Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ลำนำรักใต้แสงจันทร์ ตอนที่4 ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10523850/W10523850.html
ตอนที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10570032/W10570032.html#4
ตอนที่ 3 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10608311/W10608311.html#5


=============================================
ตอนที่ 4

       ท้องฟ้าภายนอกปราสาทลินเด็นยังคงเป็นสีเทาทึม ด้วยแสงแรกของดวงอาทิตย์เพิ่งจะทอทาบขอบฟ้าทางทิศตะวันออก  หมอกขาวบางเบาลอยเรี่ยอยู่เหนือยอดหญ้า อ้อยอิ่ง แช่มช้า เหมือนจะทิ้งสัมผัสสุดท้ายเอาไว้ ก่อนที่แสงแดดยามเช้าจะแผดเผาไล่ละอองเย็นฉ่ำให้ระเหยหายไป วันใหม่ของคนในปราสาทกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง...ทว่าไม่ใช่ด้วยเสียงไก่ขันเหมือนเช่นเคย

       เช้านี้นอร์มาผู้มีหน้าที่ปลุกพระบรรทมและถวายน้ำสรงพระพักตร์ เดินนำขบวนนางข้าหลวงขึ้นบันไดไปยังห้องบรรทมของประมุขแห่งกรีนแลนด์ตามปกติ หากอดีตพระพี่เลี้ยงต้องแปลกใจ เพราะหลังจากรูดม่านคลุมพระแท่นบรรทมออกแล้ว ไม่ว่านางจะส่งเสียงกระแอมกระไอแม้กระทั่งเอ่ยพระนามของราชาหนุ่มสักกี่หน พระองค์ก็ไม่ยอมลืมพระเนตรขึ้นสักที ทั้งที่ตามธรรมดาเสียงแกรกกรากเพียงนิดเดียวก็สามารถปลุกพระบรรทมได้ง่ายดาย

       อดีตพระพี่เลี้ยงอดทนส่งเสียงเรียกต่อไปอีกหลายคำ จนกระทั่งฟ้าเริ่มสาง น้ำใสในอ่างเงินชักจะคลายความร้อนลงมากแล้วนั่นแหละ จึงตัดสินใจขยับเข้าไปแตะปลายพระบาทของผู้ที่บรรทมนิ่งสนิทอยู่บนพระแท่น และแล้วคนแทบทั้งตำหนักหลวงก็ต้องสะดุ้งตื่นด้วยเสียงหวีดร้องดังก้องของนาง...



       บานทวารห้องบรรทมของเจ้าชายกันนาร์ถูกรัวเคาะอย่างไม่เกรงใจ ตามมาด้วยเสียงพูดสั่นระรัวจับใจความได้ไม่ถนัด เจ้าของห้องพยายามพลิกกายเพื่อหลีกหนีจากเสียงน่ารำคาญทั้งที่ดวงเนตรยังปิดสนิท คว้าเอาหมอนขึ้นมาอุดหูก็แล้ว แต่เสียงนั้นยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ซ้ำยังทวีความดังขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดพระองค์ก็ต้องยอมแพ้ ขยับลุกลงจากเตียง เสด็จไปเปิดประตู ยื่นพระพักตร์ยับยู่ยี่ออกไปถามอย่างเสียไม่ได้

       “มีอะไร”

       หัวหน้านางกำนัลวัยกลางคนที่กำลังเคาะประตูถี่ยิบยกมือค้าง รีบย่อกายลงถอนสายบัวอย่างรวดเร็วแล้ว ละล่ำละลักรายงานด้วยน้ำเสียงสั่นระรัวว่า

       “แย่แล้วเพคะเจ้าชายกันนาร์ ฝ่าบาททรงเป็นอะไรไปก็ไม่ทราบ หม่อมฉันนำน้ำอุ่นเข้าไปถวายให้สรงพระพักตร์ แต่ปลุกเท่าไหร่พระองค์ก็ไม่ยอมตื่นบรรทม พระวรกายงี้ร้อนจัดราวกับไฟเลยเพคะ”

