โซลย์กวัดแกว่งบรุนนาลาซึ่งเปล่งแสงสีแดงเพลิงสุกสว่าง มันขับไล่ไอหมอกที่ม้วนตัวเข้ามาหาแม่ทัพหนุ่มราวกับมีชีวิตให้เคลื่อนห่างออกไป เขาเพ่งสายตามองผ่านความหนาทึบสีเทาหม่นและสอดส่ายค้นหาเพื่อนทั้งสองด้วยความรู้สึกกังวล
ฟอร์เซ็ตติคงไม่เป็นอะไร แต่เจ้าหนูนั่นป่านนี้คงเสร็จไปแล้วกระมัง
แม่ทัพแห่งมอร์เซลพูดกับตนเอง คิ้วเข้มหนาขมวดเข้าหากันเมื่อเงาอันเลือนรางของคนหลายคนกำลังเดินตรงเข้ามาหา บรุนนาลาในมือถูกกระชับแน่น
ท่านแม่ทัพ
เสียงใครคนหนึ่งร้องขึ้น โซลย์ขยับดาบในท่าระวังพร้อมกับร้องถาม
ใคร
ดวงตาสีเหล็กฉายแววแปลกใจเมื่อคนเหล่านั้นปรากฏขึ้นตรงหน้า พวกเขาเป็นผู้ที่โซลย์ทั้งเคยรู้จักและไม่เคยพบ ที่น่าตกใจมากที่สุดคือในกลุ่มนั้นมีเหล่าเสนาบดีและข้ารับใช้ในวังรวมอยู่ด้วย เสียงอันทรงอำนาจพูดขึ้น
พวกเรารอท่านอยู่นะ ท่านแม่ทัพโซลย์
บรุนนาลาในมือถูกลดลงเมื่อโซลย์มองเห็นเจ้าของเสียงเต็มตา เขาครางออกมาเบาๆ
องค์ราชา
พระวรกายอันสูงสง่าของกษัตริย์แห่งมอร์เซลก้าวออกมาจากสายหมอกและหยุดยืนเบื้องหน้าของโซลย์ เขาก้าวถอยหลังออกไปสองสามก้าวด้วยความไม่แน่ใจจนพระสุรเสียงอันก้องกังวานตรัสขึ้น
อาณาจักรมอร์เซลถูกรุกรานจนสิ้นแล้ว ข้าได้นำผู้ที่รอดหนีมาหลบภัยอยู่ที่นี่ ขาดอยู่ก็เพียงแต่ท่านซึ่งเป็นแม่ทัพกล้ามาคอยปกป้องเท่านั้น
เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
เสียงแม่ทัพหนุ่มพึมพำ องค์ราชาทรงแย้มสรวล
ละทิ้งภารกิจของท่านและมาอยู่รวมกับข้าและพลเมืองชาวมอร์เซลเถิด ท่านแม่ทัพ
หัตถ์ซึ่งทรงแหวนตราราชวงศ์ยื่นออกมาข้างหน้า โซลย์จ้องมองดูแล้วเม้มปากตนเองแน่น เสียงของพลเมืองมอร์เซลที่ยืนอยู่ด้านหลังกษัตริย์ของพวกเขาร้องเซ็งแซ่
ท่านแม่ทัพ!
มือซึ่งกุมบรุนนาลากำแน่นจนสั่นระริก หัวใจของแม่ทัพหนุ่มกระหวัดถึงแผ่นดินอันเป็นที่รัก โทสะเริ่มปะทุขึ้นอยู่ภายในทรวงเมื่อเขาก้าวถอยหนีร่างขององค์ราชาที่เขาภักดียิ่งกว่าสิ่งใด มืออีกข้างยกขึ้นวางจรดไว้บนอก
ไม่มีวันที่มอร์เซลจะถูกทำลายจนพินาศ โซลย์กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงกร้าว เขาลดเลื่อนมือลงและกระชับบรุนนาลาเอาไว้แน่นทั้งสองข้าง
ข้าไม่มีวันเชื่อภาพลวงตาชั่วของเจ้าเป็นอันขาด
ดาบเวทเปล่งประกายเจิดจ้าราวกับรับรู้ถึงแรงพิโรธของผู้เป็นเจ้าของ เปลวไฟอันร้อนแรงแผ่กระจายออกมาเมื่อโซลย์ชูดาบขึ้นเหนือหัว
อย่าเอาแผ่นดินและองค์ราชาอันเป็นที่รักของข้ามาล้อเล่นแบบนี้!
