เด็กสาวนอนมองหยดน้ำเกลือที่ค่อยๆหยดลงมาทีละหยดอย่างช้าๆ สุดปลายสายน้ำเกลือเป็นเข็มแหลมทิ่มแทงเนื้อ เลือดซึมไหล เธอเอื้อมมือไปบีบสายน้ำเกลือเบาๆ ดันให้อณูเลือดของตนย้อนกลับไปรวมตัวกับน้ำเกลือที่ไหลมารอตรงกระเปาะ อนัลยานีพินิจมองด้วยความพิศวง แต่พยาบาลที่เดินเข้ามาดูแล รีบจัดทิศทางสายน้ำเกลือเสียใหม่ และบีบไล่ให้เลือดกลับไปทีเดิม เด็กสาวทอดตามองอย่างขัดใจ แต่ไม่ทันเอ่ยคำใดก็มีเสียงประกาศคั่นจังหวะ
มีโค้ด 60 ที่แผนกฉุกเฉิน
มีโค้ด 60 ที่แผนกฉุกเฉิน
มีโค้ด 60 ที่แผนกฉุกเฉิน
เสียงโฟนซ้ำกันสามครั้งด้วยประโยคสั้นกระชับแต่ชัดเจน ดังอยู่ทั่วบริเวณที่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ไม่เว้นกระทั่งห้องพักผู้ป่วยระดับวีไอพี รสา เดินไปปิดม่านหน้าต่างที่แสงแดดยามเย็นสาดเทเข้ามาในห้อง ขณะที่มือยังถือแป้นชาร์ตผู้ป่วย พยาบาลสาวประคองแป้นอะลูมิเนียมนั้นบนท่อนแขนข้างหนึ่ง และใช้มืออีกข้างหนึ่งดึงผ้าม่านมาบังแสงที่ปรับองศาทำมุมแคบลงจนลามเลียมาที่เตียงผู้ป่วย ครั้นแล้วไม่วายเหลือบตามองเหตุการณ์ด้านล่าง เสียงหวอดังแทรกตัวอาคารแข็งแกร่งสูง 11 ชั้นเข้ามาได้เพียงน้อยนิด แต่ภาพที่เห็นเบื้องล่างฟ้องความโกลาหลวุ่นวายออกมาได้ชัด รถฉุกเฉินตะบึงเข้ามาอย่างเร่งรีบ เมื่อถ่ายเทคนเจ็บเข้าห้องฉุกเฉินได้แล้วก็เผ่นแน่บออกไปรับคนมาเพิ่มอีก
โค้ด 60 คืออะไรเหรอคะ คุณพี่พยาบาล
เสียงใสแจ๋วของเด็กสาวดังขึ้นขัดจังหวะ ใบหน้าซีดเซียวนั้นมีดวงตาเป็นประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็น รสารีบละสายตาจากด้านล่างและหันมาตอบ
ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เป็นรหัสบอกคุณหมอกับคุณพยาบาลให้ไปรวมตัวกันเวลามีคนไข้มาที่แผนกฉุกเฉินคราวละมากๆนะคะ
แล้วเค้าจะมากันทีละมากๆทำไมล่ะคะ
เจ้าของดวงตาเป็นประกายซักต่อ พยาบาลสาวหรี่ตาและเบ้ปาก พยายามหลีกเลี่ยงการพูดคำว่า อุบัติเหตุหมู่ แม้เหตุการณ์รุนแรงจะเกิดขึ้นติดกันบ่อยครั้งจนผู้คนชินชา แต่การขนส่งผู้บาดเจ็บเข้าโรงพยาบาลครั้งละมากๆ ก็เขย่าขวัญผู้มารับบริการหลายประเภท ยิ่งเป็นผู้ป่วยอายุเพียง 12 ปี อย่างเด็กสาวนี้ เผลอๆอาจขวัญเสียได้ง่ายๆ รสาพยายามคิดหาคำบอกเล่าที่บรรเทาความร้ายแรงลง เด็กสาวเพียงสบตาละล้าละลังของพยาบาลสาวก็ถอนใจ ส่ายหน้า
ไม่น่าเชื่อเลย ว่าจะอุกอาจกันขนาดนี้ วางระเบิดในจุดเลือกตั้ง ขัดขวางการออกมาใช้สิทธิ์ แถมมีไฟไหม้ตลาดย่านนิคมอุสาหกรรมกลางดึก คนถูกหามส่งโรงพยาบาลไปทั่วปริมณฑล คนของโรงพยาบาลก็ไม่พอทำงาน
เจ้าตัวเดาะลิ้นแล้วหลิ่วตาถาม
พี่เลยกังวล... อยากลงไปช่วยสิท่า
อะ... ก่อนจะหลุดคำว่า อะไรเนี่ย ที่แสดงความประหม่าของตัวเองออกไป รสาชำเลืองมองชื่อผู้ป่วยบนชาร์ตแวบหนึ่งก่อนขานชื่อ
แอนี่...
