Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
PSYCHO PRAEWDAO 2.....(หลอน.....แพรวดาว 2 จบภาค) ติดต่อทีมงาน

================
PSYCHO DAW

หลอน......แพรวดาว  2
บทที่ 2/2
จบภาค 2
================


ภาค 2 บทที่ 1/2
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10596626/W10596626.html


-------------

ชายเสื้อสีขาวสะบัดผ่านไป เป็นชายหญิงคู่หนึ่ง ทั้งสองคนพูดจาอะไรบางอย่าง แต่ฟังไม่ถนัด

แต่ดูจากการแต่งกายเหมือนเป็นหมอและพยาบาล ทางเดินข้างนอกดูสว่างจนดูแล้วไม่น่าจะเป็นเวลาค่อนรุ่ง หันกลับมามองนาฬิกาอีกครั้งแต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้าง


ไม่มีนาฬิกาบนผนัง ทั้งที่เมื่อครู่นี้ยังมองเห็นมันอย่างถนัดชัดเจน
หันไปมองหัวเตียง บริเวณซึ่งเคยมีภาพถ่ายของเธอวางอยู่ ตอนนี้ว่างเปล่า
แพรวดาวยืนเหมือนคนสติแตกไปพักใหญ่ ไม่เข้าใจตัวเอง ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น อะไรเป็นจริงอะไรเป็นเท็จ ตกลงว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนกันแน่

ห้องนี้ไม่ใช่ห้องนอนที่บ้าน เตียงเล็กๆ วางอยู่มุมมองอย่างเรียบง่าย ผนังห้องทาสีขาวไม่มีอะไรตกแต่ง ประตูล็อคจากด้านนอกแต่พอลองจับลูกบิดประตูหมุนอีกครั้ง คราวนี้มันกลับเปิดออกอย่างง่ายดาย

ด้านนอกเป็นทางเดินยาวเหยียดด้านตรงข้ามมองเห็นประตูเรียงรายเป็นแนวยาวเหมือนเป็นห้องพักของโรงแรม แต่เธอรู้ว่าไม่ใช่ ห้องพักโรงแรมไม่เป็นแบบนี้

นี่มันเหมือนห้องพักสถาบันวิเคราะห์ทางจิต

แต่ทำไมเธอถึงรู้ว่าสถาบันวิเคราะห์ทางจิตมีสภาพเป็นแบบนี้...

ไฟฟ้าตามทางเดินสว่างพอสมควรทำให้มองเห็นสภาพอันอ้างว้างเยือกเย็นหญิงสาวยืนหมุนคว้างอยู่ครู่หนึ่งแล้วเริ่มสังเกตดูตามช่องกระจกเล็กๆซึ่งมีอยู่บริเวณประตูทุกห้อง ซึ่งสามารถมองเข้าไปเห็นด้านในอย่างถนัดชัดเจน

ห้องแรกเมื่อมองเข้าไป เห็นภาพชายหนุ่มถูกพันด้วยเสื้อแขนยาวพันรอบตัวแบบเสื้อคนบ้า เขาคงถูกมัดอยู่บนเตียง ท่าทางอาการจะหนักเพราะเห็นเขาพูดและยิ้มให้กับความว่างเปล่าด้วยคำพูดฟังไม่ถนัด

ขณะหญิงสาวจ้องมองอยู่ ชายหนุ่มผู้นั้นก็เริ่มหัวเราะมากขึ้นทุกทีและโยกตัวไปมาด้วยลักษณะอาการแปลกประหลาดผิดธรรมชาติ ก็แน่ล่ะ..ในเมื่อเป็นคนบ้าก็ต้องผิดธรรมชาติอยู่แล้ว จะให้เหมือนคนดีได้อย่างไร

แต่แล้วเขาก็เริ่มทำให้สิ่งซึ่งคนบ้าคนไหนก็ทำไม่ได้ นั่นคือเขาค่อยๆยืดคอให้ยาวออกเรื่อยๆจนศีรษะขึ้นไปแทบจรดเพดานพลางหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ

แพรวดาวตัวเย็นเฉียบ คนนี่มันบ้าหรือคนผีเข้ากันแน่...

