หัวใจรักสัตว์อสูร บทที่ 1
|
 |
เมื่อณชวดิจำต้องไปเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้กับดาราหนุ่มกลวัชร ครั้งแรกเธอรู้สึกไม่ชอบนิสัยเย็นชา เอาแต่ใจของเขา แต่พออยู่ใกล้ชิดกันแล้วหญิงสาวกลับสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนอบอุ่น และเมื่อได้รู้ความลับว่าแท้จริงแล้วพระเอกหนุ่มผู้นี้คืออะไร รวมถึงที่เขาพยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้ เพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่จากใครบางคน เธอจึงหันมาให้ความร่วมมือและหลงรักเขาโดยไม่รู้ตัว
หัวใจรักสัตว์อสูร
บทที่ 1
เสียงรองเท้ากระทบพื้นคอนกรีตดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดยามราตรี จังหวะการก้าวที่เป็นไปอย่างรัวเร็วบ่งบอกว่าเจ้าของรองเท้าคู่นั้นกำลังอยู่ในอาการเร่งรีบ ดวงตาคมเข้มกวาดมองรอบตัวอย่างหวาดระแวงก่อนจะเลื่อนกลับไปมองหญิงสาวที่ลากตามมาด้วย สีหน้าและท่าทางที่เหนื่อยอ่อนของเธอกับการก้าวที่เชื่องช้าลงทำให้ชายหนุ่มต้องขมวดคิ้วด้วยความขัดใจ เขาดึงข้อมือของเธอค่อนข้างแรงพร้อมกับตะคอก
เร็วหน่อยได้ไหม!
ฉันเหนื่อย ขอพักก่อน หญิงสาวตอบพลางหอบหายใจและทำท่าจะหยุดวิ่งแต่อีกฝ่ายกลับบีบแขนเธอแน่นและพูดเสียงกร้าว
เดี๋ยวแกได้พักแน่ แบบตลอดกาลด้วย เขาออกแรงลากเธออีกครั้ง หญิงสาวพยายามดิ้นรนขัดขืนแต่ก็ไม่อาจสู้กำลังของชายหนุ่มได้ ในที่สุดเธอจึงจำใจต้องวิ่งตาม พลันบังเกิดแสงไฟวับวาบลอดผ่านช่องระบายอากาศเข้ามาพร้อมเสียงสัญญาณฉุกเฉินและเสียงล้อรถหลายคันหยุดที่หยุดพรืดหน้าอาคารทำให้ผู้กำลังหนีหยุดชะงักในขณะที่หญิงสาวเหยียดยิ้ม
นายเสร็จแน่
หุบปาก!
ชายหนุ่มตวาดลั่นและรีบกวาดตามองหาทางหนีแต่ต้องหยุดอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ตำรวจดังผ่านเครื่องกระจายเสียง
นายปรพลขอให้มอบตัวเดี๋ยวนี้ เจ้าหน้าที่ได้ล้อมโกดังนี่ไว้หมดแล้ว ตอนนี้นายไม่มีทางหนีและอย่าได้คิดต่อสู้ขัดขืนหรือทำร้ายตัวประกันเป็นอันขาดเพราะถ้าทำแบบนั้นนายอาจไม่มีทางรอด วางอาวุธและก้าวออกมาแต่โดยดีอย่าให้พวกเราต้องใช้กำลัง
คำเตือนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้ปรพลขบกรามด้วยความแค้น ปืนในมือถูกกำแน่นก่อนจะถูกยกขึ้นจ่อศีรษะของหญิงสาว
สมองแม่นี่กระจายแน่ถ้าพวกแกก้าวเข้ามา
ชายหนุ่มตะโกนสวนเสียงดังและเหยียดยิ้มเมื่อได้ยินเสียงตำรวจตอบกลับมา
อย่าทำแบบนั้น...
เตรียมรถให้ฉัน และปล่อยพวกเราไปจนถึงชายแดน ปรพลร้องสั่งอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่าแต่ความลำพองนั้นต้องดับวูบลงเมื่อมีเสียงหนึ่งดังมาจากทางด้านหลัง
นายไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น
ปรพลหันกระบอกปืนไปหาเจ้าของเสียงทันที ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นร่างผู้พูดเต็มตา
จรณ์!
