Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
>>>>!!!จ้างเธอให้รัก ตอนที่2!!!<<<< ติดต่อทีมงาน

ลิงค์ของตอนที่ผ่านมานะคะ

บทนำและตอนที่ 1
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10613052/W10613052.html

********************


บทที่สอง

พบเจอ



หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปแล้ว นีรนาเริ่มจะทนกับสภาพห้องที่ทำให้เธอหงุดหงิดทุกครั้งเมื่อย่างเท้าก้าวข้ามธรณีประตู ได้

การเรียนก็เหนื่อยพอดูแต่เรื่องหอพักนั้นเหนื่อยใจกว่า

เธอเพิ่งจะได้ห้องพักราคาปานกลางใกล้ๆมหาวิทยาลัยหลังจากสอบถามนักศึกษาซึ่งเรียนในระดับเดียวกัน นีรนารู้สึกโชคดีมาก เธอจึงรีบติดต่อเพื่อเริ่มทำการขนย้ายทันทีทว่าหญิงสาวต้องรอจนกว่าวันเริ่มสัญญาเช่านั่นก็คืออาทิตย์หน้า แปลว่าเธอต้องนอนซมในห้องพักอับชื้นของพี่สาวต่อไปอีกสักพักอย่างจำยอม

ตอนนี้นีรนารู้สึกคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวมากขึ้น เธอมีเวลาโทรศัพท์กลับไปบอกแม่และพ่อว่าเธอสบายดี เพียงเรื่องอาชีพของนราวรรณเท่านั้นที่เธอไม่ได้พูดความจริง

นีรนารู้ดีว่าแม่จะต้องเสียใจมากๆหากรู้ว่านราวรรณขายบริการ แม่ของเธอไม่ชอบหญิงสาวผู้ได้ชื่อว่าโสเภณีเนื่องด้วยอคติส่วนตัวของแม่ หญิงสาวเกลียดความรู้สึกที่ดูเหมือนพี่สาวตัวเองต่ำต้อยสำหรับสายตาของคนอื่นเช่นนี้ บางทีหลายคนคงคิดว่านราวรรณเป็นผู้หญิงไร้ค่าและนีรนาก็อยากจะปกป้องพี่สาวตนเองแม้ว่าจะทำอะไรไม่ได้เลยก็ตามที

นีรนาไล่ความคิดเหล่านั้นออกไปจนหมดสิ้นระหว่างเขียนรายงาน

การศึกษาคงจะเป็นสิ่งเดียวที่จะยืนยันความมุ่งมั่นของตัวเธอเองและพี่สาวได้ เธอกำลังทำได้ดีและพึงพอใจกับงานนี้มาก



เย็นนี้พี่มีนัดกับลูกค้า คงจะทานอาหารค่ำด้วยไม่ได้ ขอโทษนะ

วรรณ



นีรนาอ่านข้อความอย่างเอือมระอา เธอเบื่อกับคำกล่าวซ้ำซากของพี่สาว ตอนนี้เริ่มรู้สึกตัวว่าอยากมีงานนอกเวลาทำบ้างเพื่อไม่ต้องพึ่งพาเงินทุนพี่สาวเพียงอย่างเดียว





ในวันรุ่งขึ้นนีรนารีบตื่นเช้าเดินทางไปเรียนในมหาวิทยาลัย

ครั้งนี้เธอเห็นแผ่นป้ายประกาศกล่าวแสดงความยินดีกับเหล่าบัณฑิตซึ่งเรียนจบในปีนี้ เธอมองดูข้อความแปะทั่วทั้งมหาวิทยาลัยด้วยความประหลาดใจ เธอจำได้ว่าปีที่แล้วเธอเพิ่งจะได้รับใบปริญญา เป็นช่วงเวลาที่น่ายินดีแม้ว่าครานั้นมีเพียงแม่คนเดียวที่มาแสดงความยินดีร่วมกันกับเธอก็ตามที

นีรนาใช้เวลาช่วงเช้าอ่านหนังสือในห้องสมุดก่อนจะผล็อยหลับไปภายในเวลาเพียงยี่สิบนาทีหลังจากเริ่มพลิกกระดาษหน้าแรก

ในตอนนั้นเองที่มีนักศึกษาชายรุ่นพี่คนหนึ่งกำลังค้นหาหนังสือตามชั้นวางหนังสือ เขาเดินไปเรื่อยๆไล่ตัวหนังสือจนกระทั่งสายตาต้องไปสะดุดเข้ากับนีรนาผู้ซึ่งแอบพิงศีรษะกับกำแพงในแถวชั้นวางหมวดคณิศาสตร์เพียงลำพัง ชายหนุ่มเพ่งพิจมองดวงหน้าของอีกฝ่ายก่อนจะอมยิ้มออกมา

นีรนาสินะ ...

เขาคิดในใจแล้วจึงสะกิดเธอเบาๆทว่าเธอไม่ตื่นแถมด้วยการสะบัดมือแรงๆตอบ

ชายหนุ่มต้องส่งเสียงปลุกแล้วนีรนาจึงลืมตาตื่นขึ้นมามองดูอีกฝ่าย

“ขอโทษค่ะ”เธอบอกเมื่อเขาหยิบหนังสือออกไปจากชั้นวางพร้อมหัวเราะเบาๆ

“นีรนาหรือเปล่าครับ”หญิงสาวมองดูชายหนุ่มก่อนจะพยักหน้ารับ

“ทีคครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

“เช่นกันค่ะ”เธอบอกอย่างงงๆ

แววตาสงสัยไม่สามารถหลบซ่อนจากการสังเกตจากอีกฝ่ายได้“ผมเรียนคณะบริหารธุรกิจ คงจะบังเอิญดีหากผมจะบอกว่าผมไปหาเพื่อนที่คณะของนีรบ่อยๆ”นีรนาฟังพลางนึกว่าเธอไม่เคยเจอหน้าผู้ชายคนนี้ที่ภาควิชาของตนเองเลยสักครั้งเดียว

แต่ก็ไม่แปลกอะไรเลยหากเธอลองนึกดูอีกทีว่าตนเองเพิ่งจะเข้ามาอยู่ที่นี่ได้เพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้น

“ไอ้บอลน่ะครับ”

“อ้อ รู้จักค่ะ”นีรนาบอกพลางพยักหน้ารับ “รุ่นเดียวกับบอลสินะคะ”

