ความเดิมตอนที่แล้ว หลี่เทียนเล้ง กับ หลิวหยงเคอ หลังจากที่ต่อสู้กับฮั่นตงอย่างดุเดือด ในที่สุดพวกมันก็กำลังจะมีโอกาส กำจัดฮั่นตง แต่แล้วก็ถูกสอดแทรกโดยยอดฝีมือลึกลับ ทำให้พลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย
ยอดฝีมือผู้นั้นคือ เสี่ยวซา เอง
................................................
หลี่เทียนเล้ง และ หลิวหยงเคอ มันทั้งคู่นับว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย หากแต่วันนี้นับว่าทำใจยอมรับได้ยากยิ่งแล้ว แผนการของพวกมันดำเนินมาได้ด้วยดี ฮั่นตงที่มีท่าไม้ตายอันน่าหวาดหวั่น พวกมันก็มีวิธีจัดการ แม้ฮั่นตงจะโต้ตอบกลับมาอย่างเผ็ดร้อน ทว่าในท้ายที่สุด ดูเหมือนพวกมันก็ยังคุมสถานการณ์ไว้ได้
แต่การสอดแทรกเข้ามาของเด็กหนุ่ม ทำให้ความได้เปรียบของพวกมันมลายหายไปสิ้น!
หลี่เทียนเล้ง แรกเริ่มจากภาวะตื่นตระหนก กลายเป็นความรู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรง และท้ายที่สุดมันเริ่มบันดาลโทสะแล้ว!!! ใบหน้าที่ซีดเผือด ดวงตาจากมีแววแตกตื่น กลายเป็นแข็งกร้าวดุดัน
รวดเร็วเท่าความคิด ร่างของเถ้าแก่ใหญ่แห่งพรรคเฮียงเน้ยสลายวับ ไปปรากฏเบื้องหน้าเสี่ยวซาในทันที พร้อมโคจรลมปราณไหลเวียนทั่วร่าง และระดมกระแทกฝ่ามือใส่เด็กหนุ่มนับร้อยนับพันในคราเดียว!
เสี่ยวซามิได้แตกตื่นลนลาน มันเร่งโคจรลมปราณ กระแทกสองฝ่ามือเข้าต้านทาน ฝ่ามือที่ทื่อด้าน แต่รวดเร็วและแข็งกร้าว จนสามารถสลายการจู่โจมฝ่ายตรงข้ามจนหมดสิ้น
เสียง เปรี้ยง!....ครืนนนน ดังสนั่นหวั่นไหวคราหนึ่ง พลังปราณของทั้งคู่กระแทกใส่กันอย่างหนักหน่วง เกิดเป็นพลังลมปราณไร้สภาพกระจายออกเป็นวงกว้าง ทั้งคู่กระเด็นถอยไปคนละหลายก้าว แรงระเบิดจากลมปราณไร้สภาพแผ่กระจายไปทั่วบริเวณนั้น จน เรือน้อยบัดนี้อยู่ในสภาพแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เศษไม้และละอองน้ำจากแม่น้ำฟุ้งกระจายไปทั่ว
ใบหน้าทั้งคู่มีสีแดงเข้มปรากฏขึ้น สักครู่จึงได้กลับสู่ภาวะปกติ ทั้งสองต้องรีบโคจรลมปราณเพื่อให้สามารถใช้พลังวิชาตัวเบาให้สามารถทรงตัวอยู่บนผิวน้ำได้ ซึ่งบัดนี้ทั้งคู่ได้ยืนประจันหน้าห่างกันไม่เกินสามสี่วาบนพื้นน้ำ!
หลี่เทียนเล้ง ขบกรามแน่น แค่นเสียงรอดไรฟัน เด็กอันร้ายกาจ ที่แท้เป็นเจ้าที่ทำลายวิชา ฟิวชั่ง ของพวกเราลงจนหมดสิ้น เสี่ยวซายังคงมีท่าทีสำรวมกล่าวตอบว่า ข้าพเจ้ามิมีทางเลือกอื่นใด ฮั่นตงเป็นพี่ชายข้าพเจ้า ข้าฯคงมิอาจปล่อยให้พวกท่านลงมือได้สะดวก
นิ่งชั่วครู่จึงกล่าวต่อ อีกประการ ไม่ว่าแผนการพวกท่านจะเป็นเยี่ยงไร หากขัดแย้งกับพี่ชายข้าพเจ้า ย่อมเชื่อได้ว่าย่อมไม่ใช่แผนการที่ดีอย่างแน่นอน สุดท้ายข้าพเจ้าคงต้องร่วมมือกับมันเพื่อจัดการกับพวกท่าน
หลี่เทียนเล้ง ระเบิดเสียงหัวเราะดังสนั่น เจ้าคิดว่าสามารถทำได้?
