Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สาปพิษฐาน บทส่งท้าย และปัจฉิมลิขิต ติดต่อทีมงาน

สวัสดียามบ่ายเพื่อนรักนักอ่านทุกท่านครับ สาปพิษฐานดำเนินมาถึงบทอวสานแล้วในวันนี้ ผมต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ติดตาม รวมถึงข้อคิดเห็นต่างๆ จนมาถึงปลายทางของเรื่องพร้อมกันด้วยครับครับ
สำหรับสาปพิษฐานตอนที่ 25 ที่ผ่านมาครับ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10604368/W10604368.html

   ขอบคุณกิฟต์จากคุณ Travel to the moon, คุณ Sky With Rainbow, คุณเรียวรุ้ง, คุณนุ้ย นารีจำศีล,คุณ Hermosa,คุณ เขมปัณณ์,คุณมน Setakan และคุณ แก้วกังไส ด้วยครับ

คุณscottie และคุณโตยธาร : ขอบคุณมากครับ สำหรับในฉากภพปัจจุบัน อาจจะให้รายละเอียดความสัมพันธ์ของตัวละครน้อยเกินไปครับ ความโลภในกริชกุหนุงมัสและเรือนแก้วติกาหลังปัตรา + ความรักจนเรียกได้ว่าล่มหลงของปะตาปามีต่อติกาหลังหนึ่งหรัดมากจนยอมทำทุกอย่างให้ได้มา โดยใช้เล่ห์เพทุบายให้เจ้าชายสิงหราปาตีเป็นหมากเดินเกม จนเป็นสาเหตุให้เมืองทั้งเมืองต้องล่มจมบาดาลไปในที่สุด ดังนั้น ในชาติภพปัจจุบันผมเลยไม่ได้ใส่รายละเอียดในส่วนนี้มากเท่าไรครับ คงเหมือนกับพระแสงที่เห็นนางเอกครั้งแรกก็เกิดความประทับใจ ในลักษณะนั้นครับ

คุณนุ้ย : มาอย่างรวดเร็วในตอนจบแล้วครับ

คุณ kaburapat : แฮปปี้แน่นอนครับ

คุณไก่ กุลธิดา : รีบลงให้ทันเปิดเทอมเหมือนกันครับ ทันพอดีเลย

คุณแก้วกังไส : นี่เป็นชะตากรรมของโกฉัตรครับ ทุกการกระทำนำไปสู่ผลลัพธ์ของตัวเองครับ

ตอนอวสานครับผม

บทส่งท้าย

        เมื่อมณีไพลินเดินทางเข้าเทียบท่า หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นทุกฉบับต่างก็พาดข่าวการหายตัวไปอย่างลึกลับของคนดังแห่งจังหวัดในเช้าวันต่อมา ไม่นับรวมหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ระดับประเทศเกือบทุกฉบับที่พากันลงข่าวในหน้าหนึ่งของกรอบหลักด้วยเช่นเดียวกัน

          ไม่มีผู้ใดทราบสาเหตุที่แท้จริง นอกจากคำบอกเล่าของบรรดาอาคันตุกะผู้โดยสารเรือสำราญที่เอ่ยออกมาเหมือนกันราวกับนัดหมายกันมาก่อน

          “ไม่รู้!”

             ทุกอย่างเกิดขึ้นหลังจากหมอกประหลาดแผ่ขยายละไอเข้ามาปกคลุมลำเรือ และดูเหมือนว่าด้วยอานุภาพอันลึกลับของมันจะทำให้ทุกคนพากันลืมเลือนเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นไปจนหมดสิ้น ไม่เหลือความทรงจำใดๆในระหว่างนั้น คล้ายเป็นช่องแห่งความทรงจำที่ว่างเปล่า และข้อมูลทุกอย่างในช่องนั้นก็ถูกลบล้างออกไปจนไม่เหลือแม้เศษเสี้ยว...

            “ฉันจำได้แต่ว่าโกยอดขึ้นไปกล่าวขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงานแซยิดบนชั้นดาดฟ้าเรือ แล้วก็มีหมอกจากข้างนอกเต็มไปหมด พวกเราก็เลยเข้ามาอยู่ในห้องโถงรับรองชั้นล่าง จากนั้นก็... ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ”

         ภรรยานายตำรวจใหญ่ ผู้ร่วมเหตุการณ์เล่าด้วยสีหน้าไม่แน่ใจนัก หล่อนพบว่าตัวเองเหมือนตื่นขึ้นมาระหว่างสดับเสียงเพลงในห้องบรรเลงต่อเนื่อง โดยที่หล่อนเองก็ยังถือแก้วไวน์เอาไว้กับมือ ไม่ต่างกับเคลิ้มฝันไปเพียงเสี้ยววินาที