ทันใดนั้น ศีรษะของหนุ่มวิปริตทำอาการเหมือนรู้ว่ามีคนจ้องมองอยู่ เขาส่ายลำคออันยาวเหยียดเหมือนงูแล้วพุ่งศีรษะพรวดเข้ามากระแทกกระจกอย่างแรง ใบหน้าบดอัดกับผิวกระจกด้านในเหมือนถูกอัดด้วยเครื่องอัดพลังมหาศาลจนใบหน้ายับเยินผิดรูป

หญิงสาวร้องกรี๊ดอย่างตกใจ ผวาถอยหลังสะดุดล้มกลิ้งลงบนพื้น สายตาจับจ้องมองภาพเบื้องหน้าเหมือนถูกมนต์สะกด

“สวัสดีครับ..คุณแพรวดาว..”

ริมฝีปากอันยับเยินขยับส่งเสียงดังออกมาแบบนั้น องคาพยพบิดบดไปมากับกระจกเป็นแผ่นกระเพื่อมไหวเห็นแล้วสยดสยองเกินกว่าคนบ้าคนไหนจะทำได้ แถมลูกบิดประตูยังขยับไปมาเหมือนมีคนพยายามเปิดออกมา

พยายามคลำหาลูกบิดประตูห้องของตัวเอง แต่กลับพบว่ามันกลับกลายเป็นผนังราบเรียบไปเสียแล้วเหมือนไม่เคยมีห้องอยู่บริเวณนั้นเลย

“รอผมด้วย..คุณจะไปไหน”

เสียงแหบโหยผ่านช่องกระจกออกมา แล้วหญิงสาวก็นึกอะไรขึ้นมาได้ มันทำให้ใจหายวูบประสาทชาดิกไปชั่วขณะ

ทำไมถึงเพิ่งจำได้นะว่าชายหนุ่มคนนี้ก็คือคนรักของเธอนั่นเอง

มันเรื่องบ้าอะไรกัน

อยู่ไม่ได้แล้ว หนี...จะต้องหาทางหนี

แต่ยังไม่ได้ทำอะไรต่อไป ประตูทุกบานซึ่งเรียงรายก็ค่อยๆเปิดออก ร่างแข็งทื่อของผู้คนมากมายทยอยเดินออกมา มีทั้งเด็กผู้หญิง ผู้ชาย คนแก่ หนุ่มสาวทุกเพศทุกวัย พวกเขาเหล่านั้นมีสายตาว่างเปล่าเลื่อนลอยมองตรงไปข้างหน้าอย่างปราศจากจุดหมายและเคลื่อนไหวไปมาเชื่องช้าเหมือนหุ่นชักไย

ไม่มีทางหนี

“กรี๊ด.....”

ยกมือปิดหน้าหลับตาร้องสุดเสียง

มือของใครบางคนเอื้อมมาแตะบ่า พร้อมกับเสียงดังแว่วข้างหู

“ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไร ลืมตาขึ้นมาได้แล้ว”

แพรวดาวรู้สึกว่าน้ำเสียงนั้นอบอุ่นปลอบโยนและคุ้นหูเหลือเกินจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมองอย่างหวาดระแวง

ผู้หญิงสวมขุดสีขาวกำลังก้มหน้าลงมาจ้องมองด้วยสายตาเป็นห่วง เธอไม่ได้มีท่าทางหวาดกลัวบรรดาผู้คนซึ่งกำลังเดินไปมาแบบไร้จุดหมายอยู่รอบๆแม้แต่น้อย

“ผี......”

