Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มณีนาคินทร์ ตอนที่ 44 - 45 ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 44

     แม่นิ่มเปิดประตูห้องนอนของกัญชพรเข้ามา ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้แม่นิ่มถึงกับตกใจระคนดีใจอย่างเหลือล้น กัญชพรนั่งห้อยขาทั้งสองข้างที่ขอบเตียงนอนของเธอ เมื่อเห็นแม่นิ่มยืนอยู่ เธอจึงส่งยิ้มให้ แม่นิ่มรีบรี่เอากะละมังใส่น้ำและผ้าเช็ดตัวลงวางที่โต๊ะที่ใกล้ตัวที่สุด และวิ่งเข้าไปหานายสาวที่นั่งส่งยิ้มหวานให้อยู่

“คุณกัญ!”    แม่นิ่มเรียกอย่างตื่นเต้น และจับแขนจับขาของนายสาว

“ค่ะ กัญเองค่ะ แม่นิ่ม”   กัญชพรตอบด้วยรอยยิ้ม เธอเพิ่งสังเกตเห็นความเปลี่ยนไปของแม่นิ่มใกล้ๆ แม่นิ่มดูแก่ลงไปมาก แค่ระยะเวลาเพียงสามวัน ความทุกข์ทำให้สังขารของแม่นิ่มเสื่อมได้ขนาดนี้เชียวหรือ? กัญชพรรู้สึกสงสารแม่นมผู้ซื่อสัตย์ของเธอยิ่งนัก

“คุณกัญของแม่นิ่มฟื้นแล้ว ฟื้นแล้ว ฮือๆๆๆ”     แม่นิ่มพูดไปปล่อยโฮและกอดร่างของกัญชพรไว้ กัญชพรเองก็กอดตอบแม่นิ่มเช่นกัน รู้สึกอบอุ่นที่ได้กลับมาอยู่ในอ้อมกอดแม่นิ่มอีกครั้ง

“คุณกัญเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ?”    แม่นิ่มถามอย่างเป็นห่วง หลังจากคลายกอดของตัวเองจากร่างนายสาว

“หิวมั้ยคะ?”   แม่นิ่มถามคำถามที่สองต่อทันที กัญชพรยิ้มกว้างขึ้นและตอบว่า

“แหม...ทีละคำถามสิคะ”
แม่นิ่มยิ้มทั้งน้ำตา และตอบผู้ที่ตนเลี้ยงมากับมือตั้งแต่เกิดว่า

“แหม...ก็แม่นิ่มดีใจที่คุณกัญฟื้นเสียที รู้มั้ยคะว่าแม่นิ่ม คุณตวง คุณพิน คุณรัศมี เป็นห่วงคุณมากนะคะ”

“ค่ะ กัญทราบดี”   กัญชพรตอบ


     เสียงเคาะประตูห้องของพินทิพย์ดังขึ้นอีกครั้ง เจ้าของห้องอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย วันนี้พินทิพย์ไม่คิดจะออกไปข้างนอก ด้วยอาการที่ยังวิงเวียนศีรษะอยู่ เมื่อเสียงเคาะประตูดังเป็นครั้งที่สอง หญิงสาวจึงเดินไปเปิดประตู เมื่อเห็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังประตูชัด พินทิพย์จึงยิ้มแม้จะแต่งแต้มใบหน้าเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่สามารถกลบเกลื่อนความอิดโรยบนใบหน้าของเธอได้หมด
เพียรยืนถือถาดวางชามข้าวต้มหอมกรุ่น และน้ำส้มเย็นๆ อีกหนึ่งแก้ว

“ลุงทำข้าวต้มหมูมาให้”   ลุงเพียรบอก พินทิพย์ทำท่าจะรับจากมือของผู้เป็นลุง แต่ก็ต้องโดนห้ามไว้

“ไม่ต้อง ลุงจัดการให้”  พูดจบก็เดินเข้ามาในห้องของพินทิพย์ หลานสาวจึงเดินตามผู้เป็นลุงไปที่โต๊ะเล็กภายในห้อง

“ลุงวางตรงนี้นะ แล้วพินก็รีบทานเสีย มันกำลังอุ่นๆ เย็นไปจะไม่อร่อยนะ”   ผู้เป็นลุงบอกอย่างใส่ใจ

“ขอบคุณค่ะ”  พินทิพย์กล่าวขอบคุณและยิ้มให้ เธอนั่งลงตรงหน้าชามข้าวต้มหอมกรุ่นนั้น หลานสาวคนสวยของเพียรเอื้อมมือไปหยิบช้อนและตักข้าวต้มเป่าและใส่ปาก ผู้เป็นลุงยกเอาเก้าอี้อีกตัวเข้ามานั่งตรงข้ามหลานสาว นั่งมองหลานสาวตักข้าวต้มใส่ปากทีละคำ หลังจากพินทิพย์ทานข้าวต้มได้สักครู่ เพียรจึงค่อยเอ่ยถามเธอว่า

“เป็นยังไงบ้าง ฝีมือของลุง?”    

