Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
พิศวาส ณ ยามสาง - 18 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10624907/W10624907.html

บทที่ 18

สรัลถลึงตาเย็นเยียบ ก่อนจะตบหน้าสาวใช้สาระแนไปสองฉาด เหยื่ออาภัพกระเด็นวืดไปล้มบนเก้าอี้ ปีศาจก็ไม่ได้สนใจอยากตามไปซ้ำเติม นอกจากทำร้ายร่างที่ตนสิงสู่ ด้วยการโขกศีรษะบนผนังอีกหน หากแต่คราวนี้ ผนังห้องได้ถูกแทนที่ด้วยอกแกร่งของปุราณ

"ห่วงมันหรือคะ"

"ครับ เด็กคนนี้ไม่มีความผิด ความรักของเรากำลังทำร้ายเธออยู่"

"แต่ถ้ามันตายเสียได้.. "

"ไม่นะครับ ถ้าฝนเป็นอะไรไป ผมจะไม่มีวันยกโทษให้คุณ ความรักของเราไม่ได้จบสิ้นและตายเลยเพราะผม แต่เพราะคุณ ได้ยินไหมครับ ผมจะลืมทุกอย่างระหว่างเราให้หมด ไม่ว่าดวงวิญญาณของคุณจะยังคงอยู่หรือแตกดับ คุณก็คือความว่างเปล่า ต้องการอย่างนั้นไหม"

"ขู่หรือคะ"

"ไม่ครับ"

สรัลหัวเราะเบาๆ ในแววตามันวาววูบวาบ บอกไม่ถูกเลยว่า กำลังตกอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่ หล่อนถอยห่างออกมาจากสามีใจร้าย แล้วแหงนหน้าระเบิดเสียงหัวเราะคับแค้นอย่างโหยหวน แลไปก็คล้ายว่าจวนคลุ้มคลั่งชอบกล

"เอาสิ คุณขู่สรัลแบบนี้ สรัลก็ต้องกลัวอยู่แล้ว แต่คุณเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นเหมือนกัน ถ้าคุณไม่ยอมรับสภาพสามีภรรยาที่สรัลกำหนดไว้แบบนี้ อย่างนั้นเราก็มาวัดใจกันเถอะ ดูซิว่าคำขู่ของคุณ กับชีวิตของนังนี่ ใครจะเป็นฝ่ายกลัวมากกว่ากัน"

ก็ต้องปุราณอยู่แล้ว เขาไม่กล้าเสี่ยงเอาแต่ใจ เพื่อแลกกับชีวิตที่ไม่ควรหายสาบสูญของวัสอร ร่างสูงเพรียวสั่นนิดๆ ขณะระลึกได้ว่า เขาอาจจะเผลอล่วงเกินวัสอรไม่นาทีใดก็นาทีหนึ่ง แล้วเธอจะยอมเชื่อไหมว่า 'เขาไม่อยาก'

"อย่ายุ่งกับเธอ" ปุราณขึงเสียงเข้ม สะกดปีศาจสาวไม่ให้ย้อนกลับไปเล่นงานพริ้มเพรา หล่อนกำลังจะทำล่ะ "ผมขอเถอะ คุณจะพรากคนรอบข้างไปจากผมไม่ได้นะ ผมเป็นคนนะครับ ยังต้องการสิ่งแวดล้อม ยังต้องการผู้คน ไม่ว่าจะเป็นคนรับใช้ เพื่อนฝูง เครือญาติ หรือแม้แต่คนแปลกหน้า"

สรัลเบ้ปากยักไหล่ กอดอกด้วยมาดของผู้กำชัย หล่อนคงต้องยืดหยุ่นกับความหึงหวงแรงกล้ากันสักเล็กน้อย จำต้องฝืนใจมองสามีตรงไปพยุงสาวแม่ครัว แล้วโอบไว้อย่างปกป้อง

รอไว้ให้อยู่ลับหลังก่อนเถอะ หล่อนจะจัดการกำราบนังตัวแสบให้เจียมตัวเจียมฐานะเอง แล้วถ้าไม่ฟังไม่เชื่อ หล่อนค่อยจัดการขั้นเด็ดขาด และอาจถึงระดับ 'คร่าชีวิต'