       เจ้าชายกันนาร์แทบจะหายงัวเงียเป็นปลิดทิ้ง ตรัสถามสวนออกไปทันควัน

       “แล้วเจ้าให้ใครไปตามท่านหมอมาหรือยัง”

       “ยะ..ยังเลยเพคะ”

       เจ้าชายจ้องมองนางข้าหลวงเก่าแก่ที่ทำหน้าราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ด้วยสายตาตำหนิแทนคำพูด ทรงออกคำสั่งเสียงเฉียบขาด

       “เจ้ารีบกลับขึ้นไปดูพระอาการของฝ่าบาทก่อน ข้าจะไปตามท่านหมอเอง”

       “เพคะ”

       “อ้อ นอร์ม่า แล้วอย่าเพิ่งกระโตกกระตากให้รู้ไปถึงตำหนักแดงล่ะ ข้าไม่อยากให้ท่านน้าทรงเป็นห่วง เข้าใจมั้ย”

       นางข้าหลวงร่างอ้วนรับคำ ย่อกายลงถอนสายบัวอีกครั้งก่อนจะกลิ้ง...เอ๊ย...วิ่งผละไป

       ข่าวการประชวรกะทันหันของผู้เป็นประมุขแห่งกรีนแลนด์แพร่สะพัดไปทั้งปราสาทอย่างรวดเร็วราวกับไฟไหม้ฟาง ไม่ว่าเจ้าชายกันนาร์จะเสด็จไปทางไหนเป็นต้องทอดพระเนตรเห็นคนจับกลุ่มซุบซิบถึงเรื่องนี้กันด้วยท่าทางวิตกทุกข์ร้อน ดังนั้นพระองค์จึงไม่แปลกพระทัยเลยสักนิด เมื่อพาแพทย์หลวงมาถึงห้องบรรทมขององค์ราชาแล้วพบพระนางแอนน์ประทับคอยอยู่ พร้อมด้วยเจ้าหญิงลูเซียว่าที่พระสุนิสากับบรรดานางข้าหลวงผู้ติดตามอีกหนึ่งโขยง

       เจ้าชายกันนาร์รีบสาวพระบาทเข้าไปถวายคำนับสตรีผู้มีอาวุโสสูงกว่าเป็นอันดับแรก แล้วจึงเสด็จไปยืนจนชิดขอบเตียง ทอดพระเนตรร่างงามสง่าที่นอนนิ่งอยู่บนนั้นด้วยความเป็นห่วง

       ดวงพักตร์คมเข้มของราชาหนุ่มแห่งกรีนแลนด์บัดนี้เผือดซีดไร้สีสัน ดวงเนตรทั้งคู่ปิดสนิท แม้จะดูเผินๆ เหมือนพระองค์บรรทมหลับ หากลมหายพระทัยบางครั้งก็อ่อนระรวย บางครั้งก็หอบกระชั้นอย่างน่ากลัว พระเสโทไหลชุ่มโชกจนพระเกศาสีทองเปียกชื้นไปหมด เจ้าชายกันนาร์ลองใช้พระหัตถ์อังดูแถวพระนลาฏ ก็พบว่าร้อนราวกับไฟดังคำบอกเล่าของนอร์ม่าจริงเสียด้วย

       พระองค์ขยับถอยห่างจากพระแท่นเพื่อให้แพทย์หลวงสูงวัยได้เข้าไปตรวจพระอาการคนไข้ตามหน้าที่ ระหว่างนั้นสายพระเนตรก็บังเอิญเลื่อนไปจับอยู่ที่ใบหน้านวลสะอาดของหญิงสาวที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามโดยไม่ตั้งพระทัย ดวงพักตร์ของเจ้าหญิงลูเซียวันนี้ดูเหม่อลอยราวกับคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ดวงเนตรสีมรกตทั้งคู่ไม่ได้จับจ้องอยู่ที่ร่างขององค์ราชาอย่างที่ควรจะเป็น หากแต่แลกวาดไปทั่วอย่างไร้จุดหมาย

       “อาการของเอลเบอเรธเป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ”

