เพียงตะวัน ก้าวพรวดลง จากรถแท็กซี่มิเตอร์ที่แล่นมาจอดหน้าโรงแรม อย่างร้อนรนในมือถือโทรศัพท์กำลังสนทนา
อยู่กับนักข่าวรุ่นพี่อย่างออกรสชาติ
ถึงแล้วค่ะพี่เสาวรส เนี่ยกำลังเดินเข้าโรงแรมอยู่เลย
หญิงสาวร่างกระทัดรัด เอ่ยตอบคู่สนทนารีบจ้ำอ้าวเข้าไปภายในโรงแรมอย่างรวดเร็ว ทว่า เธออยากจะเหาะเข้าไปให้
ถึงงาน กาล่าดินเนอร์เปิดตัวซีอีโอคนใหม่ของบริษัทแห่งหนึ่ง เลยเสียด้วยซ้ำ ถ้าตนเองมีเวทมนต์
เนื่องจากว่า เธอมาสายร่วมสองชั่วโมงเข้าให้แล้ว แน่ละที่มาไม่ตรงเวลานั้น รถติดไม่ใช่สาเหตุของทั้งหมดอย่างที่บอก
กับนักข่าวรุ่นพี่หรอก แต่เป็น เพราะเธอไป ผิดโรงแรม ทำให้มาถึงที่นี่สายกว่าที่ควรจะเป็นต่างหาก
ที่น่าเศร้ายิ่งไปกว่านั้นคือ นี่เป็นงานแรก ที่เธอออกมาทำข่าวนอกสถานที่ เธอเข้ามาทำงานเป็นผู้สื่อข่าวที่สำนักพิมพ์
แห่งหนึ่งเพียงแค่สองอาทิตย์เท่านั้นหลังจากเรียนจบ ความผิดพลาดจากการจำชื่อโรงแรมผิดแท้ๆเชียว
ร่างบางโบกมือแสดงความขอบคุณที่พนักงานโรงแรมเปิดประตูให้ เธอกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปภายในลอบบี้ด้วย
ความเร่งรีบพร้อม กับสอบถามคู่สนทนาไปด้วย
พี่เสาวรส ห้องจัดงานอยู่ชั้นไหนหรือ คะ
อยู่ชั้น39ขึ้นลิฟต์มาเลยจ้า เร็วๆด้วย งั้นแค่นี้นะ เสาวรส ตอบออกมาทันควัน
ขอบคุณค่ะ
หญิงสาว รู้จุดหมายที่แน่ชัดแล้วจึงมุ่งหน้าตรงไปยังลิฟต์อย่างรวดเร็ว เหลือบมองนาฬิกาสองทุ่มแล้ว ทันทีที่ประตู
ลิฟต์เปิดออก เธอสไลด์ตัวพุ่งเข้าไปราวกับนางเอกหนังบู๊ กระแทกนิ้วจิ้มลงบนแป้นตัวเลขชั้น 39 อย่างรวดเร็ว
ทันที ที่ประตูลิฟท์เปิดออก หญิงสาว วิ่งพรวดออกไปอย่างรวดเร็ว จุดหมายปลายทางของเธอ ตอนนี้ไม่ใช่ห้องจัดงาน
เสียแล้วทว่า เป็นห้องสุขารมณ์เพราะเธอ สัมผัสได้ว่ามีข้าศึกกำลังลอบโจมตีลำไส้ใหญ่ของเธอขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน
ไม่รู้เนื้อ รู้ตัวมาก่อน ขนที่แขนลุกซู่ ขึ้นมาอย่างมีสาเหตุ จนทำให้ต้องเร่งอัตราความเร็วขึ้นอีก
ขณะที่ กำลัง เข้าใกล้ ดินแดนแห่งสุขารมณ์ที่รออยู่เบื้องหน้าเพียงนิดเดียวเท่านั้น
เสี้ยววินาทีนั้นเอง