“รุ่นพี่ของนีรหนึ่งปีนั่นล่ะครับ เอาล่ะ ไม่รบกวนแล้ว ... ถ้าหากเจอกันอีกก็ทักกันได้นะครับ”ทีคบอกพลางกล่าวลา

เธอโบกมือน้อยแล้วจึงหันไปหยิบหนังสือตั้งใจอ่านอีกครั้งก่อนเข้าชั้นเรียนในช่วงบ่าย





\\\\\\\\\\\\\\\\\\\





ทีค หรือชื่อจริงของเขาคือ กษิดิษ อรุณาเดช ชายหนุ่มผู้มีอนาคตไกล เขาถือหุ้นกิจการร่วมกับพี่ชายไม่แท้ของตนเองตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรี ถ้าหากกล่าวถึงเด็กเก่งในคณะบริหารธุรกิจแล้วทุกคนคงจะต้องรู้จักชื่อของเขา เนื่องจากว่าครอบครัวของทีคร่ำรวยอยู่ก่อนแล้วทำให้ตัวเขาเองได้รับความสะดวกสบายตั้งแต่ครั้งยังเยาว์ พี่ชายต่างมารดาช่วยเป็นแรงผลักดันให้เขาเข้าร่วมในวงการทางธุรกิจ เริ่มแรกทีคศึกษางานทางเศรษฐกิจด้วยตนเองตั้งแต่มัธยมต้นและมีความทะเยอทะยานที่จะร่วมเล่นหุ้นกับเหล่าผู้ใหญ่ ซึ่งในที่สุดตอนนี้เขาก็มีอีกหนึ่งกิจการซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนเกี่ยวกับรถยนต์ร่วมกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง นามว่าบอลเขาเป็นผู้ที่เรียนอยู่สาขาคณิตศาสตร์ร่วมกับนีรนานั่นเอง

บอลเพิ่งจะรู้ตัวว่าตนเองหลงรักงานเชิงธุรกิจมากกว่าการเรียนจนจบปริญญาแล้วทำงานราชการอย่างเช่นอาชีพครูอาจารย์ เขาตั้งใจจะเรียนปริญญาโทให้จบภายในปีหน้าและผันตัวเพื่อเป็นนักธุรกิจเช่นเดียวกับกษิดิษ อรุณาเดช

ทีคไม่แปลกใจหรอกว่านีรนาจะไม่รู้จักเขา ในเมื่อเขารู้ดีว่าเธอเพิ่งจะสอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยแห่งนี้ในระดับปริญญาโทปีนี้ ครอบครัวนีรนามาจากชนชั้นกลางผู้ที่มีฐานะไม่ค่อยดีนักและที่สำคัญคืออาศัยในห้องเช่าแห่งหนึ่งซึ่งเขาก็ไม่มีทางรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน

ทว่าทีคอยากรู้มากกว่านั้น ....

บางทีอาจจะเพราะเขาชอบเธอ ...

เขาเพิ่งจะพบเห็นเธอเดินผ่านไปผ่านมาในอาคารของคณะเพียงแค่อาทิตย์กว่าๆเท่านั้นเอง แต่ทว่ารอยยิ้มและแววตาของเธอดึงดูดจนทำให้เขาคิดว่าเธอคงจะเป็นคนที่ใช่แล้วความคิดนั้นก็ทำให้เขารู้สึกได้ว่าอยากจะรู้จักเธอให้มากกว่านี้

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงเธอสนทนากับเขา

เสียงน่ารักชะมัด...

ทีคได้แค่เพียงยิ้มกริ่มและเดินจากเธอไปอย่างอารมณ์ดี เขาหวังเอาไว้แค่เพียงไม่ให้ไอ้บอลมันลาออกจากภาควิชาคณิตศาสตร์เสียก่อน เพื่อที่เขาจะได้มีเวลาเดินแกร่วแวะไปดูหญิงสาวบ้างเป็นครั้งคราวอีก

“แกเป็นอะไร ดูอารมณ์ดีจริงเชียว” เพื่อนในภาควิชาเดียวกันต้องถามอย่างสงสัยขณะมองดูรอยยิ้มประหลาดๆของทีค

ทีคไม่ได้ตอบ เขาได้แต่เพียงยักคิ้วหลิ่วตา มองดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาหากเมื่อเวลาเรียนหมดเมื่อใดเขาก็จะวิ่งรี่ตรงไปยังลิฟท์ขึ้นไปยังชั้นห้าเดินข้ามตึกไปหาไอ้บอลที่ภาคคณิตศาสตร์ทันที

“อีกไม่นานก็จะถึงวันรับปริญญาแล้วนะ”

“ใช่สิ รุ่นพี่พวกเราจบสิบคน”ทีคบอกเสริมหันไปมองป้ายประกาศ “หนึ่งในนั้นก็เป็นพี่ชายร่วมสาบานของฉันด้วย”

“แกคงไม่ได้หมายถึงเขา”เพื่อนของเขาบอกพลางเดินออกจากอาคารและกล่าวชวนทีคให้เล่นบาสเกตบอลเป็นเพื่อนช่วยซ้อม

“เขานั่นล่ะ ... พี่ชายผู้ที่กระตุ้นให้ฉันถือหุ้นของบริษัทร่วมกันกับเขาน่ะ แล้วก็เพราะความมั่นใจทำให้ฉันทุ่มเงินทั้งหมดในบัญชีไปโดยไม่นึกเสียดายเลย”

“ให้ตายเถอะ ... คงมีแต่เขาเพียงคงเดียวที่โน้มน้าวแกได้น่ะทีค”

ถ้าหากว่าคนที่กล่าวประโยคนี้คือทีคล่ะก็ ... เพื่อนของเขาคงไม่มีทางเชื่อถือเป็นแน่

ทีคมีความอัจฉริยะซ่อนลึกในทางธุรกิจ ถึงแม้ว่าบางครั้งไม่ค่อยเข้าเรียนแต่คะแนนก็นำลิ่วเสมอๆพอๆกับตัวเลขขาขึ้นของกราฟน้ำมัน

ทีคซ้อมชู้ตลูกบาสจากนอกเขตโทษ ใจของเขาไม่ได้ฟังคำถามของเพื่อนตนเองเสียเท่าไหร่ ทุกวินาทีคือตัวเลขเชิงธุรกิจและงานเลี้ยงด้วย

ไม่สิ ... ตอนนี้รวมถึงเรื่องของนีรนาก็แทรกเข้ามาในความคิดบ้างเป็นครั้งคราว

“นี่แน่ะ ไอ้โต้”ทีคหันมาโยนลูกบาสเกตบอลคืนให้แก่เพื่อน

“อะไรล่ะ”

“ช่วยฉันหน่อยสิ”

เพื่อนของเขาต้องเลิกคิ้วสูงตอบ “ช่วยเรื่องอะไรล่ะ”

“จีบผู้หญิง”

ไอ้โต้ต้องหัวเราะกราวรู้ในทันทีนั้นว่าทีคกำลังแอบชอบผู้หญิงสักคน “ใคร?”