“อร่อยค่ะ”    พินทิพย์ตอบ พร้อมยิ้มอย่างอิดโรย

“แล้วนี่พินมีหยวกยากินหรือยัง หรือจะไปหาหมอ?”    ลุงเพียรถามอย่างเป็นห่วง

“อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ พินมียาอยู่ค่ะ คุณลุงไม่ต้องเป็นห่วงพินนะคะ พินทานข้าวต้มของคุณลุงเสร็จ พินก็จะทานยาตามค่ะ แล้วพักสักหน่อยคงดีขึ้นค่ะ”  พินทิพย์ตอบ

“เอาอย่างนั้นก็ได้ ลุงก็ไม่ว่า แต่ถ้าเป็นอะไรหนักๆ ก็ให้บอกกันนะลูก ลุงเป็นห่วงพินนะ”    คนเป็นลุงบอกด้วยเสียงจริงจัง

“ค่ะ พินทราบค่ะว่าคุณลุงรักและเป็นห่วงพินมาตลอด พินเองก็รักคุณลุงเหมือนพ่อบังเกิดเกล้าของพินเองเหมือนกัน”   พินทิพย์ตอบ

ลุงเพียรได้ยินคำตอบของหลานสาว เขายิ้มและลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินเข้าไปหาหลานสาวที่นั่งฝั่งตรงข้าม และเอามือไปลูบผมอย่างเอ็นดู พร้อมพูดว่า

“ลุงก็รักพินเหมือนลูกสาวคนหนึ่งของลุงเหมือนกัน”  
สองลุงหลานยิ้มให้กันอย่างมีความสุข


    การฟื้นขึ้นมาจากการเป็นเจ้าหญิงนิทราของกัญชพร ทำให้ทุกคนในบ้านดีใจ ตวงสิทธิ์รีบยกหูโทรศัพท์มือถือไปบอกพินทิพย์ทันที  พินทิพย์กำลังนอนห่มผ้าลืมตามองเพดานห้อง เสียงโทรศัพท์มือถือดังต่อเนื่อง พินทิพย์เอื้อมมือไปหยิบจากเก้าอี้ที่วางกระเป๋ามือถือไว้ข้างเตียง และกดรับ เสียงฝั่งกระโน้นดังมาตามสายว่า

“พินเหรอจ้ะ”

“ค่ะ ตวง”    พินทิพย์ตอบกลับ

“พิน ผมมีข่าวดีมาบอก น้องกัญฟื้นแล้วนะ”    

“จริงหรือคะ!”     พินทิพย์ตื่นเต้น เธอลุกขึ้นมานั่งทันที

“จ้ะ”      เสียงของคนรักยืนยันมาตามสาย

“ดีจังนะคะ หมดเคราะห์หมดโศกกันซะที”    พินทิพย์ถอนใจอย่างโล่งอก

“พินล่ะจ้ะ เป็นยังไงบ้าง เสียงเหมือนไม่สบายเลย”    ตวงสิทธิ์ถามอย่างเป็นห่วงว่าที่เจ้าสาวของเขา

“ค่ะ พินรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อยค่ะ แต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรมากแล้ว”   พินทิพย์รีบบอก เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นกังวล

“พิน ผมเป็นห่วงคุณและลูกของเรามากนะ”
ตวงสิทธิ์ูตอกย้ำความห่วงใย พินทิพย์ได้ยินแค่นี้เธอก็ดีใจจนน้ำตาซึม

“ค่ะ พินรู้ค่ะ พินจะรักษาตัวเองและลูกของเราให้ดีที่สุด พินรักคุณนะคะตวง”

“ผมก็รักคุณเหมือนกัน”  

ความสุขของพินทิพย์คือได้อยู่ใกล้คนที่เธอรัก ตวงสิทธิ์คือผู้ชายคนเดียวที่เธอยอมมอบชีวิตให้


     จอมนาคาแห่งนครบาดาลนั่งสมาธิเข้าฌานเพื่อฟื้นพลังทิพย์ที่ต้องสูญเสียไปในการรักษากัญชพร  อีกหลายราตรีที่จอมนาคาจะขึ้นสู่ภพภูมิมนุษย์ ส่วนทางด้านกัญชพรนั้น มีอัญญานีคอยดูแลไม่ห่าง การฟื้นขึ้นมาของกัญชพร ทำให้ทุกคนสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของหญิงสาว ความแปลกตาบางอย่างที่คอยแฝงอยู่ในตัวของกัญชพรเริ่มเปล่งประกายออกมาอย่างเห็นได้ชัด ผู้ที่สังเกตเห็นได้ชัดที่สุดคือแม่นิ่ม   แม่นิ่มยกถ้วยกาแฟมาให้ตวงสิทธิ์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์รายวันอยู่ พอวางถ้วยกาแฟลงตรงหน้าตวงสิทธิ์เรียบร้อย แม่นิ่มก็ยังไม่กลับไปทำงานต่อในครัว แต่กลับเอ่ยเรียกผู้ที่กำลังง่วนกับการอ่านหนังสือพิมพ์รายวัน

“คุณตวงคะ”    

ตวงสิทธิ์จำต้องเงยหน้าจากข่าวที่กำลังอ่านค้างไว้ และมองหน้าผู้ที่เรียกเขาเมื่อสักครู่  และถามว่า

“มีอะไรหรือแม่นิ่ม?”    