หญิงสาว วิ่งชนเข้ากับวัตถุใหญ่โตราวกับยักษ์ปักหลั่นอย่างแรง จนเธอล้มลง ก้นกระแทกพื้น ความเจ็บปวดแล่นสู่
สะโพกสวยได้รูป กระทันหัน
เธอ เงยหน้ามองวัตถุต้องสงสัย อย่างเหลืออด กำลังถึงจุดหมายปลายทางอยู่แล้วเชียว ชายหนุ่มร่างสูงคนนี้นั่นเองที่
เป็นมาร ทำลายความสุขในดินแดนสุขารมณ์ของเธอ คนอะไรใจดำ เห็นคนล้มลงยังไม่คิดจะช่วยเหลือ แถมยังไม่
พูดจาสักคำ
เธอค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก มือกุมสะโพกผายที่ยังรู้สึกเจ็บจี๊ดอยู่หน่อยๆ จ้องหน้าชายหนุ่มผู้นี้อย่างหัว
เสีย จริงอยู่ แม้ว่าเธอเป็นฝ่ายผิดก็เถอะ แต่ในฐานะที่เป็นสุภาพบุรุษ น่าจะถามสักคำ เจ็บอะไรบ้างไหมครับ นี่เปล่าเลย
เงียบตลอด หนำซ้ำยังจ้องมองเธอ ตั้งแต่ ศีรษะจรดปลายเท้า อย่างนี้ ดูถูกกันนี่หว่า ต้องเอาเรื่องกันเสียหน่อยแล้ว
ประเดี๋ยวจะคิดว่าหญิงไทยใจไม่สู้
นี่คุณทำไมมองฉันอย่างนี้ละ ไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย
เอกบดินทร์ จ้องมองหญิงสาว เกา ศีรษะแกร็กๆ ไม่เข้าใจ ตกลงเราผิดหรือนี่ วิ่งมาชนเราเองแท้ๆยังมา หน้าดำ หน้า
แดงใส่อีก ที่ไม่ช่วยพยุงลุกขึ้น เพราะพิจารณาดูแล้วคงไม่ได้เป็นอะไรมาก ที่สำคัญ คุณเธอใส่กางเกงยีนส์ รัดรูป เสื้อ
ยืดแขนยาวสีขาวนวล คับติ้ว ซะขนาดนั้น กลัวจะถูกกล่าวหาเอาได้ว่าฉวยโอกาสกับผู้หญิง มาว่าเราอย่างนี้ต้องแกล้ง
ยั่วโมโหซะหน่อยแล้ว
ตกลงผมผิดหรือคุณผิดกันแน่ ชายหนุ่ม เอ่ย เสียงทุ้ม จ้องมองใบหน้าของหญิงสาว แล้วหลุบสายตาลงต่ำ ระดับ
หน้าอกที่มี เสมือนไม่มีของเธอ แล้ว เลื่อนขึ้นไปบนใบหน้าอีกครั้ง
ไอ้คนลามก มองผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไงกัน
เพียงตะวัน แผดเสียงสูง ใบหน้าแดงก่ำ ควันออกหู ด้วยความโกรธจัด เธอไม่เคยโกรธอะไรมากเท่านี้มาก่อนเลย บุรุษ
คนนี้บุคลิกหน้าตาก็ดี ไม่ซิ แค่พอดูได้ต่างหาก แต่ นิสัย ทรามมากเกินจะรับไหว
ชายหนุ่ม ยิ้มมุมปากเล็กๆที่สามารถยั่วหญิงสาวได้เกินคาด แต่ อยากยุติศึกครั้งนี้แล้วละ เพราะไม่มีเวลาแล้ว ยังมีงาน
ต้องทำอยู่อีกมาก
คุณไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมครับ ว่าแต่ คุณผู้หญิง วิ่งกระหื่นกระหอบมาตรงนี้เพราะ?
