Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
[ซีรีส์พระจันทร์] นิมิตแสงจันทร์ - บรรพที่ 13 ติดต่อทีมงาน

บรรพที่ 13

 

อำนาจ...ถ่ายทอดทางดวงตา  แม้เจ้าของดวงตานั้นมิได้ปริปากก็ตามที...


แม้ว่างานคืนนั้นจะคับคั่งไปด้วยผู้คน ซึ่งพากันแต่งตัวอย่างประณีตบรรจงด้วยอาภรณ์ชั้นดี 
หากไฟในห้องโถงสว่างไสวระยิบระยับราวกับจำลองดวงดาวบนฟากฟ้าลงมาประดับไว้ 
บรรยากาศทุกอย่างช่างน่ารื่นรมย์ราวกับอยู่ในความฝัน  รสชาติของความสุขที่สรรสร้าง
จากสีสันในงานพาใจเตลิดไป จนไม่มีใครคิดถึงพายุร้ายทางการเมือง...


กลธีป์ยืนอยู่ที่นั่น  มองคนในห้องบอลลูนนั้นเงียบๆ พลางนึกดูแคลนพวกเขา  ช่างไม่ต่างกับ
ปลาหลงน้ำ  หารู้ไม่ว่าในไม่ช้านี้น้ำที่ทุกคนอาศัยอยู่จะหัตถ์แห่งพระเจ้าเขย่าจนสั่นคลอน 
แล้วคัดกรองเอาคนที่อยู่ได้แยกออกไป  คนที่ขวางทางอาจถูกลบหายไปจากสารบบ
ส่วนคนที่ไม่อาจเคลื่อนย้ายตนเองไปจากโลกของวิปุลาได้  ก็คงต้องทนอยู่ไม่ว่าพรุ่งนี้จะมี
ตะวันรุ่งหรือไม่  ประชาชาติทั้งหลายเอ๋ย...เจ้ามีสิทธิ์แค่เป็นผู้ตาม


ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้กลธีร์เคยรู้สึกว่าวิปุลาเป็นประเทศที่สงบโดยแท้  
แต่ไม่นานมานี้เขากลับพบว่ามันแค่ฉาบเอาเปลือกของความสงบไว้เท่านั้น   โลกวิ่งไปสู่
อารยะใหม่โดยที่วิปุลาวิ่งตามไม่ทัน แล้วยังพยายามแข็งขืนตัวอยู่ในโลกโบราณเหมือนที่
ผ่านๆ มา  ทั้งนี้เพราะคนจำพวกหนึ่งเกลียดการเปลี่ยนแปลง  แต่พวกเขาก็จะรู้ว่า
มันเป็นไปไม่ได้  ขั้วอำนาจจึงแบ่งครึ่งกันอย่างชัดเจน  ไม่ช้านี้แผ่นดินคงเคลื่อนด้วย
กำลังสองฝั่ง แล้วลำน้ำคงเอ่อล้นขึ้นมา ปลาเล่าจะทำอย่างไร  หากเป็นเมื่อก่อนกลธีป์
ไม่เคยตระหนักว่ามันจะเป็นความเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง  จนเมื่อพบบุรุษผู้นั้น...


ท่านธุวานันท์...ต่างก็รู้กันว่านามนี้เป็นเพียงนามแฝง แต่อำนาจนั้นเปล่งรัศมีออกมาจากกาย 
ดวงตาคมกริบที่มีรอยยิ้มแฝงอยู่ดูอบอุ่นทว่าน่าสะพรึงไปพร้อมๆ กัน  หลายคนเชื่อว่าบุรุษผู้นี้
มาจากราชสกุลไทวาวัต  กลธีป์ไม่เห็นความเกี่ยวข้องด้วยจนกระทั่งอาสาวของเขา 
ญาตาปัณฑารีย์นักบวชหญิงที่มากไปด้วยความทระนง ไม่เคยสยบแก่ผู้ใด กลับมีสายตา
เคารพนอบน้อม  ทั้งชื่นชมอย่างที่ไม่เคยมีให้ผู้ใดมาก่อน


“วิปุลาน่ะ...ไม่ใช่ประเทศที่ใครจะมาดูแคลนง่ายๆ ในความเล็ก เรียบง่าย และความรักสงบ
ของผู้คนนี่แหละ  จะเป็นสิ่งหยุดทุกสิ่งไม่ให้ขับเคลื่อนไป  จนเหมือนกับวิญญาณที่ติดอยู่
ในห้วงเวลาของอดีต...เราเป็นอย่างนี้กันมาช้านาน”


“ท่านหมายความว่าอย่างไร?” ชายหนุ่มเดินมาอยู่เคียงคู่ท่านธุวานันท์  ซึ่งกำลังเพ่งมองลงไป
จากหอคอยของวิหาร


“วิญญาณของนางพรายสถิตอยู่ที่นี่  นานเกินกว่าใครจะขับไล่นางไปจากวิปุลาได้” เสียงนั้น
เอ่ยอย่างช้าๆ แต่ดึงดูดผู้ฟังนัก


