวกลายเป็นปัจจัยของใครบางคนได้
ขอน้ำผมหน่อย.. หลวงพี่อาจเผยอร่างด้านข้างขึ้นจากการนอนคว่ำ คุณ..ขอน้ำ
ครับ.. ผมหันกลับจากเตียงของนึง ยื่นแก้วน้ำที่มีหลอดส่งให้ดูด ตื่นแล้วหรือ
นึงเป็นไงบ้าง.. ชะเง้อดู โอ๊ย!.. ฟุบลงตามเดิม
ไม่เป็นไรมาก.. จะปลอบใจตรงไหนดี เจ็บไปหมดอย่างนั้น คงต้องนอนคว่ำหลายวันหน่อยนะ
อังสะของผม?
ม้วนใส่ถุงไว้แล้ว หลวงพี่จะมีพวงกุญแจและสมุดบันทึกเล็กๆ ติดตัวอยู่เสมอในกระเป๋าอังสะ เพราะหน้าที่การงานที่รับผิดชอบอยู่
ต้องอยู่ที่นี่กี่วัน?.. สองแขนยันที่นอนขยับจะลุกขึ้นนั่ง โอย..
หลวงพี่นี่น้า.. ทุบเตือนที่แขน นอนไปก่อน..คงหลายวันกว่าจะดีขึ้น.. ชะโงกดูหลัง เย็บหลายเข็มอยู่นะ
แต่ขาไม่ได้เป็นอะไร.. ขยับท่อนล่าง ผมยังลุกขึ้นเดินได้
ก็ลุกขึ้นสิครับจะได้กลับวัดกัน.. ชักหมั่นไส้ นึงไม่เห็นงอแง
ผมไม่ได้งอแง.. หลวงพี่อาจยันกายลุกขึ้นนั่งจนได้
เอ้า!.. ผมไม่รู้จะพูดอะไร
หลวงพี่!.. นางพยาบาลเข้ามาเห็นพอดี อย่าเพิ่งลุกขึ้นนั่ง
นั่น!.. บอกแล้วไม่เชื่อ
อาตมาจะไปห้องน้ำ.. ขุ่นๆ
ป๊ะ..ป๊ะ.. นึงตื่นขึ้นเพราะเสียงเอะอะ..ผมหันไปหานึง..จะเกิดอะไรกับหลวงพี่...
ยังไม่อยากให้ขยับไปไหน.. นางพยาบาลหยิบโถสอดส่งให้ ปัสสาวะใส่นี่ก่อนนะคะท่าน เลื่อนม่านบังเตียงส่วนหน้ามาติดตรงที่ผมนั่งอุ้มนึงอยู่..คงเห็นว่าเป็นพระเหมือนกันจึงปล่อยไว้แค่นั้น
สิ!.. ผมเลิกคิ้วกระดกหน้าให้..ใช่!..กวน
ป๊ะ..ป๊ะ.. นึงหันมอง เต้นบนตักผม
ในที่สุดกล้วยน้ำว้าเชื่อมต้องตกบันไดพลอยโจน..หันหลังเค้นปัสสาวะออกมา
หลวงพี่อาจรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลหลายวัน..มีญาติโยมผลัดเปลี่ยนมาเยี่ยมไม่ขาด ทั้งเยี่ยมหลวงพี่และเยี่ยมนึง..โยมแย้ม บ้านบุญที่ผมรับนิมนต์และได้ฉันขนมกุยช่ายซิ้มนึง..โยมแม่ของหลวงพี่เขียดมาพร้อมกับคุณพิมพิลาไลย (จนแล้วจนรอดผมก็ยังไม่รู้จักชื่อเธอ)
โยมผู้หญิงสองบ้านนี้ออกปากขอรับเลี้ยงนึง..จริงอย่างที่หลวงพี่อาจเคยบอก..ยิ่งเห็นนึงนอนไม่สบายอยู่ เห็นผมเฝ้าไข้ทั้งเล็กทั้งใหญ่ ยิ่งสมเหตุสมผลที่นึงควรต้องมีคนดูแลจริงๆ จังๆ ไม่ใช่แค่พอให้มีชีวิตรอดไปวันๆ อย่างนี้
พระนัทก็มา..บางทีสิ่งที่เห็น ที่เราคิด ก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป
แต่สิ่งที่ไม่ได้คิด ไม่น่าจะเป็น..หลวงพี่หลอมาเยี่ยมนึง
วัดจากสายตา ความรู้สึก และกระแสจิต หากหลวงพี่หลอเป็นฆราวาสท่านคงออกปากขอรับเลี้ยงนึงด้วยอีกคน
ไม่ใช่ผมเริ่มขี้เกียจหรือฉวยโอกาส..หลวงพี่อาจมีอาสาสมัครช่วยดูแลมากมาย..นึงไม่ได้ติดผมจริงจังนัก ใครอุ้มใครดูแลเขาก็ยอม ผมต่างหากที่ติดเขา...พระสานิตย์จะได้วิเวกอยู่วัดตามลำพังเสียทีหลังจากบวชมาได้เกือบเดือน
