Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
กระบี่รันทด ภาค 2.......บทที่ 6 (กล่องปริศนา) ติดต่อทีมงาน

ตอนที่แล้ว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10486970/W10486970.html

ความเดิม
เฒ่าซกมกและบริวารถูกจับตัวไป เฒ่าซกเล็กเดินทางไปกับแม่เฒ่าส้มตำล้างมือจากวงการ สองมือกระบี่ฝาแฝด กระบี่ล้มหมอนกับกระบี่นอนเสื่อ พร้อมกับแม่นางฟ้อนซิ่งกลับมาค้นหาสินค้าคุ้มกันในโรงเตี๊ยมอีกครั้ง

โดยมีโฉมสะคราญโรงเตี๊ยมและกระบี่รันทดเป็นคนรับมือ

*****

ในที่สุดกระบี่รันทดก็ออกจากฝักได้แล้ว

ประกาย กระบี่หม่นหมอง รังสีกระบี่ร้าวลึกราวหัวเจ็บปวดจนแหลกสลาย คมกระบี่เหมือนกรีดฝ่าเข้ากลางใจสะบัดตัดเสียบคว้านหั่นฝานเฉือนแหลกเหลว เลอะเลือน กระบี่แบบนี้มีเพียงหนึ่งเดียว

กระบี่รันทด

เมื่อกระบี่ของสองฝาแฝดจู่โจมออกไป กระบี่รันทดต้านทานรับ สองกระบี่ฝาแฝดพลันพบว่ามีเรื่องไม่ถูกต้อง

ความจริงกระบี่รันทดถูกใส่กุญแจมือทางด้านหน้า ไฉนตอนนี้ถึงกับสามารถชักกระบี่ง่ายดาย พอมองปราดออกไปถึงทราบว่ากุญแจข้อมือไม่ทราบว่าหายไปตั้งแต่เมื่อไรพวกมันสองยังไม่สามารถมีปัญญาขบคิดกระบี่ในมือพลันถูกกระแทกจนหลุดกระเด็นลอยหมุนไปในอากาศ

ศักยภาพและพลังฝีมือของบุรุษหนุ่มกลับมาแล้ว

สองนักฆ่าชะงักท่าร่างโดยพร้อมเพรียง  

กระบี่หลุดจากมือกระบี่ ตำราหลุดจากมือเมธี จอกสุราหลุดจากมือปีศาจสุรา ดอกบุปผาปลิดปลิว เจ้าของประดานั้นต่างต้องคล้ายต้องหลุดร่วงลงไปด้วย หัวใจความเชื่อมั่นของภาคภูมิของกระบี่ล้มหมอนนอนเสื่อก็หลุดลอยออกไปด้วย

คนเราพอทำสิ่งของหลุดร่วง หัวใจก็มักหลุดร่วงลงอยู่แล้ว ยังจะมีผู้ใดทำสิ่งของหล่นตกยังสามารถอ้าปากหัวเราะเบิกบานสำราญใจ นอกจากคนบ้า

กระบี่พวกมันปักลงพื้นด้านหลังตรึงกับพื้น ด้ามกระบี่สั่นไหวไปมาราวเรียกร้อง แต่พวกมันสองคล้ายไม่มีเรี่ยวแรงหันกลับไปดึงกระบี่ขึ้นมาอีกแล้ว ในเวลาห่างกันไม่นานพวกมันทำกระบี่หลุดมือไปถึงสองครั้งสองครา ยังสามารถแบกหน้าสู้หน้าผู้คน

“กระบี่ล้มหมอนยืนแน่นิ่ง ก่อนขบกรามเอ่ยว่า

“ท่านถอดกุญแจมือ”

มันกล่าววาจาได้เท่านี้ กระบี่นอนเสื่อก็เป็นคนกล่าวต่อไปว่า

“ได้อย่างไร”

กระบี่รันทดมองพวกมันอย่างสงสาร

กระทั่งการพูดจาของมันยังลำบาก ทั้งทำให้คนอื่นลำบากไปด้วย เพียงเพราะพวกมันเป็นฝาแฝดเท่านั้น

