Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เจ้าหญิงมังคุดเคยแอบอยู่ในตะกร้าหน้าบ้านหลังร้าง เดียวดาย... ติดต่อทีมงาน

สวัสดี อยากรู้ไหมว่าฉันคือใคร ???

เฮ่อ แต่ฉันก็ไม่ค่อยอยากรื้อฟื้นว่าฉันถูกให้กำเนิดเกิดขึ้นจากดินแดนแผ่นดินไหนน่ะสิ งั้น... ก็ขอให้เข้าใจตรงกันว่าฉันจำความได้อีกทีก็ตอนพบว่าถูกแขวนไว้ในร้านขายเสื้อผ้าสุดหรูของเจ้าของร้านสุดหยิ่งบนถนนสายหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นย่านที่ลูกค้าธรรมดาเดินดินเป็นไปได้แค่ ผู้จัดการของดารา นักร้อง คนดัง ที่มาซื้อหาข้าวของประดับกายให้เจ้านายผู้เลอโฉม นอกเหนือจากนั้นคือ ใครก็ได้ที่เดินมาพร้อมเลขาฯ หน้าเคร่งขรึมหนึ่งคน และการ์ดอีกเป็นแถว


เจ้าของร้านผู้ไม่ต่างจากนายฉันหยิ่งแค่ไหนน่ะเหรอ ระดับน่าเกลียดมาก ...ลูกค้าไม่ถูกใจ เธอจะดึงเสื้อคืน ไม่ยอมขายเด็ดขาด ก็เธอเคยเป็นดีไซเนอร์ของแบรนด์ดังมาก่อน แต่ความที่อัตตาสูง บังอาจวิจารณ์ว่าเสื้อผ้าของเธอดูดีเกินไปไม่เหมาะกับศิลปินมอมแมมที่ขึ้นรับรางวัลเอ็มทีวีอะวอร์ด เธอเลยโดนระเห็จตั้งแต่นั้น

...น่าสมน้ำหน้าหรือเปล่าไม่รู้ เพราะเธอกลายเป็นเจ้านายสาวแก่ สวมแว่นตา มีลูกน้องทนอยู่กับเธอได้แค่สามคน แต่แค่นี้ก็เยอะแล้ว สำหรับการตัดเย็บเสื้อผ้าที่ออกมาได้เดือนละไม่เกินสิบชุด

วันแรกที่ฉันถูกตัดเย็บเสร็จ เจ้านายจอมเชิดมองฉันด้วยหางตาปราดนึง แล้วก็แขวนฉันไว้ที่มุมหนึ่งของร้าน ฉันก็ทำใจไว้แล้วล่ะ ว่าสักวันเสื้อผ้าที่ตั้งราคาแพงลิบลิ่วอย่างฉันจะถูกหั่นทิ้งลงถังขยะ เมื่อขายไม่ออก ...จริงนะ ร้านนี้เสื้อผ้าขายไม่ออกจะถูกตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ลงถังอย่างไม่ใยดี... ไม่มีการสนใจโครงการโลกสีเขียวแต่อย่างใด ฉันไม่อยากไร้ค่าอย่างนั้นหรอก จึงพยายามส่องประกายด้วยตัวเองใหม่มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

แต่ก็คงยาก เพราะฉันธรรมดามากๆ เป็นเสื้อกึ่งเชิ้ต แขนยาวเหนือข้อมือ ส่วนกระโปรงก็อัดพลีทน้อยๆ เพื่อให้พลิ้วไหวตามจังหวะการเดินเพื่อเพิ่มความสง่า ลูกเล่นที่พอมี คือผ้าที่ใช้ตัดเย็บเป็นผ้าไหมที่ทอไล่สีอ่อนไปจนเข้มที่สุด เมื่อถูกเย็บด้วยมืออย่างประณีต ตัวฉันจึงมีท่อนบนสีขาวและค่อยๆ เข้มขึ้นจนชายกระโปรงเป็นสีน้ำเงินเข้ม ถ้าโดนแสงพอเหมาะ มันอาจเหลือบแสงเป็นสีเงินหรูทีเดียว แต่อย่างไรก็ตาม มันดูเหมาะที่จะเป็นเสื้อผ้าของเลขาฯ สาวสุดเก๋ หรือของครูสอนเปียโนลูกสาวประธานาธิบดี มากกว่าจะเป็นเสื้อผ้าคนดังใช้สวมเพื่อยืนหน้าถ่ายรูปตามวัตถุประสงค์ของร้านนี้


ฉันมาอยู่ได้สักอาทิตย์ เจอเจ้าของร้านสองสามครั้ง ส่วนลูกค้าเดินเข้ามาไม่ถึงยี่สิบราย และมีแค่สองรายที่ได้เป็นเจ้าของเสื้อผ้าในร้านนี้ไปห้าชุด แต่แค่นี้พวกเด็กในร้านก็แอบดีใจกันถ้วนหน้าแล้ว

