Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
แด่ทุกคนที่มีหัวใจบินตามฝัน... ติดต่อทีมงาน

  
"ฉันกำลังทำอะไรอยู่นะ" เสียงอ่อนแรงแผ่วเบาผุดขึ้นในห้วงความคิด...ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเปิดขึ้นอย่างไม่เต็มใจนัก อาจเป็นเพราะขนตาที่ถูกมาสคาร่าจับเป็นก้อนแข็งทำให้ทั้งหนัก และเหนื่อยล้า ริมฝีปากเปื้อนด้วยรอยสีชาดก็แห้งผาก

    โลกมันไม่ได้หยุดนิ่งหรอก ผิวนั้นยังถูกลามเลียด้วยอากาศ ลมนั้นพัดปลิ้วไล้อย่างอิสระไปบนผิว แต่ก็ยังนำพาไอร้อนแทรกเข้าไปในเนื้อผ้าด้วยเหมือนกัน เบื้องหน้าคือ ภาพถนนของเมืองหลวง ทุกอย่างกำลังเคลื่อนไปข้างหน้า

    "อ๋อ...ฉันกำลังกลับบ้าน" นิรสาบอกกับตัวเอง ขยับร่างกายที่เหนียวเหนอะหนะและเหนื่อยล้า...ท้องฟ้าดูหม่นหมอง อาจเพราะอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าไป

    "อีกวัน ที่ผิดหวัง และ น่าเบื่อ" เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง ทว่าแต่ละภาพนั้นดูไร้ความหมาย ตัวเธอจมอยู่ในความคิด "ฉันกำลังทำอะไรอยู่นะ"

    มือของเธอจับปึ้งกระดาษดูไร้ค่าไว้บนตัก แต่มันคือ อะไรสักอย่างที่โลกนี้ตัดสินชีวิตของเธอ...เธอนึกย้อนไป วันนี้เธอทำอะไรไปบ้างนะ...
    


    ตื่นขึ้นมาอากาศดูจะสดใส แต่นิรสาก็ไม่ได้สนใจอะไรแบบนั้นหรอก หลังจากเธออาบน้ำ ก็มานั่งหน้ากระจก โบกกลบทุกสิ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบบนใบหน้า ใต้ตาสีคล้ำแสดงถึงความอ่อนล้านี้ จะให้ใครเห็นไม่ได้ เธอต้องดูสดใส ผงเป็นประกายก็แตะลงบนเปลือกตา เธอต้องดูดีที่สุด ตลับแป้งกลิ่นหอมก็ถูกตบลงบนหน้า เธอต้องมั่นใจ เธอสวมรองเท้าส้นสูงดูดีเป็นสิ่งสุดท้าย และก้าวออกจากบ้าน

    แต่ ณ ตอนนี้ รองเท้าส้นสูงที่เธอคิดมาว่าจะช่วยเธอมาตลอดนั้นก็กลับทำพิษ ปลายนิ้วนั้นปวดหนึบ และ ฝ่าเท้าก็ชา เธอลองถูนิ้วโป้งกับนิ้วชี้มันก็ไม่รู้สึกอะไรเสียแล้ว...เธอถอนหายใจเบาๆ อีกยาวไกลนักเธอกว่าจะถึงจุดหมาย

    เธอจำได้ ว่าพอออกจากบ้าน ฝ่าความร้อน และฝูงชน ต่างๆ นานา ต่างก็รีบร้อนในกิจวัตรของตัว แต่เมื่อเธอได้ก้าวเข้าไปในตึกสูงใหญ่ ก็กลับกลายเป็นอีกโลกหนึ่งไป อากาศเย็นสบายผิวนั้นก็จากเครื่องปรับอากาศ แล้วเธอก็วิ่งเข้าห้องน้ำ จัดระเบียบร่างกายอีกครั้ง หวีผมที่ยุ่งเหยิงให้ตรง เธอมองตัวเองในกระจกมองใบหน้าของตนที่เต็มไปด้วยความหวัง...ยิ้มไว้...