       อดีตราชินีแห่งกรีนแลนด์ตรัสถามขึ้นด้วยพระสุรเสียงเป็นกังวล เจ้าชายกันนาร์จึงละความสนพระทัยจากเจ้าหญิงลูเซีย หันมาตั้งใจฟังคำตอบจากปากของแพทย์หลวงผู้ชราอีกคน

       “องค์ราชาทรงถูกพิษพ่ะย่ะค่ะ” ผู้ทูลตอบมีสีหน้าหนักใจอย่างเห็นได้ชัด
พระนางแอนน์ทรงยกพระหัตถ์ทาบพระอุระ ดวงพักตร์ขาวผ่องเผือดซีดราวกับจะประชวรพระวาโยลงไปตรงนั้น

      “เป็นไปไม่ได้ท่านหมอ อยู่ดีๆ ลูกชายข้าจะถูกพิษได้อย่างไร”

       ไม่มีคำตอบ แพทย์หลวงได้แต่ก้มหน้านิ่ง คนอื่นๆ ในห้องเหลียวมองหน้ากันเลิ่กลั่กด้วยอารมณ์ที่แตกต่าง มีทั้งตื่นตระหนก เสียขวัญ และหวาดกลัว

       “แล้วพอจะมีทางรักษาหรือเปล่าครับ ท่านหมอ” เจ้าชายกันนาร์ตรัสถามขึ้นบ้าง

        ชายชราถอนหายใจอย่างหนักอกพร้อมกับส่ายหน้า มืออันเหี่ยวย่นของเขาล้วงลงไปในหีบไม้ หยิบสมุนไพรสองสามชนิดขึ้นมาพร้อมกับครกบดยาขนาดเล็ก เขาลงมือบดใบไม้แห้งเหล่านั้นจนเป็นผงละเอียดก่อนจะเทผสมกับเหล้าที่นางข้าหลวงจัดเตรียมไว้ให้ แล้วค่อยๆ รินน้ำสีอำพันจากแก้วทรงสูงให้ราชาหนุ่มเสวยทีละน้อยจนหมด จากนั้นจึงขยับถอยห่างจากพระแท่น กราบทูลด้วยน้ำเสียงไม่มั่นคงนัก

       “กระหม่อมถวายพระโอสถที่อาจจะช่วยบรรเทาพระอาการได้ชั่วคราว แต่ถ้าต้องการจะรักษาพระชนม์ชีพของฝ่าบาทเอาไว้ เราจำเป็นต้องมียาถอนพิษพ่ะย่ะค่ะ”

       “ท่านก็ปรุงมันขึ้นมาสิ” อดีตราชีนีรับสั่งแทบเป็นตวาด

       “ไม่มีใครสามารถทำได้โดยไม่ทราบชนิดของยาพิษหรอกพ่ะย่ะค่ะพระนาง แต่เอาเถอะ กระหม่อมจะลองปรึกษากับท่านหัวหน้านักบวชเพื่อหาวิธีปรุงยาถอนพิษดู ส่วนจะสำเร็จหรือไม่นั้นคงต้องแล้วแต่พระประสงค์ของทวยเทพเบื้องบน”

       แพทย์หลวงเล่นละครได้ดี สีหน้าและแววตาของเขาทำให้คนฟังทรงเชื่อสนิท

       “โธ่ เอลเบอเรธลูกแม่...”

       มารดาขององค์ราชาส่งเสียงครางออกมาอย่างปวดร้าวพระทัย ดวงพักตร์งามอ่อนหวานนองไปด้วยน้ำพระเนตร พระนางเพิ่งจะสูญเสียพระสวามีไปมื่อสามปีก่อน หากจะต้องสูญเสียลูกชายไปอีกคนคงยากที่จะทนมีพระชนม์ชีพอยู่ต่อไปได้

       “วางพระทัยเถิดพ่ะย่ะค่ะท่านน้า กระหม่อมคิดว่า...เอ่อ...ฝ่าบาทจะต้องทรงหายจากพระอาการประชวรแน่นอน” เจ้าชายกันนาร์พยายามปลอบมารดาของเพื่อนโดยไม่กล้าสบสายพระเนตร