            “นายหัวฉัตรหรือคะ? ฉันว่าเห็นอยู่เหมือนกันนะคะ แต่ก็ตอนเรือเพิ่งถอนสมอออกจากท่าเรือนั่นแหละค่ะ แล้วก็มีหมอก... หนาทึบเต็มไปหมด แล้วจากนั้นฉันก็จำอะไรไม่ได้อีก”

              ผู้ให้ปากคำอีกคนก็เอ่ยตอบในประโยคคล้ายๆกัน นักข่าวผู้ชำนาญในการเก็บข้อมูลชนิดล้วงลับล้วงลึกทั้งหลายถึงกับกุมขมับ ไม่มีพยานรู้เห็นใดๆทั้งสิ้น ราวกับบุคคลทั้งสองและสมุนคนสนิทของโกยอดอีกสองสามคน จะสูญหายล่องหนไปกับท้องทะเลคืนนั้นหรือราวกับไม่เคยมีตัวตนมาก่อนกระนั้น

          พยานสำคัญเพียงรายเดียวที่ดูเหมือนจะพูดถึงเหตุการณ์บนลำเรือได้ต่างกับคนอื่นก็คือ รสลิน ธารานพรัตน์ น้องสาวคนเดียวของโกฉัตรนั่นเอง

            แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะมีอาการป้ำเป๋อพูดจาวกไปวนมาคล้ายคนสติไม่อยู่กับร่องกับรอย จนเรื่องที่เล่าออกไปกลายเป็นนิทานเพ้อฝัน ที่หาความเชื่อถือไม่ได้ไปเสียมากกว่า

             “มีปีศาจ ปีศาจเต็มเรือเลย พวกมันแห่กันขึ้นมาจับพี่ชายฉันไป แล้วก็ฆ่าพวกเขา ฉีกร่างออกเป็นชิ้นๆยัดใส่ปากกิน ใช่! มันเป็นผีดิบ ผีดิบที่ฆ่าทุกคนจนหมดทั้งเรือ!”

                เสียงกรีดร้องโหยหวนเมื่อเล่ามาถึงตอนนี้ดังลั่นจนแสบแก้วหู ผู้สื่อข่าวรายหนึ่งแทบจะยกมืออุดหูไว้ไม่ทัน เขานิ่วหน้าเล็กน้อย พลางนึกในใจว่าน่าจะส่งหล่อนไปปรึกษาจิตแพทย์ยังคลินิกหรือโรงพยาบาลจิตเวชเสียมากกว่า ท่าทางล่อกแล่กคล้ายพร้อมจะคลุ้มคลั่งขึ้นมาได้ตลอดเวลาทำให้คนสัมภาษณ์เองก็ใจคอไม่ค่อยดีสักเท่าไร แต่ยังคิดไม่ทันจบดี ญาติๆที่เหลืออยู่ของตระกูลธารานพรัตน์ก็นำรถพยาบาลของโรงพยาบาลจิตเวชมารับตัวหญิงสาวไปรักษาพอดี!!

             เรื่องราวที่รสลินเล่าออกไปให้บรรดานักข่าวฟัง ก็เลยกลายเป็น “โจ๊ก” ของการสนทนาไปแทน ไม่มีใครคิดว่าเป็นเรื่องจริงเลยสักคนเดียว

            เห็นจะมีก็แต่ผู้กองพระแสงและศาปานต์เท่านั้น ที่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้ดีที่สุด และเห็นตรงกันว่าไม่มีประโยชน์ใดๆจะเล่าความจริงที่เกิดขึ้นในคืนนั้นให้กับทุกคนได้รับฟัง

             ปล่อยกุรุงปักกาให้คืนกลับสู่ความเป็นนครลึกลับในตำนานมหัศจรรย์ต่อไป...

                    *********************

สนามบินนานาชาติกระบี่

            ในกลุ่มผู้โดยสารขาออกที่กำลังเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร หลายคนอดสะดุดตากับชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังยืนคุยกันอย่างสนิทสนมอยู่ตรงข้างเก้าอี้ฝั่งผู้โดยสารขาออกไม่ได้

              ด้วยเครื่องแต่งกายธรรมดาๆ ไม่โดดเด่น หากด้วยรูปหน้าเข้มคมสมชายชาตรีและเรือนกายสูงสง่าของชายหนุ่ม กับเรือนร่างเล็กเพรียวบางได้รูปและใบหน้าสวยเก๋โดดเด่นของหญิงสาว กระแสความรักอันอบอุ่นที่มีต่อกัน ดูเหมือนจะแผ่ผ่านออกมาจากอิริยาบถท่าทางของคนทั้งคู่จนทุกคนต่างสัมผัสได้