ชายหนุ่มเอ่ย พลาง เหลือบสายตามองไปยังห้องสุขารมณ์
หญิงสาว ฟังชายหนุ่มพูดด้วยท่าที ดีขึ้นมาหน่อย จึงผ่อนอารมณ์โกรธลงเล็กน้อย พูดอย่างนี้สิ ค่อยฟังรื่นหูหน่อย แต่
เธอ ยังไม่หายโกรธง่ายๆหรอก ทว่า ด้วย อาการปวดท้องมวนขนาดหนัก จากการถูกข้าศึกลอบโจมตีอยู่ สัมผัสได้ว่า
เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีเวลาเอา เรื่องต่อแล้ว แต่อย่าให้พบเจอที่ไหนอีกนะเป็นเรื่องแน่ เธอจึง สะบัดหน้าอย่างแรง
เสหลบเขาเล็กน้อย แล้ววิ่งไปราวกับจรวด เข้าไปภายในห้องสุขารมณ์อย่างรวดเร็ว
อ้าวคุณเร็วๆหน่อยระวังขี้ราดแถวนี้นะ
ชายหนุ่ม เอ่ย ยิ้มพรายออกมาบนใบหน้า เหลียวมองหญิงสาววิ่งไปจนพ้นสายตาแล้ว กำลังจะเดินกลับเข้าไปภายใน
งาน ทว่า ได้ยินสำเนียงใสๆ แต่ขุ่นมัว ดังลั่นสวนออกมาจากห้องสุขารมณ์ทันควัน หลังจากเขาพูดจบประโยคเพียง
แป็บเดียวเท่านั้นเอง
ไอ้คนบ้า
---------------------------
หลังจากเพียงตะวัน ปลดทุกข์จากดินแดนสุขารมณ์เสร็จสิ้น เธอวิ่งพรวดๆเพื่อไปให้ถึงห้องบอลรูมอันเป็น
สถานที่จัดงานโดยเร็ว ทว่า งานนั้นเลิกเสียแล้วโดยพิจารณาจากผู้คนจำนวนมากกำลังเดินสวนออกมา
หญิงสาว เดินเยื้องกราย เบียดเสียดผู้คนเข้าไปภายในห้อง กวาดตามองรอบๆหวังจะพบกับเสาวรสนักข่าวรุ่นพี่ แล้วก็
ปรากฎ คนจำนวนมากยืนออกันอยู่ริมระเบียงด้านนอก ซึ่ง มีประตูกระจกสามารถออกไปด้านนอก เพื่อ ชมทัศนียภาพ
ของ กรุงเทพฯยามราตรีนั่นเอง
หญิงสาว เดินไปอย่างรวดเร็ว ใช่แล้วเป็นสื่อมวลชน กำลังยืนห้อมล้อมสัมภาษณ์ใครสักคนอยู่ เธอพยายามแทรกตัว
เบียดเสียดเข้าไปด้านหน้าแล้วก็ พบกับเสาวรสเข้าจนได้ ทว่าต้องตกใจ กับภาพที่ปรากฎอยู่เบื้องหน้า คือชายหนุ่มนิสัย
เสีย คนนั้นนั่นเอง กำลังหันหน้าไปพูดกับนักข่าวอีกด้านหนึ่ง เชอะ คนแบบนี้ เนี่ยนะเป็นซีอีโอ บริษัทใหญ่ได้ไม่
อยากจะเชื่อเลย เธอยิ้มทักทายกับเสาวรส นักข่าวรุ่นพี่อยู่ชั่วครู่ ทันที ที่เขาหันใบหน้ากลับมาอีกด้าน
มีคนตั้งฉายาคุณว่าเป็น ฟิลิป คอตเลอร์เมืองไทย คุณคิดอย่างไงคะ เสาวรส ตั้งคำถาม
ไม่ถึงขั้นหรอกครับ ฟิลิป คอตเลอร์ เป็นไอดอลของผม เขามีความคิดทางการตลาดที่เฉียบคมมาก ผมยังห่างไกลจาก
เขาเยอะเลยครับ
เอกบดินทร์ กำลังตอบ คำถามนักข่าวสาวสวย ด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม อยู่นั้น บังเอิญเหลือบมองเห็นหญิงสาวที่เขาแกล้ง
เข้าพอดี ทำเอาสะดุ้งเล็กน้อย ทว่า เขาทำเป็นไม่สนใจมากนัก เบือนใบหน้า มองมายังคนตั้งคำถามสาวสวยอีกครั้ง
เพียงตะวันฟังชายหนุ่มกล่าวตอบคำถาม ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา ใช่แล้วนายไม่มีวันเหมือนฟิลิป
คอตเลอร์หรอก เขา คงนิสัยดีกว่านายหลายเท่านัก ดูทำเข้าสิ
ส่งสายตาหวานซึ้งใส่ พี่เสาวรส ซะขนาดนั้นจน
เธอสะเทิ้นอายใบหน้าแดงซ่านเลย ไอ้คนลามก อย่างนี้ต้องป่วนเอาคืนซะหน่อยแล้ว สำหรับเธอนั้นต้องตาต่อตาฟัน
ต่อฟันกับผู้ชายเยี่ยงนี้
ได้ข่าวซุบซิบว่าคุณทำผู้หญิงคนหนึ่งท้องแล้วไม่รับเป็นพ่อของเด็กจริงหรือเปล่าคะ
สิ้นประโยคคำถามของเพียงตะวัน สื่อมวลชนจำนวนมากที่รายล้อมอยู่รอบตัวชายหนุ่ม ต่างตกตะลึงพรึงเพริดกันไป
หมด กับคำถามของเธอ เสียงอื้ออึงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เสียงรัวกดซัตเตอร์ แสงแฟลชสว่างวูบวาบ พร้อมกับยิง
คำถามย้ำเตือนให้ชายหนุ่มตอบประเด็นดังกล่าว กังวานมาทุกเสี้ยววินาที จริงหรือเปล่าคะ? จริงหรือเปล่าครับ?