รัตติกาลอันน้อยนิดใกล้จะผ่านพ้นไปแล้ว ยามนี้ ม่านหมอกแห่งเคราะห์กรรมได้แผ่สยายปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณเรือนริมน้ำ

แม่อ่อนถอนใจเฮือกยาว นางเองก็ไม่อาจฝืนชะตาฟ้าได้เช่นกัน ตระหนักรู้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้น ล้วนอุบัติไปตามวิถีลิขิตจากเบื้องบน  แม้นางอยากจะช่วยเหลือหลานสาว ขัดขวางไม่ให้ดวงวิญญาณของปีศาจสรัลเข้าสิงสู่ แต่นางก็มาล่าช้าไปแค่เสี้ยววินาที

เป็นเพราะสรัลนั่นล่ะ หล่อนคงตระหนักแล้วว่า การปล่อยให้สาววัยใสพ้นอาณาเขตเรือนริมน้ำ ไม่ก่อให้เกิดผลดี

เพราะในยามนี้ มีเพียงวัสอรเท่านั้น ที่หล่อนสามารถฉกฉวยร่างไว้สิงสู่ได้ หล่อนอาจจะทำอย่างนั้นกับพริ้มเพรา แต่คงต้องรอกันนานทีเดียว เพราะพริ้มเพราเป็นสาวดวงแข็งเอาการ

แล้วใครจะไปคาดคิดว่า สรัลจะย้อนกลับมาอีกครั้ง ซึ่งตอนแรกก็หวังแค่ว่าจะซ้ำเติมให้บาดเจ็บสาหัสกว่า แล้วข่มขู่ไม่ให้ไปจากเรือนริมน้ำ แต่แล้ว สวรรค์ก็เข้าข้างเมตตา ให้หล่อนได้เห็นริ้วควันดำจางผุดลอยขึ้นจากหว่างคิ้วของวัสอรเสียก่อน

ก็ในเมื่อประตูนำโชคเปิดอ้ากว้างรอต้อนรับเสียขนาดนั้น แล้วมีหรือที่หล่อนจะไม่ลิงโลดสุดแสน มีหรือที่หล่อนจะไม่รีบฉกฉวย

แต่ก็ช่างอนิจจานัก ปีศาจสาวผู้ตกเป็นเหยื่อ 'รักมากเกินไป' อย่างสรัล จะไม่มีวันได้ล่วงรู้เลยว่า การฉกฉวยโอกาสทองได้อีกครั้งในคราวนี้ เสมือนหนึ่งว่า หล่อนได้จุดประกาย 'ความรักครั้งใหม่' ให้ก่อเกิดสว่างไสวอยู่ในหัวใจดวงเดิมของปุราณ

แล้วทีนี้ หล่อนจะทำยังไงเล่า หากอีกไม่นาน หล่อนจะต้องพบว่า 'เงารัก' ของตัวเอง มันกำลังเหือดหายไปอย่างช้าๆ แล้วในหัวใจดวงเดิมของสามี ก็จะถูกแทนที่ด้วยเงาใหม่ รูปร่างหน้าตาก็ไม่ผิดเพี้ยนกันเลยกับ 'วัสอร'




ภายในห้องนอนของวัสอร เหลือเพียงเจ้าของห้องนั่งจับเจ่าบนเตียง ตระหนักว่าตนหมดอิสระต่อการควบคุมร่างอรชรของตัวเองอีกต่อไป ตราบจนกว่าพลังจิตอันแกร่งกล้าของสรัลจะเสื่อมความอหังการ ซึ่งก็คาดคะเนไม่ได้เลยว่า ต้องรอไปอีกนานแค่ไหน

กรุงเทพก็ไม่ได้กลับตามที่ตั้งใจ นอกจากถูกทำร้ายจนสะบักสะบอมแล้ว ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ก็ยังโดนยึดครองร่างไปเสียอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งกระวนกระวายและหวาดกลัวจนน้ำตาไหล

"เธอจะกลัวไปทำไม" สรัลใช้น้ำเสียงถากถางมาปลอบโยน "รู้หรือเปล่า ตอนที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันเป็นมัณฑนากรที่เก่งมาก ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับคุณปูไม่เคยห่าง สายตาทุกคู่ที่มองเรา ล้วนฉายแต่แววอิจฉา ต่อไปเธอก็จะถูกมองอย่างนั้น"