ปล่อยคุณนิตาเดี๋ยวนี้ จรณ์พูดเสียงเข้ม ปรพลแค่นหัวเราะพร้อมกับเลื่อนปืนกลับไปจ่อที่ศีรษะของนิตาอีกครั้ง
นายมาเพื่อจับฉันหรือช่วยผู้หญิงคนนี้กันแน่
อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำอีกครั้ง จรณ์พูดเสียงเรียบพลังก้าวเท้าไปข้างหน้า อีกฝ่ายรีบขยับถอยหลัง เสียงขึ้นลำกล้องปืนดังกริ๊กเบาๆ
ขืนเข้ามาอีกก้าวนังนี่หัวกระจุยแน่
ไม่ต้องห่วงฉัน นิตาพูดแทรกขึ้นแต่ต้องร้องอุทานเสียงลั่นเมื่อถูกปรพลใช้แขนกระแทกลำคอค่อนข้างแรง
เงียบ!
เขาเลื่อนสายตาไปมองจรณ์อีกครั้งและอ้าปากค้างเมื่อพบว่าอีกฝ่ายหายตัวไปแล้ว ปรพลรีบหมุนศีรษะมองหาด้วยความหวาดกลัว ปืนในมือกวาดไปโดยรอบในลักษณะพร้อมจะลั่นไก
แกอยู่ไหนไอ้นักล่า!
เขาตะโกนลั่นอย่างคั่งแค้นและร้องลั่นอย่างตระหนกเมื่อร่างของจรณ์ปรากฏขึ้นตรงหน้า ปรพลระเบิดกระสุนทันทีแต่อีกฝ่ายปัดปากกระบอกปืนให้เบี่ยงออกไปได้ทัน
แก!
จอมวายร้ายร้องด้วยความแค้นพลางผลักร่างของนิตาเข้าไปหาจรณ์พร้อมกับยกปืนขึ้นเล็งหมายจะยิงทั้งคู่แต่กลับถูกอีกฝ่ายหมุนตัวเหวี่ยงเท้าเตะอย่างแรงจนอาวุธหลุดจากมือกระเด็นตกไปไกล ปรพลยืนอ้าปากค้างแต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรเขาก็ถูกกำปั้นของจรณ์ก็เสยเข้าที่ปลายคาง ร่างของคนชั่วร่วงลงไปนอนกองกับพื้นทันที ชายหนุ่มรีบจับเขาใส่กุญแจมือก่อนจะหันไปมองนิตา
บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า เขาถามด้วยความเป็นห่วง หญิงสาวไม่ตอบแต่กลับวิ่งไปกอดจรณ์แน่นพร้อมกับซบหน้าลงกับแผ่นอกกว้าง
ฉันรู้แล้วว่าคุณต้องมาช่วย นิตาพูดเสียงหวานพลางเงยหน้าขึ้นสบตาชายหนุ่ม เขายิ้มอย่างอ่อนโยน
ผมไม่ยอมให้คุณตกอยู่ในอันตรายหรอก นิตา
วงแขนกอดกระชับร่างหญิงสาวแน่น ใบหน้าคมสันโน้มลงอย่างช้าๆ นิตาพริ้มตาลงพร้อมกับเผยอริมฝีปากเล็กน้อยเพื่อรอรับจุมพิตแสนหวานจากคนรัก หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อสัมผัสกับลมหายใจที่แสนจะอบอุ่นของอีกฝ่าย
คัท!
เสียงจากชายวัยกลางคนซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่เขียนไว้ว่า ผู้กำกับ ดังขึ้น ชายหนุ่มคลายอ้อมแขนออกทันทีในขณะที่หญิงสาวกระแทกลมหายใจค่อนข้างแรง
จะรีบคัทไปทำไมกันนะ เธอบ่นพึมพำพลางชายสายตามองไปยังพระเอกหนุ่มอย่างนึกเสียดายก่อนจะเดินสะบัดไปยืนอีกด้าน เจตช่างแต่งหน้าประจำกองถ่ายรีบจัดแจงหยิบกระดาษซับมาแตะหน้าเธออย่างคล่องแคล่วพร้อมกับถามอย่างประจบ
เหนื่อยมั้ยคะคุณตา
โดนลากไปลากมาแบบนั้นใครไม่เหนื่อยบ้างยะ นางเอกสาวกระชากเสียงตอบ อีกฝ่ายหน้าเจื่อนไปเล็กน้อยแต่เพราะรู้ถึงกิตติศัพท์เรื่องความเจ้าอารมณ์และการเอาแต่ใจตัวเองอย่างร้ายกาจของกวิตา ดาราสาวผู้มีชื่อเสียงในเวลานี้ดี ช่างแต่งหน้าประเภทสองประจำกองถ่ายจึงรีบยิ้มพร้อมกับเปลี่ยนเรื่องพูด
แต่คุณตาโชคดีนะคะที่ได้เล่นหนังคู่กับพระเอกอย่างคุณกลวัชร ยิ่งเป็นฉากกอดกันฉันน่ะอิจฉาคุณจนอยากจะกรี๊ดออกมาดังๆเลยล่ะค่ะ
ก็แค่ได้กอดกันเท่านั้น ถ้าเป็นหนังเรื่องอื่นฉันคงได้มากกว่านี้ กวิตาพูดอย่างมีอารมณ์พลางชำเลืองสายตาไปทางจรายุทธ ผู้กำกับฝีมือดีซึ่งกำลังยืนตรวจฉากที่เพิ่งถ่ายไปเมื่อครู่ด้วยท่าทางที่ดูเคร่งเครียดอย่างไม่พอใจก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังกลวัชร นักแสดงหนุ่มหน้าใหม่ที่กำลังยืนอ่านบทอย่างเงียบๆเพียงลำพัง เจตมองตามสายตานางเอกสาวและยิ้มอย่างรู้ทัน
หล่อไม่ใช่เล่นเลยนะคะ
ก็พอดูได้เท่านั้น กวิตาพูดพางสะบัดหน้าเมินมองไปด้านอื่น ช่างแต่งหน้าผู้เจนจัดเปิดชุดเครื่องแต่งหน้าและใช้พู่กันแตะลงไปบนบรัชออนก่อนจะยกขึ้นปัดไปบนแก้มของนางเอกสาวอย่างบรรจง
แบบนี้น่ะไม่เรียกว่าพอดูได้แล้วล่ะค่ะ เจตว่าในบรรดาพระเอกนักร้องในตอนนี้ คุณกลวัชรเนี่ยหล่อที่สุด คนอะไรไม่รู้หุ่นก็เท่ ตาก็สวยแถมยังเก่งอีกต่างหาก เห็นแล้วอยากโดดเข้าไปกอดไปฟัดให้หายมันเขี้ยว
อย่างแกคงโดนถีบตั้งแต่เข้าไปยืนใกล้ๆแล้วล่ะนังเจต กวิตาพูดสวนด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะหันไปมองพระเอกหนุ่มซึ่งยังคงยืนนิ่งในท่าเดิม ขนาดฉันยังได้แค่กอด ฉากจูบก็โดนตัด แตะนิดแตะหน่อยก็ไม่ได้ เชอะ!ไม่รู้ผู้กำกับจะหวงพระเอกคนนี้ไปถึงไหน
ดาราสาวลอยหน้าลอยตาพูดโดยไม่รู้ว่ามีใครบางคนกำลังยืนฟังอยู่ใกล้ๆ จะประโยคสุดท้ายจบลงเสียงทุ้มจึงดังขึ้น
