คุณ sudawo: ผู้หญิงในห้องลับเป็นใคร เฉลยไว้ข้างล่างแล้วค่ะ ^_^ คุณ scottie: งั้นมาดูผลกันเลยค่ะ ว่าเจ้าหญิงทำ 'สำเร็จ' หรือไม่ อิอิ
==================================================== ตอนที่ 3 (ต่อ)
เมื่อสิ้นสำเนียงแปลกหู กระดาษแผ่นน้อยก็เรืองแสงเป็นสีเงินยวงสว่างจ้า แสงนั้นค่อยๆ แผ่ขยายใหญ่ขึ้น จนโอบล้อมร่างไร้สติของหญิงสาวตรงหน้าเอาไว้มิดชิดแทบมองไม่เห็น
“สำเร็จ!”
คนเป็นเจ้าหญิงร้องอุทานอย่างตื่นเต้น หากยังไม่ทันจะได้ชื่นชมผลงานให้เต็มตาก็ถูกเสียงฝีเท้าที่ดังมาจากระเบียงด้านนอกดึงความสนพระทัยไปเสียก่อน พระองค์รีบลุกขึ้นยืน ยังไม่ทันจะได้ขยับออกไปดู เจ้าของเสียงฝีเท้ารายแรกก็ก้าวผ่านประตูเข้ามาในห้อง ตามด้วยประมุขแห่งกรีนแลนด์ และชายกลางคนในเครื่องแบบทหารสีน้ำเงินเข้มที่พระองค์ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน พอพวกเขาเหลียวมาเห็นพระองค์เข้าก็พากันชะงักฝีเท้าลงทันควัน “อ้าว กายย์...” เจ้าชายกันนาร์เอ่ยพระโอษฐ์ทักขึ้นก่อนด้วยความประหลาดพระทัย
“ข้าได้ยินเสียงร้อง ที่แท้ก็เป็นเสียงของเจ้าเองหรอกหรือ แล้วนี่... เจ้าแอบเข้ามาทำอะไรในห้องทรงพระอักษรของฝ่าบาท ข้าจำได้ว่าบอกให้เจ้ารออยู่ที่ห้องทรงพระสำราญนี่นา” ความระแวงทำให้เจ้าชายกันนาร์รีบสอดส่ายสายพระเนตรสำรวจความเรียบร้อยภายในห้องอย่างรวดเร็ว แล้วก็ต้องขมวดพระขนงเมื่อทอดพระเนตรเห็นสภาพบนพื้นหินอ่อนถนัดตา พระองค์เขม้นมองภาพนั้นเพียงอึดใจเดียวก็ประทับยืนตะลึงงัน ตรัสอะไรไม่ออกไปเป็นครู่ พอพระสติกลับคืนมาก็ทรงสาวพระบาทตรงดิ่งไปหาคนเป็นน้อง ตรัสถามด้วยพระสุรเสียงแหบพร่า
“กายย์ นี่เจ้าทำอะไรลงไป...”