เขาร้องคำรามเสียงดังพร้อมกับตวัดดาบในมือลง เปลวเพลิงสีแดงฉานพุ่งออกจากบรุนนาลาวิ่งเข้าใส่ร่างลวงตาของกษัตริย์แห่งมอร์เซลรวมทั้งพลเมืองที่ยืนเรียงรายอยู่ มันแผดเผาภาพเหล่านั้นจนมลายหายไปเช่นเดียวกับกลุ่มหมอกสีเทาซึ่งถูกพลังของไฟแหวกเป็นทางยาววิ่งไล่ไปจนถึงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง มันระเบิดเสียงดังสนั่น ลำต้นหนาฉีกกระจุยก่อนหายวับไปกับตาดุจภาพลวงอื่น กระแสลมอันรุนแรงพัดสวนย้อนกลับเข้ามา ผืนป่าอันหนาทึบที่พวกเขาหลงเดินวนเวียนอยู่แปรเปลี่ยนไปเป็นลานโล่งซึ่งปกคลุมไปด้วยหญ้าและต้นไม้ขนาดไม่ใหญ่นัก โซลย์ลดดาบในมือลงเมื่อเห็นร่างงดงามสมส่วนของเอลฟ์ตนหนึ่งกำลังนั่งไขว้ขาอย่างสง่าอยู่บนกิ่งไม้ซึ่งเอนขนานราบไปกับพื้นคล้ายบัลลังก์ ดวงตาสีเทาเย็นชามองดูเขาแน่วนิ่ง แม่ทัพหนุ่มถึงกับอึ้งไปชั่วขณะก่อนจะเอ่ยออกมา
รัคเชนน์
เอลฟ์สาวมิได้กล่าวคำใดตอบ นางเพียงผายมือออกไปทางด้านข้าง โซลย์เลื่อนสายตามองตามและร้องอุทานออกมาด้วยความตระหนก
ฟอร์เซ็ตติ โมได
ร่างของจอมเวทและเด็กหนุ่มถูกพันธนาการด้วยรากไม้ขนาดใหญ่อย่างแน่นหนา ดวงตาของทั้งคู่ปิดสนิทราวกับต้องมนตร์สะกด โซลย์รีบวิ่งไปหาเพื่อนทั้งสองและเงื้อบรุนนาลาขึ้น
พวกเขาจะสิ้นลมทันทีหากเจ้าทำลายรากพืชเหล่านั้น
เสียงเย็นชาดังออกมาจากปากของดาร์คเอลฟ์สาว แม่ทัพแห่งมอร์เซลลดดาบในมือลงและหมุนกายหันไปประจันหน้ากับนาง
ปล่อยเพื่อนข้าเดี๋ยวนี้!