“ด้านหลังของแก”ทีคพูดแทบจะเป็นเสียงกระซิบ เหลือบสายตามองนีรนาซึ่งถือหนังสือสนทนากับเพื่อนสาวบริเวณทางเดินเชื่อมอาคาร เธอกวาดสายตามองสนามบาสเกตบอลผ่านมาพอดิบพอดี ทีคจึงโบกมือไหวๆแล้วเธอก็พยักหน้ายิ้มอย่างอบอุ่นตอบ

ไอ้โต้ต้องยักคิ้วให้แก่เพื่อน

“น่ารักใช่ไหมล่ะ”ทีคบอกด้วยความพึงพอใจ

“น่ารักดี เรียนป.ตรีหรือเปล่าน่ะ?”

“ไม่ใช่หรอก รุ่นน้องพวกเราหนึ่งปี”ทีคบอก “เธอเพิ่งจะเรียนปริญญาโทภาคคณิตศาสตร์ปีนี้”

“น่าสนใจนะ”ไอ้โต้หัวเราะแล้วทีคต้องเข้ามาต่อยแขนเพื่อนเบาๆ

“ฉันจองแล้ว วันนี้จะไปหาไอ้บอลที่ภาคของมัน”

“ต้องให้ฉันช่วยหรือเปล่าล่ะ”ไอ้โต้ถาม

“วันนี้คงไม่ต้องหรอก”ทีคบอกพร้อมกับแย่งลูกบาสเกตบอลจากเพื่อนก่อนจะวิ่งก้าวกระโดดเลี้ยงลูกแล้วชู้ตลงห่วงอย่างสวยงาม “ ให้กำลังใจว่าฉันจะจีบเธอได้ก็พอแล้ว”





ในช่วงเวลาสี่โมงเย็นของวันเดียวกัน ทีคก็รีบโทรศัพท์สนทนากับบอลผู้เป็นเพื่อนสนิท เขาไม่รอช้าที่จะไปพบเพื่อนตนเองทันทีและก็เป็นไปตามคาดเมื่อพบว่านีรนานั่งสนทนากับไอ้บอล ทีคมองผ่านกระจกใส เขาจัดเสื้อผ้าให้ดูเรียบร้อย จัดทรงผมให้เนี้ยบที่สุดแล้วก็ผลักประตูเข้าไปอย่างผึ่งผาย

“สวัสดีค่ะ”นีรนาหันมาทักทาย ทีคดีใจจนยิ้มแก้มปริ เขาเดินอย่างมีมาดไม่ฟังเสียงทักของไอ้บอลเลยเพียงสักนิดเดียวแล้วจึงนั่งลงข้างๆเพื่อนตนเองเหลือบมองหญิงสาวเบื้องหน้าพร้อมสายตามีเลศนัย

“สวัสดีค่ะพี่ทีค”

“สวัสดีจ้าสาวๆ”ทีคหันไปทักทายรุ่นน้องของไอ้บอลภาคคณิตศาสตร์

“วันนี้แกมาเร็วดีนะ”ไอ้บอลบอกอย่างรู้ทัน

อันที่จริงเพื่อนของเขารู้ว่าทีคต้องชอบนีรนานับตั้งแต่วันแรกของการเปิดเรียนภาคการศึกษานี้ เมื่อพบว่าทีคจับจ้องเธอตาไม่กระพริบขณะที่บอลกำลังวิเคราะห์งานธุรกิจของตนเองให้แก่เพื่อนฟังแทบทุกครั้ง

“เย็นนี้พวกเราไปทานข้าวด้วยกันดีกว่านะ ไอ้บอล”ทีคพยักเพยิดหน้า “นะครับนีร”หญิงสาวได้แต่เพียงแปลกใจยิ้มตอบ ไม่ว่าเธอจะคิดอย่างไรถ้าหากเธอไม่ปฏิเสธเขาก็คงจะชวนให้ถึงที่สุด

ไอ้บอลต้องกระแอมเสียงดัง “พวกเราควรจะคุยเรื่องสัญญาว่าจ้างของลูกจ้างในเดือนนี้กันก่อนจะดีไหม ... อันที่จริงวันนี้แกควรจะส่งเอกสารประกอบการลงบัญชีมาให้แก่ฉันได้ด้วย”

“ขอโทษที ... พรุ่งนี้ดีไหม”ทีคต้องหันไปยิ้มแหยๆขณะบอลหรี่ตาตอบ

นีรนาหัวเราะเบาๆก่อนจะนั่งเขียนรายงานภาษาคณิตศาสตร์ซึ่งยากจะเข้าใจสำหรับทีคเป็นอย่างยิ่ง วันนี้เป็นวันที่ดีสำหรับชายหนุ่ม เขาไม่มีสมาธิทำงานเลยเพียงสักนิดนอกจากแอบเหลือบมองหญิงสาว ไอ้บอลต้องเอากระดาษตีศีรษะเพื่อนเบาๆเรียกสติคืนแล้วจึงทำให้ทีคเห็นความสำคัญงานธุรกิจของตนเองอีกครั้ง

เมื่อพวกเขาตกลงธุระกันเรียบร้อยทีคจะเป็นคนโทรศัพท์สนทนากับผู้ช่วยผู้จัดการงานให้ช่วยดำเนินการทุกอย่าง

“ทีคทำงานที่ไหนหรือคะ”นีรนาเอ่ยถามในที่สุด

“เปล่าครับ”ชายหนุ่มส่งสายตาบอกให้ไอ้บอลลุกออกไป “ผมกับบอลเราประกอบกิจการห้างหุ้นส่วนร่วมกัน” นีรนาต้องเบิกตาโตน่ารักๆของเธอ มองดูปราดเดียวก็รู้ว่าเธอคงจะมองเขาในเชิงบวก ใช่ ... ทีคอยากจะทำตัวให้ดูดีแก่หญิงสาวที่เขาต้องการจีบอย่างจริงจัง