          “ดูเหมือนยายสิจะรู้ใจเรานะป่าน”

              ชายหนุ่มเอ่ยยิ้มๆ ใบหน้าเข้มดุอย่างที่หล่อนเคยรู้สึก “หมั่นไส้”มาก่อน บัดนี้ยามเขายิ้มจนเห็นฟันขาวพราวไปทั้งปากและนัยน์ตา กลับยิ่งทำให้หล่อนรู้สึกหวามไหวขึ้นมาในอกเสียแทน ไม่น่าเชื่อว่าความรู้สึกที่เปลี่ยนแปลงไปนี้จะเกิดขึ้นกับผู้ชายคนเดียวกัน และสถานที่แห่งเดียวกัน ทั้งที่เวลาห่างกันไม่นานเลย

         แต่หล่อนก็รู้ดีว่า ความผูกพันที่ตนเองมีกับเขาคนนั้น มันเนิ่นนานย้อนกลับไปไกลนับพันปี!!

         ประโยคที่ทั้งคู่สนทนากัน ถ้ามีใครอื่นมาได้ยินก็คงจะอดประหลาดใจไม่ได้

         “โชคดีที่เรากลับมาขึ้นเรือทันนะคะ ไม่นึกว่ากลุ่มหมอกประหลาดนั่นจะมีพลังอำนาจลึกลับขนาดลบเลือนความทรงจำของทุกคนบนเรือได้ ยกเว้นแต่เราสองคน”

                เหตุการณ์ในคืนนั้นย้อนกลับมาในความคิดของศาปานต์ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้เอง เรือโบราณขององค์ระตูอิสมารากลับสามารถนำพาคนทั้งคู่ในเดินทางมาถึงมณีไพลินโดยสวัสดิภาพ และทันทีที่ก้าวขึ้นสู่พื้นเรือสำราญ เรือน้อยลำนั้นก็จมดิ่งลงสู่ใต้ผืนทะเลราวกับมันได้ทำหน้าที่สุดท้ายให้แก่ผู้เป็นเจ้าของของมันได้สำเร็จแล้วโดยสมบูรณ์

              จำได้ว่าทั้งหล่อนและพระแสงต่างยืนเกาะระเบียงลูกกรงกราบเรือทอดสายตามองภาพสองราชธานีในตำนานทั้งด้านซ้ายและขวามือ กุรุงปักกาและบุหรงปุระที่ผุดขึ้นมาอวดรูปโฉมแห่งนคราให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาเพียงชั่วขณะ ก่อนที่มันจะล่มสลายจมลงสู่ห้วงมหรรณพไปพร้อมกัน หากแต่ในครั้งนี้คือการภิณทนาการลงด้วยหัตถ์แห่งกาลเวลา มิใช่เกิดจากน้ำมือและแรงกิเลสของมนุษย์ที่ห้ำหั่นเบียฬบีฑากันเองเหมือนเช่นในอดีตกาล

         “ลาก่อนบุหรงปุระ ลาก่อนกุรุงปักกา”

               ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแผ่วเบา ขณะโอบร่างน้อยเข้ามาแนบไหล่กันสายลมยะเยือกที่พัดจนเส้นผมยาวสลวยของศาปานต์ปลิวไสว หญิงสาวเอ่ยพึมพำเบาๆกับตนเอง

            “กุรุงปักกา เมืองปักกาภาษาไสย กรุงปกาไสย หรือจะเป็นกระบี่... ไม่ว่าจะเป็นชื่อที่สอดคล้องสัมพันธ์กันมาจากในอดีตจริงหรือไม่ ป่านคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปแล้ว เราปล่อยให้มันกลับคืนสู่ความเป็นตำนานที่เล่าขานกันต่อไปจะดีกว่า”

                ชายหนุ่มไม่ตอบแต่เพ่งสายตาทอดมองไปยังภาพแห่งความทรงจำเบื้องหน้าจนทุกสิ่งทุกอย่างกลืนหายกลับลงไปในห้วงน้ำนิ่งสนิทเหมือนดังเดิม

              และจากนั้นไม่นานม่านหมอกประหลาดก็เลื่อนเข้าบดบังภาพเบื้องหน้าทีละน้อย ทีละน้อย จนเลือนหายจากคลองจักษุของหนุ่มสาวทั้งสองไปในที่สุด