เสี่ยวซาผงกศีรษะคราหนึ่ง แม้ท่าทีจะสำรวมยิ่ง ทว่าดวงตามีประกายเจิดจ้า กล่าวว่า ท่านทั้งสองร่วมมือกันใช้วิชาอันร้ายกาจพิสดารแต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะฮั่นตง ตอนนี้เพิ่มข้าพเจ้าอีกคน เกรงว่าท่านทั้งสองคงหมดโอกาสแล้ว! ท่านหลิวเมื่ออยู่เพียงลำพังย่อมไม่สามารถรับมือพี่รองของข้าพเจ้าได้ ต่อให้พี่รองบาดเจ็บอยู่ข้าพเจ้ายังเชื่อมั่นว่า มันยังสามารถพิชิตท่านหลิวได้ไม่ยาก
จากนั้นกล่าวต่อ ส่วนท่าน ก็คงมิสามารถเอาชนะข้าพเจ้าได้โดยง่าย!
หลี่เทียนเล้งบัดนี้กลับมีใบหน้าเคร่งเครียดขึ้น เด็กหนุ่มตรงหน้าบัดนี้ไม่ใช่ เด็กรับใช้บนเขาบู๊ตึ๊งอีกต่อไปที่ตัวมันจะพูดจาข่มขวัญได้โดยง่าย หากแต่เป็นจอมยุทธระดับสุดยอด ในแง่บุคลิกและสติปัญญาก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นการโต้ตอบด้านวาจา การคิดวิเคราะห์สถานการณ์ รวมทั้งปัญญาญาณในการวิเคราะห์วิทยายุทธของผู้อื่นได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ที่สำคัญมันยังรู้จักการรอคอยโอกาส
ผู้คนส่วนใหญ่มักจะพยายามเสาะแสวงหาโอกาส เพื่อให้ได้มายังสิ่งที่ตนต้องการ ทว่าหลายคนกลับลืมไปว่า ในบางช่วงบางเวลา การรอคอยโอกาสกลับมีความจำเป็นยิ่งกว่า และบางช่วงบางเวลานั้น ส่วนใหญ่มักจะเป็นช่วงเวลาอันสำคัญยิ่งยวดของชีวิตเสียด้วย คุณสมบัติอย่างหนึ่งสำหรับผู้รอคอยโอกาสก็คือความอดทน ผู้คนที่ขาดความอดทนแม้จะฉลาดหลักแหลมแต่หลายครั้งไม่ค่อยประสบความสำเร็จในชีวิตก็เพราะขาดคุณสมบัติความอดทนข้อนี้เอง
หลี่เทียนเล้งบัดนี้เคร่งขรึมขึ้นในแววตามีแววเลื่อมใสอยู่หลายส่วน มันตระหนักแล้วว่า เด็กหนุ่มเบื้องหน้า ไม่ใช่สามารถจัดการได้โดยง่าย มันถอนหายใจยาวนาน จากนั้นกล่าวว่า ไม่ว่าวันนี้ท่านหลิวจะเป็นหรือตาย ไม่ว่าแผนการพวกเราจะสำเร็จหรือไม่ แต่มีเพียงประการเดียวที่ข้าฯจะขอบอกแก่เจ้า
มันเว้นช่วงจังหวะการพูดนิดนึง จากนั้นแววตาเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวดุดันจากนั้นกล่าวว่า เจ้าคงไม่มีชีวิตรอดอยู่จนได้รู้เป็นแน่
คำกล่าวของเจ้าสำนักเฮียงเน้ยในครั้งนี้ กลับดูเหมือนมิใช่คำพูดข่มขวัญ หากเป็นคำพูดที่มุ่งมั่นเอาจริงเอาจังเป็นอย่างยิ่ง กล่าวจบหลี่เทียนเล้ง โคจรลมปราณแปรเปลี่ยนมิสิ้นสูญขั้นที่ 18 ร่างของมันตอนนี้คล้ายหมอกควันกลุ่มหนึ่งล่องลอยอยู่รอบตัวฝ่ายตรงข้าม
เสี่ยวซาพลันรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของอนุภาครอบๆตัวมัน ตอนนี้คล้ายดังมีหลี่เทียนเล้งนับสิบคนลอยวนเวียนอยู่รอบตัว แต่ละคนพร้อมที่จะลงมือทุกเมื่อ ขอเพียงมันเปิดช่องโหว่เพียงเล็กน้อย ฝ่ายตรงข้ามก็พร้อมที่จะพลิกแพลงเข้าโจมตีได้โดยสะดวก
ทว่าเด็กหนุ่มยังคงนิ่ง การนิ่งของมันย่อมไม่ใช่เป็นการเปิดช่องโหว่เพียงเล็กน้อย แต่กลับเป็นการเปิดช่องโหว่มากมาย!!