“เก่งจังเลยค่ะ”นีรนารู้สึกปลื้ม “ฉันก็เคยฝันว่าอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง”

ทีคต้องอมยิ้มขณะมองดูแววตาขี้สงสัยของเธอ ... เขาอยากจะบอกเธอว่า ... ถ้าหากคุณเป็นแฟนกับผม เราก็คงจะได้มีธุรกิจร่วมกันแล้วล่ะ

ทว่าบางทีมันอาจจะเร็วไปหน่อย

“ผมแนะนำให้ได้นะครับ ไม่ต้องห่วง”ทีคพูดพร้อมยักคิ้ว ดูเหมือนนีรนาจะขำในลำคอ ... หรือว่าเธอเขินเขา?

“ไอ้ทีค แกกลับไปทำงานได้แล้ว”ไอ้บอลไล่เขาทำไมตอนนี้นะ “นีรต้องส่งรายงานเย็นนี้”

ทีคต้องร้องอุทานเบาๆก่อนจะกล่าวขอโทษ ทว่าเขาไม่ได้ออกจากห้องนี้หรอก ชายหนุ่มยังคงนั่งตรงข้ามกับเธอ หยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองออกมาตรวจข่าวเศรษฐกิจผ่านอินเตอร์เน็ตไร้สาย

เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงหกโมงเย็น นีรนารีบส่งรายงานแก่อาจารย์ เธอโดนติเรื่องการเขียนข้ามขั้นตอนตามกระบวนการทางคณิตศาสตร์ บอลเห็นว่าเธอไม่ค่อยพอใจงานของตนเองจึงชวนนีรไปทานอาหารเย็นด้วยกันเพื่อสนทนาคลายเครียด หญิงสาวตอบรับขณะที่ทีคต้องฉีกยิ้มกว้าง ทีคต้องใช้นิ้วชี้สะบัดบอกเพื่อนเป็นเชิงกล่าวขอบคุณขณะที่นีรนาไม่ทันได้สังเกตเห็น

ชายหนุ่มชวนหญิงสาวทานอาหารในภัตตาคารหรูๆร่วมกัน เขามองดูเธอตกตะลึงกับรายการอาหารและราคาถูกๆบนแผ่นเมนู

“แพง”เขาได้ยินเสียงนีรนากระซิบ

“ไม่เคยทานหรือครับ?”ทีคสงสัยก่อนที่หญิงสาวจะส่ายหน้าปฏิเสธ

นั่นสินะ ... เขาลืมไปได้อย่าไรกัน ... เขาสืบประวัติของเธอมาแล้วนี่นา เธอเกิดในฐานะที่ลำบาก และอาหารราคาแค่นี้สำหรับเธอคงจะไม่พอจ่ายต่อวันเสียด้วยซ้ำ

“มีเมนูแนะนำด้วยนะ”บอลบอกก่อนจะชี้ไปยังภาพถ้วยอาหาร

นีรนาอยากจะลิ้มรสอาหารเหล่านี้ แต่เธอไม่ชอบทานอาหารราคาแพงและครั้งนี้คงจะเป็นโอกาสสำหรับเธอ

“ผมจ่ายเอง”ทีคยิ้มกริ่ม

นีรนารีบสั่งในทันทีโดยที่เธอไม่ลังเลอีก บอลเหลือบมองก่อนจะหัวเราะขำขัน



\\\\\\\\\\\\\\\\\





“คุณหนูคะ โทรศัพท์คุณเปมิกาค่ะ”ชายหนุ่มเลื่อนสายตาจากตัวหนังสือหันไปมองคนใช้ เขารับโทรศัพท์เอาไว้แล้วจึงกล่าวขอบคุณ

“สวัสดีครับ”ปรุฬห์บอกก่อนจะฟังเสียงนิ่มๆเล็กๆจากปลายสาย

“สวัสดีค่ะ พี่รุฬห์ คุณพ่อชวนพี่รุฬห์ทานอาหารเย็นร่วมกันน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าวันนี้ ...”

“ครับ พี่จะไปหานะครับ”ปรุฬห์บอกแล้วจึงรีบวางสาย เขาต้องเอนตัวลงบนพนักใช้นิ้วนวดคิ้วหันไปยื่นโทรศัพท์คืนแก่คนใช้แล้วจึงรีบเดินกลับเข้าไปในห้องนอนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า

เขาต้องเล่นตามบทบาทคู่หมั้นไปจนถึงเมื่อไหร่กันนะ? วันนี้?พรุ่งนี้? หรือว่าจนกว่าจะแต่งงานกัน?

ทุกครั้งที่เปมิกาส่งเสียงเรียก เขาจะต้องนึกถึงแฟนเก่าของตนเอง ...

เขาอุตส่าห์ลืมเธอไปแล้วด้วยซ้ำ แต่น้ำเสียงของเปมิกากับแฟนเก่าของเขาไม่แตกต่างกันมากนัก นั่นสินะ แฟนเก่าของชายหนุ่มจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ ...เธอยังคงอยู่ลอนดอนจนกว่าจะเรียนจบปริญญาเอกหรือเปล่านะ ...

แต่เอาเถอะ เธอเป็นแค่อดีตของเขา ปรุฬห์ต้องเลิกคิดถึงมันได้แล้ว เขาควรเผชิญหน้ากับความจริงเสียที!

ชายหนุ่มรีบผลัดเสื้อแล้วจึงเดินสับเท้าถี่ๆเข้าไปยังโรงรถ เปิดประตูรถสปอร์ตสีเหลืองพาดลายดำแล้วจึงขับเคลื่อนเพื่อเดินทางสู่ครอบครัวธนากิจ





ทันทีที่ประตูรั้วครอบครัวธนากิจเปิดกว้างต้อนรับปรุฬห์อย่างอบอุ่น เขาก็มองเห็นเรือนร่างเล็กของหญิงสาวตัวน้อยต้อนรับเขาพร้อมรอยยิ้มอยู่บนหัวบันไดหินอ่อนบริเวณหน้าประตูบ้านพร้อมด้วยบรรดาพี่เลี้ยงและสุนัขพันธุ์คอร์กี้สองตัว

ปรุฬห์กล่าวสวัสดีแก่ทุกคนพร้อมรอยยิ้มมีสเน่ห์ เขาถูกเชิญให้ไปนั่งร่วมกันในศาลากลมใกล้ริมน้ำ

“เป็นยังไงบ้างครับ แสดงผลงานหรือการบ้านให้อาจารย์ดูบ้างแล้วยังครับ?”