“คือว่า คุณตวงสังเกตคุณกัญบ้างหรือเปล่าคะ?”      แม่นิ่มถาม

“มีอะไรหรือแม่นิ่ม?”     ตวงสิทธิ์ถามกลับ

“คุณตวงสังเกตบ้างมั้ยคะว่า ตั้งแต่คุณกัญฟื้นขึ้นมา เธอดูแปลกตาไปมาก ดูสวยขึ้น สง่าขึ้นและดูมีอำนาจยังไงบอกไม่ถูก”    แม่นิ่มสาธยาย

“อืมม์...ผมก็รู้สึกอย่างนั้เหมือนกัน”  ตวงสิทธิ์คล้อยตามสิ่งที่แม่นิ่มบอก


      คนที่ถูกกล่าวถึงกำลังยืนปล่อยอารมณ์อยู่ริมฝั่งโขงเพียงลำพัง สายตาเหม่อลอย มองทอดยาวออกไปในลำน้ำโขง สายลมพัดเอื่อยๆ พาเส้นผมอันดำขลับปลิวน้อยๆ ไปด้านหลัง เผยให้เห็นความเปล่งปลั่งบนใบหน้าของกัญชพรอย่างไร้ที่ติ


     พินทิพย์แวะมาเยี่ยมกัญชพร ในตอนบ่ายวันนั้น ตวงสิทธิ์นั่งคุยกับพินทิพย์อยู่พลางๆ กัญชพรก็เดินเข้ามาสมทบ เธอยกมือไหว้ทำความเคารพพินทิพย์ว่าที่พี่สะใภ้ในอนาคตอย่างนอบน้อม พินทิพย์ก็ยกมือรับไหว้เธอกลับพร้อมรอยยิ้ม แล้วหญิงสาวผู้มาใหม่ก็ลากเก้าอื้ตัวที่เหลืออยู่ออก และนั่งลงสมทบอีกคน

“เป็นยังไงบ้างจ๊ะ สาวน้อย?”   พินทิพย์ทักทาย กัญชพรยิ้มและเอ่ยตอบว่า

“หายแล้วค่ะ พี่พิน”

“ตวงโทรไปบอกพี่ พี่ดีใจจริงๆ ที่รู้ข่าวว่าน้องกัญฟื้นแล้ว”

“ค่ะ กัญแข็งแรงแล้วล่ะค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง”  

“น้องกัญ บอกได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ น้องกัญก็หายไปเฉยๆ พวกเราตามหากันจ้าละหวั่น ตำรวจยังช่วยพวกเราตามหาทั้งในและนอกพื้นที่ แต่ก็ไม่พบร่องรอยของน้องกัญเลย จนพวกเราหมดปัญญาจริงๆ แต่จู่ๆ คุณแสงขวัญก็อุ้มน้องกัญกลับมาในสภาพที่สลบไม่ได้สติ”

พินทิพย์ร่ายถามยาวอย่างสงสัย ตวงสิทธิ์เองก็อยากรู้ความเป็นไปเช่นกัน
กัญชพรแค่ยิ้มและตอบเลี่ยงๆ ไปว่า

“เรื่องมันยาวค่ะ เอาเป็นว่าตอนนี้กัญปลอดภัยดีแล้ว เรื่องอื่นกัญขอล่ะค่ะ กัญไม่อยากให้ใครมาเดือดร้อนกันอีก”

“น้องกัญ...”   ตวงสิทธิ์ำกำลังจะพูดต่อ แต่ถูกกัญชพรดักคอไว้

“ค่ะพี่ตวง กัญรู้ว่าพวกพี่เป็นห่วงกัญมาก กัญขอบคุณมากนะคะ”

กัญชพรยกมือไหว้คนหนุ่มสาวทั้งสองที่นั่งร่วมโต๊ะด้วย และเอ่ยต่อว่า

“กัญอยากให้พวกพี่อยู่กันอย่างมีความสุข”

“น้องกัญ”   พินทิพย์ได้แต่เพียงเรียกชื่อเท่านั้น กัญชพรเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและยิ้มให้ สองหนุ่มสาวที่นั่งอยู่เบื้องหน้าของเธอ และพูดต่อว่า

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ วันหนึ่งพวกพี่จะเข้าใจกัญ”


    ที่บ้านของเพียร พญาครุฑิการในร่างของมานพที่ใช้นามว่า..คณิต..ยืนกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่างบ้านพัก ยืนนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ และค่อยหันกลับมาทางเพียรที่นั่งที่เก้าอี้มองอาการของครุฑหนุ่ม พญาครุฑิการแปลงยิ้มอย่าสมใจ และเอ่ยกับผู้ที่จ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้วว่า

“อีกไม่ช้า ข้าคงต้องพึ่งบ่วงนาคบาศและคัมภีร์โบราณของเจ้า”  

เพียรพยักหน้าเข้าใจสิ่งที่พญาครุฑิการบอก และเอ่ยถามต่อทันทีว่า

“แล้วท่านจะลงมือเมื่อไหร่?”  