       ชายหนุ่มรู้อยู่เต็มอกว่าเหตุการณ์ตรงหน้าเป็นแผนตบตาเพื่อหาตัวคนร้ายขององค์ราชา แต่ทั้งที่รู้ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นสีพระพักตร์และท่าทางทรมานของคนไข้ที่ดูสมจริงเกินกว่าจะเป็นเพียงการเล่นละคร ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลซ่อนอยู่เบื้องหลังพระอาการประชวรนี้แน่ เจ้าชายกันนาร์ทรงหมายพระทัยว่าจะต้องหาทางรู้คำตอบให้ได้ และผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งที่จะต้องถูกพระองค์ซักฟอกเป็นรายแรกก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน ...เจ้าหญิงกาอิยาห์นั่นเอง



       “ขึ้นไปทำอะไรอยู่บนนั้นน่ะกายย์”

       เสียงถามที่ดังมาจากใต้ต้นไม้ใหญ่ ทำเอาเจ้าหญิงกาอิยาห์สะดุ้งสุดพระองค์แทบจะพลัดตกลงมาจากกิ่งไม้ที่ประทับอยู่ แต่พอเห็นว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร เด็กสาวก็ถอนหายใจโล่งอก ค่อยๆ โหนตัวลงมายืนบนพื้นหญ้าเขียวขจีเบื้องล่างด้วยท่าทางคล่องแคล่ว  

       “พี่กันนาร์น่ะเอง มาไม่ให้สุ้มให้เสียง เกือบทำน้องน้องหัวใจวายแล้วมั้ยล่ะ”

       เจ้าชายกันนาร์ทรงพระสรวลเบาๆ

       “ขวัญอ่อนจริงนะน้องพี่ แล้วเจ้าแอบปีนขึ้นไปนั่งทำอะไรอยู่บนต้นไม้หือ พี่เลี้ยงของเจ้าไปไหน ทำไมนางปล่อยให้เจ้าทำอะไรแผลงๆ ไม่สมเป็นกุลสตรีอย่างนี้...”  
เจ้าหญิงกาอิยาห์รีบยกพระหัตถ์ขึ้นห้าม

       “พอเถอะพี่กันนาร์ น้องฟังนอร่าบ่นคนเดียวก็หูจะแฉะอยู่แล้ว พี่ไม่ต้องช่วยนางอีกแรงหรอก รู้มั้ยคะกว่าน้องจะหลบตาสับปะรดของนอร่าออกมาได้ เลือดตาแทบกระเด็นขนาดไหน”

       พี่ชายขมวดคิ้วฉับด้วยความสงสัย

       “ทำไมเจ้าจะต้องหลบนาง”

       “ชู่ว์.. เบาๆ สิคะ” เจ้าหญิงกาอิยาห์ทรงเหลียวซ้ายแลขวา แล้วลดเสียงลงเป็นกระซิบ

       “น้องกำลังทำตามแผนของเราอยู่ไงล่ะ”

       “แผนอะไร?”

       “โถ่เอ๊ย พี่เป็นปลาทองหรือไง ความจำสั้นชะมัด...ก็แผนที่ว่าจะสร้างตุ๊กตาของเจ้าหญิงแคธรีนขึ้นมาไงล่ะคะ น้องกำลังหามุมสงบทำเจ้านี่อยู่”

       ‘เจ้านี่’ ที่เจ้าหญิงกาอิยาห์ทรงชูอวดพี่ชายคือท่อนไม้ขนาดเขื่อง แกะสลักเป็นรูปคนอย่างหยาบๆ หากฝีมือคนแกะคงไม่ดีนัก มันจึงออกมาเว้าๆ แหว่งๆ ดูไม่ค่อยจะเป็นรูปเป็นร่างสักเท่าไหร่

       เจ้าชายกันนาร์ทรงฉวยท่อนไม้ในมือน้องสาวขึ้นมาทอดพระเนตร

       “เจ้าแน่ใจหรือกายย์ว่านี่คือตุ๊กตาเจ้าหญิงแคธรีน ข้าดูยังไงมันก็แค่ท่อนไม้บูดๆ เบี้ยวๆ”

