11 จุมพิตในเงาจันทร์
นำทัพพ์คันหัวยิกๆๆๆ...
เขาย้ายมาอยู่บ้านใหม่อย่างสงบสุขมาได้แค่ยังไม่ถึงปีหนึ่งดี ก็มีมารมาผจญเสียแล้ว... แต่จะไปโทษใครได้ คงต้องโทษตัวเขาเอง หาเหาใส่หัว ถึงจะเป็นเหาน้อยน่ารักก็เถอะ มันก็ทำให้คันหัวได้เหมือนกัน
ป้าจี้เรียนจบแล้ว โทรมาบ่นว่าไม่มีงานทำ เขาก็เลยชวนเธอมาเที่ยวที่บ้าน นึกว่าแม่คุณคงมาอยู่เล่นๆ ค้างกับเขาแค่วันสองวันหายเบื่อ (หรือไม่ก็ยิ่งเบื่อจนทนไม่ไหว) ก็กลับ แต่ที่ไหนได้ เธอเล่นมาค้างยาวววว... หอบข้าวหอบของมาเหมือนจะอยู่ถาวร
สำหรับนำทัพพ์ ป้าจี้มาอาศัยอยู่ด้วยน่ะ เขาไม่มีปัญหาอะไรเลย ดีซะอีก ได้อยู่ด้วยกันเหมือนวันเก่าๆ ...สิบปีมานี้ เขากับเธอห่างกันไกลจนไม่สนิทกันเหมือนเดิม เธออยู่โรงเรียนประจำ ส่วนเขาต้องไปเรียนต่อไกลคนละฟากโลก ถึงจะคุยกันทางโทรศัพท์เสมอๆ แต่ก็ไม่เหมือนเจอหน้าทุกวันอย่างแต่ก่อนตอนเธอเด็กๆ และเมื่อเขากลับมา เธอก็อยู่มหาลัยแล้ว คณะศิลปกรรมฯ ทำให้ป้าจี้ของเขาเปลี่ยนไปมาก (ไม่ยอมรับความจริงว่าป้าเขาบ้า โทษระบบการศึกษาซะงั้น) มีโลกส่วนตัวสูง เป็นตัวของตัวเอง แต่งตัวประหลาดพิกลขึ้นทุกวัน แต่สำหรับนำทัพพ์ ไม่ว่าเธอจะเปลี่ยนไปสักแค่ไหน ก็ยังเป็นป้าจี้ตัวน้อยของเขาเหมือนเดิม...
ที่น่าอึดอัดใจ คือไม่รู้คุณหญิงไพลิน...แม่บุญธรรมของเขาคิดอะไรอยู่ ถึงได้พยายาม จับคู่ เธอกับเขา ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไม่มีวันเป็นไปได้
แล้วถ้าใครสักคนในบ้านเกิดรู้ว่าป้าจี้หอบผ้าหอบผ่อนมานอนบ้านเขาแล้วเอาไปรายงานคุณหญิงแม่ล่ะก็ เขากับป้าจี้คงต้องโดน จับตาย แน่ๆ!