“คืนนี้ ข้าจะไปหากัญชพร”    พญาครุฑหนุ่มทรงรับสั่งอย่างมาดมั่น ด้วยแววตาเป็นประกาย


     ท้องฟ้ามืดดำทะมึนเหมือนดั่งถูดรดราดด้วยหมึกสีดำสนิท ยิ่งเป็นคืนเดือนมืด จึงไม่มีแม้แสงแห่งดวงดาราคอยส่องประกายแต่งแต้มประดับฟ้ายามราตรี  กัญชพรล้มตัวลงนอนและเริ่มเข้าสู่นิทราอย่างมีความสุขภายใต้ผ้าห่มอันอบอุ่น บางสิ่งบางอย่างภายในห้องของเธอ กำลังเรืองแสงสีทอง มันเป็นขนของพญาครุฑิการที่ติดตัวพินทิพย์เข้ามาในห้องของเธอ เมื่อตอนกลางวัน เพราะพญาครุฑิการไม่สามารถเข้าหาตัวกัญชพรได้โดยทางตรง เพราะไม่อยากเสียเวลาปะทะกับอัญญานีให้เสียแผนการที่วางไว้ แผนของพญาครุฑหนุ่มคือการได้ตัวกัญชพรไปต่อรองชีวิตกับแสงขวัญ พระองค์จึงต้องใช้ไอมนุษย์ของพินทิพย์นำทางให้เข้าใกล้ตัวกัญชพรมากที่สุด และก็ได้ผล ณ บัดนี้แสงสีทองค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นกรอบร่างเท่ามนุษย์ เมื่อแสงสีทองลดความจ้าลง มันค่อยๆ รวมตัวกันกลายเป็นรูปร่างของชายหนุ่มรูปงาม พญาครุฑิการยืนมองกัญชพรที่กำลังนอนหลับไหลบนเตียง

“เราพบเจ้าทีไร เจ้างดงามเสมอ”

พญาครุฑิการเอ่ยเบาๆ แล้วค่อยๆ เดินตรงเข้าไปยืนที่ข้างเตียงนอนของกัญชพร และค่อยนั่งลงที่ขอบเตียงของหญิงสาวผู้ถูกหมายตา ทรงเอื้อมมือไปสัมผัสแก้มนวลของกัญชพร กัญชพรรู้สึกถึงมืออุ่นๆ กำลังลูบไล้แก้มของเธออย่างทะนุถนอม ทำให้เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อลืมตาเห็นชัดว่าบุคคลที่นั่งอยู่ตรงหน้าคือใคร กัญชพรตกใจ รีบลุกขยับตัวหนีทันที

“ท่านพญาครุฑิการ!”

กัญชพรเรียกผู้ที่อยู่เบื้องหน้าเธออย่างตื่นตระหนก และรีบลุกถอยลงจากเตียงอีกด้านหนึ่ง วิ่งอ้อมตรงไปที่ประตู แต่ยังไม่ทันที่ร่างอรชรจะวิ่งถึงที่หมาย ร่างบอบบางก็ต้องปะทะเข้ากับร่างอันบึกบึน พญาครุฑิการรวบร่างของกัญชพรไว้ทันที

“ปล่อยกัญนะ บอกว่าให้ปล่อย...”     กัญชพรโวยวายและใช้กำปั้นน้อยๆ ทุบตีร่างที่รวบเธอไว้ แต่พญาครุฑิการหาได้สะทกสะท้านต่อฤทธิ์ของหญิงสาว แถมยังเอ่ยเยาะเย้ยอีกว่า

“เจ้าจะมีปัญญาที่ไหนหนีไปพ้น ยังไงเสียเจ้าก็ต้องตกเป็นชายาของเรา ไม่ว่าเจ้าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม”

จบคำพญาครุฑหนุ่มพยายามจะลวนลามกัญชพร หญิงสาวเบี่ยงหน้าหลบเป็นพัลวัน ผลักไสเขาอย่างรุนแรง และตะโกนใส่ร่างอันบึกบึนที่รวบร่างของเธออยู่

“ปล่อยนะ ท่านบ้าไปแล้ว นี่หรือเทพ ท่านรังแกผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้ ปล่อยนะ!”  

“ข้าเป็นเทพแค่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นแล้วก็ไม่จำเป็นต้องสวมโขนเหมือนเทพที่ทำตัวสูงเทียมฟ้า ข้าคิดอย่างไรก็ทำอย่างนั้น”

ไม่ยอมฟังคำตอบใดๆ ที่จะต่อว่าต่อขานพระองค์อีก พญาปักษาพยายามลวนลามกัญชพรอีก

“ปล่อยนะ ปล่อย อย่า...”     กัญชพรดิ้นรน น้ำตาคลอ

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ พญาครุฑิการ!”     เสียงตวาดลั่นดังมาจากทางระเบียงห้องนอนของกัญชพร พญาครุฑิการหยุดลวนลามกัญชพรและหันไปมองทิศทางของเสียงนั้น รอยยิ้มเยาะหยันก็ปรากฏบนเรียวปากของพระองค์

“เจ้านั่นเอง นางนาคผู้ซื่อสัตย์”

อัญญานียืนจ้องมองอย่างเดือดดาล  ทันทีที่เห็นผู้เข้ามาขัดขวางเหตุการณ์ครั้งนี้ กัญชพรดีใจน้ำตาไหล ร้องเรียกเสียงหลง

“พี่อัญญานี!”