เจ้าวัชรเป็นดาราหน้าใหม่เนื้อหอม คุณยุทธเขาไม่ยอมให้ปลาช่อนตัวไหนมาตอดมาแทะเล่นได้ตามใจหรอก
กวิตาสะดุ้งและหันไปมองทันที เมื่อเห็นว่าผู้พูดคืออเสข ชายหนุ่มเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของกลวัชรผู้รับบทจอมวายร้ายปรพล เธอจึงทำตาวาว
แกว่าใครเป็นปลาช่อน
ไม่รู้สิ คนไหนรับก็คนนั้น อเสขตอบด้วยท่าทางยียวน ดาราสาวเม้มปากแน่น
อย่ามาทำซ่ากับฉันนะไอ้ตัวประกอบ
ผมไม่ใช่โซดา จะได้ซ่าจนหยดสุดท้ายและก็ไม่ได้เป็นตัวประกอบ แต่เป็นนักแสดงสบทบกิตติมศักดิ์ อเสขลอยหน้าลอยตาตอบกวิตากำมือแน่น
อย่ามาทำเล่นลิ้นกับฉันนะ ดาราสาวตวาดเสียงลั่นก่อนจะหันไปคว้าตลับแป้งบนโต๊ะโยนใส่ชายหนุ่มทันที อเสขรีบเบี่ยงตัวหลบและโกยอ้าวไปหากลวัชรโดยมีเสียงร้องวี้ดว้ายของเจตดังไล่หลัง
ตายแล้วอย่าทำแบบนี้สิคะคุณกวิตา ช่างแต่งหน้าพูดพลางพลางวิ่งไล่เก็บข้าวของที่ถูกดาราสาวขว้างไปทั่ว เสียงเอะอะทำให้ทุกคนหยุดการทำงานและหันมามองดาราสาวที่กำลังอาละวาดราวกับคนเสียสติด้วยความงงงัน บางคนส่ายหัวก่อนจะหันกลับไปทำงานตามเดิมในขณะที่บางคนรีบยกโทรศัพท์มือถือขึ้นถ่ายอย่างนึกสนุก เหตุการณ์คงไม่จบลงง่ายๆหากจรายุทธ ผู้กำกับประจำกองถ่ายเดินเข้ามาถาม
เล่นอะไรกันน่ะ
ไอ้ตัวประกอบคนนั้นมาแกล้งตาค่ะ ดาราสาวรีบฟ้อง ผู้กำกับหันไปมองอเสขที่กำลังยืนยิ้มอยู่ข้างกลวัชรก่อนจะหันกลับมาที่กวิตาอีกครั้ง
เจ้าเสขมันคนขี้เล่น จะไปถือสาหาความอะไรกับมัน
ขี้เล่นอะไรกันคะ เมื่อกี้มันว่าตาเป็นปลาช่อนแถมยังพูดยอกย้อนอีกตั้งเยอะ ตาไม่ชอบผู้ชายคนนี้ คุณยุทธเปลี่ยนคนเล่นใหม่ได้ไหมคะ กวิตาออดอ้อนแต่อีกฝ่ายกลับนิ่วหน้า
เราถ่ายกันมาจนเกือบจะจบตอนแล้ว ขืนเปลี่ยนใหม่มีหวังไม่ทันออกอากาศแน่ เอาน่าคิดซะว่าเป็นเรื่องหยอกล้อกันสนุกๆคลายเครียดก็แล้ว อย่าคิดมากเตรียมตัวเข้าฉากต่อไปดีกว่าคุณกวิตา
จรายุทธปลอบแต่ดูเหมือนดาราสาวจะไม่ยอม เธอคว้าบทที่วางอยู่บนโต๊ะขว้างลงพื้นพร้อมกับตะโกนลั่น
ตาไม่ถ่าย! กวิตามองหน้าผู้กำกับก่อนจะชี้มือไปที่อเสข ถ้าไม่ไล่เจ้าบ้านี่ออกตาก็ไม่เล่นหนังเรื่องนี้เหมือนกัน
โธ่อย่าเรื่องมากได้ไหมคุณตา ผู้กำกับพูดอย่างอ่อนใจก่อนจะหันไปทางอเสขที่กำลังยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ข้างกลวัชรพร้อมกับส่ายหน้า เล่นอะไรไม่เข้าเรื่องจริงๆ รีบไปขอโทษคุณตาเดี๋ยวนี้เลยเจ้าเสข