“ค่ะ”เปมิกาพยักหน้ารับ เธอนำอาหารว่างมาให้แก่เขาขณะเดินเข้ามาในศาลา สะบัดกระโปรงสั้นเทียมเข่าแล้วจึงนั่งลงอย่างเรียบร้อย “ไม่มีปัญหาค่ะพี่รุฬห์ เปมรู้สึกว่ามันสนุกดี”

ปรุฬห์ฟังพลางพยักเพยิดหน้ายิ้ม สำหรับเขาแล้ว เขาคิดว่าเธอเป็นเด็กดีในด้านการเรียนอีกทั้งเธอเองก็มีมารยาทต่อแขกผู้ใหญ่ ทว่าคำนินทาลับหลังของบรรดาสาวใช้ทำให้เขาต้องตงิดใจว่าเธอแสร้งสนทนาไมตรีดีต่อเขาเหมือนที่เขากำลังกระทำกับเธอเช่นนั้นอยู่หรือไม่

ปรุฬห์อยากให้สิ่งที่เขานึกนั้นถูกต้อง ....

ถ้าหากเปมิกาไม่ชอบเขา เขาก็มีโอกาสจะเสนอทางเลือกให้เธอยกเลิกสัญญาเรื่องการหมั้นหมาย

พ่อบอกแก่ปรุฬห์ว่าพ่อต้องการจะตกลงเรื่องการหมั้นหมายอย่างเป็นทางการหลังจากเขารับปริญญา นั่นหมายความว่าข่าวเรื่องนี้จะต้องถูกตีพิมพ์ออกสื่อแน่นอน อย่างน้อยก็ต้องจับตาดูความคืบหน้าว่าเขาจะจัดพิธีหมั้นเมื่อไหร่เดือนไหน แล้วมันก็คงจะไม่ฉลาดเลยหากเขาจะกล่าวปฏิเสธเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นว่าเขาต้องการจะถอนหมั้น

ปรุฬห์ควรจะถามเปมิกาตรงๆขณะที่กำลังมีโอกาสสินะ

“น้องเปมิกา”

“คะ?”หญิงสาวส่งเสียงทักพร้อมรอยยิ้ม

“พี่อยากรู้ว่า ...”ปรุฬห์จับจ้องมองดวงตาของอีกฝ่าย ทุกอย่างนิ่งสนิท เขาควรจะพูดดีหรือเปล่านะ ... ไม่สิ เราไม่ควรลังเลอีกแล้ว “พี่อยากจะรู้ว่า เปมิกาคิดยังไงกับพี่หรือครับ”สิ้นสุดคำถามอีกฝ่ายก็หน้าแดงก่ำรีบหลบสายตาของเขาทันทีนั้น

ปรุฬห์ต้องการเพียงคำตอบ เขาพยายามเขม้นมองเธอคาดคั้นคำพูดทว่าเธอกลับยิ้มบางๆเหลือบมองดูเขาด้วยท่าทีเขินอาย ...

เดี๋ยวสิ ... น้องเปมิกาเขิน ...

ถ้าหากเธอไม่ชอบเขาเธอไม่ควรจะเขิน ... เดี๋ยวก่อนนะ ... เธอคงจะไม่ได้ชอบเขาใช่ไหม

เปมิกาคงจะมีแฟนแล้ว เด็กสมัยนี้คงจะมีแฟนกับแทบทุกคนตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมต้นแล้วล่ะ! ไม่ต่างอะไรไปจากเขาหรอก กลับไปหาแฟนของเธอเสียสิ เปมิกา ... เขารอเธออยู่นะ!

“คือว่า”เธอแค่นหัวเราะออกมา

“คือแบบนี้นะครับน้องเปมิกา”ปรุฬห์ต้องรีบยื่นข้อเสนอ “พี่คิดว่าเราสองคนกำลังถูกจับคลุมถุงชน ถูกไหม”เธอพยักหน้าตอบ “แล้วพี่ก็คิดว่าการคลุมถุงชนมันล้าสมัยไปแล้วน่ะ เราน่าจะบอกแก่ผู้ใหญ่ว่าเราควรใช้วิธีอื่น”

“วิธี ...”เปมิกายิ้ม “วิธีอะไรหรือคะ? หรือว่าเราสองคนควรจะอยู่ก่อนแต่ง!”

“ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ พี่ไม่ได้คิดอย่างนั้น”ปรุฬห์รีบปฏิเสธ ทว่าแทนที่เปมิกาจะโกรธ เธอกลับยิ้มอย่างอามรมณ์ดี...เอ๊ะ! … หรือว่าเธอกำลังชอบเขา! “คือพี่คิดว่าเราสองคนต้องไปบอกกับผู้ใหญ่แล้วล่ะ”

“ค่ะ”เธอเห็นด้วย

“ไปบอกกันเลยว่าเราไม่ต้องการถูกจับคลุมถุงชนแล้ว”

“ใช่ค่ะ ไม่คลุมแล้ว”ปรุฬห์ดีใจมากที่เธอเห็นดีด้วย นั่นสินะ! เขาต้องไปบอกเรื่องนี้แก่ทั้งสองฝ่าย

“แล้วจากนั้นพวกเราก็จะเป็นอิสระ”

“ใช่ค่ะ เป็นอิสระค่ะ”เปมิกาบอกด้วยแววตามุ่งมั่น “ไม่ต้องหมั้นก็ได้ค่ะ เราสองคนแต่งงานหลังจากเปมแก้รายงานแล้วกลับไปรับปริญญาที่เมืองนอกกันเลยก็แล้วกันนะคะ!”