บางคนก็ถึงกับว่านี่คือช่วงที่ดีที่สุด บางคนยิ้มร่าซุบซิบคุยกัน

“แค่สักหกเจ็ดชุดต่อเดือน ร้านเราก็ยังอยู่บนถนนสายนี้ได้อย่างสบาย ถ้าน้อยกว่านี้ชั้นก็กลัวซาร่าห์ตกเหวหมดท่า”


ท่ามกลางลูกน้องที่ยิ้มร่าได้ตามยอดขายออก แต่มีฉันผู้เดียวที่รู้ว่า ซาร่าห์หรือเจ้าของร้านที่ชอบทำหน้าเหมือนอมีบาตลอดเวลานั้นไม่ค่อยมีความสุขนัก อย่างน้อยก็เช้าวันนี้ เธอนั่งเงียบๆ ชายตาผ่านกระจกดูผู้คนนอกร้านที่เดินผ่านไปมา มีบางคนที่หยุดชะเง้อมองหุ่นที่สวมชุดราตรีสวยหรู แล้วก็ยักไหล่ทีนึงก่อนเดินจากไป

เค้าว่ากันว่าภาษากายนั้นรุนแรงกว่าคำพูด สงสัยจะจริง เพราะแค่ถูกยักไหล่ใส่ ซาร่าห์ก็ถึงกับกัดเล็บ ...เธอยังไปลูบๆ คลำๆ ชุดงามนั้น พวกเด็กในร้านดูไม่ออกหรอก แต่ฉันรู้ภายในไม่กี่วินาทีว่าซาร่าห์กำลังสูญความมั่นใจ และความทรนงที่เคยมีมาเนิ่นนาน แต่เธอก็แค่ถอนหายใจ... ทำหน้าขรึมเคร่งเหมือนเดิม แล้วเดินรี่มาที่ราวแขวนที่ฉันอยู่...


โอ... พระเจ้า เธอเดินมาที่ฉัน... แล้วดึงฉันขึ้นจากราวแขวน

โอ... ไม่นะ อย่าหงุดหงิดจนกระชากฉันออกเป็นชิ้นๆ ล่ะ


ฉันไม่กลัว แต่ฉันเสียดาย ฉันยังใหม่เกินไปที่จะถูกโละทิ้ง ยังไม่เคยมีลูกค้าจับหรือพาฉันเข้าห้องลองสักครั้งเลย แต่ฉันพูดได้เสียเมื่อไหร่ล่ะ จึงทำได้แค่ปล่อยให้ซาร่าห์พินิจพิจารณาฉัน ฉันคงถูกโยนจริงๆ เพราะช่างคนที่ตัดเย็บฉันก็มายืนหน้าเคร่งพอกับซาร่าห์


“ไม่ถูกใจเลดี้สวีทบลูเหรอคะ” ช่างนิ้วบิดกันจนจะเหมือนเส้นเชือกอยู่แล้ว “ดิฉันก็ตัดตามที่คุณซาร่าห์ออกแบบนะคะ”

“...” ซาร่าห์เม้มริมฝีปากเป็นเส้นด้าย

“แต่ดิฉันก็เห็นว่า... มันธรรมดาเกินไปที่จะ...”

ช่างหน้าละอ่อนพยายามแก้ตัวต่อ แต่ซาร่าห์ขัดเสียก่อน

“อืม... พวกเธอไปหาอะไรกินกันเถอะ เที่ยงนี้ฉันอยากอยู่คนเดียว”


เสียงเย็นๆ ของซาร่าห์ทำให้ฉันเกือบกรี๊ด และพอพ้นร่างลูกน้องทั้งหมด เธอหอบฉันไปที่ห้องด้านหลัง คว้ากรรโกรคมกริบขึ้นมาตัดฉับลงบนแขนฉัน

ฉันก็กรี๊ดได้เหมือนใครๆ นั่นแหละ แต่ไม่มีใครได้ยินเท่านั้นเอง ฉันเตรียมลาโลกแล้วเชียว แต่มันกลับมีเสียงตัดฉับแค่สองครั้งเอง !!!


ซาร่าห์ตัดแค่ปลายแขนเสื้อฉัน ...!?


ฉันอึ้งอยู่หลายนาที กว่าจะรู้ว่า ฉันไม่ได้ถูกทำลาย แต่ซาร่าห์อยากเปลี่ยนแปลงฉันเท่านั้นเอง ใช่แล้ว เธอตัดปลายแขนเสื้อเท่อๆ ออกแล้ว จรดปลายเข็มเล็กใส่ด้ายสีเหลือบเงินพลิกไปมาอย่างคล่องแคล่ว


สัมผัสปลายนิ้วของซาร่าห์นั้นนุ่มนวลเหมือนเคยดูแลทารกมาแล้วนับพันคน... ฉันละอายใจจังที่เผลอคิดว่าศิลปินคนนี้จะทำร้ายฉัน และเกือบเคลิ้มหลับสบายใจอยู่แล้ว แต่เธอเอ่ยอะไรออกมาเสียก่อน