ไม่ใช่แค่เรื่องนี้เท่านั้นที่ทำเขาหัวคันไม่หยุดตั้งแต่เธอมา ไอ้ที่แต่งตัวทำผมทรง (สัตว์) ประหลาด แนวไหนไม่รู้ ทำให้ลุงป้าน้าอาแตกตื่นไปทั้งโรงเรียนชาวนาจนแห่กันมายืนมุงดูป้าเขากันให้สนั่น นั่นยังไม่เป็นไร พี่:-)เข้าใจผิด คิดว่าแฟนใหม่เขา ก็ยังไม่เท่าไหร่ ที่เธอโวยวายว่า เห็นผี ก็ยังพอให้อภัย แต่เธออยากได้อะไรไม่อยาก ดันอยากได้ยุ้งข้าวเก่าแก่ข้างต้นปาริชาติที่ลุงสิบหวงนักหนา ขนาดลูกสาวแท้ๆ อย่างข้าวขวัญก็ยังไม่เคยเห็นข้างใน เข้าใจว่าเป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ อาจจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของตระกูลก็ได้ แล้วป้าจี้ดันอยากได้เอามาทำเป็น บ้าน! แต่... โชคดียิ่งกว่าปาฏิหาร ลุงสิบยอมยกยุ้งหลังนั้นให้เขาง่ายๆ
ตอนแรก เขากลัวมาก ไม่รู้แกจะโกรธเขาหรือเปล่า ของอย่างงี้ไม่ใช่ว่าเอ่ยปากแล้วจะขอกันทางโทรศัพท์ได้ แต่เขาไม่มีทางเลือกจริงๆ เลยต้องเสี่ยงดู หวังว่าลุงสิบจะเห็นความดีที่เขาเดินตามแกมาหลายปี ไม่เคยเอ่ยปากขออะไร ที่น่าแปลกใจที่สุดคือ แค่เกริ่นๆ ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ขอ ลุงสิบก็ยกให้โดยไม่ถามสักคำว่าเขาเอาไปทำอะไร ...หรือที่ข้าวขวัญเคยเล่าให้เขาฟังว่าพ่อหวงยุ้งข้าวหลังนี้นักหนา เป็นเรื่องอำกันเล่นๆ ...ความจริง ก็แค่ยุ้งข้าวเก่าๆ ที่ไม่ได้ใช้งานหลังหนึ่งซึ่งเธอใช้เป็นเซฟเฮ้าส์สำหรับนอนเล่นอ่านหนังสือการ์ตูน?
สรุปว่า ตั้งแต่ป้าจี้มา เขาก็วุ่นวายไม่ได้หยุดหย่อน เธออยู่เฉยๆ เงียบๆ เหมือนใครเขาไม่เป็น วันๆ วิ่งเพ่นพ่านไปบ้างไหนไม่รู้ บางทีเขาหาเธอเท่าไหร่ก็ไม่เจอ แต่พอบทจะโผล่มา ก็โผล่มาเฉยๆ ...แล้วยังชอบไปคุยกับพวกลุงจ้อนป้าเคียว เพื่อนบ้านปากมากที่ชอบพูดถึงข้าวขวัญเสียๆ หายๆ เขาต้องค่อยๆ อธิบายความจริงให้เธอฟัง เพียงแต่ จงใจเล่าข้ามความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลูกสาวลุงสิบ... เพราะเล่าไป ก็คง
ไร้ประโยชน์
ข้าวขวัญอยากหัวเราะ แต่หัวเราะไม่ออก
ผมเดาว่า... ข้าวคงไม่เคยรู้เรื่องการเกษตรมาก่อนเลย
เขาเดาผิดแต่ก็เดาถูก ที่ ผิด เพราะเธอเป็น ลูกสาวลุงสิบ เชียวนะ แต่ก็นับว่า ถูก ของเขา เพราะเธอไม่เคยช่วยงานพ่อเลยตั้งแต่เด็กจนโต เอาแต่เรียนๆๆๆ ...รู้เพียงแค่พ่อทำ เกษตรอินทรีย์ และพยายามเผยแพร่วิธีให้เพื่อนเกษตรกรนำไปใช้เท่านั้น
ก่อนที่เราจะไปลึกกว่านี้ ผมอยากพาข้าวไปเรียนรู้ข้อมูลด้านการเกษตรก่อน ตอนนี้คุณพลขยับเข้าใกล้เธอขึ้นมาอีกขั้นแล้ว เขาตัดคำว่า คุณ ที่นำหน้าชื่อเธอออกไปโดยไม่เสียเวลาขออนุญาต
มีคนคนหนึ่งที่ผมอยากแนะนำให้ข้าวรู้จักด้วย เผื่อข้าวจะได้เรียนรู้อะไรดีๆ จากเขา...
ใครคะ?
น้องชายผมเอง
ที่คุณพลว่า ขี้งก หวงวิชาคนนั้นน่ะเหรอคะ? แล้วเค้าจะยอมสอนข้าวเหรอ?