เจ้าสั่งข้าหรือ
รัคเชนน์เอ่ยถามเสียงเรียบ แต่ดวงตากลับส่องประกายวาววับ โซลย์กัดปากของตนเองแน่น
ข้าไม่คิดจะสั่งเจ้า และก็ไม่ต้องการขอร้องด้วย เพราะผู้ที่ทำร้ายคนอื่นด้วยวิธีสร้างภาพลวงตานั้น สำหรับข้าแล้วมันก็ไม่ต่างไปจากคนขลาดสักเท่าใด เจ้าคิดว่ามันดูน่าภูมิใจนักหรือที่ต้องไปออกคำสั่งหรืออ้อนวอนขอร้องกับคนประเภทนี้
ใบหน้าของรัคเชนน์ร้อนผ่าวขึ้นมาในทันที นางขยับตัวนั่งตรง ดวงตาสีเทาจ้องมองดูใบหน้าอันเด็ดเดี่ยวของโซลย์แน่วนิ่ง
เจ้ากล้าว่าข้าเป็นคนขลาดอย่างนั้นหรือ
หากเจ้าเป็นเช่นนั้นแล้วล่ะก็......ใช่
แม่ทัพหนุ่มตอบเสียงห้วน ดาร์คเอลฟ์สาวขบกรามตนเองแน่น
ไม่เคยมีผู้ใดกล้ากล่าววาจาจ้วงจาบต่อข้าเช่นนี้มานานแล้ว สายตาของนางเลื่อนไปทาง ฟอร์เซ็ตติ ยกเว้นเขา ดวงตาคมเบนกลับมายังโซลย์อีกครั้ง
แต่ข้าก็ขอยอมรับว่าเจ้าเก่งมากที่สามารถหลุดพ้นจากมายาที่ข้าสร้างขึ้นมาได้
เจ้าไม่น่านำแผ่นดินที่ข้ารักและภักดีมาล้อเล่น แม่ทัพหนุ่มพูดเสียงห้วน เพราะนั่นเป็นอีกสิ่งที่ข้าไม่อาจยอมอภัยให้กับเจ้าได้
รัคเชนน์หัวเราะออกมาเบาๆเมื่อได้ยินคำกล่าวของโซลย์ นางเอนกายพิงพนักกิ่งไม้และปรายตามองดูเขาอย่างนึกดูแคลน
มนุษย์อย่างเจ้าจะกล้าทำอะไรข้าได้
ข้าอาจจะไม่มีเวทเก่งกล้าอย่างเจ้าหรือฟอร์เซ็ตติ แต่ข้าก็มั่นใจในฝีมือดาบว่าไม่ด้อยไปกว่าผู้ใดในแผ่นดิน
ดวงตาของโซลย์ส่องประกายคมกล้าเขายกบรุนนาลาขึ้นชี้ตรงไปยังรัคเชนน์
ฟอร์เซ็ตติเคยพูดว่าเจ้าคือนักดาบฝีมือดีผู้หนึ่ง เจ้ากล้าพอที่จะลดตัวลงมาประมือกับข้าอย่างนักสู้ที่แท้จริงโดยไม่ใช้เวทช่วยหรือไม่ รัคเชนน์
อีกครั้งที่ใบหน้าอันเย็นชาต้องร้อนวูบขึ้นด้วยความโกรธกับคำสบประมาทจากแม่ทัพหนุ่ม ดาร์คเอลฟ์สาวเลื่อนมือไปดึงดาบที่แขวนไว้ข้างตัวออกมาจากฝักและลุกยืนขึ้น
วาจาโอหังบังอาจนักเจ้ามนุษย์ ข้าจะลดตัวลงไปสู้กับเจ้าโดยมีข้อแม้ว่าหากข้าชนะ เจ้าจะต้องอยู่ที่นี่และคอยรับใช้ข้าดุจทาสไปจนกว่าจะสิ้นชีวิต
แล้วหากข้าเป็นฝ่ายชนะเล่า โซลย์ย้อนถาม รัคเชนน์หมุนดาบในมือขณะก้าวลงจากบัลลังก์และตอบ
ข้าจะปล่อยพวกเขาและยินยอมให้พวกเจ้าผ่านป่าของข้าไปยังแซฟเวจย์โดยไม่ขัดขวาง
ข้าจะถือว่านั่นเป็นคำสัญญา หวังว่าเจ้าคงจะรักษามันเอาไว้
ความดูแคลนที่แฝงไว้ในน้ำเสียงสร้างความขุ่นเคืองให้กับรัคเชนน์จนใบหน้าของนางถึงกับแดงก่ำ
ข้าไม่เคยผิดสัจจะกับผู้ใด!