              ท่ามกลางกลุ่มหมอกหนาทึบเสมือนกำแพงมนตรา กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกแก้วการะบุหนิงอันเคยย้ำเตือนภาพในอดีตก็ล่องลอยมาสัมผัสนาสิกอีกครั้งก่อนการอำลาจากชั่วนิรันดร์ ศาปานต์สูดกลิ่นสุคันธรสแห่งความทรงจำ ทั้งหอมหวานและกำสรดเศร้าอย่างดื่มด่ำกำทราบทรวง ภาพที่เกิดขึ้นในนิมิตเหล่านั้นคล้ายฟิล์มภาพยนตร์ที่ฉายเวียนอยู่ในจิตตราตรึงประทับดวงหทัยแนบแน่น ก่อนกลิ่นแก้วกรุ่นกำจายจะเลือนลับไปพร้อมกับม่านหมอกอาถรรพ์จนไม่เหลือแม้แต่ลมรำเพย

            เมื่อทุกอย่างคลายสิ้นจากมนตรา... หญิงสาวเผลอวางแขนแตะสัมผัสกับแผ่นหลังผึ่งผายของชายหนุ่มเพื่อพยุงร่างเอาไว้มิให้ซวดเซลง ราวพลังทั้งหมดจะถูกสูบหายไปพร้อมกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้จนหมดสิ้น ผู้กองหนุ่มรีบหันกลับมาดึงหล่อนให้เอนลงซบกับทรวงอกตนเอง ศาปานต์หลับนัยน์ตาลงแนบใบหน้ากับแผงอกกว้างสัมผัสเสียงหัวใจหนักแน่นของเขา

       น่าแปลกนัก สัมผัสพิเศษที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้าคล้ายจะปลาสนาการไปพร้อมกันกับสายหมอกที่เลือนสลาย หล่อนมองไม่เห็นสิ่งใดหรือภาพนิมิตใดๆก่อนหน้าของบุรุษที่สัมผัสกายอยู่อีกต่อไป แต่อย่างน้อยที่สุดก็รับรู้ว่าหัวใจรักของเขามั่นคงไม่เคยแปรเปลี่ยน  ซึ่งนั่นก็นับว่าเพียงพอแล้วสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้รับความรักจากบุรุษผู้เดียว ผู้ที่ยอมสละแม้แต่ชีวิตของตนเองเพื่อผู้หญิงที่เขารักจนสุดหัวใจ

            นานเหมือนชั่วนิรันดร์เมื่ออิงกายในอ้อมกอดของพระแสง ถ่ายทอดความอบอุ่นและความรู้สึกที่คล้ายเคยพลัดพรากกันมาให้คืนกลับเข้าสู่หัวใจตนเองอีกครั้ง เมื่อลืมตาขึ้นศาปานต์ก็มองเห็นแสงไฟพราวระยับจากชายฝั่งอยู่ไกลลิบๆออกไป เหมือนภาพลวงตา

                   ไม่มีหมอกประหลาดเกิดขึ้นรอบด้านอีกแล้ว และราวกับมันไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ จากนั้นเสียงบรรเลงดนตรีก็ดังประสานขึ้นจากห้องรับรองพิเศษราวกับสวิทช์ไฟถูกดเปิดขึ้นพร้อมกัน ชายหนุ่มจึงจูงมือหล่อนให้เดินตามลงไป ภายในห้องโถงขนาดใหญ่ด้านล่าง ดูเหมือนว่าทุกคนในที่นั้นต่างก็ตกในอาการเริ่มตื่นจากความฝันโดยไม่อาจจดจำเหตุการณ์ใดๆก่อนหน้านี้ได้เลย

             เขาตกลงกับศาปานต์ให้ทำตัวเป็นปกติเหมือนกับทุกคนในลำเรือเพื่อไม่ให้เกิดความสงสัยคลางแคลงใจ ตราบจนเรือสำราญเดินทางกลับมาเทียบท่าชายฝั่งนั่นเอง ทุกคนจึงพบว่า โกฉัตร โกยอดและสมุนคู่ใจของยอดธงอีกสองคนหายตัวไปอย่างเป็นปริศนา โดยไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด

            ลูกเรือคนหนึ่งพบร่างหมดสติของรสลินอยู่ข้างห้องใต้ท้องเรือ โดยไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆนอกเหนือไปจากนั้น แต่เมื่อหญิงสาวถูกปฐมพยาบาลจนฟื้นขึ้นมา ก็ดูเหมือนสติจะวิปลาสไปแล้ว ด้วยความกลัวบางอย่างสุดขีด

           มีเพียงเขาและศาปานต์เท่านั้นที่สามารถจดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาได้แจ่มชัด และไม่มีวันเลือน

            “ผมคิดว่าคงเป็นความตั้งใจของเจ้าชายสิงหราปาตีและพี่สาวของคุณนั่นแหละครับที่ประสงค์จะทำให้เราทั้งสองได้จดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเอาไว้ เป็นทั้งอุทาหรณ์และสิ่งเตือนใจตัวเองให้มีสติ ไม่ลุ่มหลงจนตกอยู่ในความประมาท”

         น้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลของเขาทำให้หล่อนถึงกับอมยิ้มขึ้นมา

          “สาธุด้วยนะเจ้าคะ ท่านผู้กอง จะบวชไปด้วยเลยรึเปล่าคะ ป่านจะได้รับเป็นโยมอุปัฏฐากอนุโมทนาบุญไปด้วยเสียเลย?”