"ฉันไม่ต้องการ"

"เธอนี่มักน้อยจัง เสียแรงอุตส่าห์เกิดมาเป็นคนทั้งที หัดทะเยอทะยานใฝ่หาความก้าวหน้าเสียบ้างสิ"

"คุณพูดอะไร ก็อายปากตัวเองบ้างสิ คุณขโมยร่างฉันไปครองอยู่นะ มันน่าภาคภูมิใจตรงไหน ต่อให้คุณกลับมามีชีวิตอีกครั้ง แล้วมันเป็นยังไงหรือ มีใครรู้จักคุณหรือ ยอมรับการกลับมาเป็นคนอีกครั้งของคุณหรือ ทุกคนจะยอมเชื่อหรือว่า ผู้หญิงอายุยี่สิบต้นๆ อย่างฉัน เพิ่งเรียนจบหมาดๆ อย่างฉัน ก็คือคุณนี่เอง"

"วัสอร"

"เสียแรงอุตส่าห์เกิดมาเป็นคนทั้งที กลับคิดอะไรน้อยจัง"

"วัสอร"

เจ้าของชื่อนิ่วหน้าแสบแก้วหู เสียงกรีดโหยหวนมันเกรี้ยวกราดสะท้อนก้องเหมือนอลเวงอยู่ในช่องเขาหรือหุบเหว วัสอรน้ำตาไหลพราก เธอเหนื่อยมาก และไม่คิดว่าจะมีพลังมากพอต่อการแข็งขืนพลังอำนาจชั่วของสรัลได้อีกแล้ว

ร่างน้อยที่นั่งจับเจ่า จึงค่อยเอนลงนอน แม้ว่าจะหลับตาลง หากหยาดน้ำแห่งความหวาดกลัวก็ยังคงไหลริน แถมด้วยเสียงสะอื้นอ้างว้างอย่างบอกไม่ถูก

สรัลหัวเราะเยาะด้วยความสะใจ หล่อนตั้งปณิธานแน่วแน่แล้วว่า คราวนี้ ไม่ว่ายังไงก็จะไม่ยอมให้ร่างไร้มวลกระเด็นหลุดออกไปจากร่างอรชรอีกเป็นหนสอง

หล่อนปล่อยให้เจ้าของร่างค่อยๆ หล่นลึกเข้าสู่ห้วงนิทรา มันเป็นธรรมชาติของคนอยู่แล้ว แต่ปีศาจอย่างหล่อน ไม่จำเป็นต้องพักผ่อนอีกต่อไป

ทันทีที่แน่ใจว่าวัสอรหลับสนิท หล่อนก็เผยร่างไร้มวล ลอยหลุดขึ้นไปเกาะเพดาน หางตาอาฆาตกลอกไปจับประกายบุญเจิดจ้าของแม่อ่อน

นางมาหยุดรออยู่นานแล้ว และหล่อนก็สะใจเหลือหลาย ที่คุณยายไม่อาจช่วยเหลืออะไรหลานสาวได้เลย เพราะแม่ตัวแสบเคราะห์หนักเกินกว่าจะโอบอุ้ม




มวลควันดำหนาผละทิ้งเพดาน ลอยมาหยุดห่างจากรัศมีสีขาวนวลพอประมาณ

หล่อนมีบทเรียนแล้ว และจนถึงเดี๋ยวนี้ มวลควันดำหนายังปรุรั่วด้วยรูพรุนอยู่เลย มันเป็นร่างปีศาจที่แสนอัปลักษณ์เสียจนสรัลเกิดความอาฆาตพยาบาทแรงกล้าไปยังเจ้าของประกายบุญ

ก่อนหน้านี้ พลังจิตของผีสาว แกร่งกล้าด้วยความมุ่งมั่น หากแต่งดงามด้วยอานุภาพแห่งความรัก หล่อนปรารถนาร่วมชู้คู่ชื่นกับสามีดังเดิม จึงคอยฉุดรั้งดวงวิญญาณไม่ให้ลอยหลุดออกไปจากโลกใบเดิม