ดาบสีดำสนิทในมือกวัดแกว่งไปมาสะท้อนแสงแดดวาววับ ต่างจากบรุนนาลาที่เปล่งประกายสีแดงเจิดจ้าราวกับเปลวไฟ โซลย์ตวัดดาบในมือของเขาและยิ้มอย่างมั่นใจ
เข้ามาเลย
ดาร์คเอลฟ์สาวก้าวเข้าหาโซลย์ด้วยสีหน้ามาดมั่น นางเหวี่ยงดาบในมือเข้าจู่โจมแม่ทัพหนุ่มอย่างรวดเร็วหลังจากที่หยั่งเชิงกันอยู่ขณะหนึ่ง เขายกบรุนนาลาขึ้นรับและปัดออกพร้อมกับตอบโต้กลับอย่างว่องไว รัคเชนน์เอนกายหลบคมดาบของอีกฝ่ายแล้วยิ้ม
ฝีมือไม่เลวเลยเจ้ามนุษย์ นางควงดาบในมือและเริ่มโจมตีโซลย์รุนแรงขึ้น เขาหมุนดาบเพลิงรับด้วยความคล่องแคล่ว
เจ้าเองก็ไม่ใช่ย่อยเลย รัคเชนน์ เขาปัดปลายดาบซึ่งฉวัดเฉวียนผ่านลำคอออกไปได้อย่าง หวุดหวิดและยิ้มกว้าง ฝีมือดาบของเจ้าดีกว่านักรบเก่งๆบางคนที่ข้าเคยเจอมาเสียอีก
อย่าเอาข้าไปรวมกับเจ้ากระจอกพวกนั้น รัคเชนน์คำราม นางเพิ่มความเร็วในการโจมตีจนโซลย์ถึงกับขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหนักใจ
กลัวแล้วหรือเจ้ามนุษย์ ดาร์คเอลฟ์สาวพูดด้วยน้ำเสียงเยาะหยันก่อนพลิกข้อมือวาดคมดาบจากล่างขึ้นไปด้านบนหมายจะเชือดลำคอของอีกฝ่าย แต่แม่ทัพหนุ่มเพียงขยับเบี่ยงตัวเพื่อหลบพร้อมกับยื่นมือไปคว้าข้อมือข้างที่ถือดาบของนางไว้และออกแรงบีบ
ที่ข้ากลัวน่ะไม่ใช่ฝีมือดาบของเจ้าหรอกนะ แม่ทัพหนุ่มกระซิบริมหูของรัคเชนน์ ใบหน้าของเอลฟ์สาวเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นมาในทันที นางใช้ศอกอัดลงไปที่บริเวณท้องของโซลย์เต็มแรงจนเขาต้องร้องอุทานออกมา มือข้างที่จับแขนของดาร์คเอลฟ์สาวคลายลง ร่างโปร่งบางรีบบิดตัวและกระโดดถอยหลังออกห่าง
กล้าดียังไงถึงมาจับมือข้า! นางตวาดเสียงก้องแต่แม่ทัพแห่งมอร์เซลกลับยิ้ม
เจ้าเปิดช่องว่างให้ข้าเองต่างหาก
น้ำเสียงที่ใช้แฝงความยั่วเย้าในที นั่นยิ่งเพิ่มความโกรธให้กับรัคเชนน์จนนางถึงกับสั่นไปทั้งร่าง
โอหัง!
ดาร์คเอลฟ์สาวตะโกนเสียงดังลั่นนางพุ่งเข้าโจมตีโซลย์อย่างรวดเร็วและรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม แต่ดูเหมือนแม่ทัพหนุ่มจะไม่หวั่นวิตกนักเพราะเขาทำเพียงตั้งรับและเบี่ยงตัวหลบหลีก แม้หลายครั้งที่ปลายดาบของรัคเชนน์จะเฉี่ยวร่างกายของเขาห่างไปเพียงไม่กี่นิ้วก็ตาม
ดูเหมือนเรี่ยวแรงของเจ้าจะอ่อนลงนะ
โซลย์กล่าวพร้อมกับใช้บรุนนาลาปัดคมดาบของเอลฟ์สาวให้พ้นออกไปจากใบหน้า เสียงอีกฝ่ายคำราม