“ทำอะไร...” เจ้าหญิงกาอิยาห์เอียงพระศอมองหน้าพี่ชายอย่างไม่เข้าพระทัย “น้องก็พยายามจะช่วยชีวิตพี่สาวคนนี้อยู่น่ะสิคะ นางถูกพิษ ดีนะที่น้องบังเอิญผ่านมาเห็นเข้าเสียก่อน”
“ช่วยประสาอะไรกัน นางกลายเป็นหินไปแล้วไม่เห็นหรือ”
เจ้าหญิงกาอิยาห์หันขวับไปทอดพระเนตรร่างไร้สติที่นอนราบอยู่กับพื้น แล้วดวงเนตรสีม่วงใสก็ต้องเบิกกว้างด้วยอาการตื่นตระหนกตามพี่ชายไปอีกคน เมื่อพบว่าร่างอ่อนปวกเปียกขาวซีดของสตรีที่พระองค์พยายามจะช่วยชีวิต กลายสภาพเป็นรูปสลักหินสีเทาหม่นไปแล้วจริงๆ ...ชนิดที่เรียกได้ว่าเรียบร้อยสมบูรณ์แบบที่สุดเสียด้วย “โอ๊ย ตาย...” เด็กสาวอุทานออกมาแค่นั้น เข่าก็อ่อนยวบจนต้องนั่งแปะลงกับพื้น
ราชาหนุ่มแห่งกรีนแลนด์ทรงพระดำเนินเข้าไปทอดพระเนตรรูปสลักหินบนพื้นห้องด้วยสีพระพักตร์เครียดขรึม ก่อนจะหันไปหาชายกลางคนในเครื่องแบบทหาร
“ท่านคาร์ล”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านช่วยเป็นธุระไปตามหมอหลวงมาทีเถอะ แล้วอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้เด็ดขาด เข้าใจใช่มั้ย”
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”
ชายกลางคนค้อมกายลงถวายคำนับ แล้วรีบหันหลังเดินออกจากห้องไปโดยเร็ว เมื่อลับร่างของเขา ราชาหนุ่มแห่งกรีนแลนด์จึงหันกลับมาทางเด็กสาวที่นั่งหน้าซีดอยู่กับพื้น ตรัสซักเสียงเข้ม
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่านางถูกยาพิษ”
“หม่อมฉันเห็นเล็บมือเล็บเท้าของนางเปลี่ยนสีเพคะ เมลเคยสอนว่าคนที่เล็บเปลี่ยนสีคือคนที่ได้รับพิษ”
คนฟังขมวดพระขนง
“ใครคือเมล...”
“เพื่อน...เอ๊ย...อาจารย์ของหม่อมฉันเองเพคะ”
ราชาหนุ่มพยักพระพักตร์อย่างไม่ใส่พระทัย ตรัสถามต่อไปว่า
“แล้วเจ้าเข้ามาพบนางได้อย่างไร”
“ก็...” คนเป็นจำเลยกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ตาตกมองพื้น ตอบโดยไม่กล้ามองหน้าเจ้าของคำถาม “หม่อมฉันยืนดูภาพเขียนในห้องทรงพระสำราญเพคะ พอดีเห็นกรอบด้านหนึ่งเผยอขึ้นก็เลยจะกดให้มันราบไปกับผนังเหมือนด้านอื่นๆ แล้ว...”
“เจ้าก็เลยโผล่พรวดเข้ามาในห้องนี้” เสียงห้าวๆ ขององค์ราชาช่วยต่อประโยคให้
“เพคะ” เด็กสาวรับคำเสียงเบาด้วยสีหน้าสลดเต็มที่
“แล้วยังไงต่อ”
“แล้ว...เอ่อ...หม่อมฉันเห็นพี่สาวคนนี้ยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะทรงพระอักษร แต่นางไม่เห็นหม่อมฉันเพราะมัวแต่สนใจของบางอย่างในมือ หม่อมฉันยังไม่ทันทำอะไรก็ได้ยินเสียงเหมือนแก้วแตก พอหันไปอีกทีนางก็ล้มลงไปกองอยู่กับพื้นแล้วเพคะ”