           ล้อด้วยนัยน์ตาพราว จนผู้กองหนุ่มอดใจดึงร่างนั้นเข้ามากอดแนบอกไม่ได้

          “ผมเองน่ะเคยบวชเรียนไปแล้วครับคุณป่าน เมื่อสักสามปีก่อนเห็นจะได้ ตอนนี้ถ้าจะมีก็เหลือแต่เรื่อง “เบียด”เท่านั้นน่ะแหละ ไม่รู้ว่าเจ้าตัวเขาจะยอมเมื่อไรดี?”

             “แน้... ผู้กองน่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้ ป่านยังไม่ได้เป็นอะไรกับผู้กองเลยซะหน่อยนะคะ”

               ศาปานต์ขัดเขินจนหน้าแดงกับคำพูด “กินนัย” ของเขา แถมคนพูดยังกล้ามาทำหน้าทะเล้นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับเป็น “วาทะเด็ด”ของตนเองเอาเสียอีก ด้วยคำตอบเช่นนั้นเองจึงมีผลทำให้ผู้กองหน้าเข้มถูกทุบระรัวที่แผงอกกว้างหลายทีด้วยกำปั้นน้อยๆไม่ยั้งมือ

       แต่ชายหนุ่มก็ถือโอกาสฉวยข้อมือนุ่มนิ่มนั้นมากำเอาไว้แนบแน่น แล้วยกขึ้นจรดกำซาบจมูกตนเองเป็นการแก้คืนอย่างสาสม คนประทุษร้ายเลยต้องยินยอมให้อย่างอ่อนอกอ่อนใจเต็มที เห็นทีว่าหล่อนจะเป็นฝ่ายยอมแพ้เขาตั้งแต่แรกเอาเสียแล้วกระมัง?

        “พอเถอะค่ะ เดี๋ยวยายสิกลับมาเห็นเข้า”

              หล่อนร้องอุทธรณ์เบาๆ และนายตำรวจหนุ่มก็ยอมปล่อยมือทั้งคู่ให้เป็นอิสระแต่โดยดี นัยน์ตาเข้มๆเปลี่ยนเป็นพราวระยับอย่างที่ไม่เคยเห็นบ่อยนัก

               “ยังไงยายสิก็รู้แล้วล่ะครับ แถมเป็นฝ่ายสนับสนุนผมอย่างเต็มที่เสียด้วยสิ สงสัยอยากให้เพื่อนรักมาเป็นพี่สะใภ้แทน”

               ยิ่งพูดออกไปยิ่งเข้าเนื้อทุกที คราวนี้หน้าสวยๆจึงค้อนคมๆให้เป็นของแถมอีกหนึ่งวง หญิงสาวยกมือแตะขมับคล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้ในจังหวะนั้นพอดี

               “ตายจริง ป่านลืมถามไปเลย แล้วเรื่องคดีโกยอดที่ผู้กองบอกว่าจะอยู่เคลียร์ทางนี้ล่ะค่ะ ป่านมัวแต่ยุ่งๆเลยไม่ทันได้ถาม... ผู้กองจะทำยังไงต่อล่ะคะ ในเมื่อไม่มีผู้ต้องหาเสียแล้ว...”

           หล่อนจำได้ว่าเมื่อกลับมาถึง ชายหนุ่มลองเสียบแฟลชไดรฟ์ที่ได้มาจากผู้กององอาจเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้คของตนเองอีกครั้ง น่าแปลกที่คราวนี้มันกลับเปิดไฟล์ทุกอย่างออกได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ราวกับว่าทุกอย่างถูกกำหนดให้เป็นไปและเปิดเผยขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม

            หลักฐานทุกอย่างปรากฏชัดเจนว่าการสังหารโกสุ่น หรือนายสุนทร อัศวยุทธการ เป็นฝีมือการจ้างวานของยอดธง ทับคีรีนั่นเอง!!

