Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บ่วงรัก วิวาห์ใจ บทที่ 24~{แตกประเด็นจาก W10639399} ติดต่อทีมงาน

ตอนก่อนหน้า ไปรื้อได้จาก ... siMiSma's blog

ตอบค่ะ ชายชุดดำเป็นพระเอกในเรื่องต่อไปของ เอิ่ม...จะเรียกเป็นชุดได้ป่าวเนี่ย เอาเป็นว่าต่อจากเรื่องนี้อ่ะคะ ไม่ใช่จักรพรรดิแต่เป็นหนึ่งในห้าแม่ทัพ

เข้าเรื่อง บทที่ 24 เรื่องที่ยังไม่เคยบอก

ปัง! ปัง ๆ ๆ!

“บัดซบ! เปิดประตูเดี๋ยวนี้ ข้าบอกให้เปิดประตู บ้าเอ๊ย!”

เสียงทุบประตูดังขึ้นผสมไปกับเสียงสบถสาบานของจอมทัพหนุ่ม หากเป็นยามปกติคงจะไม่ใช่เรื่องยากที่จะพังประตูออกไป ทว่าในยามนี้นั้นเขากลับไม่มีเรี่ยวแรงมากพอที่จะทำเรื่องง่าย ๆ เช่นนั้นได้เสียแล้ว ทั้งที่เป็นในบ้านของตนเองแท้ ๆ แต่กลับไร้สิทธิ์ในการออกคำสั่งอย่างสิ้นเชิงเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในแผ่นดิน

ร่างของเจิ้งเยี่ยอิงที่ถูกนำมายังห้องนอนก่อนหน้านี้ตามคำสั่งของหยางเฟยเยี่ยปรากฏขึ้นตรงประตูที่เป็นส่วนกั้นห้องนอนและห้องด้านนอกเอาไว้ ใบหน้าของนางยามนี้เต็มไปด้วยความงุนงงและกระวนกระวายใจอย่างไม่เข้าใจถึงสถานการณ์และท่าทีของผู้เป็นสามีแม้แต่น้อย

“ท่านพี่”

เสียงบางเบาที่หลุดออกมาจากปากนางเรียกให้ร่างแกร่งที่บัดนี้ใช้บานประตูเป็นที่ค้ำยันไม่ให้ร่างทรุดลงไปกองกับพื้นหันกลับมามองตามเสียงนั้น ใบหน้างดงามที่ยามนี้เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ยามหันกลับมามองหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงประตูก็ถึงกับหน้าซีดเผือดทันที แต่เพียงพริบตาใบหน้านั้นก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่นางได้มีโอกาสเห็นใบหน้างดงามดุจสรรค์สร้างจากเทพเซียนบนสวรรค์ของผู้เป็นสามีขึ้นสีเรื่อจนแดงก่ำขนาดนี้ แต่ในยามนี้ท่าทางของชายหนุ่มทำให้นางไม่มีเวลาที่จะมาชื่นชมความงามของเขา หญิงสาวเอ่ยตะกุกตะกักออกไปว่า

“ท่านพี่ ท่าน ๆ ๆ เป็นอะไรนะ”

เมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดเผือดสลับแดงก่ำของหยางเฟยเยี่ยอีกทั้งท่าทางไร้เรี่ยวแรงของเขา เจิ้งเยี่ยอิงก็ยิ่งรู้สึกตื่นตกใจขึ้นมาอีกหลายเท่า นางคาดเดาได้ในทันทีว่าตอนนี้ชายหนุ่มกำลังป่วยหนักอย่างแน่นอน เร็วเท่าความคิดด้วยความกังวลร่างเล็กรีบเดินเข้าไปหาหวังช่วยพยุงร่างที่ทำท่าจะทรุดลงไปกองกับพื้นได้ตลอดเวลาของเขาทันที

ทว่าความห่วงใยและความประสงค์อันดีของนางกลับถูกหยุดยั้งลงด้วยเสียงที่แผดกลับมาของผู้เป็นสามี