       เจ้าหญิงกาอิยาห์พระพักตร์คว่ำ รีบแย่ง ‘ท่อนไม้บูดๆ เบี้ยวๆ’ คืนมาซ่อนไว้เบื้องพระขนอง เมื่อไม่พระสบอารมณ์เสียแล้วก็ทรงออกพระโอษฐ์ไล่พี่ชายเอาดื้อๆ

       “พี่กันนาร์ไปได้แล้ว อย่ามารบกวนการทำงานของน้อง”

       “ยังไปไม่ได้หรอก ข้ามีเรื่องที่ต้องถามเจ้าให้แน่ใจก่อน”

       น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปเป็นเข้มงวดอย่างกะทันหันของผู้เป็นพี่ ทำให้เจ้าหญิงกาอิยาห์เริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลขึ้นมารำไร

       “พี่จะถามอะไรคะ รอไว้วันหลังไม่ได้หรือ ตอนนี้น้องยุ่ง เสร็จนี่แล้วยังต้องส่งข่าวไปหาเมลอีก”

       ระหว่างที่พูดเด็กสาวก็ขยับถอยหลังไปเรื่อยๆ พอได้จังหวะก็ตั้งท่าจะออกวิ่ง หากเจ้าชายกันนาร์ไวกว่า ทรงใช้อุ้งหัตถ์ใหญ่เอื้อมไปคว้าต้นคอของอีกฝ่ายเอาไว้ทัน

        “ไม่ต้องหนีเลย หันมานี่...” พระองค์จับบ่าน้องสาวให้หันกลับมาเผชิญหน้า พร้อมกับตั้งคำถามแบบไม่อ้อมค้อม

        “ข้าถามจริงๆ เถอะกายย์ องค์ราชาทรงแกล้งประชวรแน่หรือ ดูยังไงพระอาการของพระองค์ก็ไม่เหมือนกับเล่นละครอยู่สักนิด เจ้ามีอะไรปิดบังข้าอยู่ใช่มั้ย สารภาพมาซะดีๆ”

        เจ้าหญิงกาอิยาห์แย้มพระสรวลเรี่ยๆ “แหม พี่ไม่เคยได้ยินประโยคที่ว่า ‘จะหลอกคนอื่นได้ก็ต้องหลอกพวกเดียวกันให้สำเร็จก่อน’ มั่งหรือคะ”

       พี่ชายอึ้งไปทันที นึกเดาเรื่องได้ทะลุปรุโปร่ง

        “นี่อย่าบอกนะว่าเจ้าแอบเอายาพิษให้ฝ่าบาทเสวยจริงๆ”

       “ไม่ใช่ยาพิษ แค่ใบไม้ธรรมดาเท่านั้นแหละค่ะ กินเข้าไปแล้วไม่ถึงตาย อย่างมากก็แค่ตัวร้อนๆ เย็นๆ สลับกันนิดหน่อย เดี๋ยวเดียวก็หาย”

       “กายย์ เจ้านี่มัน...”

       เจ้าชายกันนาร์ทรงทำท่าคันไม้คันมือ เหมือนอยากจะหาไม้เรียวมาฟาดก้นแม่น้องสาวสักเผียะ แต่ในเมื่อหาไม่ได้ พระองค์ก็จำต้องใช้วิธีเดียวกับนอร่าคือ...บ่น

       “ถ้าฝ่าบาททรงเป็นอะไรไป จะเดือดร้อนกันหมดทั้งเจ้า ทั้งพี่ รู้จักคิดซะมั่งซี่”

       “ฝ่าบาทไม่ทรงเป็นอะไรหรอกค่ะ น้องรับรอง คืนนี้ก่อนยามสิบสองพระองค์จะทรงฟื้นขึ้นมาเอง”

       “พอเลยกายย์ ไอ้ ‘รับรอง’ ของเจ้าน่ะ ทางที่ดีเจ้ารีบส่งม้าเร็วไปตามตัวท่านนักบวชจากแลมพ์ตันมาดีกว่า”

         “นักบวช??” เด็กสาวทวนคำด้วยสีหน้าประหลาดใจ

       “ฮื่อ”

       “ใครกันคะ?”