             ชายหนุ่มเองก็คิดว่า เหตุการณ์ชวนพิศวงที่เกิดขึ้นนั้นน่าจะมาจากความประสงค์ของเจ้าชายสิงหราปาตีและปรมา ที่ต้องการจะให้ความจริงทุกอย่างได้เปิดเผยภายหลังสิ้นสุดงานแซยิดฉลองบนเรือสำราญลำนี้นั่นเอง

              ยอดธงมีกรรมที่ต้องมาชดใช้ยังกุรุงปักกาด้วยชีวิตของเขาเอง... ด้วยทัณฑ์ที่ทรมานและสยดสยองกว่าโทษทัณฑ์แห่งกฎหมายบ้านเมืองบนโลกมนุษย์ใบนี้!

              และอีกประการหนึ่งก็คือต้องการจะให้ยอดธงเป็นตัวเชื่อมต่อที่จะนำพาทั้งหล่อน พระแสงและชิงฉัตรมาถึงกุรุงปักกาพร้อมกัน

              ศาปานต์นึกถึงใบหน้าของชายชราผู้ทรงอำนาจคนหนึ่งของจังหวัดด้วยความรู้สึกสะเทือนใจและผิดคาดยิ่งนัก

             ไม่น่าเชื่อว่าโกยอดผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด เขาพยายามสร้างสถานการณ์ให้ทุกคนเข้าใจว่าการเสียชีวิตของโกสุ่นเป็นฝีมือของชิงฉัตร นักการเมืองคนใหม่ที่จะก้าวขึ้นมาแทนที่... นี่คือแผนการที่จะยิงนกพร้อมกันทั้งฝูงโดยใช้กระสุนเพียงนัดเดียว

            นัดเดียวที่โค่นฝ่ายตรงข้ามที่ตนเองก็รังเกียจไม่แพ้กัน และกำจัดหุ้นส่วนการเมืองที่ลอบแปรพักตร์... โดยการผลักดัน ยอดมณี ทับคีรี บุตรสาวให้แทรกผ่านสองพยัคฆ์ขึ้นมาเป็นตัวแปรแทรกได้อย่างสวยงามและไร้ข้อตำหนิ

           ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นด้วยทะเยอทะยาน ความต้องการเอาชนะ รวมถึงความโลภ ความกระหายอยากในอำนาจและทรัพย์ศฤงคารอันไม่เคยเพียงพอ

            แต่สุดท้ายแล้ว ทุกอย่างก็ต้องจบสิ้นลงโดยไม่มีใครเป็นผู้ชนะเลยสักคนเดียว!!

           “การเมืองก็เป็นอย่างนี้แหละ ไม่มีมิตรและศัตรูถาวร คดีของพี่อาจคงจะต้องปิดลงโดยไม่สามารถพาคนผิดมารับโทษได้ แต่ผมเชื่อว่าอย่างน้อย โกยอดก็คงจะได้รับโทษทัณฑ์ที่ทรมานยิ่งกว่าไปแล้ว... เหลือแต่หลักฐานที่ผมจะต้องเคลียร์ให้เรียบร้อย เพื่อล้างมลทินให้กับพี่อาจ”

             เขาตอบเสียงขรึมๆเหมือนเดิม ศาปานต์เงยหน้ามองชายหนุ่ม เห็นเพียงสันคางบึกบึนมีไรเคราเขียวจางๆเป็นปื้นปรากฏเป็นแนวยาวบนโครงหน้าเข้มคม แทบไม่แตกต่างกับภาพขององค์ระตูหนุ่มในอดีตกาลผู้นั้นแม้แต่น้อย

             “ไม่น่าเชื่อนะคะ ว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดีเช่นนี้ ถึงแม้ว่าป่านจะต้องกลับไปบอกข่าวของพี่ปอกับแม่ก็ตาม อย่างน้อยป่านก็ยังรู้สึกว่าอย่างน้อยพี่ปอก็ไปสู่สุคติกับคนที่พี่ปอรักจริงๆ”

                   เสียงตอนท้ายอ่อนลงด้วยความสะเทือนใจ พระแสงเอื้อมมือออกไปเชยปลายคางหญิงสาวขึ้นแล้วเอ่ยด้วยเสียงล้อๆกึ่งปลอบใจไปในตัว

           “อะไรกัน ศาปานต์ผู้เข้มแข็งหายไปไหนแล้ว ตอนนี้ผมเห็นแต่เด็กหญิงขี้แย กำลังยืนจะร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่รึเปล่านี่?”

         ได้ผล! คราวนี้หล่อนกำหมัดแล้วตุ๊ยหน้าท้องเบาๆ ชายหนุ่มแสร้งทำนิ่วหน้าเล็กน้อย จนหล่อนตกใจเอง

          “ตายแล้ว! ถูกแผลหรือคะ ป่านขอโทษ ป่านไม่ตั้งใจ...”