“ความจริงกุญแจมือเราถอดได้ตั้งแต่แรกแล้ว”

กระบี่รันทดมีความสามารถเช่นนั้นจริงๆหรืออย่างไร

  กระบี่ล้มหมอนนอนเสื่อยิ่งขบคิดยิ่งไม่เข้าใจ

ทันใดนั้นพวกมันเดินหันหลังกลับ ไม่ยอมพากันเอ่ยปากถามเพราะรำคาญตัวเอง เดินไปหยิบเสื่อและหมอนซึ่งวางอยู่ริมประตู พากันเดินออกไปอย่างเงียบงัน พวกมันย่อมไปหามุมอันสงบและพากันล้มตัวลงเจ็บป่วยแบบล้มนอนนอนเสื่อตามฉายา จนกว่าสภาพจิตใจจะฟื้นฟู คนเช่นนี้ยังมีในโลกจริงๆ


กระบี่รันทดถอนใจ สอดกระบี่เข้าฝัก หันมามองสองสตรีกำลังต่อสู้กันภายในห้องอาหาร

ดูไปแล้วแทบไม่เชื่อว่าทั้งโฉมสะคราญโรงเตี๊ยมและแม่นางฟ้อนซิ่งกำลังต่อสู้กันอยู่อย่างเอาเป็นตาย อิสตรีกระทำเรื่องราวบางครั้งยากยิ่งเข้าใจยากเย็น บางครั้งกระทำเรื่องยากเย็นเข็ญใจเป็นง่ายดาย บางครากระทำเรื่องง่ายดายเป็นสับสนยากเย็นวุ่นวาย

โฉมสะคราญโรงเตี๊ยมยิ้มแย้มอย่างอ่อนหวานขณะยื่นถ้วยน้ำขาส่งให้พลางเอ่ยปากบอกว่า

“ท่านเดินทางมาไกล คงเหน็ดเหนื่อย เราคารวะท่านหนึ่งจอกน้ำชา”

ท่วงท่าของนางแช่มช้อยสวยงามราวระบำเริงร่า ชุดแดงสดพลิ้วปลิวไสว

แม่นางฟ้อนซิ่งประสานมือย่อตัวก้มลงคารวะแทบจรดพื้นอย่างจริงใจใสซื่อกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า

“ขอบคุณท่าน เราดื่มมาแล้ว รับด้วยใจ”

พอดีก้มหลบพ้นจอกน้ำชาซึ่งยื่นปราดออกมาข้ามศีรษะไปอย่างหวุดหวิด ผนังห้องด้านหลังห่างออกไปสองวาส่งเสียงลั่นเปรี๊ยะก่อนแตกกระจายออกเป็นเศษไม้ชิ้นเล็กชิ้นน้อยจากพลังไร้สภาพขุมหนึ่ง

ขณะนางก้มตัวลงเส้นผมยาวสยายราวแพรไหมราบลื่นของนางสะบัดออกไปด้านหน้าเหมือนไม่ตั้งใจพุ่งเข้าใส่ทรวงอกของเจ้าของโรงเตี๊ยมลือชื่อ

โฉมสะคราญโรงเตี๊ยมเห็นว่าอีกฝ่ายปฏิเสธน้ำชาจึงเอี้ยวตัวไปวางจอกน้ำชาบนโต๊ะข้างๆ พอดีหลบเส้นผมพิฆาตได้ราวไม่ตั้งใจ พลังเส้นผมแหลมคมหวีดหวิวราวเข็มนับร้อยนับพันเฉียดข้างกายไปอย่างหวุดหวิด

“เชิญท่านนั่ง”

บอกพลางก้มตัวจับเก้าอี้ยื่นส่งให้  แม่นางฟ้อนซิ่งยื่นมือมาจับเก้าอี้ไว้ทันก่อนจะกระแทกใส่ขาทั้งสองข้างก่อนกล่าวขอบคุณ เก้าอี้พอถูกทั้งสองฝ่ายจับต้องพลันแหลกสลายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย

มือขวาของแม่นางฟ้อนซิ่งพลิกวูบขึ้นจับข้อมือซ้ายของโฉมสะคราญโรงเตี๊ยมไว้ได้ แต่มือขวาของโฉมสะคราญโรงเตี๊ยมก็พลิกวูบลงมาจับข้อมือซ้ายของอีกฝ่ายไว้ได้เช่นกัน

ต่างฝ่ายต่างจับข้อมือกัน ต่างฝ่ายต่างโดนจับข้อมือ ท่วงท่าชะงักค้าง

สภาพก้ำกึ่งแบบนี้ยังมีใครกล้าลงมือต่อ หากคิดจะหักข้อมือคนอื่น ข้อมือของตัวเองก็จะถูกหักด้วยเช่นกัน ในระยะประชิดแบบนี้ คิดจะเตะใส่ฝ่ายตรงกันข้าม ตัวเองก็มีโอกาสถูกเตะใส่เช่นกัน

หากใบหน้าของทั้งสองยังคงยิ้มแย้มแจ่มใสราวสนิทสนมคุ้นเคย

กระบี่รันทดมองแล้วถอนใจ ส่งเสียงขึ้นว่า

“ดูท่าทางพวกท่านคุ้นเคยกลมเกลียวกันอย่างดียิ่ง”

คนหัวร่อแล้วตอบคือแม่นางฟ้อนซิ่ง แม้ว่าจะอยู่ในสภาวะซึ่งพร้อมจะแปรเปลี่ยนเป็นเลวร้ายคับขัน นางก็ยังคงสงบเยือกเย็นเบิกบาน

“พวกเราสนิทสนมกันดียิ่ง แม้จะพานพบประสบหน้าวาสนาต้องกันเมื่อครู่นี้เอง หากราวกับว่าคบหากันมานานปี นับเป็นโชคสั่งสมกันมาชาติปางก่อน หรือท่านว่าอย่างไร”

ประโยคหลังนางถามคู่ต่อสู้โฉมสะคราญซึ่งยังจับมือกันอยู่ ฝ่ายนั้นก็ยิ้มแย้มตอบด้วยใบหน้าเบิกบานสดชื่นเช่นกันว่า

“ถูกต้อง เราท่านนับว่าชะตาต้องกัน เสียดายท่านไม่ยอมดื่มน้ำชาคารวะของข้า ไม่รับประทานอาหารร้านของข้า หวังว่าสักวันท่านคงลดตัวมาดื่มกิน”

“ข้าได้ฟังมาว่าอาหารร้านท่านเลิศรส คนบ้านไกลเมืองอื่นบางครั้งพอได้ยินชื่อโรงเตี๊ยมของท่านแม้ยามจะนอนก็ผละจากอ้อมกอดคนรักผวาวิ่งตรงมาเพื่อดื่มกินไม่คิดชีวิต คนใกล้ตายพอได้ยินชื่อโรงเตี๊ยมของท่านยังลืมตาโพลงลุกขึ้นมามาวิ่งมาดื่มกินไม่คิดชีวิต ส่วนคนตายในโรงศพ พอได้ยินชื่อโรงเตี๊ยมของท่านยังดิ้นขลุกขลักออกมาจากโลงศพวิ่งแบกโลงศพมาดื่มกินอย่างหิวโหยไม่คิดชีวิต”

โฉมสะคราญโรงเตี๊ยมได้ฟังก็หัวร่อเสียงเจื้อยแจ้วบอกว่า

“ท่านก็เยินยอเกินเลย หากทั้งพวกใกล้ตายทั้งพวกที่แบกโลงศพวิ่งตรงมา เราก็คงต้องลนลานย้ายร้านหนีแบบไม่คิดชีวิตแล้ว”

แล้วทั้งสองก็ส่งเสียงหัวร่อชอบใจ

แต่ยังจับข้อมืออีกฝ่ายแนบแน่น

แม่นางฟ้อนซิ่งพลันสูดลมหายใจแรงๆหลายครั้งพลันถามขึ้นว่า

“ท่านใช้น้ำหอมใด หอมเหลือเกิน”