ราชาเอลเบอเรธขยับเข้าไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะไม้สีน้ำตาลเข้มขัดเงาอย่างดีเพื่อสำรวจดูข้าวของบนนั้น กระดาษเขียนจดหมายเนื้อหนาที่เคยวางเรียงอยู่มุมหนึ่งกระจายเกลื่อนเต็มโต๊ะ บางส่วนปลิวร่วงลงไปกองอยู่ที่พื้น กล่องใส่ปากกาขนนกเปิดอ้า ขวดหมึกอันเป็นแก้วเจียระไนตกแตก หากตราประทับและม้วนเอกสารที่พระองค์ต้องทรงลงพระนามยังวางเป็นระเบียบอยู่ที่เดิม ใกล้ๆ กันนั้นมีหนังสือปกหนังเล่มบางที่ดูเหมือนจะเป็นของเพียงชิ้นเดียวที่เพิ่มขึ้นมาวางอยู่เล่มหนึ่ง
องค์ราชาทรงคว้าหนังสือมาพลิกดูหน้าปก มันเป็นบทกวีสรรเสริญเทพเจ้าที่ทรงให้เจ้าหญิงแคธรีนขอยืมไปอ่านเมื่อสามวันก่อน นางคงตั้งใจจะนำมันกลับมาคืนจึงวางเอาไว้ที่โต๊ะทรงพระอักษร
...ถ้าเช่นนั้น อะไรกันเล่าที่เป็นสาเหตุให้นางล้มลงหมดสติ? พระองค์วางหนังสือลงที่เดิม เปลี่ยนไปทอดพระเนตรคราบน้ำหมึกแห้งกรังและเศษแก้วบนพื้นอย่างใช้ความคิด ประกายของอะไรบางอย่างที่กลิ้งตะแคงอยู่ตรงขาโต๊ะสะท้อนวาบเข้าสู่สายพระเนตร พระองค์ทรงเพ่งมองมันอยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะเอื้อมพระหัตถ์ไปหยิบเจ้าวัตถุชิ้นเล็กๆ สีทองสุกปลั่งชิ้นนั้นขึ้นมาทอดพระเนตรอย่างสนพระทัย
“อะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ” เจ้าชายกันนาร์ยื่นพระพักตร์เข้ามาทูลถาม
“เจ้าก็ดูเอาเองสิ”
องค์ราชาทรงยื่น ‘ของ’ ในพระหัตถ์ประทานต่อให้สหาย มันเป็นตลับรูปไข่ขนาดใหญ่กว่าหัวแม่มือเพียงเล็กน้อย ปราศจากฝา ด้านนอกฝังอัญมณีน้ำงามและไข่มุกเม็ดเล็กจิ๋วเป็นลวดลายละเอียดประณีต ด้านในว่างเปล่า ส่วนก้นเป็นสีดำคล้ำ แสดงว่าอะไรบางอย่างที่เคยบรรจุอยู่ภายในได้ระเหยหายไปหมดสิ้นแล้ว
เจ้าชายกันนาร์พลิกดูตลับใบน้อยอย่างชื่นชมอยู่เพียงครู่สั้นๆ ก็ส่งคืนเจ้าของ
“สวยดีนี่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพิ่งทราบว่าทรงนิยมสะสมของกระจุกกระจิกอย่างตลับเครื่องหอมด้วย แล้วฝาของมันหล่นหายไปไหนเสียแล้วล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่รู้สิ...” ราชาหนุ่มตรัสตอบพระพักตร์เฉย “ตลับนี่ไม่ใช่ของข้า”
คนฟังพยายามสะกดกลั้นเสียงร้อง ‘อ้าว’ เอาไว้ในลำคอ จ้องมองอีกฝ่ายเหมือนจะขอคำอธิบาย
ราชาเอลเบอเรธทรงยักพระอังสา
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นของใคร บางทีมันอาจจะเป็นของเจ้าญิงแคธรีน หรือไม่ก็... ใครคนอื่นที่แวะมาหาข้าอาจจะจงใจลืมทิ้งเอาไว้”
สิ้นประโยคของราชาหนุ่ม ความเงียบงันอันน่าอึดอัดก็คืบคลานเข้าปกคลุมห้องนั้นราวกับสายหมอกเย็นเฉียบที่มองไม่เห็น เจ้าชายกันนาร์ทรงปะติดปะต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเข้ากับคำพูดที่เพิ่งได้ยิน พลันคำตอบอันน่ากลัวก็วาบขึ้นในสมองดุจสายฟ้าฟาด “ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ...”