          แต่เมื่อเห็นนัยน์ตาแฝงแววเจ้าเล่ห์ของ “ผู้กองเดนตาย” หล่อนก็รู้ว่าถูกหลอกเข้าเต็มเปา อารมณ์แง่งอนกลับคืนมาอีกครั้งอย่างคนที่รู้ตัวว่าถูกหลอกให้เสียรู้ และเสียหน้าไปด้วย... ใบหน้าจึงเชิดขึ้นเห็นปลายจมูกรั้นนิดๆ

       “ป่านลืมไป ผู้กองก็ตีสีหน้าเก่ง เล่นละครเก่งเหมือนโกฉัตรนั่นแหละ”

          คราวนี้ชายหนุ่มรีบดึงตัวหล่อนเข้ามากอดไว้กับอก อย่างไม่อายสายตาใครๆที่ต่างพากันแอบอมยิ้ม เขาจะแคร์ทำไม ในเมื่อรู้สึกว่าโลกนี้กำลังเป็นสีชมพูอ่อนหวานด้วยความรัก พระแสงอยากจะตะโกนบอกคนทั้งโลกด้วยซ้ำ ว่าสาวน้อยแสนสวยคนนี้คือ “ผู้หญิงของผม” ของผมคนเดียวเท่านั้น!

       แต่ก็ไม่ได้ทำออกไปอย่างใจนึก รู้ดีว่าขืนทำ “ท่าบ้าๆ”อย่างที่หล่อนชอบค่อนออกไป อาจจะถูกประทุษร้ายตามมาอีกหลายสิบแผล!!

              นึกแล้วก็ให้ขำตัวเองจนต้องเผลอหัวเราะหึหึ ออกมา
นี่นายตำรวจสอบสวนผู้หาญกล้าและมีฉายาเสือยิ้มยาก ไฉนตอนนี้กลับกลายเป็นเพียงลูกแมวเชื่องๆในกำมือของสาวน้อยศาปานต์ไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้? แต่ถึงจะรู้ เขาก็เต็มใจยิ่ง... และเต็มใจเฉพาะหญิงสาวผู้นี้เท่านั้น!!

          “หัวเราะขันอะไรป่านรึเปล่าคะ ผู้กอง”

          หล่อนเริ่มต้นการ “ซักฟอก”เหมือนเขาแปรสภาพเป็นผู้ต้องหา แทนที่จะเป็นนายตำรวจมือฉมังไปเสียแล้ว พระแสงแนบปลายคางลงแตะเรือนผมนุ่มหอมกรุ่นอย่างชื่นใจ

            “นึกว่า ขนาดเป็นแค่แฟนกัน ผมยังยอม... ยังกลัวคุณเสียขนาดนี้ ต่อไปเห็นทีจะต้องถูกเพื่อนๆล้อไม่หยุดหย่อนแน่”

          คราวนี้หล่อนเงยหน้าถามด้วยประกายนัยน์ตาใสแจ๋ว อย่างสงสัยเต็มที่

            “ล้ออะไรเหรอคะ ป่านไม่เห็นว่าเคยมีใครบนโรงพักจะกล้าล้อเลียนผู้กองเลยสักคน เห็นกลัวหงอกันยังกะกลัวเสือ... ขนาดท่านผู้กำกับยังเกรงใจ...”

           พระแสงหัวเราะหึหึในลำคออย่างถูกใจในคำถาม

               “ก็ล้อว่ากลัวเมียน่ะสิครับ แถมยังเมียเด็กอีกต่างหาก... แต่กลัวอย่างนี้ ผมก็ยอมนะ ยอมให้ป่านคนเดียวเท่านั้น”

          “บ้า!”

            หล่อนเอ่ยเสียงเบาอุบอิบในลำคอ รู้สึกร้อนวาบไปทั้งใบหน้าแต่ก็วาบหวามใจอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเฉพาะเห็นนัยน์ตากรุ้มกริ่มที่มองตรงมาอย่างจับพิรุธเต็มที่

            เสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่องดังมาตามสายพอดีขัดจังหวะการสนทนาอันวาบหวานของคนทั้งคู่ ศาปานต์ได้ยินเสียงถอนหายใจด้วยความเสียดายของชายหนุ่มจึงหันมายิ้มอย่างอ่อนหวานให้เขาอีกครั้ง แม้จะยังมีร่องรอยความขวยเขินอยู่บนใบหน้า พระแสงมองใบหน้าหวานละไมนั้นอย่างอาลัยอาวรณ์ เขามั่นใจว่าไม่เคยรู้สึกลึกซึ้งเช่นนี้กับผู้หญิงคนใดมาก่อน ความรู้สึกเหมือนหัวใจจะหลุดตามเจ้าหล่อนไปด้วยเป็นเช่นไร ก็เพิ่งได้ประจักษ์แจ้งแก่ใจในตอนนี้เอง