    คนมากมายเข้าแถวรอ ด้วยเหตุผลไม่ต่างจากเธอนัก พอมองรวมกัน ทุกคนก็เหมือนกันไปหมด เหมือนหุ่น เหมือนตุ๊กตา...นั่งเข้าแถวกัน ภายนอกนั้นดูสงบ แต่ข้างในกลับหนักอึ้ง นิรสาก็เช่นเดียวกัน แต่ความรู้สึกหนักอึ้งนั้นกลายเป็นของชินชาไปซะแล้ว ตัวเธอเองแทบจะไม่รู้สึก

    มันคงจะมีผลมาถึงตอนนี้ ไหล่นั้นรู้สึกหนัก ศรีษะรู้สึกหนักยิ่งกว่า ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรประดับอยู่บนศรีษะ เธอไม่เคยเอาอะไรประดับศรีษะ เพราะมันรู้สึกหนัก...หนักตลอดเวลา

    นึกย้อนไปถึงทางเดิน ที่มีคนนั่งรอเป็นแถว ไฟนีออนส่องสว่างตามทางแทนแสงธรรมชาติ แต่ละคนเดินหายเข้าไปในประตูเหลี่ยมๆ สีขาว แล้วหายไป ทีละคน ยิ่งใกล้ เธอยิ่งสงบ...ไม่ใช่เพราะมันสงบ แต่เพราะ มันต้องสงบ และแล้วก็ถึงตาของเธอ

    เธอลุก ยืดหลัง ดึงเสื้อให้ตึง แล้วก้าวเดินอย่างมั่นใจ เข้าไปในห้อง ส่งซองพลาสติกสีฟ้าอ่อนเต็มไปด้วยกระดาษ กระดาษนั้น สำหรับคนตรงหน้านั้นหมายถึง ชีวิตของเธอ เธอเป็นอย่างไร มายังไง การเรียน การศึกษา ความรู้ความเข้าใจ คือ กระดาษไม่กี่แผ่น...แม้ใจลึกๆ จะไม่เห็นด้วย นิรสาเชื่อว่า กระดาษไม่กี่ชุดบอกตัวเธอไม่ได้ แต่จะมีความหมายอะไร ในเมื่อเธอเองก็ยังอยู่ในโลกใบเดิมๆ เธอก็ต้องทำตามกฏเกณฑ์เดิมๆ

    เธอนั่งลงบนเก้าอี้เบาะพนักพิงอย่างดี เธอไม่ได้พิงหลังผ่อนคลายแต่กลับต้องยีดตัวตรงเข้าไว้ เธอยิ้ม...ให้กับ ใครบางคนที่ใส่แว่นตากรอบสีดำหนาที่นั่งอยู่ตรงหน้า...เขาก้มหน้ามองแผ่นกระดาษ ขยับแว่นมองดูที่ละบรรทัดราวกับจะเค้นเรื่องราวที่อยู่หลังตัวหนังสือ และ ตัวเลขนั้น...ปากของเขาก็ยิงคำถามไม่ขาดสายมาที่เธอ น้ำเสียงราบเรียบ อาจเป็นเพราะต้องถามซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุดหย่อน...ไม่ใช่หุ่นยนต์ แต่ก็เกือบใช่

    นิรสาตอบคำถามทุกคำถามด้วยน้ำเสียงฉะฉาน เต็มที่และฝีมือที่มี แว๊บในใจก็อยากถามหุ่นยนต์ตรงหน้าว่า "อยากหยุดบ้างไหม?" แต่ความคิดนั้นก็หลบหายเข้าไปที่ไหนก็ไม่รู้...เธอหาไม่เจอซะแล้ว

    คำตัดสินออกมาทันทีหลังจากบทสนทนาสิ้นสุด ซึ่งก็ไม่ได้ใช้เวลามากนัก มันออกจะเร็วด้วยซ้ำไปในความรู้สึกของนิรสา และแน่นอนว่า มันคือความผิดหวัง แต่เธอยังยิ้ม ลุกขึ้นไหว้ และลาคนๆ นั้นออกมา ...