แต่พญาครุฑหนุ่มก็ไม่ยอมคลายวงแขนที่รวบร่างของกัญชพรไว้ พระองค์ยิ่งกระชับร่างของหญิงสาวมนุษย์เข้ามากอดแน่นขึ้น จนกัญชพรแทบหายใจไม่ออก

“เจ้ายังไม่เข็ดอีกหรือ บอกแล้วไงว่าเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า”    พญาครุฑหนุ่มตรัสด้วยเสียเยาะหยัน

“ข้ารู้ว่าข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่าน แต่ท่านไม่ละอายบ้างหรือไง ที่ท่านกระทำเยี่ยงนี้ นางมิได้ยินยอมต่อท่าน ท่านคิดใช้กำลังข่มเหงนาง เรื่องนี้รู้ไปถึงไหน ท่านจะเอาพระเกียรติของท่านไปวางไว้ ณ ที่ใดเล่า”

อัญญานีกล่าวเยาะหยันกลับ สีหน้าของพญาครุฑหนุ่มเปลี่ยนไปทันที พระพักตร์เริ่มมีสีแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความโกรธากำลังเริ่มแล่นขึ้นมา พระองค์ทรงเข่นเขี้ยวตอบกลับไปว่า

“เจ้าคิดขู่ข้าหรือ อัญญานี”    

“ข้ากล่าวตามความเป็นจริง ท่านร้อนตัวของท่านเอง”   อัญญานีย้อน

“วันนั้นข้าปล่อยเจ้าไป เพราะต้องการให้เจ้านำคำพูดของข้าไปบอกแก่เจ้านายของเจ้า แต่วันนี้คงไม่จำเป็นแล้วกระมัง พอดีเลยข้ากำลังหิว เห็นทีมื้อนี้ข้าคงอิ่มไปอีกหลายราตรี”

กล่าวจบร่างของมานพรูปงามก็พลันเรืองแสง ปีกสีทองปรากฏ ร่างเหลืองอร่ามดั่งทองทา ใบหน้าเปลี่ยนไป ปากแหลมยาวยื่นออกมา ก่อนจะทะยานขึ้นอากาศ พญาครุฑิการร่ายพระเวทย์กรงทองครอบร่างของกัญชพรไว้ หญิงสาวพยายามดิ้นรนเพื่อหาทางออกจากกรงขังนี้ แล้วพญาครุฑิการก็ทะยานขึ้นสู่อากาศ พุ่งร่างเข้าหาอัญญานีทันที อัญญานีเองก็กลับกลายร่างสู่เผ่าพงศ์นาคีพุ่งตรงเข้าต่อสู้กับพญาครุฑอย่างห้าวหาญ ทั้งๆ ที่รู้ว่าอำนาจของนาคนั้นต้องพ่ายต่อพญาครุฑอยู่วันยังค่ำ แต่นางนาคอัญญานีก็ไม่ถอย กัญชพรจ้องมองการต่อสู้เบื้องหน้าอย่างเป็นกังวล


ตอนที่ 45


    กัญชพรพยายามดิ้นรนเพื่อจะให้พ้นจากพันธนาการกรงทองที่เกิดจากพระเวทย์ของพญาครุฑิการ แต่ก็ไม่มีหนทางหนีได้ สิ่งที่เธอต้องทนเห็นคือภาพของนางนาคอัญญานีเพลี่ยงพล้ำโดนกรงเล็บของพญาครุฑจิกเข้าที่ส่วนหัวและส่วนหาง  พญาปักษากดส่วนหัวและส่วนหางของนางนาคอัญญานีไว้แน่น และใช้จะงอยปากอันแหลมคมจิกลงไปที่ส่วนท้อง ลากปากเป็นทางยาวมาถึงกลางหน้าอก เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส พญาครุฑไม่มีความปราณีใดๆ พระองค์ทรงทึ้งเอาเครื่องในของนางนาคชะตาขาดออกมากองภายนอก เลือดทะลักนองเต็มพื้นห้อง อัญญานีได้รับทุกขเวทนาก่อนสิ้นใจ

“กรี๊ด!!...พี่อัญญานี!”

กัญชพรร้องเรียกสุดเสียง สิ่งสุดท้ายที่กัญชพรรับรู้คือแววตาของอัญญานีที่จ้องมองกัญชพรด้วยความรักและความห่วงใย น้ำตาแห่งความสูญเสียไหลล้นออกจากดวงตาคู่สวยของกัญชพร บางอย่างในตัวของกัญชพรเริ่มตื่นขึ้นมา กัญชพรเหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเอง เธอเดินก้าวผ่านกรงมนตราออกมาอย่างง่ายดาย ทำให้พญาครุฑิการทรงตกตะลึง

“กัญชพร เจ้าทำลายอาณาเขตมนตราของเราออกมาได้อย่างไร?”   พญาครุฑหนุ่มทรงรับสั่งถามอย่างลืมพระองค์  พญาวิหคโยนร่างไร้ชีวิตของอัญญานีทิ้งไป ทรงดำเนินเข้ามาหากัญชพร และกลับกลายร่างเป็นมานพหนุ่มรูปงามอีกครั้ง กัญชพรยืนจ้องมองนิ่งไม่พูดสิ่งใดตอบ ดวงตาที่จ้องมองมานพหนุ่มไม่เหมือนดวงตาของกัญชพร