ร่างไร้มวลที่ถูกครอบงำด้วยความรักและความผูกพันมั่นคง จึงแลงามประหนึ่งร่างทิพย์ แม้จะไร้มวลให้จับต้อง หากแต่กายที่โปร่งเบา ก็แลใสกริบประหนึ่งหลอดแก้วขนาดใหญ่ เห็นคราใดก็งามครานั้น

หากยามนี้ มันแตกต่างออกไป พลังจิตของปีศาจสาว ถูกครอบงำด้วยแรงหึงหวงและหวาดระแวงแรงกล้ากว่า หล่อนเห็นผู้หญิงทุกคนเป็นศัตรูหัวใจ แล้วยิ่งภายหลังได้มาล่วงรู้ความลับของฟ้า ก็ยิ่งคลั่งแค้นไม่ยินยอม

หล่อนยอมรับแต่โดยดีว่า วัสอรคือเนื้อคู่แท้ของปุราณ แต่ไม่มีวันยอมสยบหรืออ่อนข้อต่อชะตาบัดซบเช่นนี้ อานุภาพของจิตที่กร้าวกระหายต่อการกำจัดเสี้ยนสวาท มันจึงส่งผลมายังร่างทิพย์แสนสวย

หล่อนตระหนักรู้ ตั้งแต่เริ่มเห็นโครงขาวค่อยๆ แปรเป็นสีเทาจาง แล้วเข้มข้นขึ้น จนกระทั่งกลายเป็นดำสนิท ในทันทีที่มวลควันดำหนาปรากฏ ทุกอย่างที่เคยงดงามก็พลันเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์อย่างที่สุด

ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว จิตกร้าวที่หยาบกร้านไปด้วยแรงเข่นฆ่า กลายเป็นผนังไร้เงาคอยกางกั้นสายสัมพันธ์ จนทำให้หล่อนไม่อาจก่อความสุขตามครรลองของสามีภรรยาได้อีก

ไม่อาจบัญชาเร่งเร้าให้จิตอ่อนไหวของเขาคล้อยตามมนตร์มายาของพิศวาส  ณ ยามสาง ได้อีก หรือแม้แต่ทั้งที่หล่อนยังเกาะกอด และแทรกร่างไร้มวลอยู่ในกายหนาทุกอณูเนื้อ แต่สามีก็จะไม่อาจสัมผัสและรับรู้ได้อีก

แต่การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ ก็ไม่ได้ทำให้หล่อนยอมแพ้แต่โดยดี หล่อนจะไม่ยอมยุติความมุ่งมั่น และหล่อนก็จะต้องเป็นคนตายรายแรก ที่ฝืนชะตาลิขิตไม่ยุติธรรมของฟ้า หล่อนจะทำทุกอย่างไม่ว่าถูกหรือผิด เพื่อเป้าหมายเดียวที่ปรารถนา นั่นก็คือ 'ฟื้นสู่คนเป็น'

"ขอแสดงความเสียใจด้วย" ประโยคแรกถากถางออกไป กลั้วด้วยยิ้มแสยะน่าขนลุก "หลานสาวของแม่นม เป็นของสรัลไปเรียบร้อยแล้ว"

"คุณกำลังฉวยโอกาสและซ้ำเติมคนมีเคราะห์" แม่อ่อนเตือนสติด้วยความปรารถนาดีไม่เสื่อมคลาย "พลังอำนาจของคุณ แข็งแกร่งได้ก็เฉพาะในยามนี้เท่านั้น อีกไม่นาน.. "

"อีกไม่นาน สรัลก็จะฟื้นกลับมาเป็นคนอีกครั้ง แม้จะด้วยร่างใหม่ และเป็นร่างของนังวัสอรที่สรัลเกลียดนักหนา ก็ไม่เป็นไร ขอเพียงร่างนั้น มันจะทำให้สรัลได้อยู่กับปูต่อไป จนกว่าเขาจะหมดอายุขัย สรัลก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้น"

