บทที่ 21 : นาทีชีวิต
“ ส้ม ! พยนต์ ! วัฒน์ ! มิ้นท์ ! ” ประกายแก้วร้องลั่น ความรู้สึกผสมผสานปนเปทั้งตื่นเต้น หวั่นไหว หวาดกลัว ความรู้สึกรวมถึงอารมณ์ต่างๆพากันประเดประดังเข้ามา เธอทั้งตะโกน ทั้งเขย่าร่างของเพื่อนทั้งสี่ ทุกคนไม่ได้หนี ซ้ำยังอุตส่าห์ช่วยกันแบกระเบิดไปไว้ในห้องน้ำ ด้วยความเสียสละจึงทำให้เขาต้องบาดเจ็บจากแรงระเบิด
ครืนนนนนนน !!
เสียงพระเพลิงปะทุไหม้อย่างรุนแรง บัดนี้เปลวอัคคีได้ลุกลามไปทั่ว จากพื้นสู่เสา จากเสาสู่เพดาน สะเก็ดไฟกำลังทำหน้าที่เพื่อขยายวง ลามกินพื้นที่กว้างขึ้นเรื่อยๆ
“ มิ้นท์ ! ตื่น ! พวกเราต้องหนีแล้วนะ !? ส้ม พยนต์ ตื่นเร็ว ! วิวัฒน์ด้วย ! ” แก้วคงร้องเรียกเพื่อนร่วมชั้นอย่างไม่ย่อท้อ เด็กสาวตัดสินใจเด็ดขาด หากไม่มีใครตื่น เธอก็จะไม่ยอมทิ้งเพื่อนเพื่อหนีเอาตัวรอดอย่างแน่นอน
ดูเหมือนพระเจ้าจะทรงเห็นใจ หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะความพยายามเริ่มส่งผล ยายมิ้นท์เริ่มขยับตัว ... ใช่ ! เพื่อนรักของเด็กสาวกำลังฟื้นคืนสติ !
“ แก้ว ... ” ศศิรัตน์เอ่ยเป็นคำแรก “ มิ้นท์ ! มิ้นท์ฟื้นแล้ว ! ” แก้วร้องอย่างลิงโลด เพื่อนคนหนึ่งเริ่มคืนสติ เท่านี้ก็จะมีคนช่วยเธอแบกร่างคนอื่นๆให้รอดพ้นจากหายนะอัคคีเพลิง
บัดดลนั้น ราวกับสถานการณ์กำลังเข้าข้าง เพื่อนที่เหลือทุกคน ทั้งพยนต์ ส้มเช้ง รวมถึงวิวัฒน์เริ่มรู้สึกตัว ทั้งหมดลุกขึ้นมานั่งงงๆกับสถานการณ์ “ ทุกคนหนีเร็ว ไฟกำลังลาม ! ” ประกายแก้วร้องเตือนเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่น่าจะบาดเจ็บมากนัก และนั่นทำให้สติสัมปชัญญะทกคนกลับคืนมา ทั้งหมดลุกขึ้นมองสถานการณ์โดยรอบ และเมื่อเห็นพระเพลิงที่เผาผลาญห้าง ทุกคนจึงสามารถเข้าใจภาวะเร่งด่วนที่กำลังประสบในทันที
“ ไฟไหม้จากระเบิดที่พวกเรายกไปไว้ในห้องน้ำ ? ” พยนต์ถามเร็วบรื๋อ เด็กหนุ่มรีบประคองส้มเช้งให้ลุกขึ้นเร็วๆ แก้วเห็นประกายตาหวานซึ้งของยายส้มที่ลอบมองพยนต์โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ ... สาวแก้วยิ้มเล็กๆในใจ นี่เธอยังมีกะใจคิดอะไรขำๆท่ามกลางภาวะวิกฤติอีก “ ใช่แล้วล่ะ พยนต์ คงไม่มีอย่างอื่นนอกจากนี้แล้ว ” วิวัฒน์หัวหน้าห้องมองรอบๆและประเมินสถานการณ์อย่างรวดเร็ว เขาสรุปเรื่องได้ทั้งที่เมื่อครู่สลบจากแรงระเบิดแท้ๆ
“ แก้ว ... มิ้นท์ว่าพวกเรารีบหนีกันเถอะ แถวนี้ไฟชักจะลามมากขึ้นทุกทีแล้ว ” ศศิรัตน์พูด ท่าทางเพื่อนรักจะเจ็บบริเวณเอว แก้วเห็นมิ้นท์จับๆบริเวณบั้นเอวอยู่หลายครั้ง “ วัฒน์มาช่วยแก้วประคองยายมิ้นท์หน่อย ” ประกายแก้วร้องบอกหัวหน้าห้องให้เข้ามาประคองศศิรัตน์โดยเร็ว เวลานี้เด็กสาวต้องการให้ทุกคนหนีพ้นจากตรงนี้โดยเร็วที่สุด เพลิงอาจลุกลามมากกว่าที่คิด ทั้งนี้เนื่องจากอัคคีมายาที่เห็นในตอนแรกนั้นลุกลามไปทั่วทั้งห้าง !