พรุ่งนี้เป็นข่าวใหญ่แน่?
ไม่จริงครับผู้หญิงคนนี้โกหก คุณไม่มีหลักฐานเสียหน่อย
เอกบดินทร์ จ้องมองหญิงสาว เป็นเชิงตั้งคำถามว่า เล่น แผลงๆแบบนี้ทำไมกัน ส่วนเธอนั้นก็ไม่สะทกสะท้านกับ
ความผิดใดๆยังแอบยิ้มที่มุมปากที่กลั่นแกล้งเขาได้สำเร็จ
คือแบบนี้ ครับ ผู้สื่อข่าวสาวคนนี้ กับผม มีปัญหากันนิดหน่อย
!?
ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะกล่าวจบประโยค เพียงตะวัน บังเอิญเหลือบไปเห็นสตรีนางหนึ่งอยู่ในชุดคลุมท้องกำลังเดินเข้า
มาที่ ริมระเบียงพอดิบพอดี
โน่นค่ะ ผู้หญิงที่กำลังตั้งท้อง
หญิงสาวเอ่ยพลางชี้มือไปยังสตรีนางนั้นทันใด กองทัพผู้สื่อข่าว ต่างหันขวับวิ่งกรู ตรงไปยังเธอผู้นั้นอย่างรวดเร็ว ทิ้ง
ชายหนุ่มกับหญิงสาวให้อยู่กันเพียงลำพัง
ร่างสูง มองตาม กองทัพผู้สื่อข่าวที่วิ่งกรูไปห้อมล้อมสตรี ผู้นั้นเพียงชั่วครู่เดียว จึง หันมาจ้องมองใบหน้าของหญิงสาว
ครุ่นคิดอยู่แป็บหนึ่ง จากนั้นก็แสร้งทำเป็น หน้านิ่วคิ้วขมวดมุน เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุดันราวกับสัตว์ป่า
คุณทำแบบนี้ทำไม หือ หญิงสาวหันหน้า สบตาชายหนุ่ม แทบสะดุ้ง เมื่อพบ แววตาขึงโกรธของเขา ทำเอาเธอต้อง
หลุบตาลงต่ำ ด้วยความกลัวและเริ่มสำนึกผิด เอ่ยตอบกับ รองเท้าผ้าใบของตนเองด้วย น้ำเสียงสั่นๆ
ก็คุณแกล้งฉันก่อนนี่ ร่างสูงลอบยิ้มเล็กน้อย ที่ทำให้หญิงสาวกลัวได้ขนาดนี้ จ้องเขมง มองเธอชั่วครู่ จากนั้นเอื้อม
มือแกร่ง ฉุดกระชากข้อมือของเธอค่อนข้างแรง ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงกร้าว
ไปคุยกันตรงโน้นก่อน หญิงสาว พยามยามดิ้นรนขัดขืนอย่างสุดฤทธิ์ ยื้อแขนไว้ไม่ยอมก้าวไปตามแรงฉุดรั้งของ
ชายหนุ่ม ทำให้เขาหยุดฉุดกระชากชั่วครู่และหันมามองเธอ ก่อนเอ่ยพูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียง ตะคอก
คุณจะเดินไปแต่โดยดีๆหรือจะให้ผมแบกคุณไป หือ เขาเอ่ยจบ พลางฉุดรั้งข้อมือของเธอไปอีกครั้ง
ก็คุยกันตรงนี้ก็ได้นี่ ปล่อยฉันนะ หญิงสาวเอ่ยตอบ ยังยื้อแขนรั้งไม่ยอมเดินไปเหมือนเดิม ชายหนุ่ม ไม่พูดพล่าม
ทำเพลง เดินปรี่เข้ามาอุ้มร่างบางของเธอขึ้นพาดบ่า ก้าวฉับๆไปยัง ริมระเบียงอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเป็นประตูสำหรับทาง
หนีไฟในทันใด แม้ว่าเธอพยายามดิ้นขืนตัวหวังให้หลุดพ้นจากพันธนาการ และใช้มือนุ่มนิ่มทุบหลังเขาเต็มแรง ก็ไม่
เป็นผล เขายังคงเร่งฝีเท้าเดินดุ่มๆต่อไปเพื่อให้ถึงจุดหมายโดยเร็ว
คุณรู้ไหม ผู้หญิงคนนั้นท้องจริงๆ และไม่มีใครรับเป็นพ่อของเด็กจริงๆ ผมอาจจะรับเป็นพ่อของเด็ก แต่ผมก็ไม่ใช่