สาวซิดนี่ยสุดปากเสียงสั่น จับมือสาวชุดขาวไว้แน่น อย่างน้อยก็ไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว ท่าทางเข้มแข็งของสาวชุดขาวทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาได้มากโข

“อย่าไปสนใจเลย ตามฉันมาอย่างเดียวก็พอ”

พูดพลางฉุดแขนของแพรวดาวให้ลุกขึ้น แล้วพาเดินผ่านฝูงผีตายซากออกไป ซึ่งผีพวกนั้นมากันถอยกรูดหลบห่างออกไปอย่างน่าแปลกใจ
ไม่ใช่ภาพหลอน

คนพวกนั้นมีตัวตนจริงๆ ขณะเดินผ่านบางครั้งยังรู้สึกว่าชายเสื้อกระทบกับร่างกายของพวกนั้น แต่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“เธอจะพาฉันไปไหน”

แพรวดาวถามขณะมองหน้ามองหลังทางเดินคดเคี้ยววกวนจนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่านี่มันเป็นสถานที่แห่งใดกันแน่

“ฉันจะพาเธอกลับ”

หญิงสาวผู้นั้นตอบสั้นๆ ฟังแล้วก็ไม่เข้าใจอะไรเอาเสียเลย

“กลับไปไหน” เอ่ยถามด้วยความสงสัย

“กลับไปโลกจริงๆ”

“พูดอะไรของเธอ นี่ฉันฝันไปยังงั้นเหรอ”

“ไม่ใช่หรอก นี่ไม่ใช่ความฝัน”

หญิงสาวคนนั้นพูดโดยไม่หันหน้ามามอง คงพาเดินต่อไป สองเท้าของเธอก้าวอย่างว่องไวจนเดินตามแทบไม่ทัน มองจากด้านหลังแล้วยังรู้สึกคุ้นๆคล้ายๆเคยเห็นหน้าที่ไหนมาก่อน หญิงสาวพยายามทบทวนความจำแต่ก็ดูเลือนรางเต็มที

หลังจากใช้ความพยายามสักพัก ก็เริ่มนึกออก

เคยเจอที่ไหนนะ

ในห้องน้ำ

หน้ากระจก

จะไม่คุ้นอย่างไรก็นี่มันเป็นใบหน้าที่มองเห็นในกระจกทุกวัน

ใบหน้าแบบนี้ คนแบบนี้ ก็เป็นตัวเธอนั่นเอง

ทันใดนั้นความรู้สึกเย็นเฉียบก็พุ่งเข้าจับขั้วหัวใจ เธอกำลังเดินตามตัวเอง นี่มันเรื่องบ้าชัดๆในที่สุดเธอก็จำได้ว่าผู้หญิงชุดขาวคนนี้ก็คือตัวของเธอนั่นเอง

พอนึกขึ้นมาได้ โลกก็หมุนคว้างเป็นกังหัน ความมืดเข้ามาปกคลุม แต่หูยังคงได้ยินเสียงของคุณป้ามาลีร้องอย่างตกใจพร้อมกับเสียงถามอย่างเป็นห่วงของคนรัก รู้สึกเหมือนถูกพยุงออกจากบ้านขึ้นไปบนรถ จากนั้นความรู้สึกก็ดับวูบ

แพรวดาวก็ผวาขึ้นมานั่ง เนื้อตัวสั่นเทาหมอและพยาบาลซึ่งกำลังก้มลงมาตรวจดูอาการผงะออกไปอย่างตกใจ ก่อนพยาบาลสาวเอามือแตะบ่าของเธอแล้วบอกด้วยเสียงนุ่มนวล

“ใจเย็นๆนะคะ ไม่มีอะไรแล้ว”

ตอนนี้เธออยู่ในห้องของโรงพยาบาลจริงๆ ความทรงจำอันขาดวิ่นเริ่มรวมตัวเป็นรูปร่าง เลือนราง

“ฉันเป็นอะไรไป”

เอ่ยถามอย่างเลื่อนลอย หมอและพยาบาลมองตากันแล้วสั่นศีรษะแทนคำตอบ

“พวกเขาไปไหน”

“ใครคะ”

คราวนี้พยาบาลสาวเป็นฝ่ายมองหน้าแล้วย้อนถาม

“ก็พวกที่พาฉันมาที่นี่”