“ถอยไปซะ อย่าเข้ามาใกล้ข้า”

ชายหนุ่มเอ่ยตวาดเสียงดังราวฟ้าผ่าเมื่อนางทำท่าจะเข้าไปประคองเขา จนเจิ้งเยี่ยอิงตกใจสะดุ้งถอยห่างออกมาทันที

ใบหน้าเล็กขึ้นสีเรื่อด้วยความอับอายเพราะคำออกปากไล่และท่าทีที่เปลี่ยนไปของสามี แต่เพราะท่าทางที่ดูทรมานเหลือแสนของเขาทำให้นางข่มความหวาดกลัวกล่าวออกไป

“แต่ว่า...ท่านพี่ ก็ท่าน เอ่อ...ข้าอยากจะช่วยท่านเท่านั้น” หญิงสาวเอ่ยอธิบายออกไป ไม่เข้าใจท่าทีของเขาแม้แต่น้อย

“ไม่ได้ หากข้ารุนแรงกับเจ้าก็อาจเป็นอันตรายถึงลูกในท้องได้”

คำพูดหลุดจากปากบางโดยไม่ต้องคิด คำว่า ‘ช่วย’ ของสตรีตรงหน้าทำให้ร่างสูงใหญ่ถึงกับสั่นสะท้านด้วยความทรมานจากความปรารถนาอันรุนแรง

แม้เขาจะต้องทรมานกับความอัดอั้นที่ไม่สามารถระบายออกไปได้แต่หากรวมฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดเข้ากับความเสน่หาที่มีต่อนาง เกรงว่าเขาอาจจะครอบครองนางรุนแรงจนไม่อาจครองสติสัมปชัญญะเอาไว้ก็เป็นได้

ใช่แล้ว หลังจากยาที่กินเข้าไปหมดฤทธิ์ ผลจากกำยานที่เขาสูดเข้าไปเมื่อก่อนหน้านี้ก็เริ่มออกฤทธิ์ในทันที

และเรื่องที่นางท้องนั้นเขารู้ตั้งแต่ก่อนจะกลับถึงเมืองหลวงแล้ว แต่เพราะไม่อาจคาดเดาความโหดเหี้ยมของสนมซูเฟยว่านางจะใช้วิธีการใดจึงเลือกที่จะเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ และได้ให้เสี่ยวปี้ไปจัดการหายาบำรุงสำหรับหญิงตั้งครรภ์แทนยาบำรุงร่างกายที่ให้นางกินในตอนแรกเท่านั้นโดยมิได้ปริปากบอกให้ใครรู้แม้แต่คนเดียว

เรื่องอะไรที่ต้องรุนแรงกัน แล้วท้อง? เขาหมายถึงนางหรือเปล่า คำพูดของเขายิ่งมายิ่งสร้างความสับสนให้นางจนต้องเอ่ยถามออกไป

“หา... ท้อง? เป็นไปไม่ได้ ข้าแค่อ้วนขึ้นนี่นา อาการแพ้ท้องก็ไม่มี แล้วมีอะไรที่จะต้องรุนแรงด้วยล่ะ”

หญิงสาวเอ่ยค้านออกไป ถึงนางจะไม่เคยท้องมาก่อนก็พอจะรู้มาบ้างหรอกว่าสตรีที่ตั้งครรภ์มักจะมีอาการแปลก ๆ ที่เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการตั้งครรภ์ด้วยกันทั้งสิ้น แต่ที่ผ่านมานางกลับสังเกตไม่เห็นความผิดปกติใด ๆ เลย

“เจ้าไม่ได้อ้วนขึ้นหรอก สิ่งเหล่านี้ควรเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่กำลังท้อง”

ชายหนุ่มกัดฟันกรอดขณะอธิบายให้นางฟัง ยามนี้เขารู้สึกว่าสติของตนค่อย ๆ กระจัดกระจาย ความต้องการอันรุนแรงแทบจะทำให้เขาคว้าร่างบางมาจับกดลงไปบนพื้นเบื้องหน้าเพื่อระบายความอัดอั้นทรมานออกไปเสีย มือแกร่งได้แต่กำเป็นหมัดแน่นด้วยความพยายามที่แทบจะหมดไปแล้ว

