Elve Avatar เอลฟ์ อวาตาร์ : เจ้าชายอัปลักษณ์กับแหวนวิเศษ ตอนที่ 1
|
 |
นานแสนนานก่อนกาลสมัยจะเริ่มต้น ปรากฏมีดินแดนสุดขอบจักรวาล ดาวเคราะห์ดวงน้อยนามว่า นูบลา นับเป็นดาวที่สุขสว่าง สวยงาม อุดมสมบูรณ์ด้วยธรรมชาติ หากแต่ขาดความสงบสุขที่แท้จริง
เหตุเกิดจากเผ่าพันธุ์ที่เรียกตัวเองว่า นากะไส หลงตนเป็นใหญ่จึงปกครองโลกนูบลาด้วยความอยุติธรรม กดขีข่มเหงเผ่าพันธุ์อื่นๆโดยไร้ปราณี นากะไสมีท่อนกายด้านบนเป็นอมนุษย์ ท่อนล่างเป็นสัตว์เลื้อยคลานจำพวกอสรพิษ พวกมันใช้หอกไทรเด็นท์เป็นอาวุธสังหาร ทั้งยังมากด้วยพลังเวทมนตร์มหากาฬเกินใครเทียม
นากะไสเรียนรู้เวทมนตร์ดำถึงขั้นคิดจะสูบพลังจากดาวทั้งดวง แต่การมีอยู่ของเผ่าพันธุ์อื่นๆเหมือนก้างทิ่มคอ ก่อนที่มันจะเริ่มสูบพลังงานจากโลกนูบลา มันได้ร่ายคำสาปสรรค์ใส่เผ่าพันธุ์ต่างๆให้ทุกข์ทรมานเพื่อจะได้หมดอำนาจไม่กล้าขัดขวางแผนการใหญ่ของพวกมัน
มนุษย์ส่วนหนึ่งถูกสาปให้เตี้ยแกร็นกลายเป็นพวกคนแคระ เอลฟ์ส่วนหนึ่งถูกสาปให้ไร้ปัญญาและอัปลักษณ์กลายเป็นพวกบร็อม เผ่าสแต็กกิสท์ที่เคยมีร่างกายอรชรสวยงาม ท่อนบนเป็นมนุษย์ ท่อนล่างเป็นกวางทอง ก็ถูกสาปให้มีผิวกายซีดเซียวแตกกร้านดุจเปลือกไม้ที่แห้งเหี่ยว และสัตว์สี่ขาในป่าปีศาจก็พลอยถูกสาปให้ยืนสองขาอย่างทรมาน กลายเป็นพวกป่าเถื่อนไร้สมองที่เรียกตัวเองว่ากาน่า
ในช่วงเวลาแห่งความโหดร้ายของสรรพชีวิตในโลกนูบลา บังเกิดแสงสว่างสุกสกาวสีฟ้าอ่อนพุ่งทะยานสู่ผืนพิภพ ตามตำนานเรียกดวงแสงสว่างนั้นว่าโอไร เป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด มีพลังมหัศจรรย์ดุจเทพยดา โอไรต่อสู้กับดาร์คลอร์ดกุสทอร์จนได้รับชัยชนะ แต่โอไรไม่สังหาร เพราะต้องการให้กุสทอร์ล้างคำสาปให้สิ่งมีชีวิตในโลกนูบลา
กุสทอร์เคืองแค้นในความพ่ายแพ้ และไม่คิดจะล้างคำสาปให้ผู้ใดทั้งสิ้น โอไรจึงกักขังกุสทอร์ไว้ใต้มหาสมุทร ลึกที่สุดเกินจะหยั่งถึง จากนั้นเขาก็ปลูกต้นไม้แห่งชีวิตขึ้นมาเพื่อดูดซึมคำสาปที่ไหลเวียนทั่วโลกนูบลา เนิ่นนานผ่านไปกว่าห้าพันปี สรรพชีวิตเริ่มปรับตัวเพื่อการดำรงอยู่ คำสาปของพวกนากะไสค่อยๆสูญสิ้น นามของดาร์คลอร์ดกุสทอร์เลือนหายไปกับกาลเวลาที่ล่วงเลย เช่นเดียวกับที่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าโอไรหายสาบสูญไปแห่งหนใด
โลกนูบลาคืนสู่ความสงบสุข... แต่ก็เพียงชั่วคราว
=-=-=-=-=-
ทุ่งหญ้าหงอยเหงา คือชื่อที่ราบที่แผ่กว้างปกคลุมสุดสายตาบนเกาะมูโรไค ในภาษานูบลา คำว่ามูโรไคแปลว่า ดินแดนที่สาบสูญ เกาะมูโรไคเป็นเกาะขนาดใหญ่ ตั้งอยู่โดดเดี่ยวกลางโพ้นทะเลฝั่งตะวันออก ที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของอาณาจักรมูโรไค ซึ่งเป็นอาณาจักรของเผ่าบร็อม
บร็อม ก็คือพวกเอลฟ์ที่ถูกคำสาปของนากะไสจนรูปลักษณ์วิปลาส จากร่างที่ทรงสง่าสวยงาม ต้องเตี้ยแกร็น สิ้นสูญความสามารถทางเวทมนตร์ ทำได้เพียงร่ายโคลงมนตราที่ยาวเหยียดเหมือนนักบวชที่สวดภาวนาโดยไม่รู้ว่าจะสัมฤทธิผลหรือไม่ ร่างกายที่เตี้ยม่อต้อก็ทำให้จับอาวุธไม่ถนัด พวกบร็อมมีความสูงเท่าลาแก่ ดวงตากลมโตจนเกือบโปน ผิวสีดำแดง ใบหูแหลมยาว สวมเสื้อผ้าสีเจื่อนก่อนจะสวมทับด้วยชุดคลุมที่ดูเหมือนเสื้อกันฝน
การที่สิ้นไร้ความสามารถ จะหยิบจับทำอะไรก็ไม่สะดวกมาหลายพันปี ที่พอจะทำได้คือการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ พวกบร็อมจึงได้รับการดูถูกเหยียดหยามว่าเป็นได้แค่ชาวไร่ชาวนา แม้จะมีเชื้อสายเป็นเอลฟ์ แต่บัดนี้สิ้นความสามารถแทบทุกประการ อาณาจักรของพวกบร็อมจึงล้าหลัง ยากจน กลายเป็นถิ่นทุรกันดาร
อาณาจักรมูโรไคปกครองโดยพระราชาของพวกบร็อมพระนามว่า ลอร์ด อาซีเดียส ซอร์บร็อม พระองค์มีอายุสองพันปี นับว่ามากที่สุดแล้วในบรรดาพวกเชื้อสายเอลฟ์ ลอร์ดอาซีเดียสมีพระมเหสีเคียงบัลลังก์พระนามว่า ซีเรีย ทั้งสองพระองค์ให้กำเนิดพระโอรสเมื่อราวๆสองร้อยปีก่อน พระโอรสทรงพระนามว่า เจ้าชายซิลวา ซอร์บร็อม
และนั่นคือเจ้าชายอัปลักษณ์ที่กำลังจะออกผจญภัยในเวลาอันใกล้นี้
จากคุณ |
:
CaesarNote
|
เขียนเมื่อ |
:
5 มิ.ย. 54 17:45:48
|
|
|
|