ราชาหนุ่มยกมือห้ามสหายพลางแย้มพระสรวล
“ไม่ต้องตื่นเต้นไปน่า”
“ฝ่าบาท” ผู้เป็นเพื่อนลากเสียง “นี่มันเรื่องใหญ่นะพ่ะย่ะค่ะ ยังจะทำพระทัยเย็นอยู่อีก”
“แล้วเจ้าจะให้ข้าเที่ยวป่าวประกาศบอกคนทั้งเมืองหรือไงว่าถูกลอบวางยาพิษ ตลับเครื่องหอมอันนี้เป็นของใคร ข้ายังไม่รู้เลย”
“ของเจ้าหญิงลูเซีย!”
เสียงใสๆ ที่ทะลุกลางปล้องขึ้นมาทำเอาชายหนุ่มทั้งสองแทบสะดุ้ง พวกเขาพร้อมใจกันหันขวับไปทางเจ้าของเสียง ต่างฝ่ายต่างก็มีสีหน้ายุ่งยากใจเพราะเกือบจะลืมไปแล้วว่าในห้องนั้นยังมีเด็กสาวตัวต้นเหตุนั่งตาแป๋วฟังคำสนทนาอยู่ด้วยอีกทั้งคน
“เจ้าว่าอะไรนะ” ราชาแห่งกรีนแลนด์ทรงย้อนถามเสียงขรึม
“เจ้าหญิงลูเซียอย่างนั้นหรือ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าตลับนี้เป็นของนาง”
“หม่อมฉันเคยเห็นเพคะ”
“อะไรนะ?”
“ที่ไหน?”
สองหนุ่มร้องถามออกมาแทบจะพร้อมกัน
“คือ...” เจ้าหญิงกาอิยาห์เหลือบพระเนตรมองพี่ชายแวบหนึ่ง แล้วทำอาการราวกับจะกลั้นพระทัยตอบ
“เมื่อคืนก่อน หม่อมฉันแอบเห็นผู้ชายคนหนึ่งมอบตลับคล้ายๆ อย่างนี้ให้เจ้าหญิงลูเซีย ตรงลานน้ำพุหน้าตำหนักหลวงเพคะ”
เจ้าชายกันนาร์ทำท่าคิดตาม พอเริ่มจะทรงเข้าพระทัยได้ลางๆ ก็หันขวับไปแยกเขี้ยวใส่น้องสาว
“กายย์ นี่หมายความว่าเมื่อคืนเจ้าไปแอบดูชาวบ้านแล้วปล่อยให้ข้ารอเก้อจริงๆ สินะ”
เจ้าหญิงกาอิยาห์ยิ้มแหย เถียงงึมงำอยู่ในพระศอจับใจความได้ไม่ถนัด คล้ายกับจะตรัสว่า ‘น้องก็ขอโทษไปแล้วไง’ หรืออะไรทำนองนั้น
ถ้าหากเป็นเวลาปกติ ราชาหนุ่มแห่งกรีนแลนด์คงจะอดขำพฤติกรรมของสองพี่น้องไม่ได้ ทว่าเวลานี้พระองค์ทรงอยากจะรู้มากกว่า ว่าชายผู้นั้นเป็นใคร
“แล้วเจ้าเห็นหน้าเขาหรือเปล่ากายย์”
เจ้าหญิงกาอิยาห์ส่ายพระเศียร
“ผู้ชายคนนั้นยืนอยู่ในเงามืด หม่อมฉันเลยเห็นแค่ว่าเขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างผอมสูง แล้วก็ไว้ผมยาวๆ ตรงๆ เหมือนกับพี่กันนาร์เพคะ ต่างกันแค่เพียงว่ามันเป็นสีดำสนิทเหมือนกับชุดที่เขาสวม”
เจ้าชายกันนาร์เบิกพระเนตรกว้าง หันขวับไปหาองค์ราชาทันที
“ชายหนุ่มผมดำ... ชุดดำ... จะใช่เพื่อนรักชาวทาเนียร์ของเราหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าหมายถึงเจ้าชายดิเร็กซ์น่ะหรือ”
“ก็จะใครซะอีกล่ะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
ราชาเอลเบอเรธส่ายพระพักตร์
“อย่าเพิ่งด่วนสรุปกันนาร์ ในลินเด็นเองก็มีคนลักษณะอย่างที่น้องสาวของเจ้าว่ามาตั้งหลายคน เราต้องหาหลักฐานที่แน่ชัดกว่านี้มายืนยันให้ได้เสียก่อน”