“รู้ไหมเลดี้... ว่าช่างตัดเสื้อผ้าที่สักแต่ๆ ตัดๆ กับคนที่ตัดโดยไม่ใส่จิตวิญญาณลงไปนั้น มันให้ผลงานต่างกันมากมายเหลือเกิน ไม่รู้เมื่อไหร่เด็กๆ ของฉันจะเข้าใจอย่างฉัน พวกหล่อนหวังมีเสื้อผ้าที่ขายได้”

เฮ่อ ผู้คนต้องกินต้องใช้นะซาร่าห์ ใครจะอยู่ความทรนงไส้แห้งล่ะ ...แต่ฉันชอบจังเวลาถูกเรียกว่าเลดี้ เหมือนฉันเป็นคนพิเศษที่สุดของที่นี่... แล้วซาร่าห์ก็พึมพำอะไรให้ฉันฟังต่อระหว่างแก้นู่นนี่บนตัวฉัน


“แต่...ฉันคิดว่ามันอาจถึงเวลาแล้วล่ะ ที่ฉันจะต้องลงจากหอคอยที่ฉันสร้างขึ้นเอง... ฉันไม่ไหวแล้ว” เสียงบ่นของซาร่าห์เนิบนาบสม่ำเสมอ “หลายคนบอกว่างานฉันจำเพาะเกินไป... ราคาแพงเกินไป... งานฉันยกยอคนแค่บางประเภท... ฉันไม่คิดถึงผู้อื่น... ฉันลืมกระทั่งตัวเอง...”


ไม่น่า... ไม่นะ อย่าร้องสิ ฉันเห็นน้ำตาของซาร่าห์เอ่อขึ้นมา...

แล้วครู่หนึ่งน้ำตานั่นก็หยดแหมะลงบนตัวฉัน


“...ฉันหวังว่าเธอคือผลผลิตใหม่ของฉัน... เสื้อผ้าที่ผู้หญิงธรรมดาใช้สวมใส่และภูมิใจในเนื้อหนังของตนเอง... ด้วยตัวเอง... มากกว่าคำเยินยอจากผู้คนที่วิจารณ์จากล้องถ่ายภาพ...”


เกือบชั่วโมง...ปลายแขนเสื้อฉันก็มีรอยเกี่ยวเก๋ๆ ด้วยกระดุมรูปโบว์ และสั้นขึ้นเล็กน้อย ชายเสื้อก็มีสายเก๋ๆ ให้สามารถผูกกันเป็นโบว์ตามแต่คนใส่จะอยากได้

“แต่ฉันทนไม่ได้หรอก... ที่จะเห็นผู้หญิงต้องสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว นุ่งกระโปรงสีเข้มสั่วๆ ทำงานอยู่ในห้องทึมๆ” ซาร่าห์ยังคุยเรื่อยเปื่อยขณะเลาะรอยเย็บด้านข้างตรงบริเวณหน้าอกฉันออกด้วย แล้วเพิ่มชิ้นผ้าสีเดียวกัน “ฉันหวังว่าคนซื้อเธอไปคงฉลาดพอที่จะดึงมันให้แน่นขึ้นเพื่อโชว์สัดส่วนงามๆ ของตัวเอง แทนที่จะปล่อยให้หุ่นดีๆ กลายเป็นก้อนเนื้อชิ้นทื่อๆ ในเสื้อผ้าเท่าโคนเท่าปลายนะเลดี้”

ฉันแอบจั๊กจี้เล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าถูกทำให้เป็นชุดที่เซ็กซี่ขึ้นโดยตั้งใจ
พวกเด็กในร้านกลับมาแล้ว มีลูกค้าสำเนียงต่างชาติเข้ามาชมเสื้อผ้าจำนวนหนึ่ง แต่ซาร่าห์ยังนั่งลูบคลำฉันไม่หยุด เกือบสามชั่วโมง... ฉันจึงเสร็จสมบูรณ์


ช่างคนเดิมจึงมารับฉันไปจากมือซาร่าห์ ฉันนึกว่าต้องไปอยู่ที่ราวแขวนที่เดิมแล้วเชียว แต่ทั้งฉันและช่างกลับแปลกใจพอกันเมื่อซาร่าห์สั่งให้เอาฉันสวมให้หุ่นแทนชุดราตรีที่ถูกยักไหล่ใส่เมื่อเช้า



หัวใจฉันเต้นแรงจนแทบหลุดออกมานอกตัวแน่ะ ฮ่าๆ แต่ฉันมีหัวใจได้ไง ฉันเป็นเสื้อผ้าเอง หัวใจฉันก็คือคนที่สวมใส่ฉันนู่น เฮ้... แต่ฉันมีความสุขมากจริงๆ นะ ตอนได้อยู่บนหุ่น ก็ชุดที่สวมบนหุ่นคือลูกรักของซาร่าห์ทั้งนั้นนี่

จากคุณ : rainfull
เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 14:04:34




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com