กำลังของข้ายังมีอีกมาก อย่าชะล่าใจไปนักเจ้ามนุษย์
ดวงตาสีเทาของรัคเชนน์เปล่งประกายวาววับ พื้นดินที่ทั้งคู่กำลังยืนอยู่สั่นไหวเป็นลอนคลื่น รากไม้ขนาดใหญ่สองเส้นโผล่พรวดขึ้นมาและตวัดรัดแขนทั้งสองข้างของโซลย์ไว้ แม่ทัพหนุ่มถึงกับร้องลั่นด้วยความโกรธ
ไหนเจ้าบอกว่าจะไม่ใช้เวท
เจ้าต่างหากที่พูด ไม่ใช่ข้า ดาร์คเอลฟ์สาวโต้แล้วเหยียดยิ้มเยาะ นางยกดาบคู่ใจขึ้นวางจรดบนใบหน้าของโซลย์
ข้าจะเชือดตรงไหนก่อนดี แขน หน้าหรือลำคอ
ลำคอก็ไม่เลวนะ ข้าจะได้ตายไปเสียเลยไม่ต้องมาทนเห็นหน้านักสู้ไร้สัจจะอย่างเจ้า
อย่ามากล่าวคำดูแคลนกับข้าแบบนี้นะ รัคเชนน์ตวาดเสียงดัง นางกดน้ำหนักมือลงไปบนดาบ เลือดสีแดงเข้มไหลซึมออกมาจากใบหน้าของแม่ทัพหนุ่มทันที เขาหัวเราะออกมาเบาๆ
มีอะไรน่าขัน ดาร์คเอลฟ์ถามเสียงห้วน คิ้วเข้มของโซลย์เลิกสูงขึ้นเล็กน้อยก่อนตอบ
รากไม้ของเจ้าคงรั้งข้าเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
อะไรทำให้เจ้าคิดเช่นนั้น
เสียงหวีดหวิวแหวกอากาศดังขึ้นแทนคำตอบ รันนิ่งของโมไดวิ่งมาตัดรากไม้ที่ตรึงร่างของแม่ทัพหนุ่มจนขาดสะบั้น มันตีวงอ้อมกลับไปหาเจ้าของท่ามกลางสายตาตระหนกของรัคเชนน์
ช้าจริง เสียงโซลย์บ่นพลางสะบัดข้อมือ ฟอร์เซ็ตติยิ้มให้กับเขา
การจะหลุดออกจากเวทลวงตาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แล้วข้ายังจะต้องช่วยเจ้าหนูนี่อีก เลยเสียเวลาไปสักหน่อย
เจ้า รัคเชนน์ร้องออกมาเพียงแค่นั้น นางเม้มปากตนเองแน่นเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของจอมเวทหนุ่ม
ข้าจะยืนดูอยู่ตรงนี้เฉยๆ เชิญเจ้าทั้งสองประลองฝีมือกันตามสบาย
คราวนี้ข้าหวังว่าเจ้าคงไม่ใช้วิธีโกงอีกนะ รัคเชนน์
โซลย์กล่าวด้วยสีหน้าเรียบต่างจากครั้งแรก บรุนนาลาในมือส่องแสงขึ้นอีกครั้ง ดาร์คเอลฟ์สาวขบกรามของตนแน่นด้วยความโกรธ
ข้าสามารถเอาชนะเจ้าได้โดยไม่ต้องอาศัยเวทใดๆ เจ้ามนุษย์
นางพุ่งเข้าหาแม่ทัพแห่งมอร์เซลด้วยความเร็วมากกว่าเดิมและกวัดแกว่งดาบโจมตีอย่างดุดันรุนแรงจนข้อมือของโซลย์ถึงกับสะท้านทุกครั้งเมื่อยกบรุนนาลาขึ้นรับ การบุกของรัคเชนน์เป็นไปอย่างต่อเนื่องจนแทบไม่เหลือช่องว่างให้แม่ทัพหนุ่มตอบโต้ แต่เขาก็ยังคงรับการโจมตีของนางอย่างใจเย็นจนโมไดรู้สึกขัดใจ
ทำไมเขาไม่รุกกลับบ้างนะ
เพราะเขาเข้าถึงจิตใจของคู่ต่อสู้ ฟอร์เซ็ตติตอบ เขารู้ดีว่ารัคเชนน์ไม่ได้ต้องการปลิดชีวิตพวกเราจริงๆ