“คนรุ่นใหม่...ได้รับการศึกษาจากต่างประเทศ ไปติดวิธีมองจากฝรั่งมามองประเทศตัวเอง 
โดยไม่รู้ว่ารากมันหยั่งลึกเท่าไร? ....แล้วการล้มระบบราชินทร์หรือจะเป็นไปโดยง่าย 
ล้มไปแล้วจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ  ไม่เลย...มีแต่คนที่มองอย่างผิวเผินเท่านั้นที่คิดแบบนั้น”
 อาจเป็นเพราะเขาเป็นของราชสกุลไทวาวัต  จึงมีไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้กระมัง  แต่นั่น
เป็นเพียงสิ่งที่กลธีร์คิดอยู่ในใจ หากยังไม่ทันได้เอ่ยออกมาอีกประโยคก็สวนหักความนัย
คำกล่าวแรกลงโดยสิ้นเชิง


“แต่ยังไงราชินทร์ก็ต้องล้มลง...ไม้ใหญ่ที่ผุกร่อนแล้ว ไม่ช้าก็ต้องล้ม  แล้วยิ่งได้แรงดันจาก
ปลวกภายในเองด้วย” บุรุษผู้ทรงอำนาจหันเสี้ยวหน้ากลับมามองเขา  นัยน์เรียวยาวคู่นั้น
มีระลอกคลื่นน้อยๆ ระริกไหวอยู่ภายใน


“ตกใจรึกลธีป์?” คู่สนทนายกมือขึ้นลูบหน้า กลธีป์พอจะเดาได้ว่าตนเองมีสีหน้าอย่างไร 
ฝ่ายตรงกันข้ามเพียงแต่ยิ้มน้อยๆ ให้เขาเหมือนเอ็นดูเด็กผู้โง่เขลา


“ธรรมชาติบางอย่างเราฝืนไม่ได้”


“ใช่ครับท่าน  แต่ว่า...ถ้าล้มราชินทร์  อะไรหลายๆ อย่างในประเทศเราต้องพังไปด้วย 
ความเชื่อมั่นของประชาชน คือความเชื่อมั่นของประเทศ คนที่คิดจะล้มไม่มีทางกู้มัน
กลับมาได้”


“...คนที่คิดจะล้มคนไหนเล่า  กลุ่มนายทุนเขาไม่สนใจหรอกว่าประชาติจะเป็นอย่างไร
แค่ควบคุมวงจรเศรษฐกิจได้ก็พอแล้ว   ส่วนนักวิชาการ...พวกเขาน่ะไร้เดียงสาเกินไป...
ถึงเชื่อในโลกแห่งอุดมคติ...ซึ่งมันไม่มีทางเป็นได้!!” ปลายประโยคนั้นน้ำเสียงก้อง
จนเกือบจะเป็นเด็ดขาด 


“...แล้วก็พวกสุดท้าย...ที่พร้อมจะไหลไปทางไหนก็ได้ที่มีผลประโยชน์  พวกนี้เป็นแค่
สัตว์เซลเดียว ไม่มีความคิดแต่ปริมาณของมันมาก จนทำให้ละสายตาไม่ได้เหมือนกัน”


“แต่ก็ยังมีแกนความคิดที่ไม่เห็นด้วยกับซันนี่ครับ”


“อืม...มูนงั้นสิ  เธอเห็นเป็นอย่างไรเล่ากลธีป์”


สรรพนามที่ธุวานันท์เรียกเขานั้น  ฟังดูผู้มีวัยวุฒิสูงกว่ามากนัก  ทั้งที่มองดูจากภายนอก 
เขาน่าจะอยู่ในวัยฉกรรจ์ แค่เพียงสามสิบเศษๆ เท่านั้น  แต่ความนิ่งและทรงอำนาจนั้น
กลับมีมากเกินอายุ  ก็น่าอยู่หรอกที่ญาตาปัณฑารีย์จะชื่นชม  ในเมื่อหล่อนชมชอบ
แต่ผู้มีความสามารถเท่านั้น


“ดวงจันทร์ยังมีเว้าแหว่งแล้วใจคนหรือจะแน่นอน...ยิ่งแล้วไปกันใหญ่กับความจงรักภักดี”


“แต่ผมไม่ใช่  ผมเชื่อว่ายังมีคนอีกมากที่จงรักภักดีกับราชวงศ์ไทวาวัต  และคนที่ภักดีน่าจะ
มีจำนวนมากกว่าพวกซันด้วย”


“เธอเป็นมูนรึ?”


“ไม่ครับ...แต่ผมมีจุดยืนของตัวเอง  การขับเคลื่อนของมูนมันออกไปทางการทหารเสียมากกว่า 
สิ่งที่จำเป็นเมื่อมูนพลาดนั่นคือพลังเงียบของประชาชนอย่างพวกเราต่างหาก”


“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!” ธุวานันท์เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแล้วหัวเราะดังกึกก้องออกมา

 

 

แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 54 21:31:51

จากคุณ : แก้วกังไส
เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 21:29:11




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com