“หาหลักฐาน... ด้วยวิธีไหนเล่าพ่ะย่ะค่ะ”
“ข่าวลือไงล่ะ ข้าจะแกล้งทำเป็นว่าถูกพิษเสียเอง”
“หา...” เจ้าชายกันนาร์เผลอส่งเสียงร้องออกมาแล้วต้องรีบตะครุบพระโอษฐ์เอาไว้ “มัน เอ่อ...จะไม่เสี่ยงไปหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ก็อาจจะเสี่ยงอยู่บ้าง แต่ก็คุ้มที่จะลองไม่ใช่หรือ ถ้าเจ้าคนที่ให้ตลับเจ้าหญิงลูเซียคิดจะวางยาพิษข้าจริง มันต้องเคลื่อนไหวแน่ ถึงตอนนั้นหากเราคอยจับตาดูให้ดีก็คงรู้ว่ามันเป็นใคร เจ้าอย่าห่วงไปเลยกันน์ ข้าพอจะเล่นละครได้หรอกน่า”
“กระหม่อมไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น” เจ้าชายกันนาร์นึกหมั่นไส้ผู้เป็นทั้งเพื่อนและนายจนอยากจะถวายเตะให้สักป้าบ
“กระหม่อมทราบพ่ะย่ะค่ะว่าทรงเล่นละครเก่งมาก ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถบ่ายเบี่ยงเรื่องอภิเษกสมรสมาได้จนถึงทุกวันนี้หรอก ที่กระหม่อมเป็นห่วงคือตัวของพระองค์ต่างหาก เรื่องนี้มียาพิษเข้ามาเกี่ยวข้อง อันตรายเกินไป กระหม่อมไม่เห็นด้วยเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าก็ไม่ได้บังคับให้เจ้าเห็นด้วยนี่นา” องค์ราชาตอบแบบไม่ทุกข์ร้อน หากพอเห็นสีหน้าเป็นกังวลอย่างจริงจังของผู้เป็นสหายก็ทรงถอนพระทัยใหญ่ วางพระหัตถ์ลงบนบ่าของเขาพร้อมกับตรัสปลอบ
“ข้าไม่เป็นอะไรหรอกกันน์ ...ถ้าเจ้าคิดจะห่วงละก็ห่วงเจ้าหญิงแคธรีนเถอะ”
ดวงพักตร์งามคมของผู้พูดขรึมลงเล็กน้อย ดวงเนตรสีน้ำทะเลแลเลยไปยังร่างศิลาบนพื้นหินอ่อนด้วยความสงสาร
“นางต้องมารับเคราะห์แทนข้า เจ้ามีวิธีไหนที่จะช่วยให้นางกลับเป็นเหมือนเดิมได้บ้างหรือเปล่า”
เจ้าชายกันนาร์มองตามสายพระเนตรเศร้าสลดของผู้พูดแล้วหันไปไล่เบี้ยเอากับน้องสาวอีกต่อ
“กายย์ หาทางถอนคำสาปของเจ้าเดี๋ยวนี้เลย”
เจ้าหญิงกาอิยาห์ที่ตอนนี้ชักอยากจะทรงกลายเป็นหินเสียเอง เหลือบพระเนตรมองพี่ชายที องค์ราชาที ด้วยท่าทางกลัวๆ กล้าๆ สุดท้ายก็ตัดสินพระทัยถามออกไปว่า
“เจ้าหญิงแคธรีนนี่เป็นคนสำคัญมากเลยหรือเพคะ”
“สำคัญสิ นางเป็นแขกเมืองที่มาร่วมงานฉลองวันเกิดของข้าแทนราชาไมนาสผู้เป็นบิดา อีกไม่กี่วันก็จะเดินทางกลับวูดแลนด์แล้ว...เจ้าถามทำไมหรือ”
คำตอบที่ได้รับทำให้พระพักตร์ที่ซีดเซียวอยู่แล้วของเจ้าหญิงกาอิยาห์ยิ่งซีดหนักขึ้นอีก ...การที่พระองค์เผลอสาปผู้หญิงคนหนึ่งให้กลายเป็นหินก็นับว่าแย่พออยู่แล้ว นี่นางเกิดจะกลายเป็นเจ้าหญิงของประเทศข้างเคียงที่บอกไม่ถูกว่าเป็นมิตรหรือศัตรูขึ้นมาเสียด้วย
ยังจะมีอะไรที่เลวร้ายไปกว่านี้อีกไหมหนอ...