    นิรสารู้สึกผิดหวัง...งานนั้นคือชีวิต แต่ เธอกลับมองไม่เห็นชีวิตเท่าไรในดวงตาของหุ่นยนต์...ไม่ใช่สิ...คนที่พึ่งสัมภาษณ์เธอนั่น แต่เขาก็โชคดีกว่าที่เขามีงาน เขาก็ควรจะมีชีวิต แต่คงไม่ใช่เวลาทำงาน ดวงตาของเขาดูว่างเปล่า...แต่เขาก็โชคดี น่าจะดีกว่าเธอที่ยังหลักลอยอยู่ ณ ตอนนี้ เธอถอนหายใจอีกครั้ง...เธอก็ไม่รู้ว่าต้องการเป็นแบบนั้นจริงๆ รึเปล่า...แต่มันก็คงต้องเป็นแบบนั้น เพราะโลกเดินไปแบบนั้น...

    เธอคิดว่าเธอมีความสามารถ มีพรสวรรค์ แต่งานที่เธอสมัคร อาจไม่ใช่พรสวรรค์ของเธอก็ได้ มีอีกหลายร้อยคนต้องการอยู่ในตำแหน่งที่เธอก็ต้องการอยู่เช่นเดียวกัน เธอไม่ได้พิเศษ ถ้าเธอมีอะไรพิเศษต้องตาต้องใจ เธอคงเป็นที่ต้องการกว่านี้ ในหลายเดือนนี้...เธอก็เริ่มคิดถึงพรสวรรค์ เมื่อครั้งยังเด็ก...


    นิรสาบินได้...เธอจำได้...ตอนเธออายุ 7 ขวบเธอค้นพบว่าเธอบินได้ มันอาจดูไม่มีที่มาที่ไป แต่ตัวของเธอเบาหวิว แล้วเธอก็ไปตามสายลม ร่างกายค่อยๆ ไปพร้อมเพรียงกับจังหวะของอากาศ เหมือนอากาศคอยโอบอุ้มเธอไว้ เธอเข้าใจ ไม่รู้ทำไม ความคิดเธอโล่ง มันเป็นไปเอง เหมือนธรรมชาติ ไม่ต้องฝืน ไม่ต้องพยายาม มันคือความสุข...

    เธอเคยบินทุกวัน หลังจากค้นพบความสามารถนั้น ล่องลอยอยู่ในอากาศมองดูพื้นดินเบื้องล่าง ความเป็นไปอย่างช้าๆ เธอมองสิ่งที่เห็นนั้นอย่างไร้เดียวสา ผู้คนมากมายก้มหน้าก้มตาทำกิจวัตรหน้าที่ของตนจนไม่เคยสังเกตที่ท้องฟ้า แต่นิรสาก็ไม่ได้ตระหนักว่าสักวันเธอเองคงหนีไม่พ้น พ่อแม่ของเธอรับรู้ สนับสนุนตามสมควร พวกเขาอาจมองว่ามันก็คือ การกระทำแบบเด็กๆ  แต่มันก็เป็นพรสวรรค์อย่างเดียวในตัวเธอที่เธอรู้จัก

    พอยิ่งโตขึ้น เธอก็ต้องบินน้อยลง มีอะไรๆ ต้องทำมากมายเสียจน เธอก็จำไม่ค่อยได้ว่าเธอเลิกบินไปเมื่อไร เศษเสี้ยวคำบอกกล่าวของพ่อแม่นั้นผุดแทรกความฝันอันสวยงามเป็นระยะๆ "น้องนิต้องตั้งใจเรียนนะคะ เราต้องเป็นเด็กดี มีความรับผิดชอบ"..."น้องต้องทำการบ้านก่อนบินนะคะ เพราะว่า น้องนิมีอนาคตที่สำคัญกว่าเรื่องบิน เรื่องอื่นต้องมาก่อนนะคะ"...เธอไม่โทษพ่อแม่หรอก ที่มาทั้งหมด ก็มาจากความหวังดีทั้งนั้น