ไม่ยอมก็ต้องยอม เดี๋ยวผมหักคอมันเอง
นี่คือแผนการ ที่จะนำเขาไปสู่แหล่งปลูกข้าวพันธุ์พื้นบ้านหายากเหล่านั้น พาข้าวขวัญไปดูงานเกษตรอินทรีย์ที่บ้านนาของไอ้ทัพพ์!
แล้วบ้านน้องชายคุณพลอยู่ที่ไหนคะ?
ไม่ใกล้ไม่ไกลครับ...
หลังจากสืบหาอยู่ไม่นาน ก็ได้ความจากทนายคนสนิทของพ่อว่า เจ้าน้องชายตัวดี หนีไปเปิดโรงเรียนชาวนาแถวธัญบุรี ปทุมธานี ไอ้เวร! เสือกบอกว่า ออกต่างจังหวัดไปทำนา นึกว่าจะแน่ ที่แท้ก็อยู่แค่นี้เอง อะโด่ว
...แต่ไม่ทราบว่า ข้าวสะดวกมั๊ยเอ่ย ถ้าผมจะชวนค้างคืน... อ่า... ที่นั่น?
ค้างคืน? คุณพลพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง... หรือเขาต้องการรุกคืบความสัมพันธ์ของเธอกับเขามากกว่าแค่จูบแก้ม จึงจงใจสร้างโอกาสขึ้นมา?
แต่ด้วยความถือดีว่ามีวิชาติดตัว ลูกสาวลุงสิบจึงไม่กลัวอะไร เอาน่า... เพื่องาน... ไปก็ไป!
ไม่นะ... หญิงสาวหวังว่าจะไม่ใช่... อา... นี่มันทางกลับบ้านเธอนี่นา!
หลังจากนั่งลุ้นมาตลอดทางอันคุ้นเคย ข้าวขวัญบอกไม่ถูกเลยว่ารู้สึกแปลกใจและตื่นเต้นแค่ไหนที่คุณพลเลี้ยวรถเข้าไปในซอยบ้านพ่อที่เธอไม่กล้ามาตั้งนาน
บริเวณรอบๆ บ้านพ่อเปลี่ยนไปเป็นโรงเรียนชาวนาจนข้าวขวัญแทบจำไม่ได้ และที่ไม่เคยเห็นมาก่อน... บ้านไม้ทรงไทยสองชั้นตกแต่งสวยงามหลังกระทัดรัดที่คุณพลนำรถเข้าไปจอด
ถึงที่หมาย! ไม่ใช่คุณพลหรอกที่เป็นพูด แต่เป็นจีพีอาร์เอสติดรถที่คุณพลตั้งจุดหมายไว้เพื่อให้มันช่วยบอกทาง เสียงเหมือนหุ่นยนต์ของมันทำให้เธอสะดุ้ง ถึง... ถึงแล้ว? นี่คือบ้านใคร อยู่ใกล้บ้านพ่อของเธอแค่นิดเดียว...
คุณพลแอบกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ บ้านไอ้ทัพพ์ขับรถมาแค่ชั่วโมงเดียว หาก็โคตรง่าย มันไปไหนไม่รอดแน่... ยิ่งเมื่อวันก่อน เขาเพิ่งจะรู้ข่าวสำคัญอีกอย่าง ยัยจี้หนีมาอยู่กับมันที่นี่... แค่คาบข่าวนี้ไปบอกแม่เท่านั้น มันต้องไสหัวกลับมาเป็นคนของทรูฟู๊ตแน่นอน!
ไอ้เป๋บ้านี่ ห่วยชะมัดเลย ไม่มีปัญญาหาผู้หญิงข้างนอกหรือไง สุดท้าย ต้องมาคว้าเอาเด็กในบ้าน น่าสงสารยัยจี้ โดนเลี้ยงแบบทิ้งๆ ขว้างๆ ตั้งแต่เด็ก โตมาเลยบ้าๆ บอๆ ไม่ค่อยเต็มบาท ...จะมีผัวกับเค้าสักคน ก็พิกลพิการไม่สมประกอบอีก แต่ก็นะ... ดีเหมือนกัน ไอ้ทัพพ์จะได้ไปไหนไม่รอด อย่างที่แม่เขาวางแผนไว้ สมกับเป็นไทเฮาจริงๆ มองอะไรล่วงหน้าได้ทะลุปรุโปร่ง จับคู่ให้พวกมัน ทีแรกก็ทำเป็นไม่สนใจ แล้วเป็นไงล่ะ มาแอบเอากันนอกบ้าน ...นี่เขาบอกแม่ไปแล้ว ไม่รู้ว่าแม่โทรมาหาไอ้ทัพพ์หรือยัง แต่... อีกเดี๋ยวก็รู้...