“แล้ว...” เจ้าหญิงกาอิยาห์กลืนพระเขฬะ “ถ้าหากว่าเราทำให้นางกลับเป็นอย่างเดิมไม่ได้ล่ะเพคะ จะถึงกับเกิดสงครามเลยหรือเปล่า”
“ก็อาจจะ... ใครๆ ก็รู้ว่าราชาไมนาสทรงพยายามหาข้ออ้างเพื่อทำสงครามกับกรีนแลนด์มานานแล้ว”
“ไม่มีวิธีอื่นที่เราจะอธิบายให้ราชาแห่งวูดแลนด์ทรงเข้าพระทัยได้เลยหรือเพคะว่า ที่เจ้าหญิงแคธรีนทรงเป็นเช่นนี้เพราะ...เอ่อ...อุบัติเหตุ”
“อืม คงจะมีอยู่ทางเดียวกระมัง”
“อะไรหรือเพคะ” เด็กสาวรีบทูลถามด้วยน้ำเสียงมีความหวัง
“ข้าก็ต้องตัดหัวเจ้าส่งไปถวายราชาไมนาส พร้อมกับร่างของลูกสาวเขาน่ะสิ”
คำตอบแบบ ‘หน้าซื่อตาใส’ ของประมุขแห่งกรีนแลนด์ ทำเอาคนที่อุตส่าห์ตั้งใจฟังถึงกับคอย่น นางรีบคว้าข้อมือของผู้เป็นพี่ลากให้เดินห่างจากโต๊ะทรงพระอักษรทันที เมื่อแน่ใจว่าอยู่พ้นรัศมีการได้ยินของราชาหนุ่มแล้ว เด็กสาวจึงพูดขึ้นด้วยเสียงกระซิบ
“พี่กันนาร์ น้องมีอะไรจะบอก แต่พี่ต้องสัญญามาก่อนว่ารู้แล้วจะไม่โกรธน้อง”
เจ้าชายกันนาร์ทอดพระเนตรน้องสาวอย่างระแวง
“อะไรอีกล่ะ นี่เจ้ายังก่อเรื่องอะไรที่ข้าไม่รู้เอาไว้อีกหรือไง”
“เปล่านะคะ ก็เรื่องเดิมนี่แหละค่ะ เรื่องเดียวน้องก็ปวดหัวจะแย่แล้ว...พี่สัญญามาก่อนสิคะว่าถ้าน้องบอกแล้วจะไม่โกรธน้อง”
“เอ้า ตกลง ไม่โกรธก็ได้ ว่ามาสิ”
“คือ น้องถอนคำสาปไม่ได้...อันที่จริงน้องไม่รู้วิธีสาปคนให้เป็นหินมาตั้งแต่แรกแล้ว เรื่องของเจ้าหญิงแคธรีนนี่เป็นอุบัติเหตุล้วนๆ น้องแค่พยายามจะใช้คาถาระงับพิษที่เคยเห็นนักบวชของวิหารหลวงใช้เพื่อช่วยชีวิตนาง แต่ไม่รู้ว่ามันเกิดผิดพลาดอีท่าไหนถึงได้ทำให้นางกลายเป็นหินไปแบบนี้ เพราะฉะนั้นต่อให้พี่บีบคอน้องให้ตาย น้องก็ถอนคำสาปให้นางไม่ได้ น้องไม่รู้วิธี”
“แต่เจ้าใช้เวทมนตร์ได้...”