“ออกไปเสีย ให้เสี่ยวปี้หาห้องอื่นให้เจ้านอนคืนนี้ไปก่อน รีบไปซะสิ ก่อนที่ข้าจะหมดความอดทน”

ชายหนุ่มเอ่ยออกมา ยามนี้สติที่ต้องแบ่งไปควบคุมปฏิกิริยาทางกายทำให้เขาลืมไปแล้วว่าประตูเบื้องหลังตนได้ปิดจากภายนอกจนคนที่อยู่ข้างในไม่อาจออกไปได้เสียแล้ว

เจิ้งเยี่ยอิงอดที่จะลอบคิดคร่ำครวญอยู่ในใจมิได้ว่า ทั้งที่ปากเขาเอ่ยไล่ให้นางออกไป ทว่าร่างสูงใหญ่ก็ยังยืนนิ่งพิงบานประตูเอาไว้มิได้ขยับเขยื้อนไปไหน และต่อให้เขาเปิดทางให้นาง แล้วนางจะทิ้งเขาไว้ตามลำพังได้อย่างไร ท่าทางและคำพูดที่ดูสับสนงุนงงเช่นนั้นของเขาดูน่าเป็นห่วงยิ่งนัก ช่างดูไม่เหมือนกับสามีของนางในยามปกติเลยสักนิด

ดูท่าคงเป็นเพราะพิษไข้กำเริบหนักกระมัง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาก็ยังดี ๆ อยู่เลย จนถึงขั้นอุ้มนางมาจากสถานที่ที่นางถูกจับตัวไป อันที่จริงนางก็ไม่รู้หรอกนะว่าที่นั้นมีชื่อเรียกว่าอะไร หรือเพราะเหตุใดตนจึงถูกจับตัวไป เพียงตื่นขึ้นมาเจอหน้าของหยางเฟยเยี่ยเมื่อค่ำก็ปัดเป่าเอาความกลัวที่สุมอยู่ตลอดวันให้ปลิวหายไปจนไม่เหลือร่องรอยเสียแล้ว

ศีรษะเล็ก ๆ ของนางพยายามคิดหาคำอธิบายถึงท่าทีของชายหนุ่ม คนที่ปกติร่างกายแข็งแรงเสมอมา จู่ ๆ จะไม่สบายได้อย่างไรเล่า หรือว่าเป็นเพราะเขาต้องทนลำบากอุ้มนางมากันนะ คิดมาถึงตรงนี้นางก็รู้สึกว่าตนช่างสร้างความลำบากให้เขาอย่างไม่พอที่เสียจริง ๆ

หากเขาไม่สบายหนักแบบนี้แล้วยังคงไม่รีบรักษาจะต้องแย่แน่ ๆ ยิ่งเมื่อคิดขึ้นมาว่าอาการป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้นหากละเลยไม่ได้รับการใส่ใจดูแลก็อาจกลายเป็นสิ่งที่คร่าชีวิตของผู้คนไปได้ง่ายดายเพียงใดนั้น ใบหน้าของเจิ้งเยี่ยอิงก็พลันเปลี่ยนเป็นซีดเผือดในทันที ความหวาดกลัวอย่างไม่ทราบที่มาแทงทะลุปราการป้องกันที่ถูกสร้างขึ้นมาในอดีต


หะ..หากเขาเป็นอะไรไปล่ะ! นางจะไม่ยอมสูญเสียเขาไปหรอกนะ

หญิงสาวรีบลบภาพความสูญเสีย ความเศร้าโศกทุกข์ระทมในอดีตออกไปในทันที มือทั้งสองกำเป็นหมัดแน่น นัยน์ตาทั้งคู่เปล่งประกายเจิดจ้าอย่างผู้ที่ได้ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว และใบหน้าเล็ก ๆ ก็ยังเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างชัดเจน