“กัญชพร”   พญาครุฑิการทรงรับสั่งเรียกชื่อเธอ

มณีนาคินทร์ที่ห้อยอยู่ที่คอของกัญชพรเริ่มเปล่งแสง ร่างของกัญชพรมีแสงสีเงินยวงสว่างจ้าครอบร่างของเธอจนมิด จนพญาครุฑิการต้องทรงหลับพระเนตรลงชั่วขณะ

“เจ้าไม่ใช่กัญชพร”    พญาครุฑหนุ่มเอ่ยขึ้นมาทันที ดวงหน้าหวานซึ้งเข้ามาแทนที่ใบหน้าของกัญชพร นางเป็นหญิงสาวที่งามจับตาจับใจยิ่ง

“เจ้า....”     พญาครุฑิการทรงอ้าปากค้าง

“ท่านจำเราได้”   เทวนารีแสงมณีเอ่ย ขณะที่แสงสีเงินยวงยังคงเป็นแสงกรอบโครงสว่างอยู่รอบกายของนาง

“แต่เจ้าตายไปแล้วนี่”    พญาครุฑหนุ่มทรงเอ่ย

“ใช่ กายทิพย์แตกดับแต่จิตของเรายังคงอยู่ ท่านทำเกินไปจริงๆ พญาครุฑิการ”    เทวนารีแสงมณีกล่าวโทษ

“เจ้าไม่มีสิทธิ์มากล่าวตัดสินเรา เจ้าเป็นนางฟ้าไปแล้ว ไยยังลงมายุ่งกับมนุษย์อีก”   พญาครุฑิการแย้งกลับ

“ท่านกล่าวผิดแล้ว เพราะท่านทำให้เราต้องลงมา”    เทวนารีแสงมณีตอบ

“ข้าหรือ?”     พญาครุฑหนุ่มชี้มาที่ตัวเอง

“เวลานี้ท่านก็ไม่ต่างกับพระอนุชาของท่าน กักขฬะ!”   นางฟ้าแสงมณีเอ่ย

“หยุดนะ! เจ้าอย่ามากล่าวโทษอนุชาของข้า”     พญาครุฑิการทรงตวาดลั่นด้วยความโกรธ  แล้วพระองค์ก็ทรงควบคุมสติ และเอ่ยต่อว่า

“เราไม่อยากมีเรื่องกับเทพนารีอย่างท่าน กลับไปเถอะ แล้วมอบตัวกัญชพรให้ข้า”

“ท่านมักมากเกินไป นางไม่ยินยอม แต่ท่านยังคิดข่มเหงน้ำใจนาง ท่านก็รู้ว่านางมีใจรักกับพี่ชายของเรา”     นางฟ้าแสงมณีกล่าว

“เชอะ! ก็เพราะอย่างนั้นน่ะสิ ข้าถึงต้องได้ตัวนาง ข้าต้องการเห็นเจ้าแสงขวัญมันเจ็บและทนทุกข์ทรมาน ได้เห็นคนที่มันรักต้องเจ็บปวด”  
พญาครุฑิการกล่าวเข่นเขี้ยวและเครียดแค้น  

“ท่านมิสงสารนางบ้างหรือ กัญชพรนางผิดอะไร ทำไมท่านต้องลงโทษนางเยี่ยงนี้”    นางฟ้าแสงมณีเอ่ยเสียงอย่างอ่อนใจ ทำให้พญาครุฑิการนิ่งเงียบไม่มีคำตอบ  นางฟ้าแสงมณีไม่รอคำตอบใด นางรีบพูดต่อว่า

“ท่านก็รู้ว่านางเป็นคนดี นางมั่นคงต่อความรัก ไม่เคยคิดร้ายใคร นางมีจิตใจที่อารี หรือท่านรักนางจริง ท่านเคยถามใจของท่านหรือไม่?”    

พญาครุฑิการเริ่มลังเลและสับสน

“ท่านพญาครุฑิการ ท่านไม่สงสารพระเทวีศรีบงกชบ้างหรือ นางรักและภักดีต่อท่านมิเสื่อมคลาย นางรอคอยท่านอย่างเจ็บปวด”    นางฟ้าแสงมณียังคงกล่าว

“หยุดเถอะ!...เจ้าไม่ต้องเอาศรีบงกชเข้ามาเกี่ยวข้อง นางก็ควรอยู่ในที่ของนาง นางไม่เกี่ยว”  พญาครุฑหนุ่มตอบอย่างไม่พอพระทัย

“ท่านกล่าวผิด เรื่องนี้เกี่ยวกับนางโดยตรง”    นางฟ้าแสงมณีตอบ

“หยุดได้แล้ว เจ้าไม่ต้องมาชักแม่น้ำทั้งห้าเพื่อหว่านล้อมให้ข้าใจอ่อนหรอก ข้าไม่มีวันเปลี่ยนแปลงความตั้งใจแน่”

ตรัสจบดวงเนตรของพญาครุฑหนุ่มปรากฏประกายแห่งความทะนง เทวนารีแสงมณีส่ายหน้าช้าๆ อย่างระอา และเอ่ยออกไปว่า