เจ้าหญิงกาอิยาห์ส่ายพระพักตร์จนพระเกศากระจาย แสดงอาการปฏิเสธหนักแน่น
“น้องเคยเรียนแค่คาถาพื้นฐานง่ายๆ ไม่กี่อย่างเท่านั้น ส่วนคาถาชั้นสูงพวกนี้น้องแอบจำๆ มา ...อ๊ะ พี่สัญญาแล้วนะว่าจะไม่โกรธ” เจ้าหญิงรีบท้วงเมื่อเห็นพี่ชายเงื้อพระหัตถ์ขึ้นสูงตั้งท่าจะเคาะลงมาบนพระเศียร
“เจ้าห้ามข้าโกรธ แต่ไม่ได้ห้ามข้าทำร้ายร่างกายนี่ มาให้ข้าตีซะดีๆ เลย แม่ตัวแสบ รู้ว่าตัวเองใช้คาถาไม่ได้แล้วยังจะฝืนทำจนเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมาอีก ทำไมตอนที่เห็นนางล้มลงเจ้าไม่รีบไปตามคนมาช่วย หรืออย่างน้อยๆ ก็ให้ทหารไปตามท่านหมอ”
“ขืนทำอย่างที่พี่ว่านางก็ตายพอดีน่ะสิคะ เอาน่า พี่กันนาร์ใจเย็นๆ ฟังน้องก่อน...”
คนเป็นน้องขยับถอยหลังไปหลายก้าวเพื่อความปลอดภัย ปากก็พยายามเจรจาต่อรองด้วยน้ำเสียงรอมชอมไปด้วย
“ถึงน้องจะแก้ไขอะไรไม่ได้ ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีคนอื่นทำได้นี่คะ ถ้าพี่ถ่วงเวลาให้น้องได้สักเดือนละก็ รับรองว่าน้องจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยเลย ตกลงมั้ยคะ”
“ไม่ตกลง... เจ้าบ้าไปแล้วหรือกายย์ เจ้าหญิงแคธรีนทรงมีกำหนดเสด็จกลับวูดแลนด์ในอีกสองวันข้างหน้า ถึงเวลานั้นถ้านางยังไม่เดินทางกลับ คนของวูดแลนด์ต้องสงสัยแน่ เรื่องมันจะยิ่งแย่ลงไปอีกสิไม่ว่า”
“ก็นี่ไงล่ะคะ น้องถึงต้องขอร้องพี่ พี่ช่วยกราบทูลฝ่าบาทให้หน่อยสิคะ หากพระองค์มีพระราชสาส์นถึงราชาไมนาส ทูลเชิญให้เจ้าหญิงแคธรีนประทับอยู่ที่กรีนแลนด์ต่ออีกสักระยะ ทางวูดแลนด์ก็คงจะไม่สงสัย พวกเราจะได้มีเวลาจัดการกับเรื่องนี้ด้วยไง นะคะ..” เด็กสาวรวมตนเองกับพี่ชายเข้าเป็น ‘พวกเรา’ เสร็จสรรพ “แล้วเจ้าคิดว่าการที่อยู่ๆ เจ้าหญิงแคธรีนก็หายตัวไปจะไม่ทำให้คนที่ลินเด็นสงสัยบ้างเลยหรือ อย่างน้อยก็ต้องมีท่านน้าพระองค์หนึ่งล่ะที่ทรงสงสัย เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าหญิงแคธรีนจะเสด็จกลับโดยไม่ทูลลาท่านน้าก่อน”
“ไม่เห็นยากเลยพี่กันนาร์ แค่สร้างตุ๊กตาขึ้นมาแทนนางแล้วให้เข้าไปทูลลาท่านน้าซะก็สิ้นเรื่อง”