ผมแค่ล้อเล่นเท่านั้นทำไมต้องมาขอโทษขอโพยอะไรกันด้วยล่ะครับ อเสขตอบพลางยกมือขึ้นกอดอก จรายุทธเกาหัวแกรก
จะล้อเล่นก็ต้องมีขอบเขต คุณไปว่าผู้หญิงเขาเสียๆหายๆแบบนี้ใครบ้างจะไม่โกรธ
ผมไปว่าอะไรเขา
คุณไปว่ากวิตาว่าเป็นปลาช่อน
จรายุทธพาซื่อตอบ อเสขหัวเราะก๊ากออกมาทันที
ผมแค่บอกว่าผู้กำกับหวงเจ้าวัชรไม่อยากให้โดนปลาช่อนมาตามแทะ ไม่ทราบว่าประโยคนี้มีชื่อคุณกวิตาคนสวยอยู่ตรงไหน
ชายหนุ่มหันไปยักคิ้วและส่งยิ้มยียวนให้กับผู้ที่กำลังกล่าวถึง กวิตาโกรธจนหน้าแดงก่ำในขณะที่จรายุทธขมวดคิ้ว
นั่นสิ ไม่เห็นมีชื่อคุณตาเลยนี่นา คุณคงเข้าใจไปเองมากกว่า ผู้กำกับใหญ่พูดพลางหันไปทางดาราสาวที่ยืนหน้าบึ้ง เอาเป็นว่าเป็นการเข้าใจกันผิด ทีนี้ก็กลับไปทำงานกันได้แล้วนะครับคุณกวิตา
คุณยุทธ! กวิตาเตรียมจะโวยวายต่อแต่ต้องหยุดเมื่อจรายุทธยกมือขึ้นห้ามพร้อมกับพูด
ผมจะเพิ่มบทให้กลวัชรหอมแก้มคุณก็แล้วกัน หอมกันแบบจริงๆไม่ใช้มุมกล้องช่วย ตกลงไหม
คำพูดของผู้กำกับใหญ่ทำให้นางเอกสาวยิ้มกว้างในขณะที่กลวัชรเบิกตาโพลง
แต่ผมไม่...
ก็ได้ค่ะ กวิตารีบพูดทันควันพลางส่งสายตาหวานฉ่ำไปทางพระเอกหนุ่ม เขานิ่วหน้าและหันไปมองอเสขพร้อมกับบ่น
หาเรื่องเดือดร้อนให้ฉันแท้ๆเลยนะเจ้าเสข
แค่หอมแก้มเท่านั้น เอาจมูกแตะผ่านๆก็พอแล้วน่า เพื่อนตัวแสบกระซิบบอกแต่กลวัชรส่ายศีรษะอย่างเอือมระอาก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านบทในฉากที่จะถ่ายทำอย่างตั้งอกตั้งใจ เมื่อทำความเข้าใจกับบทดีแล้วเจตจึงรีบเข้าไปเติมแป้งและแต้มริมฝีปากอีกเล็กน้อยจนใบหน้าที่หล่อเหลาเพิ่มความคมเข้มขึ้นเล็กน้อย จากนั้นการถ่ายทำจึงเริ่มขึ้นอีกครั้งและดำเนินไปจนเกือบรุ่งสางจึงเสร็จสิ้นลง เมื่อตรวจสอบจนแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วนักแสดงทุกคนจึงแยกย้ายกันกลับไปยังที่พักของตัวเองเหลือเพียงเจ้าหน้าที่บางคนรวมทั้งจรายุทธที่ยังคงอยู่ในกองถ่ายเพื่อเก็บงานบางส่วนให้เสร็จก่อนกลับบ้าน หลังจากดูภาพการถ่ายทำที่เพิ่งผ่านไปได้สักระยะ มนัส ช่างกล้องมือหนึ่งประจำกองถ่ายจึงพูดขึ้น
ผมว่าแสงตอนที่รถตำรวจวิ่งเข้ามาจอดมันอ่อนไปนะครับ