โชคดีที่ชื่อขึ้นต้นด้วย อ อ่าง เป็นพยางค์แรก
น้องแอนี่... ไปรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหนคะ
เด็กสาวเม้มปากแล้วอัดลมพองออกจากแก้มทั้งสองข้าง มือหนึ่งชูแบล๊คเบอร์รี่เครื่องสีขาวเงาวับ เปิดหน้าต่างเว็บไซต์ข่าวออนไลน์สำหรับวัยรุ่น ส่ายดุ๊กดิ๊ก
มัวแต่เล่นไม่ได้นะคะ เป็นคนไข้ก็ต้องนอนพักผ่อน เอาเจ้าเครื่องนี้มาฝากพี่ก่อนดีกว่าค่ะ
คราวนี้แอนี่พ่นลมออกจากปาก รีบซุกบีบีเข้าไปใต้หมอนเป็นที่หลบซ่อน ส่ายหน้าดิก
ก็เดี๋ยวคุณพ่อโทรมาไม่เจอนี่คะ แถมเพื่อนก็ทวีตกันทั้งวัน เข้าไปดูช้าเดี๋ยวไม่ได้อัพเดทข่าว
คุณพ่อโทรเข้าโรงพยาบาลก็ได้นะคะ ส่วนการอัพเดทข่าว สัญญาณโทรศัพท์มือถือจะรบกวนการทำงานของอุปกรณ์ทางการแพทย์ เท่านั้นยังไม่พอ คลื่นโทรศัพท์ยังรบกวนการทำงานของสมองด้วยนะคะ
บ่นยาวขึ้น เด็กสาวยังทำท่ากระเง้ากระงอด แต่เมื่อจบคำอธิบายที่เห็นเหตุเป็นผล ก็ค่อยถอยร่น ดึงบีบีออกจากใต้หมอน ลุกขึ้นนั่งและเอื้อมมือไปวางคู่กับรีโมทโทรทัศน์ตรงโต๊ะข้างเตียง รสาพยักหน้ายิ้มอย่างนึกชื่นชมในตัวเด็กสาวที่ดูเอาแต่ใจตัวเองและก๋ากั่นเกินวัย เมื่อให้เหตุผลมากพอก็ปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย...ถึงจะไม่ทั้งหมดก็เถอะ...รสานึกในใจแล้วหันไปพลิกดูกระดานคำสั่งแพทย์ อ่านทวนซ้ำชื่อและอาการผู้ป่วย ด.ญ.อนัลยานี ลียานุวัฒน์ อายุ 12 ปี ในนั้นระบุอาการของผู้ป่วยด้วยลายมือหวัดๆของแพทย์ พาราเซตามอล โอเว่อร์โด้ส จบประโยคนี้ เสียงรุ่นพี่พยาบาลก็ลอยมาในความคิด
หมอเขียนให้ญาติคนไข้เอาไปตั้งเบิกได้น่ะสิ ขืนบอกว่าฆ่าตัวตายด้วยยาพารา พ่อแม่ก็ขายขี้หน้าชาวบ้าน เป็นถึงลูกนักการเมืองดังเสียอีก แต่ก็ต้องมารักษาตัวในโรงพยาบาลเล็กๆไม่ให้เป็นข่าว ว่าไปก็น่าใจหายนะ เดี๋ยวนี้เด็กวัยรุ่นกินยาฆ่าตัวตายตั้งแต่ยังไม่เป็นนางสาว สังคมสมัยนี้เป็นอะไรไปแล้ว
เตียงนี้หรอกเหรอ...