ไม่ต้องการปลิดชีวิตของพวกเราจริงๆ เด็กหนุ่มทวนประโยคด้วยเสียงสูง ขนาดลูเอนน่าทะลวงเข้าไปในอกของเจ้า แล้วยังรากไม้ที่รัดเราสองคนเมื่อครู่นี้อีก แบบนี้ยังไม่เรียกว่าต้องการปลิดชีวิตอีกเรอะ
หากนางต้องการสังหารพวกเราคงทำสำเร็จไปแล้วตั้งแต่ก้าวแรกที่ข้าย่างเท้าเข้ามาในผืนป่าแห่งนี้
ฟอร์เซ็ตติตอบเรียบๆ ดวงตาสีฟ้าจ้องมองดูการต่อสู้ระหว่างโซลย์และรัคเชนน์แน่วนิ่งไม่วางตา โมไดถึงกับเบ้หน้าน้อยๆ
เจ้ากำลังจะบอกว่า ฝีมือของนางดีกว่าเจ้าอย่างนั้นหรือ
จะคิดเช่นนั้นก็ได้
อีกฝ่ายตอบสั้นๆจนเด็กหนุ่มหันไปมองหน้า เมื่อเห็นดวงตาที่กำลังฉายแววห่วงใยขณะมองดูรัคเชนน์ ไมไดจึงได้เข้าใจ
มาคิดดูอีกที ข้าว่าเจ้าเต็มใจยอมให้นางสังหารมากกว่า
จอมเวทหนุ่มหันขวับไปมองหน้าเด็กหนุ่มทันที ดวงตาสีฟ้าฉายแววขุ่นเคืองออกมาน้อยๆ
อย่ามาทำเป็นคนรู้มาก
เขาพูดเสียงหนักและหันกลับไปให้ความสนใจกับการต่อสู้ตรงหน้าต่อ โมไดลอบอมยิ้มและพูดออกมาเบาๆ
เชอะ! ปากกับใจไม่ตรงกันอีกแล้ว
เสียงคมดาบปะทะกันดึงความสนใจของเด็กหนุ่มให้ละสายตาจากฟอร์เซ็ตติและหันไปมอง เขาเลิกคิ้วสูงด้วยความรู้สึกแปลกใจเมื่อเห็นร่างสูงโปร่งงดงามของรัคเชนน์พลิกตัวไปยืนด้านหลังของโซลย์ ดาบในมือถูกตวัดออกเพื่อจะฟันลงไปบนกลางหลังของแม่ทัพหนุ่มตรงๆ
ระวัง!
เด็กหนุ่มร้องเตือนด้วยความตกใจ โซลย์เหลือบตาชำเลืองมองดูเอลฟ์สาวที่ยืนอยู่ทางด้านหลังด้วยสีหน้านิ่ง เขาหมุนข้อมือเหวี่ยงบรุนนาลามาทางด้านหลังและรับคมดาบของอีกฝ่ายไว้ได้ จากนั้นจึงออกแรงปัดดาบของรัคเชนน์ให้เบี่ยงออกไปอีกด้านพร้อมกับเอี้ยวตัวหันไปคว้าเอวของนางและรั้งเข้าหาตัว คมบรุนนาลาถูกจดจ่อไว้ที่ลำคอระหง แม่ทัพหนุ่มก้มหน้าลงไปกระซิบ
เจ้าแพ้แล้ว
ดาร์คเอลฟ์สาวทำท่าฮึดฮัดและดิ้นรนเพื่อจะให้หลุดพ้นจากการถูกจับกุมแต่ไม่สำเร็จ วงแขนอันแข็งแรงของอีกฝ่ายกระชับแน่นขึ้น
ปลิดชีวิตข้าเสียเลยสิ
นางกระแทกเสียงพูด แต่โซลย์กลับหัวเราะ
กับคนที่ไม่มีหัวใจจะสู้อย่างเจ้าน่ะหรือ ข้าทำไม่ลงหรอก
คำพูดของแม่ทัพแห่งมอร์เซลทำให้รัคเชนน์หยุดการขัดขืนดิ้นรนในทันทีด้วยความรู้สึกงงงัน นางอึ้งไปเล็กน้อยก่อนสะบัดหน้าเมินมองไปอีกด้านพร้อมกับกล่าว
ข้าคิดจะฆ่าเจ้าต่างหาก
หากเจ้าคิดจะสังหารข้าจริงๆคงทำไปแล้วตั้งแต่ตอนที่ข้าถูกรากไม้นั่นรัด แต่เจ้าก็ยังไม่ลงมือ หากไม่คิดว่าหัวใจของเจ้าไม่มีความต้องการที่จะฆ่าแล้ว จะให้เข้าใจว่าอะไร