ใช้คอมพิวเตอร์ปรับทีหลังก็ได้ จรายุทธพูดทั้งที่สายตายังคงจ้องอยู่กับภาพในจอและขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อถึงฉากที่กลวัชรกระโดดหลบกระสุนของตัวร้าย เขากลอภาพกลับและย้อนดูอีกครั้งก่อนจะเอ่ยปากถาม
นั่นอะไร
ไหนครับ มนัสถามพลางก้มหน้าลงจ้อง จรายุทธย้อนภาพกลับอีกครั้งและหยุดนิ่งไว้อย่างนั้นก่อนจะชี้นิ้วไปที่จอ
เงาดำๆตรงมุมห้องน่ะ เห็นมั้ย
มนัสเพ่งสายตาไปที่ภาพและเลิกคิ้วเมื่อเห็นเงาของใครบางคนปรากฏขึ้นตรงมุมห้องด้านหลังกลวัชร แต่เป็นการเห็นแค่แว่บเดียวก่อนจะหายไป
อาจจะเป็นเงาสะท้อนของพวกตัวประกอบที่อยู่ด้านนอก
แต่ผมไม่คิดว่าใช่เพราะมันอยู่หลังลังไม้อีกทีแถมดูยังไงก็ไม่ใช่เงาของคน ดูให้ดีสิมันดูคล้ายๆหมาหรืออะไรทำนองนั้นมากกว่า
หมาอะไรจะตัวสูงขนาดนั้นครับคุณยุทธ แถมก่อนถ่ายทำพวกผมก็ตรวจจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครหรือตัวอะไรอยู่ในโกดังนั่น มันอาจจะเป็นแค่เงาของอะไรก็ได้อย่าไปสนใจมันเลยครับเดี๋ยวผมจะให้เจ้าหน้าที่ตัดต่อจัดการลบมันออกซะ
มนัสอธิบายยืดยาว จรายุทธนิ่งไปเล็กน้อยก่อนผงกศีรษะและลุกขึ้น
ก็อาจจะเป็นไปได้ งั้นคุณช่วยจัดการให้ด้วยเสร็จแล้วเอามาให้ผมตรวจอีกรอบก่อนส่งไปให้ทางสถานี เร่งมือหน่อยเพราะเรามีเวลาแค่สองอาทิตย์เท่านั้น
ครับ
เอาล่ะทุกคนเหนื่อยกันมาทั้งวัน รีบเก็บข้าวของให้เรียบร้อยแล้วกลับไปพักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้เจอกันที่สตูดิโอบ่ายสามโมง
จรายุทธสั่งก่อนหันไปหยิบกระเป๋าและหอบเอกสารกองใหญ่เดินตรงไปที่รถ หลังจากวางสัมภาระทุกอย่างลงเบาะด้านหลังแล้วผู้กำกับใหญ่จึงหันไปโบกมือให้กับลูกน้องก่อนจะก้าวขึ้นรถและขับออกไปโดยไม่รู้ว่ากำลังถูกดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองอย่างมุ่งร้ายอยู่ในมุมมืดอีกด้านหนึ่งของโกดัง
*/*/*/*/*
เนื่องจากติดสัญญาไว้กับทางสนพ.ว่าจะเขียนนิยายรักแบบไทยๆ แต่ผ่านไปปีกว่าก็ยังไม่ได้ทำ รู้สึกเกรงใจมากเลยต้องวางงานแฟนตาซีเรื่องอื่นก่อนแล้วมาเขียนค่ะ ตอนแรกก็ปวดหัวเพราะไม่ถนัดแนวรักแต่พอปรับให้มีกลิ่นอายแฟนตาซีปนเข้าไปด้วยเลยพอไปได้ ยังไงขอฝากเรื่องนี้ไว้กับผู้อ่านด้วยนะคะ
จากคุณ |
:
Moony_Lupin
|
เขียนเมื่อ |
:
26 พ.ค. 54 14:15:39
|
|
|
|