             มันทำให้เขาเข้าใจ ความรัก ความผูกพันและความห่วงหาอาลัย ของระตูหนุ่มพระองค์นั้นที่มีต่อองค์ตุนาหงันติกาหลังหนึ่งหรัดได้ชัดเจนที่สุด

           “ได้เวลาแล้ว ป่านไปก่อนนะคะ แล้วค่อยพบกันอีกครั้ง ผู้กองห้ามลืมเด็ดขาดเชียวนะ”

            ประโยคท้ายเป็นทำนองคาดคั้นคล้ายคำสั่งอันแสนเด็ดขาด เพียงแต่เจ้าตัวเอ่ยด้วยใบหน้าแย้มยิ้มเสียงสดใสร่าเริง ผู้กองหน้าเข้มยิ้มรับคำบัญชานั้นอย่างเต็มอกเต็มใจยิ่ง ถึงไม่สั่ง หัวใจเขาก็โบยบินไปพร้อมกับสาวน้อยคนนี้แล้วโดยไม่มีข้อแม้

              “ผมสัญญาป่าน แล้วผมจะตามไปพบกับคุณที่กรุงเทพฯ ทันทีที่เคลียร์เรื่องทุกอย่างที่นี่ให้เสร็จเรียบร้อย หวังว่าคุณแม่ของคุณ คงจะต้อนรับว่าที่ลูกเขยคนนี้ด้วยนะครับ”

           หล่อนยิ้มให้ชายหนุ่มในดวงใจแล้วโบกมืออำลา เขายกมือป้องปากแล้วตะโกนเสียงลั่นเป็นครั้งแรก จนหลายคนในท่าอากาศยานต่างอดไม่ได้ที่จะหันมายิ้มให้คนทั้งคู่อย่างเอ็นดู

              “ป่านครับ ช่วยบอกคุณแม่คุณด้วยนะครับ ว่าผู้ชายคนนี้ เขารักลูกสาวของคุณแม่ที่สุดในโลก แล้วเขาก็สัญญาว่าจะรีบตามไปขอเธอแต่งงานโดยเร็วที่สุด!!”

              พระแสงยืนมองจนเห็นร่างเล็กบอบบาง หากมีหัวใจที่แข็งแกร่งยิ่งนักกำลังเดินเลี้ยวผ่านช่องประตูผู้โดยสารออกไปยังลานด้านนอก ณ ที่นั้น เขามองเห็นเครื่องบินโดยสารจอดเด่นเป็นสง่าผ่านช่องกระจกใส และอีกไม่นานมันก็จะโบยบินทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า พาหญิงสาวที่เขารักไปกลับไปหามารดาของเธอ ยังบ้านเกิดที่กรุงเทพฯ

        นายตำรวจหนุ่มเผลอยิ้มที่มุมปาก

          แต่ยังหรอก... จากนั้นเขาจะตามเธอไป และไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนห่างไกลสักเพียงใด พระแสงมั่นใจว่าสายใยแห่งความรักและความผูกพันระหว่างระตูอิสมารากับเจ้าหญิงติกาหลังหนึ่งหรัดจะไม่มีวันคลอนคลายห่างหายไปจากกัน เฉกเช่นเดียวกับ พระแสง-ศาปานต์

         ที่แม้จะสิ้นสุดซึ่งคำสาปร้ายทั้งมวล แต่พลังแห่งความรักจะยังคงอยู่ตลอดไป

         ...ด้วยแรงพิษฐานของเขาและเธอร่วมกัน!!

********************อวสาน*******************

ปล. ส่วนสุดท้าย ท้ายสุด คือปัจฉิมลิขิตครับ ปกติ ผมจะใส่ไว้ท้ายเล่มของนวนิยายเกือบทุกเรื่อง (ยกเว้น ทวารบถ ซึ่งเป็นนวนิยายเรื่องแรก) เพื่อบอกเล่าที่มา และรายละเอียดสั้นๆเกี่ยวกับเนื้อเรื่องนี้ จึงขอนำลงไว้ในตอนนี้ด้วยเพื่อให้สาปพิษฐาน จบลงอย่างสมบูรณ์ครับ
หมอกมุงเมือง

จากคุณ : สามปอยหลวง
เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 54 15:00:51




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com