ในใจข้าวขวัญอัดแน่นไปด้วยคำถามมากมายขณะก้าวลงจากรถ ทำไมน้องชายคุณพลถึงมาอยู่ที่นี่ เขาเป็นใคร รู้จักพ่อเธอหรือเปล่า? หรือว่าเขา... อา... สังหรณ์บางอย่าง ทำให้เธอรู้สึกกลัว... กลัวว่าจะต้องพบเจอคนที่เธอไม่อยากพบเจอ
แต่แล้ว เธอก็หนีไม่พ้นจนได้!
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ จะให้ข้าวขวัญพูดอะไรมากไปกว่านี้อีก เธอคิดไม่ออกจริงๆ สมองไม่ทำงานเลยเมื่อเห็นหน้าคนที่คุณพลแนะนำว่าเป็น น้องชายของเขา
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย จากวันที่เธอตัดใจจากเขาไป เหมือนแค่ไม่กี่วันมานี้เอง ...โดยเฉพาะแววตาของเขา ที่มองมาอย่างตัดพ้อ...
นำทัพพ์!!! ...เป็นเขาจริงๆ!
ทำไมเขาถึงกลายเป็นน้องชายของกรรมการผู้จัดการทรูฟู๊ตไปได้? หรือ... เขาเป็นอยู่นานแล้ว แต่เธอไม่เคยรู้ อา...มิน่าเล่า เขาถึงได้ซื้อมันทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่เว้นแม้แต่ลูกสาวชาวนาอย่างเธอ
แล้วนี่พ่อรู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร ลูกชายบุญธรรมของเจ้าสัวล่ำซำ เจ้าชายคนเล็กของอณาจักรทรูฟู๊ต มาทำอะไรที่นี่ โรงเรียนชาวนา?
แต่... ที่ทำให้ข้าวขวัญแทบจะล้มทั้งยืน...
ข้าวคงไม่รู้ใช่มั๊ย ว่ายัยแองจี้เด็กฝึกงานของคุณน่ะ... ความจริงเป็น ว่าที่น้องสะใภ้ ของผม 555
น้องสะใภ้
น้องสะใภ้
น้องสะใภ้
ทำไมคำคำนี้ถึงทำให้เธอเจ็บปวดไปทั้งหัวใจแบบนี้ได้?
อา... ที่แท้ มีแต่เธอเท่านั้นที่บ้าไปเอง เป็นฝ่ายจากเขาไปหลายปี แต่กลับลืมเขาไม่ได้สักที ในขณะที่เขากลับ... มีใหม่!
เข้าใจหาจริงๆ อย่างนี้หรือเปล่าที่เขาว่า สมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ...เธอเคยได้ยินว่า เนื้อคู่กันมักมีหน้าตาคล้ายกัน แล้วดูชายหญิงคู่นี้สิ... ไม่แปลกเลยที่เธอรู้สึกคุ้นหน้าและถูกชะตากับเด็กคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น แค่นึกไม่ถึงเท่านั้นแหละว่า เธอจะเป็นว่าที่ภรรยาของเขา...