ในที่สุดบรรดานักเรียนมัธยมปลายผู้ซึ่งแท้จริงตั้งใจเข้าร่วมงานแนะแนวเรียนต่อ ทว่ากลับต้องมาพัวพันกับคดีก่อวินาศกรรม ทั้งหมดห้าชีวิตกำลังประคับประคองกันเพื่อให้รอดพ้นจากบริเวณที่พระเพลิงอาจพวยพุ่งลุกลามทำร้าย
“ ลงบันไดเลื่อนตรงนั้นล่ะกัน ” วิวัฒน์บอกทุกคน มือชี้ไปทางบันไดเลื่อนที่บัดนี้หยุดการทำงานจากเหตุเพลิงไหม้
ทั้งหมดจึงตรงไปทางบันไดเลื่อนนั้น ประกายแก้วแว่วยินเสียงไซเรนของรถดับเพลิงมาแต่ไกล อีกเดี๋ยวสถานการณ์คงคลี่คลายไปในทางที่ดีแน่ เด็กสาวคิดในขณะที่ประคองหิ้วปีกศศิรัตน์ที่เริ่มเดินไหวบ้างแล้ว ส่วนวิวัฒน์ พยนต์และส้มเช้งออกเดินนำไปก่อนเพื่อประเมินสถานการณ์และทางหนีทีไล่หากไฟลุกลามขัดขวาง
ฉับพลันนั้น ! สัญชาตญาณสังหรณ์ร้องเตือน เบื้องหน้าหนทางสู่บันไดทางลง ... บันไดเลื่อนอันจะนำให้ทุกคนฝ่าพ้นวิกฤตการณ์อัคคีภัยก่อการร้าย ... เบื้องหน้าอันเป็นทิศที่เพื่อนเธอกำลังเดินตรงไป หลังเสานั่น ! มีใครบางคนแอบซ่อนอยู่ ?
“ ทุกคนระวัง ! ” แก้วตะโกนลั่น แม้ไม่แน่ใจ ทว่าความรู้สึกบังคับให้เด็กสาวร้องออกไปเช่นนั้น ทว่า ! ... สายเกินการณ์ !? บัดนี้เพื่อนทั้งสาม ... สุจิตรา พยนต์ วิวัฒน์ต่างล้มกลิ้งลงกับพื้นต่อหน้าแก้วและมิ้นท์ ! ส้มเช้งกุมศีรษะดิ้นพราดๆ วิวัฒน์กุมคอตัวเองคล้ายกำลังถูกบีบรัด ขณะที่พยนต์หน้านิ่วทรุดตัวลงนั่งกุมหน้าท้อง
นั่นคงเป็นภาพที่มิ้นท์ ศศิรัตน์มองเห็น ... หากแต่ภาพที่ประกายแก้วผู้มี ‘ ดวงเนตรสองภพ ’ รับรู้นั้นเป็นอีกอย่างหนึ่ง
ส้มเช้ง สุจิตรากำลังถูกผีปอบกุมหัว เล็บมือและลิ้นแหลมคมพยายามชอนไชเข้าในสองรูหู หัวหน้าห้องวิวัฒน์ถูกวิญญาณบางอย่างรูปร่างคล้ายงูเหลือมกระหวัดแน่นที่ลำคอ แม้เขาพยายามจะแกะออกแต่ก็ไม่เป็นผล ใบหน้าวิวัฒน์เริ่มเขียวช้ำ สมองเริ่มขาดออกซิเจน พยนต์เองก็แย่ไม่แพ้กัน นักกีฬาหนุ่มนอนร้องครวญครางบิดงอตัวอยู่กับพื้น ข้างๆมีกุมารทองปิศาจกำลังล้วงมือเข้าไปในหน้าท้อง มันกำลังบิดไส้เด็กหนุ่ม !
“ กุบอกแล้ว ! ว่ามืงอย่ายุ่ง ! พวกมืงต้องตายที่นี่ ฮ่าๆๆๆ ! ” กุมารผีหัวร่อลั่น แก้วเห็นชัดเจนว่าใบหน้าของปิศาจกุมารแปรเปลี่ยนไปจากเดิมมาก จากร่างเด็กผมจุกใส่โจงกระเบนสีทอง บัดนี้ดวงหน้าของมันกลายเป็นสีดำดุร้าย เขี้ยวแหลมยาวงอกจากริมฝีปากบนล่าง ผมกระเซอะกระเซิงมิได้รวบรัดไว้เป็นทรง และที่ตรงหน้าอกก็เต็มไปด้วยขนยาวดำรุงรัง โจงกระเบนสีทองกลับกลายเป็นผ้าสีแดงเลือดหมูเก่าๆ
และที่สำคัญ ปิศาจทุกตัวที่เคยมีอักขระขอมตรงหน้าผาก ... บัดนี้หามีไม่ !?
จากคุณ |
:
Luckard
|
เขียนเมื่อ |
:
2 มิ.ย. 54 14:05:50
|
|
|
|