"คุณทำไม่ได้หรอกค่ะ นมขอร้องเถอะนะคะ อย่าแหวกว่ายลอยคอกลางมหาสมุทรอย่างอวดดี ทั้งที่เห็นว่ามีเรือผ่านมาให้ความช่วยเหลือเลยค่ะ นมเตือนแล้วว่าโพรงบาปโพรงนั้น มันมีแต่ทางเข้านะคะ คุณสรัลเข้าไปแล้ว ก็จะกลับออกมาไม่ได้อีก ทำไมต้องทำร้ายตัวเอง.. "

"แล้วนึกว่าสรัลอยากทำอย่างนี้หรือ" ปีศาจเสน่หากรีดร้องคับแค้น น้ำตาเลือดสีดำเริ่มไหลหยดติ๋งอีกแล้ว "สรัลรักปูนะ เขาเป็นสามีของสรัล เขาเป็นของสรัล นมได้ยินหรือเปล่า แล้วมันเรื่องอะไรที่สรัลจะยอมยกเขาให้เป็นของผู้หญิงอื่น หรือเป็นของนังวัสอรของนมน่ะ ไม่มีทางหรอก ไม่มีทาง"

แม่อ่อนหลับตา รู้สึกร้อนเล็กน้อย ประกายบุญแลไหวโยกไม่ค่อยเป็นจังหวะ ปรากฎละอองควันดำพุ่งแผ่มาเกือบชิด ทำให้นางต้องลอยถอยห่างอย่างรวดเร็ว ใจหายวาบกับฤทธิ์เดชที่เพิ่มพูนของปีศาจ กลิ่นและไอแห่งความชั่วร้าย มันฟุ้งเข้มข้น จนนางต้องรีบแผ่เมตตา

น้ำตาหลั่งเป็นสายสีเงินงาม ยามสงสารบั้นปลายอับปางของปีศาจ สรัลไม่น่ายึดติดกับความรักความผูกพันจนเกินเลยเช่นนี้ จำได้ว่า ตอนมีชีวิต หล่อนก็หมั่นทำบุญก่อกุศลไม่เคยขาด ฟังเทศน์ฟังธรรมก็บ่อยเหมือนกัน ทำไมไม่เข้าใจคำว่า 'เดินสายกลาง' และ 'ปล่อยวางเมื่อถึงเวลา'

"อย่ามาทำร้ายกันเองเลยค่ะ นมไม่เคยคิดเป็นศัตรูนะคะ นมมาดี มาเพื่อเตือนสติด้วยความปรารถนาดี ทุกชีวิตก็มีครรลองและวิถีที่ฟ้ากำหนดแล้ว ไม่มีใครเอาชนะและฝ่าฝืนได้ ไม่เคยมีนะคะ"

"ไปให้พ้น ก่อนที่สรัลจะหมดความเกรงใจ ทุกคำพูดของแม่นม มีแต่จะพอกจะพูนความเกลียดความชัง สรัลเองก็ไม่เคยคิดเป็นศัตรู ไม่เคยอยากเกลียด ไม่เคยอยากทำร้าย อย่าบีบคั้นสรัลเลยค่ะ ปล่อยสรัลไปตามทางของสรัลดีๆ เถอะ"

"ถ้าไม่เชื่อนม คุณสรัลต้องเสียใจมากกว่านี้"

"ก็ถือเสียว่า สรัลเลือกทางสายนี้เอง ผลจะเป็นยังไง สรัลก็จะไม่ปฏิเสธมัน ไปเสียเถอะค่ะ อ้อ เดี๋ยวก่อน สรัลอยากจะบอกว่า แม่นมไม่ต้องเป็นห่วงหลานสาวนะคะ สรัลจะช่วยดูแลร่างของเธอให้เป็นอย่างดี จะใช้อย่างทะนุถนอม แต่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และคุ้มค่าสูงสุดด้วย"

แม่อ่อนส่ายหน้าร้าวรานใจ เสียงหัวเราะโหยหวนของปีศาจ บอกถึงอารมณ์เยาะเย้ยถากถางเต็มพิกัด มวลควันดำหนาลอยถอยหลังไปหยุดเหนือร่างหลับใหลของวัสอร

ตาไร้แววแสนชั่วกลอกไปหยันความขมขื่นของแม่นมชรา พร้อมไปกับการหย่อนลงแทรกลึกแล้วค่อยหายสิ้นไปเบื้องหลังมวลเนื้ออันแน่นหนัก