สวรรค์จงใจกลั่นแกล้งเธอหรือไงนะ ทำไมเธอถึงต้องตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ คุณพลก็ประหลาดแท้ บ้านน้องชายมีห้องนอนเดียว ยังจะดื้อแพ่งนอนบ้านเขาอยู่ได้ ทั้งๆ ที่ขับรถไปเช้าเย็นกลับก็ได้ แค่มาดูงานเกษตรอินทรีย์ที่โรงเรียนชาวนาจัดสัมนา สอนชาวบ้าน ไม่เห็นต้องค้างคืนเลย หรือจะว่าเขาเอาเรื่องงานมาบังหน้าเพื่อรุกคืบความสัมพันธ์กับเธอ ก็ไม่น่าใช่... ทำไมต้องเลือกบ้านน้องชายบุญธรรมที่หน้าตาไม่รับแขกขนาดนี้ โรงเรียนชาวนาก็ไม่ใช่ฉากรักโรแมนติกซักหน่อย หรือว่า... เขามีเป้าหมายอะไรซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังการมาที่นี่?
ที่น่าแปลกใจ นำทัพพ์กับพี่:-)ก็เหมือนมีอะไรปิดบัง ไม่อยากให้เธอรู้ด้วย ทั้งสองทำท่าเหมือนไม่ค่อยอยากต้อนรับเธอเลย ทำไมนะ? ทำอย่างกับเธอเป็นหัวขโมย? ทั้งๆ ที่ปณิธานของพ่อ นโยบายโรงเรียนชาวนาแต่เดิม คือแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเกษตรอินทรีย์กับชาวนาทุกคนโดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติชนชั้น จะเป็นชาวเขา ชาวเกาะ หรือ มาจากจังหวัดไหนก็ต้อนรับหมด อย่าว่าแต่ทั้งคู่ก็รู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นลูกสาวพ่อ และคุณพลก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นพี่ชายที่โตด้วยกันมากับเขา หรือว่า... พอเปลี่ยนเป็นองค์กรอิสระ ณ นครแห่งข้าว โรงเรียนชาวนาก็เปลี่ยนไป ...มีอะไรบางอย่างที่ให้คนนอกรู้ไม่ได้? พ่อล่ะ... พ่อรู้เรื่องนี้หรือเปล่า?
ข้าวขวัญอยากพบพ่อ แต่ก็รู้สึกเป็นโชคดีที่พ่อไม่อยู่ เดินทางไปดูงานต่างประเทศสิบวัน เธอยังไม่อยากให้พ่อรู้จักกับเขา จนกว่าเธอจะมั่นใจว่าเขาคือคนที่ใช่ และแน่ใจว่าโครงการของเขาทำได้อย่างพูดจริงๆ ไม่ใช่เหมือนนักการเมืองหาเสียง ก่อนเลือกตั้งวาดฝันนโยบายไว้ซะสวยหรู แต่พอได้เก้าอี้นั่ง ก็ไม่ทำอย่างที่พูด
(เอ หรือว่าทำอย่างที่พูดเป๊ะ ...เพื่อประโยชน์สุขของพ่อแม่พี่น้อง ก็ทำเพื่อประโยชน์สุขของพ่อแม่พี่น้องจริงๆ แต่พ่อแม่พี่น้องของตัวเองและพวกพ้องนะครับท่าน)
อีกอย่างเธอยังไม่พร้อมจะให้คุณพลรู้จัก ตัวตนของเธอ ...ไม่อยากให้เขารู้ด้วยว่าเธอกับน้องชายของเขาเคย... ไม่ไม่ไม่ เธอไม่ยอมเด็ดขาด ข้าวขวัญไม่ได้อายที่เธอไม่ใช่หญิงสาวบริสุทธิ์ แต่เธออายที่ครั้งหนึ่ง เคยตกเป็นของเล่นให้น้องชายเขาเลี้ยงไว้ราวกับ... ผู้หญิงอย่างนั้น
ดูเหมือนว่าทุกคนมีความลับอะไรต้องปิดบัง คุณพลมี นำทัพพ์มี เธอเองก็มี... แม้แต่ยัยจี้เส้น
ข้าวขวัญไม่ได้คิดไปเอง มีอะไรบางอย่างทำให้เธอรู้สึกว่า ว่าที่น้องสะใภ้คุณพล ที่เกาะอยู่ข้างตัวนำทัพพ์ตลอดเวลาก็ซ่อนความลับไว้ภายใต้เสียงใส ทับบี้จ๊ะ ทับบี้จ๋า ทำท่ารักเขาปานจะกลืน แต่สัญชาตญาณหญิง แค่ปรายตาก็รู้ว่ายัยนี่ไม่จริงใจ ออดอ้อนเขาเพื่ออะไรสักอย่าง
ที่น่าหงุดหงิดที่สุด คนโง่นั่นดันตามไม่ทัน ยอมให้ยัยเด็กนั่นแด๊ะแด๋อยู่ได้ หรือว่าเจอเด็กกระแซะเข้าไป เลยหน้ามืด ใช่ซี่... เด็กมันอายุแค่ยี่สิบต้นๆ นี่ ไม่เหมือนเธอมันเลขสามแล้ว ชิ ...หงุดหงิดๆๆ... แค่ได้ยินคำว่าทับบี้ เธอก็อยากอวกแล้ว แค้นๆๆ... อยากฆ่าคน!