“ท่านนี่ดื้อและทิฐิจริงๆ”

“เจ้าคิดว่าหยุดข้าได้ก็ลองดู”    

พญาครุฑหนุ่มกล่าวและไม่ทันได้ระวังตัว พระองค์ทรงดำเนินรี่เข้าหานางฟ้าแสงมณีทันที เทพนารีแสงมณียกพระหัตถ์ขวาขึ้น ปรากฏลำแสงสีเงินยวงพุ่งตรงออกจากกลางฝ่ามือของนาง พญาครุฑหนุ่มผู้ทะนงตน และเต็มไปด้วยโทสะ ไม่ทันได้ระวังตัว จึงหลบแสงสีเงินยวงไม่ทัน ทำให้ลำแสงนั้นปะทะเข้ากับร่างของพระองค์อย่างจัง ความประมาททำให้ผู้มีฤทธิ์มหาศาลต้องเพลี่ยงพล้ำ ร่างของมานพรูปงามกระเด็นไปไกลพอสมควร พระองค์ล้มกลิ้งอย่างหมดท่า

“เจ้า...”  

พญาครุฑิการทรงประคององค์ให้ลุกขึ้น รู้สึกปวดร้าว แน่นหน้าอกอย่างแรง

“กลับไปเถอะ กลับไปคิดตริตรองเสียใหม่ อย่าก่อเุวรก่อกรรมกันต่อไปเลย” เทวนารีแสงมณีกล่าวทิ้งท้าย เมื่อรู้ตัวว่าวันนี้ตนอยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมสู้ จึงกลับกลายร่างเป็นพญาครุฑกางปีกสีทองอร่ามบินขึ้นสู่เวหาทันที เทพนารีแสงมณีหันมามองร่างไร้วิญญาณของอัญญานี นางเดินตรงเข้าไปนั่งลงข้างๆ ร่างที่บัดนี้ขาดออกจากกันเป็นสองท่อน นอนจมกองเลือด นางฟ้าแสงมณียื่นพระหัตถ์ขวาลงวางไว้บนศีรษะของนางนาคินีสาว และเอ่ยว่า

“อัญญานี เราขอให้พรเจ้าให้เจ้าไปสู่สุคติ”


    นาคราชแสงขวัญฟื้นพลังกลับมาเหมือนเดิม ทนความคิดถึงหญิงคนรักไม่ไหว พระองค์จึงรีบขึ้นมาภพมนุษย์ แต่ภาพที่พระองค์ได้เห็นคือร่างไร้วิญญาณของข้าทาสผู้ซื่อสัตย์นอนตายขาดเป็นสองท่อน เครื่องภายในกระจายอยู่ตามพื้นห้อง นางฟ้าแสงมณีเงยหน้าขึ้นและจ้องมองมาที่อดีตชาติพระเชษฐา  เมื่อเห็นชัดว่านางเป็นใคร พระองค์จึงทรงเอ่ยเรียกเบาๆ

“แสงมณี”    

นางฟ้าแสงมณีค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและส่งยิ้มอ่อนหวานปานน้ำผึ้งให้อดีตชาติพระเชษฐา และเดินตรงมาหยุดยืนต่อหน้าพระองค์

“เพคะ ไม่ได้พบกันเสียนาน”    นางกล่าวทักทาย  นาคราชหนุ่มมองเลยไปยังร่างของอัญญานีอีกครั้งก่อนหันกลับมามองหน้าเทพนารีที่ยืนตรงหน้า และเ่อ่ยถามนางว่า

“ใครฆ่านาง?”

“พญาครุฑิการ”    เทพนารีตอบ ชื่อนี้ทำให้นาคาหนุ่มถึงกับอารมณ์โกรธพุ่งพล่าน

“พญาครุฑิการ ท่านทำไมต้องจองเวรกับเราขนาดนี้”   นาคราชหนุ่มกล่าวอย่างเดือดดาล

“จ้าวพี่เพคะ”   เสียงใสดั่งระฆังแก้วของเทวนารีแสงมณีเรียกสติของนาคราชแสงขวัญให้คืนกลับมา พระองค์ทรงหันมองหน้าอดีตพระขนิษฐา และเอ่ยถามว่า

“แล้วเจ้ามาทำอะไรที่นี่หรือแสงมณี?”

“น้องยังคงเป็นห่วงจ้าวพี่อยู่นะเพคะ”   น้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความรักและความห่วงใย

“เจ้าเป็นถึงเทพนารีผู้สูงศักดิ์ แล้วไยเลยลงมาเกลือกกลั้วกับเหล่ามนุษย์อีกเล่า”    นาคาหนุ่มกล่าวประชดประชัน

“โธ่...จ้าวพี่เพคะ อย่ากล่าวเช่นนั้นกับน้องเลย”     เทพนารีก้มหน้าน้อยใจ ความรักและความผูกพันระหว่างสายโลหิตยังคงไม่เคยขาด ทำให้นาคราชแสงขวัญอ่อนลงด้วยความสงสาร พระองค์จึงเปลี่ยนท่าทีและน้ำเสียง