เริ่มมีความวุ่นวายเข้ามาในวัดมากขึ้นหลังจากข่าวกรุแตกกระจายออกไป ผู้คนเดินทางมาจากทุกสารทิศ พระแทบจะไม่มีที่นั่งทำวัตร (มากไป) ผู้ที่มีความสุขและราศีอิ่มเอิบมากกว่าใครในเวลานี้คือหลวงพี่นักเลงใหญ่ อีกรูปหนึ่งคือหลวงพี่เรย์แบรนด์ ที่เริ่มอยู่ติดวัดโดยเฉพาะในโบสถ์
หลวงตาใบเตร่ไปดูที่โบสถ์เหมือนกัน พอรู้อะไรเป็นอะไรท่านก็กลับไปสวดมนต์ภาวนาที่กุฏิของท่านตามเดิม..ยิ่งหลวงปู่..ดูเหมือนท่านจะไม่รู้อะไรเลย ถึงรู้ท่านก็คงไอ้แต่กระแอม และเข้าอยู่วิปัสสนากรรมฐานของท่าน หลีกพ้นวัฏฏที่น่าสงสารเหล่านั้นให้ไกล
พระนิด.. พระนัทร้องทักจากหน้าต่างกุฏิ ได้อะไรกับเขาบ้างหรือเปล่า
ได้อะไร.. อ้าว!..แล้วกัน..จะวิเวกไหมนี่?
วันนั้นที่หน้าบันถล่ม คุณได้อะไรที่หล่นลงมาบ้างป่าว
ไม่.. เวลานั้นจะคิดอะไรได้นอกจากสองชีวิต ไม่รู้นี่นะ ถ้ารู้ก็คงแย่งกับเขาบ้าง พูดตามสังคม..ผมกำลังเหมือนตัวคนเดียว
ตอนเข้าไปช่วยหลวงพี่อาจผมได้มาหนึ่งองค์แปะอยู่บนหลังหลวงพี่ ดูเหมือนหลวงพี่เขียดก็ได้อยู่นะ.. ผลุบหายเข้าหน้าต่าง แล้วออกมาใหม่ นี่ไง..ขึ้นมาดูไหม?
ไม่ถูกตรวจค้นหรอกหรือ ล้างเท้า ขึ้นบันได
กำลังช่วยคนเจ็บส่งโรงพยาบาลใครจะเข้ามาค้น อีกอย่างตอนนั้นยังไม่มีใครรู้ว่าอะไรร่วงลงมา
อือ..ครับ.. งับประตู..เหนื่อย อยากจำวัด รื้อเสื้อผ้านึงที่ถอดออกจากโรงพยาบาล มีบางอย่างร่วงตามมา..พระเครื่ององค์หนึ่ง นึงก็ได้กับเขาเหมือนกัน
พนมมือบูชาพระองค์นั้น วางบนหิ้งพระหัวนอน ล้มตัวและหลับไป
ตื่นขึ้นกลางดึก ผมลงจากศาลายาวเดินไปเรื่อยเปื่อย..นี่กระมังวิเวกที่ผมอยากได้..เดินไป เดินไป แต่ละก้าวคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา..อยู่วัดมานานยังไม่รู้เลยว่าเดินจงกรมคืออย่างไร คงคล้ายที่ผมกำลังปฏิบัติอยู่ เพียงแต่เพ่งจิตอย่างมีระเบียบแบบแผน
สาเหตุที่หลวงพี่อาจและนึงได้รับบาดเจ็บ..เพราะหลวงพี่อยากได้แสงสว่างส่องทางเรื่องนึง..ผลที่ได้..คิดในทางโลก คือธรรมดา ไม่วันใดวันหนึ่งเหตุการณ์นี้ต้องเกิดขึ้น..คิดตามธรรม..ความจริงแท้ที่ซ่อนเร้น..นึงอยู่ในโลกของเขา วิถี ชะตาชีวิตของเขา เราได้แต่ช่วยเหลือเกื้อกูลเพียงผิวเผิน จะให้จริงจังเหมือนร่วมชะตาชีวิตเดียวกับเรานั้นคงไม่ได้
แต่การบอกกล่าว นิมิต หรือการสั่งสอนจากหลวงพ่อนิลครั้งนี้แรงไป ชีวิตนึงและหลวงพี่อาจเกือบพลีเป็นค่าเล่าเรียน..ถ้าค่าเล่าเรียนแพงขนาดนี้มันน่าจะมีคำสอนอื่นที่ล้ำค่าแฝงอยู่อีก..อะไร..ตรงไหนนะ?