ข้า....ดาร์คเอลฟ์สาวนิ่งเงียบไปด้วยความรู้สึกอับจน โซลย์หมุนกายของนางให้หันมาเผชิญหน้ากับเขา นัยน์ตาสีเหล็กจ้องมองลึกลงไปในดวงตาสีเทาสวย
ครั้งแรกที่สบตาเจ้า มันบอกกับข้าว่าหัวใจของเจ้ากำลังร้องไห้
ร่างของรัคเชนน์สะท้านขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ คำพูดของลินซ์ที่เคยกล่าวไว้แว่วเข้ามาในความคิด
หัวใจของท่านเต็มเปี่ยมไปด้วยความเศร้าและความหงอยเหงาเปล่าเปลี่ยว ท่านกำลังฝืนทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ต้องการ อย่ามาทำเป็นสู่รู้กับเรื่องของข้า เอลฟ์สาวกล่าวพร้อมกับบิดกายเต็มแรงจนหลุดออกจากอ้อมแขนของแม่ทัพหนุ่ม นางก้าวถอยหลังหนีห่างออกจากเขาทันที ข้าจะปล่อยให้พวกเจ้าผ่านป่านี่ไปตามคำสัญญา จงรีบไปให้พ้น และอย่าได้ย้อนกลับมากอีกไม่เช่นนั้นข้าจะปลิดชีวิตพวกเจ้าทั้งหมดโดยไม่ลังเลอีกต่อไป
ร่างระหงหายลับไปในผืนป่าทันทีที่กล่าวจบทิ้งให้โซลย์ยืนนิ่งงันอยู่กับที่ เขาก้มหน้าลงมองดูมือของตัวเอง ความนุ่มนวลและอบอุ่นจากกายของรัคเชนน์ยังคงติดตรึงอยู่ในความรู้สึก
พวกเรารีบไปจากที่นี่กันดีกว่า โมไดพูดขึ้น แม่ทัพหนุ่มหันไปทางเขา
แต่ข้ายังอยากอยู่ที่นี่ต่ออีกสักหน่อย
จะอยู่รอให้นางกลับมาฆ่าเรอะ เด็กหนุ่มพูดเสียงดัง โซลย์หันหน้าไปมองป่าที่รัคเชนน์หายเข้าไปและถอนหายใจออกมายาวๆ
ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าก็ล่วงหน้ากันไปก่อน แล้วข้าจะรีบตามไปทีหลัง
เจ้าพูดอะไรกัน โมไดมองหน้าแม่ทัพแห่งมอร์เซลด้วยความรู้สึกสงสัย ดวงตาสีฟ้าเข้มส่องประกายวาบราวกับคิดอะไรได้
อย่าบอกนะว่าเจ้าเกิดชอบเอลฟ์สาวนางนั้นขึ้นมา
ข้าไม่ได้ชอบนาง! โซลย์ย้อนกลับเสียงดัง และทำสีหน้าราวกับรู้ตัวว่าไม่ควรทำเช่นนั้นจึงลดเสียงลง ข้าเพียงแค่อยากจะช่วยนาง
จากอะไร
ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แม่ทัพหนุ่มกล่าวอย่างจนปัญญา แต่ฟอร์เซ็ตติกลับวางมือของเขาลงบนไหล่ของโซลย์
ข้าเข้าใจ จอมเวทกล่าวเสียงเรียบ ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าจนกว่าสิ่งที่เจ้าตั้งใจจะทำนั้นประสบผลสำเร็จ
โซลย์มองหน้าฟอร์เซ็ตติด้วยสีหน้าที่คาดไม่ถึง เขายิ้มออกมาจางๆพร้อมกับกล่าว
ขอบใจเจ้ามาก