คิดได้ดังนี้ขาทั้งสองข้างก็ตั้งท่าจะเดินเข้าไปหาชายหนุ่มเพื่อเข้าไปประคองเขาพาไปที่เตียง อย่างน้อยท่าทีที่ดูสิ้นไร้เรี่ยวแรงของเขานั้นก็ควรจะนอนพักมากกว่าที่จะมาทนฝืนยืนโดยอาศัยบานประตูเป็นเครื่องค้ำยันกายอย่างในยามนี้ล่ะนะ

ขณะที่เจิ้งเยี่ยอิงกำลังต่อสู่กับความคิดของตนนั้น สำหรับหยางเฟยเยี่ยแล้วภาพของนางยิ่งมองยิ่งชวนให้เคลิบเคลิ้มหลงใหลยิ่งนัก แต่กระนั้นสามัญสำนึกเล็ก ๆ ก็คอยกระซิบพร่ำบอกให้เขาอดทนเข้าไว้ จนในยามนี้ความเป็นคนดีที่ว่าแทบจะฉีกกระชากทรมานร่างแกร่งให้ตายลงด้วยความอดกลั้นเสียแล้ว

แต่ก่อนที่เจิ้งเยี่ยอิงจะก้าวเข้าถึงตัวเขา จู่ ๆ ร่างแกร่งก็เริ่มส่ายโงนเงนไปมาจนเห็นได้ชัด และพริบตาต่อมาเขาก็ล้มตึงลงไปบนพื้น เปลือกตาที่ประดับไปด้วยแพขนตาหนางอนยาวพริ้มปกปิดนัยน์ตาวาววามของเขาเอาไว้ราวกับต้องการจะปิดกั้นภาพฉากของหญิงสาวตรงหน้าออกไปเสีย ขณะที่อกแกร่งสะท้านไหววูบด้วยลมหายใจที่หอบกระชั้น

“ท่านพี่!”

เจิ้งเยี่ยอิงได้แต่หลุดเสียงอุทานออกมาด้วยความตกใจ เคลื่อนไหวร่างกายรวดเร็วยิ่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนจนไม่น่าเชื่อ ทรุดตัวลงคุกเข่าประคองร่างที่หนักอึ้งของหยางเฟยเยี่ยเอาไว้ด้วยความทุลักทุเล เพราะขณะที่นางจะสัมผัสร่างของเขา ชายหนุ่มก็พยายามดิ้นทุรนทุรายไปในเวลาเดียวกัน บางครั้งดูราวกับต้องการแนบชิดมากยิ่งขึ้น แต่บางครากลับราวกับจะผลักไสให้นางออกห่างกระนั้น

ใบหน้างดงามแดงก่ำด้วยเลือดที่ฉีดพล่านไปทั่วร่าง เหงื่อกาฬไหลโซมกายจนเปียกชื้นจนสามารถเห็นเป็นรอยอยู่ตามเสื้อผ้าชั้นนอกอย่างชัดเจน

“ท่านพี่...ท่านดูทรมานมากเลย ขะ ข้าจะออกไปตามหมอมานะ”

นางเอ่ยน้ำตาไหลพรากออกมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นท่าทางทุรนทุรายด้วยความทรมานของเขา หัวใจของนางก็หดเกร็งเจ็บปวดเต็มไปด้วยความกังวลใจจนยากระงับ ไม่เข้าใจสักนิดว่าเขาเป็นอะไรไปแล้วกันแน่

ยามที่กลิ่นกายอันเคยคุ้นลอยเข้าสู่โพรงจมูกโด่งอย่างกะทันหัน ปลุกเร้าความต้องการของเขาขึ้นมาจนกระจ่างชัดท่ามกลางความเจ็บปวดที่กำลังทรมานร่างของเขาไว้ และนั้นราวกับเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ชายหนุ่มจะเหนี่ยวรั้งเอาไว้ได้ เมื่อมันแหลกสลายไปสติของจอมทัพหนุ่มก็ขาดผึงในทันที ตาที่ปิดสนิทเบิกโพลงขึ้นมาพร้อม ๆ กับมือแกร่งคว้าศีรษะของเจิ้งเยี่ยอิงลงมาแนบกับใบหน้าของเขาทันที

“ทะ..อื้อ!!”