รสาพึมพำเบาๆ อย่างไม่เชื่อสายตานัก ในทันใดนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น รสาขานรับ อาคันตุกะหญิงวัยกลางคนก็ผลักประตูเข้ามาพร้อมกับของเยี่ยมเต็มไม้เต็มมือ
หนูแอนี่ขา คุณแม่มาแล้วค่า เป็นยังไงบ้างคะคุณลูก
คุณแม่ ที่ทาลิปสติกและเล็บมือสีแดงวาวราวกับสีเลือดพยายามจะก้มลงจุมพิตเด็กสาวแสดงความคิดถึงเสียเต็มประดา แต่อนัลยานีกลับสะบัดหน้าหนี
ชิส์!
เด็กสาวพลิกตัวนอนตะแคงไปฝั่งระเบียงห้อง หญิงวัยกลางคนหน้าเจื่อนลงถนัดตา รสาหันไปยกมือสวัสดีผู้มาเยือน เธอรับไหว้อย่างไม่สนใจนัก เกลือกตามองด้วยหางตาแล้วสะบัดคำถามใส่อย่างมีจริต
เมื่อกี๊เข้าโรงพยาบาลมา ตรงหน่วยฉุกเฉินมีคนเต็มไปหมดเลย คุณพยาบาลน่าจะลงไปดูสักหน่อยนะคะ
รู้ตัวว่าถูกไล่ แต่รสาก็ตอบกลับไปอย่างสุภาพ
ขอบคุณที่เป็นห่วงผู้ป่วยรายอื่นที่รออยู่ค่ะ... จริงๆดิฉันก็มีหน้าที่ต้องลงไปช่วย แต่พอดีกำลังดูอาการของน้องแอนี่...
อุ้ย ไม่ต้องหรอกค่ะ ดิชั้นอยู่แล้วทั้งคน ดั๊นเนี่ย ดูแลแกมาตั้งแต่ 10 ขวบแล้ว
10 ขวบ... ปีนี้ 12 ก็เพิ่งไม่นานเองนี่...
ทำเป็นคุย... ก็แค่แม่เลี้ยงคนเดียวที่อยู่กับคุณพ่อได้นานที่สุด
แอนี่ช่วยเฉลยให้ ด้วยน้ำเสียงที่อวดเก่งไม่แพ้กัน ผู้มาเยือนส่งเสียงเฮอะเบาๆออกทางจมูก เด็กสาวค่อยหันมาหัวเราะหึๆในลำคอ รสาเริ่มรู้สึกตัวว่ากลายเป็นตัวกลางระหว่างคู่ชกสองฝ่าย หนึ่งคือแม่เลี้ยงเปรี้ยวซ่ากับอีกฝ่ายหนึ่งคือลูกเลี้ยงก๋ากั่น
เป็นจังหวะพอดีกันกับที่พยาบาลรุ่นน้องเคาะประตูและยื่นหน้าเข้ามาทำสัญญาณบุ้ยใบ้เรียกรสาออกไปด้านนอก
เอาเป็นว่า น้องแอนี่อาการดีแล้ว ดิฉันคงต้องขอตัวก่อน แต่ข้างหน้าจะมีเคาน์เตอร์พยาบาลรักษาการอยู่ มีอะไรก็กดออดเรียกได้นะคะ
รสาขยับตัวออกจากข้างเตียงผู้ป่วย แต่มีอันต้องชะงักเมื่อเห็นมือน้อยๆดึงชายกระโปรงของตัวเองไว้ แอนี่ส่งสายตาปริบๆ เหมือนยังไม่อยากให้เธอไป พยาบาลสาวส่ายหน้า
เดี๋ยวพี่มานะ
รสาแกะมือเด็กสาวออกจากชายกระโปรงและบีบเบาๆเป็นคำมั่นสัญญาว่าจะกลับมาใหม่ เข้าใจว่ามีงานใหญ่คืออุบัติเหตุหมู่ที่เกิดขึ้นด้านล่างจึงถูกตามตัว ส่วนเด็กสาวที่อยู่บนเตียงได้พ้นขีดอันตรายแล้ว เห็นจะต้องปลีกตัวไปช่วยพื้นที่ด้านล่างก่อน
เด็กสาวปล่อยมือแต่โดยดี แต่ดวงตาคู่นั้นยังจับจ้องพยาบาลสาวที่เดินจากไปไม่วางเว้น
`·.,¸,.·*¯`·.,¸,.·* มีต่อค่ะ `·.,¸,.·*¯`·.,¸,.·*