ข้าต่างหากที่สมควรจะขอบใจเจ้า จอมเวทหนุ่มพูดด้วยดวงตาเศร้า โมไดส่ายหน้าไปมาด้วยความรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างที่สุด เขายกแขนขึ้นกอดอกพร้อมกับบ่นออกมาเบาๆ
เฮอะ! ความคิดของคนแก่ *-*-*-*
รัคเชนน์ยืนมองดูโซลย์และฟอร์เซ็ตติเงียบๆอยู่ในแนวป่า ดวงตาสีเทาอันเศร้าสร้อยจับจ้องใบหน้าเคร่งขรึมของแม่ทัพแห่งมอร์เซลแน่วนิ่ง ภาพดวงตาสีเหล็กที่ฉายความอ่อนโยนขณะที่มองดูนางย้อนเข้ามาในความคิด ดาร์คเอลฟ์สาวระบายลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง
สักวันหนึ่งจะมีคนมาทำหน้าที่นี้แทนข้า หัวใจของท่านจะพบกับแสงสว่างแห่งความอบอุ่นอีกครั้ง คำพูดประโยคสุดท้ายของลินซ์หวนกลับเข้ามาในความทรงจำ น้ำตาของรัคเชนน์ไหลรินอาบแก้ม ไม่มีคนเช่นนั้นหรอก นังเด็กน้อย
นางพูดกับตนเองเบาๆ
*/*/*/*/*/*
แง้ ต้องเสียเพื่อนโดยไม่ได้แลกเปลี่ยนด้วย บีบคั้นเกินไปแล้ว งือๆ จากคุณ : scottie - อ่า...ตอนเขียนมูนนี่ก็ร้องไห้เหมือนกัน สงสารแนชท์
...เศร้า... จากคุณ : zoi - ง่า....
ใจร้าย จากคุณ : GTW - แง.....
"โดดกอด" ง่ะ ไปไม่เป็นเลยเรา เอ้า...กอดก็กอดค่ะ แต่ว่าแขนซ้ายของพื้นที่เอาไว้ให้จอมมารสุดหล่อนะคะ ฮ่าๆ คิดถึงคุณมูนนี่ มากๆเหมือนกันค่ะ ว่าแต่บทนี้...ทำไมต้องบีบคั้นกันถึงขนาดนี้ด้วยอ่ะ จากคุณ : มนต้นไม้๑^.^๑ (Setakan) - เง่อ งั้นปล่อยให้คุณมนกอดจอมมารเต็มสองแขนก็ได้ค่ะ แหะๆ บทนี้ มูนนี่โดนต่อว่ามาเยอะเลย ตอนเขียนเสร็จนั่งเศร้าไปเป็นวันเหมือนกันนะคะ
ตอนนี้มูนนี่ปรับแก้นิยายเรื่อง มันตราพันธนาการกับผลึกวิญญาณมังกรใหม่ แต่คงจะลงเรื่องแรกก่อนเพราะใกล้จบแล้ว และคงลงต่อจากศาสตราแห่งเดราเนียร์แหละค่ะ ระยะนี้งานแฟนตาซีหาคนอ่านน้อยจัง เขียนๆไปก็นึกท้อใจเหมือนกัน เคยเขียนแบบอื่นแต่ไม่ได้ซักที อาจจะเพราะรักแนวๆนี้เลยเขียนต่อไป
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามผลงานของมูนนี่นะคะ อ้อ สำหรับเรื่องเซ็นซู ตอนนี้รับสั่งจองทางสนพ.ตะวันส่องได้แล้วค่ะ ส่วนวางแผงตามร้านเมื่อไหร่มูนนี่จะมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะคะ
ภาพวันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับศาสตราแห่งเดราเนียร์ค่ะ วาดไว้นานแล้วตั้งใจจะประกอบนิยายเกี่ยวกับนักรบจักรราศี ผ่านไปสองปียังไม่ได้ลงมือเขียนเลย = = นักรบปีชวด หนู
จากคุณ |
:
moony (Moony_Lupin)
|
เขียนเมื่อ |
:
8 มิ.ย. 54 15:44:39
|
|
|
|