“คุณแพรวดาว...” พยาบาลสาวพูดช้าๆพลางยิ้มอย่างปลอบโยน

“ใจเย็นๆนะคะ ค่อยๆคิด ไม่ได้มีใครพาคุณมาโรงพยาบาล คุณขับรถมาเองนะคะ ลองคิดดูให้ดีๆ”

หญิงสาวทำหน้าไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดว่าเธอจะขับรถมาเอง เพราะเธอขับรถไม่เป็น คนพวกนี้กำลังเล่นตลกบ้าบอคอแตกอะไรกัน

“ไม่ต้องรีบคิดก็ได้ครับ”
คุณหมอหนุ่มพูดขึ้นมาบ้าง “พักผ่อนให้มากๆ ตั้งแต่คุณมาถึงคุณยังไม่ได้นอนเลยนะครับ”

ไม่ได้นอน...ฉันไม่ได้นอนอย่างนั้นหรือ..แล้วเหตุการณ์เมื่อครู่มันคืออะไรกัน มันไม่ใช่ความฝันหรืออย่างไร ถ้าไม่เป็นความฝันแล้วเป็นอะไรกัน

“แล้วฉันมาทำอะไรที่นี่”

หญิงสาวถามสั้นๆ แม้ในใจจะมีคำถามอยู่มากมาย

“คุณพักผ่อนดีกว่านะคะ เราฉีกยาผ่อนคลายให้คุณแล้ว คุณจะเริ่มง่วงและหลับอย่างปลอดภัย”

ฉีดยา....ฉันโดนฉีดยาตั้งแต่เมื่อไรกัน

ได้แต่ถามในใจ เพราะทุกอย่างสับสนงุนงง แต่แล้วความง่วงก็เริ่มเข้ามาครอบงำ หญิงสาวพยายามฝืนใจไม่อยากนอนหลับ เพราะรู้สึกหวาดกลัวไม่รู้ว่าจะมีอะไรอยู่ในโลกแห่งความหลับใหลนั้น แต่สุดท้ายความง่วงก็เป็นฝ่ายชนะ

+++

พยาบาลสาวพลิกดูบันทึกของคนไข้ โครงการให้คนป่วยทางจิตเขียนระบายอะไรออกไปทางการเขียนรู้สึกจะเป็นไปด้วยดี บันทึกหลายเล่มก็อ่านสนุกและน่าคิดติดตาม หลายเล่มก็สับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก จนไม่อาจวิเคราะห์ได้ว่ามีอะไรแอบแฝงอยู่เบื้องหลังข้อความพวกนั้น โลกและจินตนาการของคนบ้าไม่สามารถไล่ติดตามทันได้ง่ายดาย
บันทึกในมือเป็นของคนไข้ชื่อแพรวดาว

คนไข้รายนี้ได้เขียนบันทึกเรื่องราวมากมายในชีวิตของเธอ ทั้งคนรัก เพื่อนร่วมงาน เหตุการณ์ต่างๆ ราวกับว่ามีคนอยู่หลายคนในบ้านของเธอ

ความจริงแพรวดาวอาศัยอยู่ตามลำพัง อยู่คนเดียวในบ้านหลังใหญ่

บางทีความเหงาและสภาพจิตใจบอบบางทำให้เธอสร้างคนรัก คุณป้ามาลี ขึ้นมาราวกับพวกเขาพวกเธอเหล่านั้นมีตัวตนอยู่จริงๆ และบุคลิกภาพของคนเหล่านั้นก็แฝงอยู่ในตัวของเธอ

ไม่ใช่โลกแห่งความฝัน เพราะแพรวดาวไม่ได้ฝันไป โรคแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ที่น่าตกใจสำหรับคนไข้รายนี้คือความจริงอันบิดเบี้ยวเข้มข้นและตัดต่อผิดรูปผิดเวลาต่างหากทำให้เธอสับสนและไม่เข้าใจ จินตนาการของเธอมีความเข้มข้น จนกระทั่งสื่อออกมาเป็นรูปเป็นร่างให้ผู้คนจับต้องได้อันนี้ต่างหากน่ากลัว