มาถึงโบสถ์เมื่อไหร่ไม่รู้ตัว..แสงสว่างรำไรลอดออกมา เมื่อเข้าใกล้ได้ยินเสียงคนพูดคุยทำกิจกรรมกันในนั้น..เวลาวิกาล ดึกแล้วอย่างนี้...หรือเป็นอย่างที่ผมคิดระแวง
จากช่องว่างประตูโบสถ์ที่งับไว้ไม่สนิท..หลวงพี่นักเลงกำลังตั้งวงสุรากับลูกศิษย์ตัวเขื่อง..หลวงพี่เรย์แบรนด์อาการเหมือนคนเมายา..ควันบุหรี่ควันยาคลุ้งโบสถ์
เสียงกุกกักบนหัว ผมแหงนดูรอยโหว่ที่หน้าบัน..แสงวอมแวมอยู่ด้านใน คงมีคนไต่อยู่บนเพดานเพื่อหาสิ่งมีค่าที่หลงเหลืออยู่ เสียงกุกกุกไม่ได้มีเพียงด้านบน ผมเขม้นมอง..ข้างฐานองค์หลวงพ่อนิล หลายคนกำลังใช้แชลงแซะทะลวงองค์ท่าน..อะไรกันนี่
มองสำรวจขึ้นไปตามองค์หลวงพ่อ เหมือนท่านกำลังสั่นสะท้อนใจ..เป็นจังหวะ..เอ๊ะ!..ไม่ใช่..จีวรผืนหนึ่งต่างหากกำลังขยับเป็นจังหวะอยู่บนแท่นหลังองค์หลวงพ่อที่ใช้เป็นที่จำวัดของพระบางรูปหรือใครบางคน
อย่านะ!..ไม่ใช่นะ!..อย่าเป็นไปตามความคิดอกุศลของนายนิดเลย..จีวรผืนนั้นอยู่บนร่างของพระภิกษุรูปหนึ่ง และจังหวะที่เห็นคือจังหวะของฆราวาสที่มักกระทำในเวลาค่ำคืน..สายไปเสียแล้ว นายนิดไม่อาจละสายตาจากภาพที่เห็นได้ กลับปรับโฟกัสชัดเจนจนเห็นหัวที่โลนเกินคมมีด หน้าตาอัปลักษณ์ และซีฟันแหว่งหลอ..จะเป็นใครไปไม่ได้..หลวงพี่หลอ ผีหัวโล้นชีเปลือยเจ้าเก่านั่นเอง..อย่างไร..อะไร..โลกช่างกลับตาลปัตรได้หลายตรลบจริงหนอ
แอ๊ด!.. เพราะเกร็ง ตะลึงกับภาพที่เห็น มือปัดโดนประตูโบสถ์..ทุกคนในนั้นหยุดกิจกรรมหันมามอง โดยเฉพาะผีหัวโล้นฟันหลอตัวนั้นปีนข้ามตักหลวงพ่อเดินมาที่ประตู..ลูกศิษย์ตัวเบ้งเดินตาม
ไอ้พระกรุงเทพฯ.. ทุกคนในนั้นรู้ว่าคือใครที่แอบดูอยู่ กรูเข้ามา..ผมจะทำอย่างไร ก้าวขาไม่ออกดื้อๆ ถึงวิ่งได้ก็ใช่จะหนีพ้น
ผมจะตายไหมนี่!..วินาทีนี้คนเดียวที่นึกถึงคือหลวงพี่อาจ
ยังไม่ทันที่ผมจะถูกรุมตื้บ กระจังดาวดวงหนึ่งหล่นจากเพดาน ตามด้วยเสียง โผละ!..โครม!..โครม!..เพดานเหนือองค์หลวงพ่อถล่มลงมาพร้อมชายหลายคนและพระหลายรูป..โบสถ์สั่นสะเทือน..องค์หลวงพ่อโอนเอนไปมา
เหล่าอสุรกายผละจากผมวิ่งเข้าโบสถ์ บ้างวิ่งเลยไป
ผมยังคงก้าวขาไม่ออก เหมือนถูกยึดติดกับบันได..ทุกสิ่งโย้เย้ไปมา..ถ้าไปไหนไม่ได้ผมคงถูกโบสถ์ถล่มทับตาย
นับประสาอะไรกับผม..องค์หลวงพ่อนิลกำลังถูกโบสถ์ถล่มทับ..เศียรกำลังจะหลุด..เนตรท่านจ้องดุมาที่ผม..ผมทำผิดอะไรหรือจึงต้องตายที่นี่
จ้องสั่นสักพักองค์หลวงพ่อก็เอนล้มแตกลงต่อหน้า..อิฐหินปลิวพุ่งมาที่ผม หลังคา เพดาน เสา ผนังโบสถ์กำลังถล่ม
โครม!..ครืน!..ครืน!..
ช่วยด้วย..ช่วยด้วย.. เสียงแหบลึกไม่พ้นจากลำคอ
ช่วยด้วย..
.
จากคุณ |
:
ดาเรน
|
เขียนเมื่อ |
:
26 พ.ค. 54 10:23:40
|
|
|
|