โฉมสะคราญโรงเตี๊ยมสูดลมหายใจแรงๆบ้างยิ้มแย้มตอบว่า

“เราใช้น้ำหอมสั่งตรงจากนอกดินแดน แต่ไหนเลยจะสู้กลิ่นหอมจากเรือนกายของท่าน อย่าว่าแต่เราเป็นสตรี เพียงเป็นบุรุษขอเพียงได้กลิ่นหอมจากท่าน พวกมันต้องหลงใหลไม่เป็นอันกินอันนอนจนเสียสติพร่ำเพ้อละเมอหาสามวันเจ็ดคืนสิบสองเดือนสิบสามปีเป็นแน่แท้”

“ท่านกล่าวเกินไปแล้ว น้ำหอมเราใช้น้ำหอมในดินแดน สกัดจากพฤกษานับร้อยพันธุ์บ่มจนได้ที่กลั่นจนได้กลิ่นหอมจรุงใจไหนเลยจะสู้น้ำหอมจากแดนไกลได้”

“ท่านอย่าได้กล่าวไป ความจริงน้ำหอมในดินแดนเลิศเลอกลิ่นยังมีมากมาย ไม่จำเป็นต้องด้นดั้นเสาะหาถึงต่างแดน เพียงข้าไร้วาสนาพานพบ ท่านกลับมีวาสนาพบพานนับว่ามีโชคมากกว่าเรามากมายหลายเท่า”

“ท่านก็ถ่อมตัวเกินไป ว่าแต่ท่านยังมีน้ำหอมดังกล่าวอยู่หรือไม่ ส่วนข้าก็มีน้ำหอมพันปีหายาก ต้องการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์จากท่าน”

“ย่อมมี”

“เย”

โฉมสะคราญคว้ามือของแม่นางฟ้อนซิ่งออกจากห้องครัว ไปยังห้องด้านหลังซึ่งเป็นห้องพักของนางด้วยท่าทางสนิทสนมถูกคอถูกใจจนลืมเรื่องการต่อสู้ไปแล้ว

กระบี่รันทดมองอย่างไม่เชื่อสายตา

มันไม่เชื่อจริงๆว่าคนสองคนต่อสู้กันแทบล้มประดาตาย จู่ๆจะกลับมาพูดคุยกันถูกคอแบบนี้ ทั้งยังสังเกตเห็นว่าต่างฝ่ายต่างปล่อยข้อมือกันแบบไม่รู้ตัวอีกด้วย

แต่ก็โล่งใจ

มันรู้สึกว่าอิสตรีอย่างไรก็เป็นบุปผาแห่งมวลมนุษยชาติ ควรค่าในการประดับสร้างเสริมเติมแต่งโลกนี้ให้สดใจเบิกบาน พลังแฝงของสตรีภายใต้ความนุ่มนวลยังมีพลังสร้างสรรค์ต่อโลกและสังคมนับแต่อดีตกาลจวบจนปัจจุบันและเลยไปยังอนาคต เช่นนี้ถ้ามาทำลายทำร้ายกันเองนับว่าเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง

ดังนั้นบุรุษหนุ่มพลังรันทดจึงโล่งใจ มันย่อมอยากเห็นผู้คนรักใครกลมเกลียวมากกว่าจะอยากเห็นการประหัตประหารทำลายล้างซึ่งมีแต่การสูญเสียและหยาดน้ำตา

“ฮา.......สตรีก็เป็นเช่นนี้”

เสียงหัวร่อเสียดประสาทดังมาจากประตูด้านหน้า

ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งผมยาวรุงรังรูปร่างสันทัดในชุดยาวลายดอกรองเท้าฟาง สีหน้าท่าทางพิสดารมองปราดเดียวก็สะดุดตาเนื่องเพราะเป็นใบหน้าที่ไม่ว่าใคร ชมดูแล้วจะต้องเกิดอารมณ์อยากกระโดดใส่แล้วเตะใส่สิบสองเท้า อ้าปากงับสิบสองปาก สายตาแหลมคมหรี่เรียวกลอกมองซ้ายขวาตลอดเวลาชวนให้คลั่งใจสุดแสน