สีหน้าท่าทางแปลกๆ ของนำทัพพ์กับข้าวขวัญหาได้รอดสายตาอันเฉียบคมของกรรมการผู้จัดการทรูฟู๊ตไม่ ...น้องชายของเขามีปัญหาอะไรกับเธองั้นเหรอ?
โชคดีหรือร้ายไม่รู้ คุณพลแค่สงสัย แต่เขาไม่ทันได้สังเกตุอะไรมากไปกว่านั้น เพราะมีเรื่องน่าสนใจกว่า โรงเรียนชาวนา ไอ้ทัพพ์มันบ้ารึเปล่าวะ ลงทุนลงแรงทำซะดีแบบนี้ทำไม อย่างที่เค้าว่าล่ะนะ ไอ้พวกด๊อกเตอร์มันสมองไม่ปกติ โชคดีที่เขาขี้เกียจเรียน
แต่ก็ดี... เป็นระบบกว่าที่คิดแบบนี้ เขาก็จะได้ จัดการง่าย !
เมื่อเขาถูกต่อต้านจนต้องเก็บพับการทดลองจีเอ็มโอ ก็หันมาสนใจการเกษตรปลอดสารพิษ ซึ่งมีตลาดโตขึ้นเรื่อยๆ จากความกังวลของผู้บริโภค เขาจึงมีไอเดีย สร้างภาพให้ทรูฟู๊ตเป็นดั่ง สัญลักษณ์ ของอาหารปลอดภัย True Organic ...ฟังดูเข้าท่า ถึงแม้จะจีเอ็มโอเมล็ดพันธุ์ต้านยากำจัดวัชพืชและแมลงไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทรูฟู๊ตจะทำการเกษตรอินทรีย์ไม่ได้ ...ก็อีแค่ไม่ใส่ปุ๋ยเคมี เขาก็จำหน่ายเมล็ดพันธุ์รุ่นใหม่ กินปุ๋ยอินทรีย์ แล้วผลิตปุ๋ยอินทรีย์ออกมาขาย ปล่อยแมลงตัวห้ำตัวเบียน... มีสูตรสำเร็จ พื้นที่เท่าไหร่ ต้องใช้แมลงอะไรกี่ตัว ทำให้เป็นระบบแบบครบวงจร โฆษณาให้เกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมโครงการ งานนี้รัฐบาลน่าจะเอาด้วย เพราะฟังดูเป็นคนดี๊ดี...
สุดท้าย เขาก็ขายมันหมดทุกอย่าง ตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ยันสมุนไพรต้านแมลงสำเร็จรูป และแม้แต่แมลงตัวห้ำตัวเบียน ...เปลี่ยนยี่ห้อใหม่ เปลี่ยนการตลาดใหม่ ให้น่าเชื่อถือ ยังไงชาวไร่ชาวนาเห็นโลโก้ทรูฟู๊ตเป็นผู้ผลิตก็มั่นใจกว่านั่งหมักปุ๋ยชีวภาพเอง ที่สำคัญ...สะดวกกว่า ไม่เสียเวลา เปลืองแรง และที่เขาชอบที่สุด อาหารปลอดสารพิษขายได้ราคากว่าตั้งเยอะ แถมยังได้เป็นพระเอก... หึหึ...