“ใช่ครับ เอ๊ย!ไม่ใช่ครับ!!!”ปรุฬห์เบิกตามองอย่างตกใจ เห็นคนตัวเล็กเดินลิ่วๆวิ่งเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ตะโกนเรียกพ่อแม่ “เดี๋ยวครับน้องเปมิกา”ในจิตใจของเขาคิดเพียงอย่างเดียวว่า ... ตายล่ะวา

เขาไม่เอาแน่ๆ! เขาไม่ได้ต้องการแต่งงานกับเธอ คราวนี้เขาเห็นอย่างชัดแจ้งว่าเปมิกาเต็มใจจะแต่งงานกับเขาแต่ว่าเขาไม่ได้เต็มใจร่วมกับเธอด้วยหรอกนะ! ให้ตายเถอะ!

“น้องเปมิกาคร้าบ เดี๋ยวก่อนครับ เดี๋ยวก่อนนะ”ปรุฬห์วิ่งตามจนทันดึงแขนของเธอเอาไว้ ใช้มือคลึงใบหน้าของเธอให้อยู่นิ่งๆทว่าหญิงสาวซึ่งจ้องมองเขาในระยะใกล้กลับหน้าแดงก่ำ จู่ๆเปมิกาก็หลับตาพริ้ม

เธอคงคิดว่าเขาจะจูบเธอแน่ๆ ปรุฬห์ต้องเงยหน้ามองฟ้าถอนหายใจยาวๆ เขาอยากจะเป็นบ้าจริงๆก็คราวนี้แล้ว

ในตอนนั้นเองที่ประตูบ้านก็เปิดออกแล้วพ่อกับแม่ของเปมิกาก็เดินออกมาหาปรุฬห์ ทั้งสองจึงเชิญให้เขากลับไปนั่งที่ศาลาเพื่อสนทนากันเรื่องของธุรกิจเครื่องดื่มพร้อมกับเสิร์ฟอาหารรสเลิศให้แก่ว่าที่เจ้าบ่าวในอนาคตของครอบครัวแห่งนี้

คุณศักรินทร์ยกยอคุณพ่อของชายหนุ่มพอๆ ปรุฬห์ต้องบอกขอบคุณก้มหน้าทุกห้านาทีจนรู้สึกคอเคล็ด เขาทานอาหารด้วยความไม่สุขใจเลยเพียงสักนิดเดียว

พ่อของเขาโกหก ... การแต่งงานไม่เกี่ยวกับเรื่องธุรกิจอย่างนั้นหรือ?

แล้วไอ้เรื่องถกเถียงทางธุรกิจขณะนั่งคุยกันตลอดทุกครั้งที่เจอหน้าครอบครัวธนากิจแบบนี้มันหมายความว่าอะไร? เขาโตพอจะรับผิดชอบตัวเอง เรียนรู้ชีวิตโดยไม่ต้องพึ่งพาเพื่อนของพ่อได้แล้วด้วยซ้ำ ทำไมพ่อถึงคิดว่าเขายังเป็นเด็กอยู่แบบนี้?

งานธุรกิจไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยจับเคยต้อง ชายหนุ่มช่วยเหลืองานญาติในหน้าที่ผู้จัดการฝ่ายการตลาดตั้งแต่ที่เขาเรียนปริญญาตรีด้วยซ้ำ ประสบการณ์ทำงานและการประสานงานกับลูกน้องไม่ใช่ปัญหา การเป็นตัวแทนประชุมหรือเช็คตารางงานและเซ็นสัญญาทางธุรกิจเขาก็เคยทำมาแล้วทั้งนั้น อีกทั้งเขาก็เรียนจบมาทางด้านการบริหาร เขาย่อมวิเคราะห์และคาดเดาอนาคตเชิงธุรกิจที่ตนเองทำอยู่ได้มากกว่าผู้ไม่มีประสบการณ์เลย

การประสานความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับความสัมพันธ์ครอบครัวเป็นคนละเรื่องที่ไม่มีความเกี่ยวพันกันทั้งสิ้น!

แล้วพ่อยังคงคิดว่าเขาต้องพึ่งพาครอบครัวศักรินทร์เพื่ออะไร? คุณศักรินทร์ก็แค่เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งและเป็นเพื่อนสนิทของพ่อเท่านั้นเอง ไม่ใช่เพื่อนสนิทของเขาเสียหน่อย



หลังจากปรุฬห์เยี่ยมเยียนบ้านว่าที่คู่หมั้นของตนเองเสร็จเรียบร้อยพร้อมมองรอยฉีกยิ้มกว้างกับมือซึ่งโบกให้ไหวๆของเปมิกาก็พอจะรู้ว่าการถอนหมั้นคงเป็นไปได้ยากกว่าที่คิด

ปรุฬห์ต้องถอนหายใจยาวๆรวบรวมสมาธิหาวิธีการรับมือกับปัญหานี้ใหม่

ชายหนุ่มขับรถไปบนท้องถนน เขาไม่ได้ต้องการเดินทางกลับบ้าน เพียงแค่แวะไปรอบๆเมืองมองดูผู้คนเลิกจากกิจการงานของตนและต่างก็ทยอยกันกับบ้าน มองดูสภาพความจำเจไร้ซึ่งชีวิตชีวา มองดูถนนซึ่งไม่เคยเปลี่ยนแปลงและห้องหับตึกแถวบ้านเมืองอันเป็นสังคมซึ่งไม่ได้พัฒนาขึ้นมาจากแต่เก่าก่อน

ทุกอย่างเหมือนเดิมและน่าเบื่อหน่าย ชายหนุ่มขับรถไปบนถนนยามค่ำคืนจนถึงอาคารโทรมๆแห่งหนึ่ง บริเวณนี้เป็นสถานที่ซึ่งเขามักใช้เวลากับเพื่อนๆในยามค่ำคืนเพื่อฝึกซ้อมบาสเกตบอลสมัยเรียนปริญญาตรีด้วยกัน บัดนี้มีเด็กรุ่นใหม่มาแทนที่กันหมดแล้ว

ชายหนุ่มจอดรถและเดินเข้าไปในสนามนั่งดูลูกบาสเกตบอลกระเด้งกระดอนกระทบพื้น สักพักก็ถูกขว้างข้ามอากาศและยัดเข้าห่วง เสียงตึงตังซึ่งในอดีตเขาได้ยินทุกวี่ทุกวัน ตอนนี้เขากลับคิดถึงมัน

ชายหนุ่มโตแล้วและโลกแห่งความจริงก็น่าเบื่อกว่าที่เขาคิด

แม้ว่าชีวิตของเขาจะรวยล้นฟ้ามาตั้งแต่กำเนิดแต่ความสุขก็ไม่เคยซื้อขายกันได้เลยเพียงสักครั้งเดียว

ผัวะ!