คำพูดยังมิทันหลุดจากปาก ริมฝีปากอิ่มก็ถูกครอบครองด้วยปากบางของเขาเสียแล้ว เรียวลิ้นเปียกชื่นแทรกเข้าสู่ความหอมหวานที่เจ้าตัวปรารถนาอย่างไม่รอช้า

แม้ในตอนแรกหญิงสาวจะขัดขืนเพราะความตื่นตกใจต่อท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของเขา แต่มิวายว่าจะดิ้นรนอย่างไรศีรษะที่ถูกจับกดไว้กลับไม่อาจขยับได้แม้เพียงน้อย นางพบว่าเรี่ยวแรงของตนนั้นไม่อาจจะสู้กับมือแกร่งเพียงข้างเดียวในยามที่เขาไม่สบายได้เลย

ท่าทีของจอมทัพหนุ่มที่ก่อนหน้ายังคงดูสิ้นไร้เรี่ยวแรง ยามนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นดุดันรุกรานด้วยความรุนแรงจนน่าหวาดหวั่น

พริบตาที่เจิ้งเยี่ยอิงยังคงงุนงงสับสนกับการกระทำของสามี ร่างของนางก็ถูกจับลงไปนอนแผ่หลาบนพื้นแทนที่เขาเสียแล้ว ขณะที่ร่างแกร่งของหยางเฟยเยี่ยกลับพลิกตัวขึ้นมาทาบทับเหนือร่างของนางเอาไว้ กักขังร่างที่มีขนาดเล็กกว่าตนเอาไว้จนมิอาจหลุดรอดไปจากกรงขังมนุษย์ที่เขาสร้างขึ้น

นัยน์ตาคมวาววามเต็มไปด้วยความปรารถนาอันรุนแรงอย่างชัดเจน จุมพิตเร่าร้อนที่เรียกร้องการตอบสนองจากนางนั้นดุดันยาวนาน จนราวกับความปรารถนาทั้งหมดของชายหนุ่มในยามนี้ก็คือการกลืนกินร่างทั้งร่างของนางลงท้องไปกระนั้น

นานแสนนานกว่าที่เขาจะพึงพอใจต่อรสหวานล้ำจากปากอิ่มที่บวมเจ่อแดงช้ำเพราะการบดขยี้จากปากบางของตน

ยามที่ปากบางถอดถอนจากการรุกรานปากอิ่มบวมเจ่อของนาง นัยน์ตาพราวหวานล้ำก็ทอดมองจับจ้องอ้อยอิ่งผลงานของตนอย่างเลื่อนลอยราวกับกำลังตกอยู่ในห้วงฝัน ปากบางเผยยิ้มพึงพอใจ ก่อนผละจาก เขายังขบย้ำลงไปบนปากบางที่แดงเรื่อของนางคราหนึ่งแล้วจึงไล่ระเรื่อยผ่านลำคอขาวผ่องบอบบาง สร้างความซ่านสยิวจนร่างบางสะท้านเฮือกตามสัมผัสของปลายลิ้นและฟันคมที่ขบย้ำไปตามผิวเนียนนุ่มบอบบางของนางอย่างหลงใหลด้วยความเสน่หา

สัมผัสเร่งเร้ารุนแรงที่จอมทัพหนุ่มแสดงออกมานั้นล้วนเป็นไปตามสัญชาตญาณโดยแท้ บัดนี้สติสำนึกใด ๆ ที่เขาเคยภาคภูมิใจเสมอมานั้นล้วนปลาสนาการหายไปจนหมดสิ้น


“เยี่ยอิง เยี่ยอิง...”

ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความสุขสมซุกซบลงสู่ซอกคอของนาง ขณะที่ริมฝีปากบางไล่ควานหาสัมผัสผิวกายเท่าที่เขาจะสามารถใฝ่หาได้ ยามที่ปากบางสัมผัสถึงความเปียกชื้นบนใบหน้าของนางนั้นก็ถึงกับทำให้กายแกร่งสะท้านเฮือกไปทั้งร่าง เสียงเอ่ยแหบพร่าเจือความปวดร้าวอย่างยากจะพานพบหลุดลอดออกมาจากปากของเขา

“ขะ ข้าสัญญาว่าจะอ่อนโยนต่อเจ้าให้มาก”

เสียงเอ่ยแผ่วหวิวท่ามกลางลมหายใจที่หอบสะท้านและพายุอารมณ์ที่ลุกฮือโหม

ใช่แล้ว! ในยามนี้เมื่อเขามิอาจหยุดยั้งความปรารถนาของตนได้อีกต่อไป จึงได้แต่เอ่ยคำมั่นเท่าที่ร่างกายและราคะที่ถูกปลุกกระตุ้นในกายของเขาสามารถรักษามันไว้ได้ แม้นั่นจะเป็นเรื่องยากเย็นเพียงใดก็ตาม

การครอบครองของเขาในครั้งนี้นั้นทั้งรวดเร็วและรุนแรงจนสร้างความตื่นตะลึงให้แก่เจิ้งเยี่ยอิงพอ ๆ กับความสุขสมหวานล้ำพร่างพรายที่เกิดขึ้น ลบเลือนทุกสิ่งให้ออกไปจากห้วงคำนึงจนหลงเหลือเพียงผิวกายเปียกชื้นที่แนบชิดสนิทเข้ากับกายนางราวกับผิวเนื้อชั้นที่สองของนางเท่านั้นเอง

ยามที่ความสุขสมพร่างพรายจนพอที่จะเรียกสติของตนกลับคืนมาได้บางส่วนนั้น สิ่งที่วาบเข้ามาในความคิดของหยางเฟยเยี่ย คือ หากสายตาที่มองมายังเขาของนางแปรเปลี่ยนไปในอรุณรุ่งของพรุ่งนี้ เขาจะทำอย่างไร!

“เด็กโง่ ข้าบอกแล้วอย่างไร ทำไมเจ้าถึงไม่รู้จักเชื่อฟังบ้างเลยนะ”

เสียงเอ่ยกระซิบที่ลอดผ่านปากบางตรงริมหูของนางแทบจะไม่อาจเล็ดลอดข้ามผ่านหมอกควันอันสับสนของเจิ้งเยี่ยอิงในยามนี้เข้าไปได้ หรือแม้แต่จะทำให้นางเข้าใจในคำพูดของเขาแม้แต่น้อย ทว่าถ้อยคำที่ตามมาแม้จะมิอาจเข้าใจกลับประทับลงสู่หัวใจของนางโดยไม่ต้องใช้ความพยายามหรือทำความเข้าใจกับมันเลย

“ข้า...ข้ารักเจ้า เยี่ยอิงข้ารักเจ้า”

มือแกร่งลูบไล้ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางแผ่วเบานุ่มนวล จับจ้องนัยน์ตาที่ยังคงเหม่อลอยงุนงงไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น

สิ่งที่เขาทำลงไปกับนางในค่ำคืนนี้ มีหรือที่ตัวเขาจะไม่รู้ว่ามันราวกับเป็นการระบายราคะของเหล่าเดรัจฉานเท่านั้น มิใช่คู่ควรกับสิ่งที่เขาควรปฏิบัติต่อภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์แม้แต่น้อย ทว่าเขากลับไม่อาจหยุดยั้งและควบคุมการกระทำของตนเอาไว้ได้

เขารู้ดีว่า... ความสุขที่จบลงนั้นหาใช่ที่สุดของตอนจบในราตรีนี้ไม่ ทว่ามันสิ้นสุดก็เพียงเพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งเท่านั้น


 
 

จากคุณ : siMiSma
เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 23:38:38




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com