การรักษาท่าทีวางเฉย คล้ายเปิดช่องโหว่มากมาย แต่หากพิจารณาให้ถี่ถ้วนก็คล้ายว่าพร้อมที่จะปกปิดทุกช่องโหว่ และรุกกลับได้ทุกเมื่อของมันเช่นนี้ กลับทำให้ฝ่ายตรงข้ามยังลังเลมิกล้าผลีผลาม หลี่เทียนเล้งยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวเด็กหนุ่มราวกับภูตผี เพื่อหาโอกาสเข้าจู่โจม หากเป็นผู้อื่นมันย่อมหาช่องโหว่เพื่อจู่โจมได้ในเวลาไม่นาน แต่กับเด็กหนุ่มผู้นี้มันกลับพบช่องโหว่มากมายตั้งแต่แรก จนบัดนี้นับว่าเนิ่นนานกว่าปกติ ยอดฝีมือทั่วไปต่อให้ฝีมือใกล้เคียงกับมัน หากพลาดท่าเสียทีปล่อยให้ตกอยู่ภายใต้กระบวนท่านี้ย่อมต้องพ่ายแพ้ถึงแก่ชีวิตในระยะเวลาอันสั้น กระบวนท่าที่เปลี่ยนแปลงพลิกแพลงอยู่ตลอดเวลา และพร้อมเข้าจู่โจมทันทีที่คู่ต่อสู้เปิดช่องโหว่ นี่คือเคล็ดลับของลมปราณเปลี่ยนแปรมิสิ้นสูญขั้นที่ 18 แต่กับเด็กหนุ่มเสี่ยวซาผู้นี้ กลับยืนหยัดได้เนิ่นนานกว่าผู้อื่น เพียงเพราะมันเปิดช่องโหว่มากเกินไป!! มันสงบนิ่งมากเกินไป!!!
ความจริงเรื่องนี้หากจะคิดว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดก็นับว่าได้ หากมองอีกด้านก็อาจนับเป็นเรื่องธรรมดา
ธรรมชาติของผู้คน เมื่อเจอคู่ต่อสู้ที่ฝีมือใกล้เคียงกันย่อมต้องคาดหวังว่าจะต่อสู้กันอย่างสูสี แต่หากอีกทำอะไรเหลวไหลราวกับห่างชั้นกันมาก ย่อมเป็นเรื่องน่าระแวงว่ามีแผนการอะไรแอบแฝงอยู่
อีกประการคือ เจ้าสำนักเฮียงเน้ย ย่อมทราบดีว่า ฝ่ายตรงข้ามเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่ง เทียบได้กับ ฮั่นตง และ หลี่เฉินเชียง แม้ว่า จากการปะทะกันเมื่อครู่มันจะรู้ว่า เด็กหนุ่มยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ และมันก็มั่นใจเกิน 7 ส่วน ว่า จะเอาชนะเด็กหนุ่มผู้นี้ลงได้ แต่ การที่เด็กหนุ่มทำอะไรเหนือความคาดหมาย ย่อมทำให้หลี่เทียนเล้งมิกล้าผลีผลาม ทว่าในที่สุดมันก็ตัดสินใจลงมือ กระบวนท่านี้ครอบคลุมทั่วร่าง ยากจะต้านทาน และแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกโต้กลับ เป็นการจู่โจมที่รัดกุมที่สุด ฝ่ามือนับร้อยนับพันระดมเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามทุกทิศทุกทาง ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามอยู่ในสภาพสมบูรณ์ไม่มีอาการบาดเจ็บหากตกอยู่ในสภาพนี้ก็ยากจะต้านทาน
เสี่ยวซายังคงนิ่ง มิได้โคจรลมปราณเข้าต้านทานฝ่ายตรงข้าม หากแต่ความจริงต้องกล่าวว่ามันหยุดโคจรลมปราณจึงจะถูกต้องมากกว่า
อนุภาครอบบริเวณนั้นถูกบีบอัดจนบูดเบี้ยว พลังไร้สภาพกดดันบีบอัด ไม่ว่าสิ่งใดที่อยู่ตรงนั้นจะต้องถูกทำลายจนหมดสิ้นแม้แต่อากาศบริเวณนั้นก็ถูกการเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้จนเกิดสภาพการแตกดับและเกิดใหม่ของอานุภาคต่างๆ ประกายแสงเจิดจ้าจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวกระจายเจิดจ้าไปทั่ว
แต่พลังดังกล่าวกลับไม่สามารถทำอันตรายใดๆแก่เด็กหนุ่มได้?
จากคุณ |
:
โต
|
เขียนเมื่อ |
:
27 พ.ค. 54 07:58:43
|
|
|
|