ศีรษะของปรุฬห์โดนลูกบาสเกตบอลซัดใส่เต็มเปา ตัวของเขาสะบัดรู้สึกว่าสติจะวูบไปชั่วขณะก่อนจะได้ยินเสียงกลุ่มเพื่อนชายหัวเราะกราว

ปรุฬห์รีบหยิบลูกบาสเกตบอลหมายจะอัดใส่เจ้าเด็กไม่รู้จักกาลเทศะทว่าสายตาของเขาก็สบมองเข้ากับชายหนุ่มผิวขาวตัวสูงพอๆกับเขา ผมเผ้ายุ่งเหยิงร่างเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาสะดุดตาครั้งหนึ่งขณะดูรอยยิ้มของอีกฝ่ายแล้วจึงตัดสินใจซัดลูกบาสเกตบอลกลับไปพร้อมวิ่งเข้าหาหมายจะตะครุบหยอกล้อเพื่อนในฐานะคนรู้จักกันดี

บรรดารุ่นน้องเข้ามาแย่งลูกบาสเกตบอลคืนแล้วจึงกล่าวสวัสดีแก่ปรุฬห์

“ไม่เจอพี่รุฬห์นานเลยนะครับ”บรรดาชายหนุ่มซึ่งร่วมซ้อมบาสเกตบอลกล่าวขึ้น

“ไม่ว่างเลยน่ะ”ปรุฬห์ตอบตามตรงก่อนจะดึงร่างของเพื่อนชายขึ้นจากพื้น “ทีค แกสูงขึ้นหรือเปล่า”

ทีคต้องยักคิ้วด้วยความแปลกใจ “บ้าน่าพี่รุฬห์! เฉพาะผมที่ไม่ได้เจอพี่แค่อาทิตย์เดียว พี่ไข้ขึ้นหรือเปล่าน่ะ”เขาแกล้งใช้หลังมือทาบหน้าผากพี่ชายต่างครอบครัวซึ่งสนิทกันดี และชายหนุ่มทั้งสองต่างก็รู้จักมักคุ้นกันมาตั้งแต่สมัยยังเด็กยังเล็ก รุฬห์เองเป็นผู้ที่ชักชวนให้ทีคมาทำธุรกิจร่วมกันซึ่งผลที่พวกเขาลงทุนในการถือหุ้นหลายปีมาแล้วก็สร้างกำไรได้เป็นจำนวนมาก

ปรุฬห์ปัดมือของทีคออกพร้อมกับหัวเราะร่า

“พี่เป็นอย่างไรบ้าง”ทีคถามขณะเดินออกมานั่งข้างๆสนาม เขาหยิบผ้าขาวมาซับเหงื่อและซดน้ำด้วยความกระหาย

ปรุฬห์ยิ้มน้อยๆยักไหล่ก่อนจะส่ายหน้า “ไม่รู้สิ พูดไม่ถูกเลย”ว่าพลางวางแขนประสานมือบนหัวเข่า

“ตกลงว่าพี่ไม่ไปต่างประเทศน่ะหรือ?”

“ไม่หรอก ฉันช่วยงานพ่อที่นี่ต่ออีกสักพัก”ปรุฬห์บอกพร้อมเลื่อนสายตามองรุ่นน้องตนเอง “ว่าแต่แกเถอะ ธุรกิจของแกกับไอ้บอลเป็นอย่างไรบ้าง”

“เป็นไปได้สวย”ทีคตอบอย่างภาคภูมิใจขณะที่ปรุฬห์ต้องส่ายหน้าพร้อมหัวเราะ

“มั่นใจเสมอล่ะ”

“แน่นอนครับ”ทีคกล่าวอย่างไม่ลังเล “ตอนนี้งานผมล้นมือจนคาดว่าอาจจะเลื่อนใบปริญญาออกไปอีกปีหรือสองปีเลยล่ะครับ”

“แกไม่ต้องห่วงเรื่องงานบริษัทของพวกเรา”ชายหนุ่มกล่าว “ฉันตรวจสอบตารางงานให้แกเรียบร้อยแล้ว ลองเข้าไปดูในไฟล์ที่ฉันส่งให้แกผ่านอีเมล์เมื่อวานนี้ ในระหว่างที่ฉันต้องช่วยเหลืองานของพ่อในบริษัทของพ่อ ... ฉันก็จะพยายาม เขียนข้อเสนอทางธุรกิจให้เสร็จเรียบร้อยภายในคืนนี้เพราะคาดว่าคงไม่ได้ร่วมประชุมครั้งหน้าสำหรับบริษัทของพวกเรา”

ทีคฟังพลางเลื่อนผ้าซับเหงื่อพร้อมถอนหายใจยาวๆ

“หากพี่ไปเมืองนอกนับเป็นปีๆ ... คงไม่พ้นผมกับคุณอาพิชานนท์ใช่ไหมที่จะช่วยดูแลบริษัทน่ะ”

ปรุฬห์ต้องพยักเพยิดหน้าตอบ “เรายังคงติดต่อกันได้ในโลกของอินเตอร์เนตจริงไหม”

“เอาเถอะ ... ว่าแต่งานของพี่ที่พ่อมอบให้เป็นยังไงบ้างครับ”

ปรุฬห์ต้องเหลือบสายตามองความสงสัยของอีกฝ่าย “ฉันยกหน้าที่ให้คุณธนวัต ฝ่ายคณะกรรมการบริหารดูแลให้น่ะ ... รู้ไหม ... นับตั้งแต่ชีวิตวุ่นวายแบบนี้ฉันก็อยากจะนอนอยู่หน้าโทรทัศน์ไม่ออกไปไหนเลยนอกจากห้องนั่งเล่นสักปีหนึ่งน่ะ”

“ติดธุระช่วงนี้สินะ”

“ใช่”

“ร้ายชะมัด”

“ไม่ร้ายหรอก แค่ปัญหาเดียวก็ทำให้ฉันอยากกินยานอนหลับสักอาทิตย์สองอาทิตย์หรือตลอดไป”

“ไม่เอาน่าพี่รุฬห์”ทีคตกใจ เขาจ้องมองปรุฬห์ด้วยความสงสัย “มีอะไรหรือครับพี่”