       “อ้าว ข้าจะไปรู้หรือ ก็เจ้าบอกว่าจะตามใครมาล่ะ”

       นิ่งไปครู่เดียวเจ้าหญิงก็ทรงร้อง ‘อ๋อออออ...’ ออกมายาวเหยียด ดวงเนตรสีม่วงสวยทอประกายวิบวับขึ้นมาทันที “พี่คงจะหมายถึงเมล งั้นรอเดี๋ยวนะคะ น้องจะตามตัวให้เดี๋ยวนี้แหละ”

       เด็กสาววางตุ๊กตาไม้ลงบนพื้นหญ้าด้วยท่าทางเต็มอกเต็มใจยิ่ง นางปลดพลอยแดงเม็ดเล็กๆ ออกจากติ่งหูข้างซ้าย วางไว้กลางฝ่ามือแล้วกล่าวคำพูด

       “ภูติรับใช้แห่งแสงสว่าง ‘วาย’ จงปรากฏกายต่อหน้าข้า ผู้เป็นนายของเจ้า”

        สิ้นเสียงใสๆ พลอยแดงเม็ดกลมก็เปล่งประกายสีรุ้งออกมาโดยรอบ ก่อนจะค่อยๆ ลอยขึ้นในอากาศพร้อมกับขนาดที่ขยายใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นเหมือนลูกแก้วทรงกลมบางใส ภายในมีสัตว์สีแดงเพลิงตัวเล็กนอนขดอยู่ พอมันเริ่มขยับตัว เปลือกบางๆ ของลูกแก้วก็แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทิ้งประกายระยิบระยับอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศครู่หนึ่งก่อนจะจางหาย เหลือไว้เพียงสัตว์ประหลาดตัวป้อม หางยาวเฟื้อย มีเกล็ดแข็งเรียงเป็นแผงไล่ตั้งแต่โคนหางไปจนสุดปลาย ปีกคู่เล็กๆ ที่ไม่น่าจะพยุงร่างอ้วนกลมนั้นให้ลอยอยู่กลางอากาศได้ โบกกระพืออยู่กลางหลัง

       เจ้าสัตว์ตัวน้อยลืมตาที่มีลักษณะเหมือนตาแมวขึ้นมองหน้าเจ้าหญิงกาอิยาห์ ส่งเสียงร้องแหลมออกมาครั้งหนึ่งคล้ายจะทักทาย

       “ตัวอะไรน่ะกายย์”

       เจ้าชายกันนาร์เพ่งมองสัตว์ประหลาดตัวอ้วนกลมที่ขยับปีกบินอยู่ตรงหน้า ด้วยท่าทางไม่ไว้พระทัย

       “มังกรจิ๋วชื่อวาย เป็นภูติรับใช้ที่เมลทำให้น้อง... น้องจะใช้วายไปตามเมลมาที่นี่ รับรองว่าเร็วกว่าม้าเร็วของพี่สิบเท่า แต่มีปัญหาอยู่ว่าเมลเป็นสามัญชนซ้ำยังไม่ใช่ชาวกรีนแลนด์ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากองค์ราชาก็จะเข้ามาในลินเด็นไม่ได้"

       “เรื่องนั้นไว้เป็นธุระของข้าเอง เจ้ารีบจัดการเรื่องของเจ้าให้เรียบร้อยเถอะ”

       เมื่อพี่ชายรับปากดังนั้นเจ้าหญิงกาอิยาห์ก็หันไปตรัสกับเจ้ามังกรน้อย

       “เอาละวาย จงไปบอกเมลว่าข้าต้องการความช่วยเหลือด่วน ให้มาที่ลินเด็นทันที”

       สิ้นเสียงสั่งของพระองค์ เจ้ามังกรจิ๋วก็ส่งเสียงร้องแหลมออกมาอีกครั้งหนึ่งแล้วกระพือปีกบินฉวัดเฉวียนลัดเลาะไปตามแนวไม้ ก่อนจะหายลับไปในหมู่เมฆเบื้องบน

แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 54 21:27:57

แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 54 21:26:30

จากคุณ : akihiro
เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 54 21:20:17




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com