คนทำเธอท้อง
ชายหนุ่มเอ่ย พร้อมกับจับตัวหญิงสาวลงจากบ่า เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง และเปิดประตู จูงมือของเธอเดินเข้าไป
ทางบันไดหนีไฟ
คุณหมิ่นประมาทผม
ถ้าผมฟ้องคุณติดคุกแน่ คุณเป็นนักข่าวคุณไม่รู้หรือไง
ชายหนุ่ม จ้องมองหญิงสาว แววตาเป็นประกาย ก่อนเอ่ยขู่เข็ญหมายให้เธอกลัว หญิงสาวยังรู้สึกหวาดๆที่ เขาพาเธอมา
ในที่ลับตาคนไม่รู้ว่าคิดมิดีมิร้ายกับเธอหรือเปล่า แต่ ทำเป็นใจดีสู้เสือเข้าไว้ก่อน เอ่ยตอบไปว่า
ฉันหมิ่นประมาทอะไร คุณก็ยอมรับเป็นพ่อของเด็กแล้วนี่ ชายหนุ่มยิ้มเฝื่อนๆ คิ้วขมวดมุนกับความเจ้าเลห์ของเธอ
เสียจริงๆ
โห! คุณนี่เป็นศรีธนญชัยหญิงกลับชาติมาเกิดแน่ๆเลย ผมก็บอกแล้วไม่ใช่เป็นพ่อของเด็ก
ชายหนุ่มจ้องมองหญิงสาว แสร้งยิ้มอย่างมีเลศนัย จึงเอ่ยขึ้นอีกว่า
เอาเถอะไม่ว่าอย่างไรก็ตามผมสามารถเคลียร์เรื่องนี้ได้อยู่แล้วแต่คุณโดนผมฟ้องแน่ นอกเสียจากคุณจะขอโทษผม
และ
ชายหนุ่มยังไม่ทันกล่าวจบประโยคดีนัก หญิงสาวโพล่งเอ่ยออกมาก่อนทันที
ก็ได้ๆฉันขอโทษค่ะ หญิงสาวเอ่ยจบพลางยกมือไหว้ชายหนุ่มอย่างนอบน้อม
ขอโทษอย่างเดียวไม่พอ คุณต้องให้ผมจูบด้วย หญิงสาวได้ฟังชายหนุ่มพูดดังนั้น จึงลนลานถอยหลังกรูดไปติดกับ
ประตูบันไดหนีไฟ ทันที
อย่านะคุณก็ไปจูบกับแฟนคุณสิจะมายุ่งอะไรกับฉันเล่า ชายหนุ่มโผเข้าไปอยู่เบื้องหน้าหญิงสาวในทันใด สองมือ
เท้ากับประตูไว้อย่างไม่ค่อยระมัดระวังมากนัก แสร้งยื่นใบหน้า เข้าหาใบหน้าของเธอ จนลมหายใจอุ่นๆเริ่มสัมผัสกัน
ขณะที่หญิงสาวตกใจกลัวใช้มือผลักไสใบหน้าและหน้าอกของเขาเต็มแรง ตามสัญชาตญาณป้องกันตัว
ชั่วครู่เดียวนั้นเอง
ชายหนุ่ม ค่อยๆ เซถลา ถอยหลัง ทรงตัวไม่อยู่ พลัดตกบันไดหนีไฟ ในฉับพลัน
โอ๊ย
-------------------------------------------------------------------
แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 54 00:40:08
แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 54 22:42:25
แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 54 22:36:59
แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 54 22:34:00
แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 54 21:59:56
แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 54 16:04:38
แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 54 16:02:42
แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 54 15:26:41
แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 54 15:24:36