ปรุฬห์มองหน้าน้องชายตัวแสบของตนเองแล้วจึงเอ่ยตอบ “ว่าที่คู่หมั้นของพี่กลับมาจากต่างประเทศ”ทีคต้องอุทานอย่างประหลาดใจยิ่งนัก “พี่ถูกจับคลุมถุงชนน่ะ พยายามจะหาทางแก้ไขเรื่องนี้อยู่”

ทีคเข้าใจปัญหาของปรุฬห์ในทันทีนั้น เขาจึงไม่ถามไถ่มากความกับพี่ชายต่อ ได้แค่เพียงส่งน้ำดื่มเย็นๆให้แก่ปรุฬห์ดับกระหายและคลายเครียด “เขาไม่สวยถูกใจพี่รุฬห์ล่ะสิ”ทีคพยายามพูดติดตลก ปรุฬห์ต้องผลักศีรษะน้องชายเป็นคำตอบ

“พี่ไม่พร้อมจะแต่งงาน ... ไร้สาระจริงๆเลยนะแกน่ะ”ปรุฬห์บอกพลางกลั้วหัวเราะ

“ให้ผมช่วยหรือเปล่า?”

“แกจะช่วยอะไร”

“ตอนนี้นึกไม่ออกหรอก”ทีคทำท่าไตร่ตรอง “ที่แน่ๆ ผมคงไม่ช่วยทำหน้าที่ปีนบันไดเข้าไปในห้องนอนตอนกลางดึกของว่าที่คู่หมั้นของพี่เพื่อสร้างกระแสชู้รักระหว่างนี้ก็แล้วกัน"

“น่าเสียดาย ฉันกำลังคิดเรื่องนั้นอยู่ทีเดียว”ปรุฬห์ได้ทีหยอกกลับ ทีคต้องเปิดฝาขวดน้ำกวาดแขนสาดน้ำเย็นๆใส่ชายหนุ่มแล้วปรุฬห์ก็ต้องลุกขึ้นพรวดรวบตัวเด็กเจ้าเล่ห์มาล็อคคอเอาไว้ใต้วงแขน

ทีคพยายามตะโกนสะบัดจนหมดแรงแล้วเขาจึงอ้อนวอนให้ปรุฬห์ปล่อย“ผมมีคนที่ชอบอยู่แล้ว”

“จริงหรือ”ปรุฬห์สงสัย “อย่างแกน่ะหรือ? นอกจากเรื่องบาสเกตบอลกับตัวเลขเงินในบริษัทแล้วแกคิดเรื่องรักๆใคร่ๆเป็นกับเขาเป็นด้วยหรือ”

“โอ้โห ปากร้ายเหมือนอย่างเคยเลยนะ”ทีคว่าพลางเท้าสะเอว “อย่างน้อยผมก็เคยสลัดรักผู้หญิงมาคนสองคนล่ะน่า”

“ถ้าอย่างนั้นฉันก็มีประสบการณ์มากกว่าแก เพราะว่าฉันสลัดรักผู้หญิงสามคน”

ทีคฟังพลางส่ายหน้า พี่ชายของเขาแสดงความร่าเริงออกมาอย่างเคยแบบนี้แล้วยิ่งทำให้เขาเบาใจขึ้น

แล้วระหว่างนั้นเองเสียงโทรศัพท์ก็ดังถี่ๆ ปรุฬห์พบว่าเป็นหมายเลขสายโทรศัพท์จากต่างประเทศเมื่อเขามองดูข้อความที่ส่งมา ชายหนุ่มก็ต้องเบิกตาโพลงกว้างด้วยความตกใจสุดขีด!

“ลตา”ปรุฬห์พึมพำเสียงแผ่ว

...ลตา ... แฟนเก่าของเขาซึ่งไม่ติดต่อกันอีกเลยในฟลายปีที่ผ่านมา ทำไมจู่ๆถึงส่งข้อความมาให้! เกิดอะไรขึ้นกันแน่!



สวัสดีนะรุฬห์ คิดถึงมากๆเลย เป็นอย่างไรบ้าง ^^

อื้อ ... เราขอโทษนะ ไม่ได้ติดต่อไปหารุฬห์เป็นปีเลย ไม่รู้ว่าเธอยังคงใช้หมายเลขโทรศัพท์นี้อยู่อีกหรือเปล่า แต่เราคงได้เพียงหวังว่าข้อความนี้จะถึงมือของรุฬห์น่ะ

เราอยู่ที่เชฟฟิลด์ ย้ายมาพักผ่อนช่วงปิดเทอมที่นี่และได้ยินข่าวเรื่องของรุฬห์กับคู่หมั้น

เราอยากจะบอกว่าขอแสดงความยินดีด้วยนะ

ขอให้รักกันมากๆล่ะ

ปล. ขอโทษจริงๆที่เราไม่ได้รับสายโทรศัพท์ของรุฬห์ในตอนนั้น ... เราไม่กล้าจริงๆ แต่มันก็ผ่านไปแล้ว และตอนนี้เราเพิ่งจะรู้ตัวว่าหลงรักแอลเลนมากจนต้องทนให้เขานอกใจและโดนทุบตีในทุกวันนี้ เรายอมไม่บอกพ่อแม่หลายเดือนมาแล้วแต่มันช่างเจ็บปวดจริงๆ ... รุฬห์ เราคิดถึงบ้านมากๆ หวังว่าเราสองคนคงจะมีโอกาสพบกันอีกนะ



จาก ลตา



หลงรักแอลเลน ...

หลงรักแอลเลน...

หลงรักแอลเลน...

ข้อความนี้ทวนอยู่ในสมองของปรุฬห์ราวกับเสียงสะท้อน

“อะไรหรือครับพี่”ทีคมองดูดวงตาที่เบิกกว้าง ปรุฬห์เหงื่อตก เขานิ่งเงียบก้มอ่านทวนข้อความอีกสองครั้งก่อนจะเก็บโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋ากางเกงอย่างใจเย็นที่สุด

“เป็นอะไรหรือเปล่า พี่รุฬห์”

ปรุฬห์หันหน้ามามองน้องชาย พลางเม้มริมฝีปากแน่น “พี่จะเลี้ยงเหล้า ไปบาร์กับพี่ตอนนี้ได้ไหม”

จากคุณ : davidmccartney
เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 20:13:37 A:202.12.74.1 X: TicketID:318829




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com