พริ้มเพราสะดุ้งโหยง ปล่อยถ้วยกาแฟหลุดมือ มันร่วงสู่พื้นแล้วแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ปุราณมองมันอย่างเข้าใจ โดยไม่นึกตำหนิว่าแม่ครัวเอกขวัญอ่อนเกินเหตุ เพียงแค่ได้เห็นตาโรยกับสีหน้าหมองคล้ำ เขาก็นึกรู้แล้วว่า สาวใช้คนดีไม่ได้หลับเลยสักงีบ ซึ่งก็คงเหมือนกับเขานั่นล่ะ

"เอ้อ ฉันขอโทษค่ะ คือว่า.. "

"ไม่เป็นไร เก็บกวาดเถอะ จะชงกาแฟใช่ไหม ฉันชงเอง"

"ไม่เป็นไรค่ะ สรัลชงให้เอง"

เจ้านายหนุ่มกับสาวใช้อาภัพตัวแข็งกึก เหลือบมองตากันอย่างอึดอัด เสียงใสของสาวแม่บ้านแทรกเข้ามา เจ้าตัวพาร่างอรชรมาเบียดกระแซะสีข้าง วาดแขนมากอดเอว ก่อนจะเลื่อนตัวมากอดด้านหน้า แบบไม่ต้องเกรงใจว่ามีใครอยู่ด้วย แล้วถ้าไม่ห้ามปราม เธอก็คง 'จูบ'

"เอ้อ อย่ารุ่มร่าม หลีกไปซิ ผมจะชงกาแฟ"

ปุราณอ้อมแอ้มหน้าแดง เขาเกรงใจร่างของวัสอร สงสารว่าเนื้อสาวผุดผ่องต้องมาหมองเพราะสัมผัสของชายพ่อหม้าย แม้ว่าเขาไม่มีเจตนา ไม่อยาก แต่สรัลก็ทำให้เขาหลีกเลี่ยงลำบากจัง

"แหม เมื่อก่อนนี้ ทุกเช้าพอเราตื่นแล้ว สรัลก็เป็นคนชงให้ไม่ใช่หรือคะ ใครจะมาชงได้อร่อยเท่าสรัล จริงไหม แล้วก่อนชง เราก็จะจูบกันก่อน เพื่อเรียกความกระชุ่มกระชวยให้กับก้าวใหม่ๆ ในทุกๆ วันที่จะเป็นวันใหม่แล้วใหม่อีกสำหรับเรา จำได้ไหมคะ"

พริ้มเพราเก็บกวาดเศษถ้วยแตกเปรื่องด้วยมือสั่นเทา หล่อนนึกถึงคำพูดที่เคยพูดไว้กับวัสอรที่ว่า 'หล่อนโง่เง่า และไม่กล้าออกไปจากเรือนริมน้ำที่เปรียบเสมือนโลกที่ตัวเองคุ้นเคยดีแล้ว จึงไม่กล้าพอที่จะออกไปผจญกับโลกใบอื่นอีก'

แล้ววัสอรในวันนั้น ก็ย้อนถามกลับด้วยท่าทางขนพองสยองเกล้าว่า 'แม้ว่าวันดีคืนดี อาจต้องผจญกับผีน่ะหรือ' แล้วหล่อนก็พยักหน้าให้เธอหัวเราะเซ็งๆ

ณ นาทีนี้ หล่อนอยากกลืนคำพูดตัวเอง อยากย้ายออกไปจากเรือนริมน้ำ ไปให้ไกลจากแรงรักแรงหึงของสรัล ก่อนหน้านี้ เคยเรียกเจ้าตัวว่า 'ผี' แต่วันนี้ คงต้องเรียกใหม่เป็น 'ปีศาจ' ในเมื่อเจ้าตัวร้ายได้ร้อนแรงขึ้น ถึงขั้นครองร่างคนเป็นอย่างไม่สะทกสะท้าน

ตอนนี้ ก็ยังแสดงให้เห็นถึงความร้อนแรงในกาม ด้วยการตามคลอเคลียกระแซะปุราณ เขายืนกรานจะชงกาแฟเอง แต่ภรรยาในร่างสาวบริสุทธิ์ ก็ยืนกรานว่าควร 'จูบก่อน'