จอมมารคอหอยนั่นเอง ไม่คาดว่ามันจะกลับมาปรากฏตัวในโรงเตี๊ยมแห่งนี้อีก หลังจากที่มันได้หลอกล่อคนของสำนักคุ้มภัยหายสาบสูญไปทั้งหมด แต่พวกมันยังไม่พบสินค้าซึ่งคุ้มครองมา

พอมาถึงก็นั่งลงเก้าอี้ด้านตรงกันข้ามบุรุษหนุ่มราวคุ้นเคยกันมานาน ตบโต๊ะฉาดร้องสั่งอาหารเสียงดัง

“สุราเผาดาบหนึ่งป้าน คางหมูย่อหนึ่งจาน ยมหอยนางรำหนึ่งจาน ยันไส้ตำหนึ่งจาน”

เด็กดูแลโต๊ะวิ่งปราดมาทันที น้อมรับคำสั่ง แต่ยังไม่ยอมเดินไปสั่งอาหารในครัว จอมมารผู้ยิ่งยงถลึงตามองแล้วคำรามอย่างเดือดดาลว่า

“เป็นไร ข้าสั่งอาหาร เจ้าไม่ได้จัดการมา”

เด็กรับใช้เป็นเด็กหนุ่มอายุประมาณสิบสามสิบสี่ขวบ มีสีหน้าตื่นกลัวแต่คงคงน้อมหัวคารวะหลายครั้งก่อนบอกด้วยเสียงสั่นเครือว่า

“ท่านต้องจ่ายค่าอาหารก่อน”

จอมมารตบโต๊ะฉาดอีก ร้องเสียงลั่นว่า

“เป็นไร เจ้าคิกว่าข้าไม่มีเงินจ่าย”

“ท่านย่อมมีเงินจ่าย แต่ท่านไม่จ่าย”

“ทำไม”

เพราะท่านเป็นมารคอหอย รู้จักแต่แย่งคนอื่นกินไม่เคยจ่าย”

วาจาของเด็กดูแลโต๊ะนับว่าตรงเป้าหมายตรงจุด จอมมารผู้นี้ไม่เคยจ่ายค่าอาหารเลยจริงๆในประวัติศาสตร์ของมัน เนื่องเพราะมันใช้วิชา “มารคอหอย” แย่งผู้อื่นกินจนเป็นที่ระบือลือเลื่อง

“บังอาจ”

จอมมารคอหอยตบโต๊ะเปรี้ยง คำรามกึกก้อง

“คิดว่าน้ำหน้าอย่างข้าไม่กล้าจ่ายหรืออย่างไร บังอาจไปแล้ว ข้าจะพังโรงเตี๊ยมแห่งนี้ให้ราบเรียบ”

ว่าพลางทำท่าลุกขึ้น แต่แล้วพลันมีสีหน้าแปรเปลี่ยนวูบใหญ่
มันความจริงนั่งถูกตำแหน่ง ไม่ใกล้ไม่ไกลโต๊ะเกินไป แต่ตอนนี้โต๊ะกลับเลื่อนปราดเข้ามาประชิดติดท้องแล้วกดค้างเช่นนั้นราวเป็นตะปูตัวเขื่องตอกตรึงสกัดไม่ไห้มันลุกขึ้นได้

ย่อมเป็นกระบี่รันทดลงมือผลักโต๊ะมาสกัดกั้นการอาละวาดของมัน จากนั้นส่งเสียงถามราบเรียบว่า

“ท่านไยต้องโวยวาย ความจริงท่านมาหาข้ามิใช่หรือ”

จอมมารคอหอยมีสีหน้าบิดเบี้ยวพักหนึ่ง ในที่สุดเปลี่ยนเป็นหัวร่อเสียงดัง มีท่าทางผ่อนคลายลงแล้วพยักหน้ายอมรับ

“ข้ามาหาเจ้าจริงๆ”

“เช่นนั้นไม่ควรตอแยผู้อื่น”

สายตาของจอมมารคอหอยราวมีประกายไฟ มันไม่คาดว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้จะกล้ากล่าววาจาสั่งสอนมันซึ่งอาวุโสมากกว่ามากมาย แต่แล้วมันก็สะกดอารมณ์ลงเนื่องเพราะยังมีงานจะต้องกระทำในการมาครั้งนี้