“ตุ๊กตาเนี่ยนะ ไม่เอาละกายย์ แค่ฟังเจ้าข้าก็มองเห็นหายนะรออยู่ข้างหน้าแล้ว”
“ไม่หรอกค่ะ ตุ๊กตาของน้องไม่ใช่ตุ๊กตาเด็กเล่นแต่เป็นตุ๊กตาที่สร้างขึ้นจากเวทมนตร์ สามารถเคลื่อนไหวได้เหมือนคนจริงๆ ทุกอย่าง เสียแต่พูดไม่ได้เท่านั้นเอง ถ้าไม่สังเกตให้ดีไม่มีทางรู้”
เจ้าหญิงตอบแล้วต้องรีบย้ำ เพราะสายพระเนตรของพี่ชายที่มองมาแสดงความไม่เชื่อถืออย่างเปิดเผย
“อันนี้น้องทำได้แน่นอนค่ะ รับรอง ตอนอยู่ที่แลมพ์ตันน้องก็สร้างตุ๊กตาของตัวเองขึ้นมาหลอกพวกอาจารย์อยู่บ่อยๆ ความไม่เคยแตกเลยสักครั้ง” เผลอหลุดความลับของตนออกไปแล้ว เด็กสาวก็รีบกลบเกลื่อนด้วยการรวบรัดสรุปว่า “พี่แค่หาของใช้ส่วนตัวของเจ้าหญิงแคธรีนมาให้น้องสักชิ้นก็พอ”
เจ้าชายกันนาร์ขบพระทนต์นิ่ง มองสบดวงตาสีม่วงใสที่มีแวววิงวอนเต็มที่ของน้องสาวอย่างใช้ความคิด แม้จะไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของนาง แต่ก็ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เอาเสียเลย บางทีนี่อาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในขณะนี้เสียด้วยซ้ำ
“ก็ได้ ข้าจะลองกราบทูลฝ่าบาทดู แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าจะช่วยปกปิดความผิดของเจ้านะ เรื่องนั้นข้าก็ต้องกราบทูลให้ทรงทราบเหมือนกัน”
“ตามใจสิคะ พี่กันนาร์อยากให้หัวของน้องสาวถูกส่งไปวูดแลนด์ก็แล้วแต่”
เจ้าหญิงกาอิยาห์ทรงตัดพ้อเสียงอ่อย หากแทนที่พี่ชายจะสงสาร เขากลับหัวเราะออกมาก๊ากใหญ่ พลางยกมือขึ้นมาวางบนศีรษะของคนเป็นน้อง จับโยกเบาๆ ด้วยท่าทางมันเขี้ยว
“ถ้าหัวของเจ้าจะทำให้เรื่องนี้เรียบร้อยได้จริงๆ ข้าจะรีบตัดส่งไปถวายราชาไมนาสเดี๋ยวนี้เลยกายย์ ที่ราชาเฒ่าพระองค์นั้นต้องการไม่ใช่หัวของเจ้าหรือของใครทั้งนั้นแหละ แต่เป็นกรีนแลนด์ รู้ไว้ซะ”
“ถ้างั้น ก็ถือว่าตกลงตามนี้นะคะ พี่กราบทูลฝ่าบาทด้วย ส่วนน้อง... ขอตัวไปตามคนมาช่วยก่อนละ”
ตรัสแล้ว เจ้าหญิงกาอิยาห์ก็ไม่รอให้พี่ชายได้มีโอกาสทักท้วง พระองค์รีบเผ่นแผล็วออกจากห้องไปโดยเร็ว ทิ้งให้เจ้าชายกันนาร์ยืนแย้มพระสรวลค้างอยู่อย่างนั้น
จากคุณ |
:
akihiro
|
เขียนเมื่อ |
:
28 พ.ค. 54 07:06:50
|
|
|
|