"เอ้อ ฉันยกอาหารเช้าออกไปก่อนนะคะ เอ้อ คุณปูจะรับตรงไหนคะ"

"ริมสระ"

พริ้มเพรารีบรับคำ รีบผลุบออกไป ใจเต้นโครมครามตอนเห็นปีศาจในร่างคน ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสามี สอดมือแทรกสาบเสื้อเข้าไป ทำทีโลมลูบ แล้วจูบนุ่มอย่างหลงใหล มือที่ประคองถาด มันก็ช่างสั่นได้สั่นดีเสียจริงๆ เหมือนจะกลั่นแกล้งตอกย้ำให้หล่อนตระหนักในความรู้สึก 'ทั้งสั่นทั้งเสียว'




ปุราณก็อึดอัดระคนวาบหวามจะแย่ เขาบดกรามระงับอารมณ์เสน่หาที่ปะทุเงียบๆ กล้ามเนื้อฟิตแถวหน้าอกเริ่มขยับเต้นระริกสนองฝ่ามือนุ่มอุ่น

สรัลเป็นบ้าอะไร ตอนมีชีวิตอยู่ อาจจะถูกมองว่าเป็นสาวเปรี้ยว ก็ด้วยรูปลักษณ์และงานพาไปเท่านั้น แต่ในยามอยู่กันตามลำพังในวิมานรัก หล่อนน่ารักน่าใคร่ โอนอ่อนอย่างเอียงอาย ใช้กิริยาหวงเนื้อหวงตัวมากระตุ้นอารมณ์รักให้ก่อเกิดอย่างกระหาย

ไม่ใช่แบบนี้หรอก หล่อนกำลังเผยความกระหายเสียเอง ในขณะที่อารมณ์ของเขา มันตื่นกระสันเพราะถูกปลุกเร้ามากกว่าจะยินยอมพร้อมใจ

'โอ๊ย ตายแล้ว นี่เขาจะทำยังไง" ปุราณขยับถ้วยกาแฟ ขืนตัวเองไม่ให้ตกเป็นเหยื่อจูบร้อนลามปาม สรัลเผยอารมณ์ไร้ยางอายเกินควรไปแล้ว หล่อนจูบไซ้สำราญตั้งแต่แผงอกลงสู่หน้าท้อง และทำท่าว่าน่าจะต่ำลงได้อีก

"หยุดเสียที ผมไม่มีอารมณ์ อย่ามาใช้นิสัยผู้หญิงขายบริการกับผม ถอยไป"

ปากตวาดสั่นๆ ออกไป มือก็รีบแต่งตัวให้เรียบร้อย ขณะปรายตามองกาแฟที่ชงเสร็จแล้ว ใจก็บอกตัดบทไปว่า 'ไม่ดื่มก็ได้' แล้วสองเท้าก็รีบสาวยาวๆ หมายหนีปีศาจเสน่หา

แต่สรัลมุ่งมั่นต่อการผนึกกายบริสุทธิ์ของวัสอรให้เป็นหนึ่งกับกายกำยำของสามี หล่อนต้องทำอย่างนี้ มันเป็นทางเดียวที่จะช่วยหล่อหลอมร่างไร้มวลให้กลืนกลายเป็นร่างของวัสอรอย่างสมบูรณ์

ก็ไม่ใช่แม่อ่อนเท่านั้น ที่ล่วงรู้ชะตาฟ้าด้วยประกายบุญที่นางมี หากแต่ในยามนี้ พลังอำนาจของปีศาจสาวก็เข้าขั้นอหังการพอได้อยู่

หล่อนจึงล่วงรู้ด้วยเช่นกันว่า เลือดสักหยดที่จะตกจากร่างของวัสอร คือกาววิเศษที่จะผนึกร่างของหล่อนให้ติดหนึบกับร่างของเหยื่อ จนแกะไม่ออกอีกตลอดกาล แล้วในความรู้สึกของหล่อน คงไม่มีเลือดหยดใดจะวิเศษสุดมากไปกว่า 'เลือดพรหมจรรย์'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 54 19:04:14




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com