“ก็ได้..ก็ได้”

มันแสยะยิ้ม แล้วออกแรงผลักโต๊ะกลับคืนทีละน้อย โต๊ะค่อยถอยห่างมันออกไปทีละน้อย จอมมารแอบยิ้มในใจว่าบุรุษหนุ่มเบื้องหน้าความจริงไม่ได้มีฝีมือเท่าไร

แต่พอโต๊ะไปอยู่ในตำแหน่งเหมาะสมก็หยุดนิ่ง ไม่ว่าจอมมารจะทุ่มเทพลังปานใด

รอยยิ้มในใจของมันชะงักค้าง

มันย่อมรู้ว่าบุรุษหนุ่มใช้พลังต้านทานเอาไว้
รอยยิ้มในใจชะงักค้าง หากรอยยิ้มบนใบหน้าไม่อาจชะงักค้าง ดังนั้นมันคงยิ้มอุบาทว์ต่อไปพลางหยุดมือแล้วเอ่ยว่า

“ตอนนี้บางทีเจ้าอาจไม่ทราบว่าเฒ่าซกมกถูกพวกข้าจับตัวไว้แล้ว รวมทั้งคนของมันด้วย ส่วนเฒ่าซกเล็กวางมือถอนตัวจากยุทธภพไปอยู่กับแม่เฒ่าส้มตำแล้ว พวกมันจะพากันไปทำสวนมะละก้าเปิดร้านขายส้มตำแนวใหม่แถวชานเมือง”

กระบี่รันทดรับฟัง ไม่พูดประการใด จอมมารจึงกล่าวต่อไป

“เอาให้รวบรัดชัดเจน เราต้องการแลกเปลี่ยนตัวเฒ่าซกมกและคนของมันกับสินค้าซึ่งพวกมันคุ้มครองมา สินค้านั่นจะต้องเกี่ยวข้องกับเจ้าอย่างแน่นอน”

“ทำไมจึงคิดว่าสินค้านั้นเกี่ยวข้องกับข้า” กระบี่รันทดเอ่ยถามขึ้นใบหน้าของมันยังคงสงบราบเรียบไม่อาจบอกได้ว่าในใจคิดอะไรอยู่

“พวกเราค้นจนทั่วคันรถม้าและเกวียนแล้ว ไม่พบของมีค่าใด มีแต่เจ้าซึ่งอยู่บนรถม้าคันนั้น สองเฒ่าจะต้องให้เจ้าร่วมมือกับพวกมันในการซุกซ่อนเก็บสินค้าให้ปลอดภัย เนื่องเพราะพวกมันรู้ว่าสินค้าจะต้องถูกแย่งชิงในทางใดก็ทางหนึ่ง และเราแน่ใจเมื่อเห็นเจ้าปลดกุญแจมือออกมาอย่างง่ายดาย นั่นเป็นแผนตบตาชัดๆ”

กระบี่รันทดถอนใจ ถามช้าๆว่า

“ถ้าข้าบอกว่าไม่มีไม่รู้ไม่เห็นล่ะ”

จอมมารแสยะยิ้มชั่วร้ายเค้นเสียงตอบว่า
“พวกมันทั้งหมดจะกลายเป็นเนื้อแดดเดียว กลายเป็นเนื้อชุบแป้งทอด กลายเป็นไส้กรอกส่งขายตามร้านอาหาร”

“ทำไมข้าต้องช่วยพวกนั้น”

“เพราะเจ้าก้าวเดินก้าวแรกกับพวกมันแล้ว เจ้าให้ความร่วมมือกับพวกมัน ก็ต้องเดินหน้าให้ถึงที่สุด วันนี้เจ้าไม่ช่วยพวกมัน วันหน้าเมื่อเจ้ากินเนื้อต่างๆ เจ้าจะต้องรู้สึกผิดสำนึกเสียใจแน่นอน”

จากคุณ : Psycho man
เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 12:44:24




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com