“แสงมณี”    นาคาหนุ่มทรงตรัสเรียกอย่างอ่อนโยนขึ้น ทำให้นางฟ้าแสงมณีเงยหน้ามองพระพักตร์พระเชษฐาอีกครั้ง และนาคาหนุ่มก็ดำเนินเข้ามาจนยืนเกือบจะชิดกายของนางฟ้าแสงมณี และเอ่ยว่า

“พี่ไม่ได้คิดว่าเจ้าให้น้อยใจ พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้ตั้งใจ”

“ไม่เป็นไรเพคะ น้องไม่เคยโกรธจ้าวพี่เลย”  

น้ำใสๆ เริ่มคลอเบ้าตางามของเทพนารีผู้สูงศักดิ์ ดวงตาหวานซึ้งชวนฝันจ้องมองใบหน้าของพระเชษฐาอย่างสุดซึ้ง นาคราชแสงขวัญยกมือขวาขึ้นมาลูบที่แก้มนวลของเทพนารี นางจับพระหัตถ์ของพระเชษฐาให้แนบกับแก้มของนาง และเอ่ยพร้อมหยดน้ำตาที่ร่วงหล่นผ่านมือของนาคาหนุ่ม

“น้องพยายามลืมจ้าวพี่ แต่น้องก็หักห้ามใจตนเองไม่ได้”

“แสงมณี เจ้า...”    นาคราชแสงขวัญเอ่ยอะไรไม่ออก

“เพคะ มันน่าอาย ที่น้องหลงรักพี่ชายตัวเอง”   เทพนารีตอบ

“....”     ไม่มีคำตอบใดจากพระโอษฐ์ของนาคราชหนุ่ม พระองค์ทรงนิ่งอึ้งกับคำสารภาพรักของอดีตชาติพระขนิษฐาของพระองค์

“จ้าวพี่อย่าโกรธน้องนะเพคะ”    

พูดจบเทพนารีแสงมณีก็โผเข้ากอดร่างของนาคาหนุ่มไว้ และแนบใบหน้าของนางเข้าที่อกอุ่นๆ ของนาคราชหนุ่ม และเอ่ยต่อว่า

“น้องคงไม่สงบแน่ ถ้ามิได้มาบอกความในใจกับจ้าวพี่”

นางฟ้าแสงมณีกอดนาคราชแสงขวัญอยู่เนิ่นนาน พระองค์ทรงยืนเฉยให้เทพนารีแสงมณีกอด บางสิ่งบางอย่างทำให้นางรับรู้ว่าในใจของพระเชษฐาไม่ว่างสำหรับใครอีกต่อไป ไม่มีที่ว่างสำหรับ...แสงมณี...อีกต่อไป  เทพนารีแสงมณีจึงค่อยๆ เงยหน้ามองดวงหน้าคมคายของพระเชษฐา และค่อยๆ ผละออกจากร่างของเขา นางก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวและยืนจ้องมองใบหน้าของอดีตชาติพระเชษฐา นางใช้มือเช็ดน้ำตาจนหมดและฝืนยิ้มให้นาคาหนุ่ม

“จ้าวพี่เปลี่ยนไปแล้ว กัญชพรกำหัวใจจ้าวพี่แสงขวัญไว้จนหมด ต่อไปคงไม่มีที่เหลือว่างพอสำหรับแสงมณีคนนี้อีกแล้ว”      นางฟ้าแสนงามบอก

“แสงมณี”    นาคราชแสงขวัญเรียกชื่อนางเบาๆ เทวนารีแสนสวยคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า

“ไม่เป็นไรเพคะ น้องเข้าใจ กัญชพรนางเป็นคนดี นางก็รักจ้าวพี่สุดหัวใจเช่นกัน สำหรับน้องแค่ได้เห็นจ้าวพี่มีความสุข น้องก็มีความสุขเช่นกันเพคะ ต่อไปนี้น้องก็ไ้ด้รู้แล้วว่าต้องปฏิบัติอย่างไรต่อไป อีกไม่ช้าน้องคงตัดใจได้ น้องขออวยพรให้จ้าวพี่แสงขวัญของน้องโชคดีและมีความสุขนะเพคะ”

นางฟ้าแสงมณีมองอดีตชาติพระเชษฐาเหมือนจะประทับและจารึกภาพของพระองค์ไว้ในดวงจิตตลอดกาล

“น้องต้องทูลลาเพคะ”

นางฟ้าแสงมณียกมือประนมไหว้อดีตชาติพระเชษฐาอย่างอ่อนช้อย รอยยิ้มยังคงแย้มพรายบนเรียวปากงาม เพียงครู่ร่างของกัญชพรก็ล้มลง นาคราชแสงขวัญปรี่เข้าไปรับและประคองก่อนที่ร่างของกัญชพรจะล้มลงบนพื้นห้อง ร่างกัญชพรหมดสติอยู่ในอ้อมแขนของนาคราชหนุ่ม พระองค์ทรงหันกลับไปมองทางซากศพของอัญญานีที่ค่อยๆ สลายไป พร้อมกล่าวขอบคุณนาง

“ขอบใจมากนะ อัญญานี เราจะไม่ลืมเจ้าเลย ขอให้เจ้าไปสู่สุคติ”

จากคุณ : ศรนรินทร์
เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 54 18:16:34




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com