อ้อ... ที่สำคัญที่สุดคือ ทำให้เขาพบหญิงสาวที่น่าสนใจอย่างข้าวขวัญ และยังใช้เป็นข้ออ้างพามาดูงานถึงที่นี่ หารู้ไม่ เกษตรอินทรีย์เป็นเพียงเป้าหมายแรกเท่านั้น สิ่งสำคัญที่เขาต้องการ... น่าจะอยู่ในแปลงนาทดลองของโรงเรียนชาวนาที่เขาเห็นเขียวๆ นั่นแหละ!
เนื่องจากมีห้องนอนเดียว เจ้าของบ้านจึงต้องเสียสละห้องนอนของเขาให้หญิงสาว ส่วนตัวเขาลงไปนอนกับพี่ชายในห้องทำงานชั้นล่างซึ่งเต็มไปด้วยคอมพิวเตอร์และเครื่องไม้เครื่องมือหน้าตาแปลกๆ ...ที่สะดุดตาเธอที่สุด... เก้าอี้สีแดงตัวนั้น!!!
อา... เขายังเก็บมันไว้อยู่อีกหรือนี่ ดูเหมือนว่าเขาจะใช้มันเป็นเก้าอี้ทำงาน! หมายความว่ายังไง? ทำไม... บ้าจริงๆ แค่เห็นเก้าอี้ ทำไมเธอถึงต้องใจสั่นขนาดนี้ด้วย? ยิ่งเห็นสายตาที่เขาส่งมาเหมือนจะพูดว่า ...เราเก็บมันไว้ดูต่างหน้า รอเธอกลับมาเข็นมันให้เรานั่งอีกครั้ง ข้าวขวัญก็ยิ่งหวั่นไหวราวกับมีพายุหมุนข้างในอก กลัวเหลือเกินว่าจะมีใครจับพิรุธได้ ว่าเธอไม่ปกติ
เอ่อ... ข้าวเหนื่อย ขอตัวขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะคะ
นึกว่าหลบสายตาเขาขึ้นมาอยู่คนเดียวในห้องนอนชั้นบนแล้วจะดีขึ้น แต่ที่ไหนได้... อาการของเธอกลับยิ่งทรุดหนักลง หลายสิ่งหลายอย่างที่มีอดีตร่วมกัน เขายังเก็บมันไว้ในห้องนี้
กระดานหมากรุกที่เคยเล่นด้วยกัน ตุ๊กตาหมีพูห์ที่เขาซื้อมาล้อเลียนเธอ นาฬิกาปลุกที่เธอซื้อจากตลาดนัดมหาลัย ตอบแทนที่เขาให้นาฬิกาข้อมือ เครื่องเล่นซีดีรุ่นแรกๆ ที่เขาซื้อมาไว้ในห้องนั่งเล่น แม้แต่เพลงที่เปิดค้างไว้ก็ยังเป็นเพลงที่เธอชอบฟัง...
เตียง หมอน ผ้าห่ม เต็มไปด้วยกลิ่นกายของชายหนุ่มที่เธอไม่มีวันลืม ไออุ่นจากตัวเขาที่เธอเฝ้าโหยหา... เจือกลิ่นแป้งเด็กหอมอ่อนๆ กลิ่นเดียวกับที่เธอซื้อมาแบ่งกับเขาใช้ เป็นยี่ห้อที่พ่อเธอปะให้ตั้งแต่เด็ก... จนป่านนี้แล้ว เขายังไม่เปลี่ยนอีกเหรอ?
ข้าวขวัญไม่รู้เลยว่านอนระทวยดื่มด่ำกับความหลัง ซุกซบใบหน้าฝังจมหมอนของ ผู้ชายเลวๆ ที่ทำร้ายเธอ อยู่นานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีก็เมื่อมือที่กำลังเคลื่อนไหวไปมาอยู่ใต้หมอนราวกับลูบไล้แผงอกเจ้าของเตียงสัมผัสเข้ากับอะไรบางอย่างที่แข็งและเย็น...
กุญแจ?
จากคุณ |
:
Acciacatura
|
เขียนเมื่อ |
:
3 มิ.ย. 54 21:52:53
|
|
|
|