เธออยู่ในโลกแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว ในสภาพปกติไม่มีอะไรรบกวน เธอก็สามารถรักษาระดับของจินตนาการให้อยู่ในระดับพอดี ไม่มีอะไรผิดแปลกในโลกของเธอ แต่เมื่อไรที่ความนิ่งนั้นถูกรบกวน จินตนาการและความจริงก็จะเริ่มหลอมละลายเข้าหากันกลับกลายเป็นความผิดปกติอันน่ากลัวอย่างน่าขนลุก

พยาบาลสาวนึกถึงห้อง Sweet dream ในนิยายขายดีเรื่อง Psycho Hotel ซึ่งวางขายไปแล้วเจ็ดร้อยล้านเล่มทั่วโลก ถูกแปลไปแล้วทุกภาษาแม้แต่ภาษาใบ้ นึกถึงห้องแห่งการหลับใหลอยู่ในโลกแห่งความฝันซึ่งเป็นไปทุกอย่างตามความต้องการ ความฝันแบบนั้นจะแตกต่างกับโลกแห่ง
จินตนาการขณะตื่นของคนไข้สาวรายนี้แค่ไหนกันนะ....

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พยาบาลสาวขมวดคิ้วอย่างค่อนข้างไม่พอใจเพราะกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ แต่ก็เอื้อมมือไปยกหูโทรศัพท์

“เธอลืมแล้วหรือไง ไหนบอกว่าจะไปทานข้าวด้วยกันไงจ๊ะ”

เสียงใสๆแว่วมา พยาบาลสาวทำหน้าแปลกใจเพราะไม่รู้ว่าคนพูดกำลังพูดเรื่องอะไร

“ขอโทษนะคะ เอ่อ.....คุณเป็นใคร”

ย้อนถามออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“อย่าบ้าไปหน่อยเลย คุยกันยังไม่ทันข้ามวันเลย ลืมไปแล้วหรือจ๊ะ ก็ฉันแพรวดาวไง ทำเป็นจำไม่ได้ เดี๋ยวเถอะ”

น้ำเสียงมีแววหยอกเย้าเหมือนคนคุ้นเคยกันมานานแล้วสายก็ตัดไปเฉยๆ กลับกลายเป็นความเงียบอันวังเวง

แพรวดาวที่ไหนกัน....

ก็เธอกำลังอ่านบันทึกของคนไข้ชื่อแพรวดาวอยู่ในมือนี่เอง ป่านนี้คงนอนหลับไปแล้วด้วยฤทธิ์ยา นอกจากนั้นก็จำได้ว่าไม่เคยมีเพื่อนชื่อแพรวดาวมาก่อนในชีวิต

ขณะกำลังมึนงง เสียงโทรศัพท์ก็กังวานขึ้นอีกจนทำเอาสะดุ้ง ใครกันโทรมากวนใจอีก แม้จะไม่พอใจมากขึ้นแต่ก็หยิบหูโทรศัพท์ขึ้นมาจนได้

“คุณดาวอยู่ห้องไหนคะ”

น้ำเสียงของหญิงวัยชราดังมาตามสาย อะไรกัน เกี่ยวข้องกับดาวอีกแล้ว

“ใครคะ..”

ย้อนถามสั้นๆ

“ป้ามาลีของคุณดาวไงคะ”

โทรศัพท์แทบหลุดมือ จนต้องรีบวางหูโทรศัพท์โครมลง

ป้ามาลี......เพิ่งอ่านเจอชื่อนี้ในสมุดบันทึกของคนไข้เมื่อครู่นี้เอง คุณป้ามาลีไม่ได้มีตัวตนจริงๆ แล้วใครกันโทรมาอ้างชื่อป้ามาลีก่อกวนแบบนี้

พยาบาลสาวรู้สึกหน้ามืดเหมือนจะเป็นลม มือเหวี่ยงปักโดนป้ายชื่อจนแทบหลุดหล่นตกไปจากโต๊ะทำงาน ดีว่าคว้าไว้ทันและพลิกอ่านอย่างไม่ตั้งใจ
แพรวดาว