    จนวันหนึ่ง จู่ๆ เธอก็อยากบินอีกครั้ง ตอนนั้น เธอกำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย เธอยืนอยู่ที่ระเบียงบ้าน ทุ่งเดิมๆ ท้องฟ้าเดิมๆ แม้จะหม่นไปบ้าง เหมือนว่าฝนจะตก แต่เธอก็อยากบินสักนิด ก่อนที่ฝนจะตก...เธอยืน เธอหลับตา เธอหวนนึก เธอคำนึง...วิธีการ...ความเข้าใจ...หายไป...ลมก็พัดเอาใบไม้ปลิ้วว่อนไปทั่วบริเวณ แต่เธอก็บินไม่ได้...ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น...ทำไมถึงรู้สึกหนักแบบนี้ เธอไม่รู้ตัวเลย เธอเดินเข้าบ้านเงียบๆ แล้วฝนก็ค่อยเทลงมาไม่ขาดสาย

    เธอมานั่งนึกเอาตอนนี้อีกครั้ง หลังจากไม่ได้นึกถึงเรื่องนั้นมานานหลายปี...ทำไมจึงรู้สึกหนัก ทำไมไม่เบาเหมือนตอนยังเด็กนัก...ความคิดเธอว่างเปล่าไปห้วงหนึ่งเลยทีเดียว...ก่อนเสียงเล็กๆ ในใจจะร้องออกมาอย่างโรยแรง..."ภาระ...ความรับผิดชอบ" แบบผู้ใหญ่ แบบโลกที่หมุนไปไม่หยุดหย่อน และเธอพร้อมกับคนอีกนับไม่ถ้วนที่ต้องวิ่งไล่ตาม ฉุดรั้งและถ่วงตัวเธอให้ไม่สามารถแสดงพรสวรรค์ของเธอออกมาได้อีก

    แสงแห่งความหวังฉายเข้ามาในหัวใจที่หม่นหมองเธอ...มุมริมฝีปากเธอขยับขึ้นออกมาจากใจ แล้วเธอก็ถึงที่หมายในเวลานั้นเอง...บ้านของเธอเป็นตึกสูงใหญ่ ไม่ใช่บ้านกลางทุ่งอย่างที่เคยอยู่เมื่อยังเด็ก...แต่สบายในแบบคนเมืองอย่างเธอ ใจของเธอลิงโลด นำพาเท้าของเธอลืมความเจ็บปวดทั้งวันที่ผ่านมา เธอเปิดประตูห้อง ถอดรองเท้าส้นสูงคู่เก่ง...สลัดมันทิ้งไว้อย่างนั้น เข้าไปล้างหน้าล้างตา ชำระร่ายกาย...ตัวเธอเบาสบาย จิตใจเธอสงบ

    นิรสาเดินเท้าเปลือยเปล่าไปยังระเบียงของบ้าน เธอจับราวระเบียงมองเมืองเบื้องล่างที่ไม่เคยหลับไหล แสงไฟวิบวับจับตาอยู่เบื้องล่าง วิวของชั้น 11 ทำให้ตึกคอนกรีตฉาบสีทะมึนทึนของกลางคืนดูไม่เย็นชาอย่างเคยๆ นัก "มองๆ แล้วก็มีเสน่ห์ดี" เธอคิดกับตัวเอง แล้วเงยหน้ามองฟ้า ท้องฟ้าเปิดดวงดาวก็ทอแสงรำไร แม้จะสู้แสงเมืองไม่ได้ แต่ก็สวยงามกว่าวันอื่นๆ ที่ผ่านมา พระจันทร์เต็มดวงก็เปล่งแสงราวกับเชื้อเชิญ ลมพัดเย็นๆ "อากาศคืนนี้ดีเหลือเกิน"

    เธอก็ปีนขึ้นราวระเบียงบ้าน...และก้าวเท้าทั้งสองข้างออกไปในความว่างเปล่า......

-------------------------------------------------------------------------------
แต่งเล่นๆ ค่ะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านนะคะ

จากคุณ : Cd_HoLY-Sm
เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 54 19:58:53




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com