มันเรื่องบ้าอะไรกัน

ทำไมป้ายชื่อของเธอกลับกลายเป็นชื่อแพรวดาวไปได้ มีใครกำลังเล่นตลกร้ายๆบ้าๆกับเธอกันแน่ ไม่....เธอไม่ได้ชื่อแพรวดาว

ไม่ได้ชื่อแพรวดาวแล้วชื่ออะไร

ทันใดนั้นเอง ความรู้สึกเหมือนมีน้ำเย็นจัดจนเกือบเป็นน้ำแข็งกำลังเทราดลงบนต้นคอทีละน้อย ทำไมถึงนึกไม่ออกว่าจริงๆ เธอชื่ออะไรกันแน่

หันไปมองกระจกบานเล็กบนโต๊ะซึ่งใช้ประกอบการระบายสีบนในหน้าทุกวันเพื่อความงามแล้วก็รู้สึกว่าคุ้นหน้าคุ้นตาเหลือเกิน

เออ..ก็แน่ล่ะ ใครไม่คุ้นหน้าคุ้นตาใบหน้าของตัวเองก็บ้าเต็มทีแล้ว แต่ทำไมวันนี้มันถึงรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาแบบนี้ ความจริงก็ไม่เห็นต้องรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเลยสักนิดเพราะยังไงมันก็คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่แล้วไม่เห็นจะต้องมารู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา.......

เย่ย....ทำไมเราคิดแบบคนบ้าแบบนี้

หรือเรากำลังจะบ้า

พยาบาลสาวรู้สึกว่าเธอกำลังจะบ้าไปแล้วจริงๆ หรือว่าโรคทางจิตสามารถติดต่อกันได้ทางการสัมผัสหรือทางความคิดตามทฤษฏีของ ดร.PSYCHO MAN เคยสมมุติฐานเอาไว้ในงานวิจัยทางการแพทย์อันโด่งดัง

ทำไมใบหน้าเราเหมือนใบหน้าของคนไข้ที่ชื่อแพรวดาว.......

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก แต่คราวนี้หญิงสาวไม่สนใจจะรับสาย แต่เสียงกลับดังลั่นออกมาเหมือนผ่านเครื่องขยายเสียง

“ผม จ ะ มา หา คุณ......รอผม ก่อน นะ คุณ ดาว...”

เสียงของชายหนุ่มขาดเป็นห้วงๆ เหมือนคนพูดจาลำบาก เป็นเสียงที่คุ้นหูเหลือเกิน ทั้งที่คิดว่าไม่เคยได้ยินเสียงของคนๆนี้มาก่อน แต่ทำไมรู้สึกคุ้นหูทั้งที่ไม่น่าคุ้นหู….

ชักจะรู้สึกเหมือนคนบ้าอีกแล้ว

“รอ..ผม นิด นะ ครับ.”

เสียงคุ้นหูไม่คุ้นหูดังมาอีก

“พอ ดี ผม ข้าม ถ นน ไม่ ทัน ระ วัง เลย โดน รถ ชน อย่าง แรง คอ ผม หัก หมุ น ได้ หลาย รอบ เลย มอง ไม่ ค่อย เห็นแชน โอ๊ะ..นิ้ว หลุด ไป ไหน แล้ว นี่.. ขา หัก ด้วย เลย เดิน ช้า แต่ จะ มา หา คุณ ให้ ได้ ครับ..อ้าว..นัยน์ ตา หลุด กลิ้ง หายไป ข้าง แล้ว ไม่ เป็น ไร ยัง พอ ไป ไหว ครับ”

แพรวดาวร้องกรี๊ดสุดเสียง จับหูโทรศัพท์ขว้างใส่กำแพงสุดแรงเกิด เสียงโทรศัพท์ร้องโอ๊ยอย่างตกใจและเจ็บปวดก่อนแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย


*********

จากคุณ : Psycho man
เขียนเมื่อ : 4 มิ.ย. 54 20:35:26




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com