13 แผนซ้อน ซ่อนรัก
ข้าวจ๋า ผมคิดชื่อแบรน์ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยอินทรีย์ยี่ห้อใหม่ของเราออกแล้วนะ ... กรรมการผู้จัดการทรูฟู๊ตหันไปบอกแฟนสาว ...ทายซิ ชื่ออะไรเอ่ย?
ข้าวทายไม่ถูกหรอกค่ะ คุณพลระดับไหนแล้ว ใครจะไปคิดตามได้ทัน
นำทัพพ์รู้ว่าพี่ชายเขาชอบคำเยินยอ แต่แปลกใจที่ข้าวขวัญซึ่งเคยเป็นคนตรงไปตรงมา ทำไมกลายเป็นมีคำพูดแบบนี้ออกจากปากเธอได้...
ข้าวขวัญ
?
ชื่อยี่ห้อใหม่ของปุ๋ยอินทรีย์ที่ผมคิดออกไง ...เจ๋งมั๊ยล่ะ? ผมคิดอยู่นานเลยนะ แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ...เพราะในหัวใจผมมีแต่ข้าวขวัญ เลยคิดว่า น่าจะใช้เป็นชื่อแบรนด์ ผมจะได้มีกำลังใจทำงาน...
คุณพลพูดอย่างกับตัวเองเป็นเจ้าชายยอดนักรบ ตั้งชื่อเมืองเป็นชื่อของนางในดวงใจที่คะนึงหาตลอดเวลาแห่งการรบจนตีเมืองได้สำเร็จ
ถ้าเป็นผู้หญิงอื่น คงดีใจแทบตาย ที่มี เจ้าชาย มาหลงรักและลงทุนขนาดนี้ แต่ข้าวขวัญรู้สึก โคตรเลี่ยน ...ต่อด้วย กังวลใจ ไม่อยากเข้าไปมีส่วนร่วมหรือผูกพันกับธุรกิจของเขาซึ่งเธอยังไม่แน่ใจว่ามีแผนอะไรซ่อนเร้นหรือเปล่า แม้แต่ชื่อก็ยังไม่อยากให้ใช้เลย แต่... เมื่อหันไปสบตาน้องชายของเขา ข้าวขวัญกลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความคิด
แน้... ชื่อเค้า เอาไปใช้เฉยๆ ได้ไง จ่ายค่าลิขสิทธิ์มาด้วย
คุณพลดึงมือเรียวยาวที่แบอยู่ตรงหน้าเขาเอามาจูบเย้ยสายตาทุกคน
โธ่ ข้าวจ๋า จะเอาไปทำไมจ๊ะ แค่ค่าลิขสิทธิ์... ที่ผมให้ข้าวน่ะ ทั้งตัวทั้งหัวใจกรรมการผู้จัดการทรูฟู๊ตเชียวน้า
ผมต่างหาก ต้องขอรางวัลไอเดียดี... คุณพลยื่นแก้มป่องเข้าไปใกล้ใบหน้านวล ทำท่า น่าร๊ากกก จนคนเห็นแล้วรู้สึกคลื่นไส้
จู๊บบบบ!!! หญิงสาวลอบกลั้นใจแล้วรีบให้รางวัล จู๊บ เสียงดัง
ข้าวขวัญไม่เข้าใจตัวเองเลย ทำไมเธอถึงมีความสุขเหลือเกิน เวลาที่คุณพลส่งสายตาปิ๊งๆ มาให้ จับไม้จับมือหรือแตะเนื้อต้องตัวเธอต่อหน้านำทัพพ์ ยิ่งได้เห็นสายตาที่มองมาด้วยความขมขื่น เธอก็ยิ่งรู้สึกอยากใกล้ชิดคุณพลมากขึ้นๆ... แต่เมื่อเขาทำท่าทนดูไม่ไหวสะบัดหน้าจากไป ทิ้งเธอไว้กับพี่ชายสองคน เธอกลับหมดอารมณ์หวานราวกับระดับน้ำตาลลดฮวบลงกระทันหันซะงั้น
หลายปีที่แล้ว พ่อผมเคยทำโครงการ เกษตรครบวงจร
เรื่องที่คุณพลเล่าให้ข้าวขวัญฟัง เธอเคยได้ยินมาจากพ่อของเธอบ้าง ลุงสิบเรียกโครงการนี้ของทรูฟู๊ตว่า เกษตรครบวงจน ใครเข้าร่วมโครงการเป็นต้องจนทุกรายไป เพราะฟังดูเหมือนดี มีบริษัทยักษ์ใหญ่หนุนเรื่องเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ยและยา แล้วยังรับซื้อผลผลิต เกษตรกรแค่มีหน้าที่ หาที่ดิน กู้เงินมาลงทุนซื้อผลิตภันฑ์ทุกอย่างที่บริษัทจัดไว้ให้โดยไม่ต้องคิด และออกแรงทำงานในไร่นา ถ้ามีภัยธรรมชาติอะไรก็แบกรับความเสี่ยงเอง สรุปว่า บริษัทมีแต่ได้กับได้ ชาวนาชาวไร่มีแต่เสียกับเสีย
...ทุกวันนี้ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการเริ่มตีจาก เราไปจนเหลือน้อยลงเรื่อยๆ แน่ล่ะ ใครจะไปโง่ยอมโดนเอารัดเอาเปรียบตลอดกาล
ข้าวช่วยผมคิดหน่อยซิจ๊ะว่า ถ้าเราทำ เกษตรอินทรีย์ครบวงจร ให้เกษตรกรใช้เมล็ดพันธุ์เรา ใส่ปุ๋ยอินทรีย์และน้ำสกัดสมุนไพรของเรา ปล่อยแมลงตัวห้ำตัวเบียนของเรา แล้วเราก็รับซื้อผล ผลิตปลอดสารพิษ แต่ทำยังไงให้เค้าตีจากเราไม่ได้!
ข้าวขวัญยังไม่ทันมีคำตอบให้ คุณพลก็คิดได้ก่อน
เราคงต้องเริ่มจาก... เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรอิสระที่น่าเชื่อถือ ซื้อตัวผู้นำชุมชน สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับคำว่าเกษตรอินทรีย์ ...ตอนนี้ ที่ทำได้เลย ก็อย่างเช่น... เป็นสปอนเซอร์ให้กับโรงเรียนชาวนา ณ นครแห่งข้าวนี่แหละ แจกนักเรียนชาวนาเอาปุ๋ยของเราไปทดลองใช้ ...ส่วนข้าวก็เร่งทำการตลาด ฝังสมองเกษตรกรและผู้บริโภคให้จดจำว่า เราทีเอ็ฟทรูฟู๊ตคือผู้นำเกษตรอินทรีย์ ด้วยเทคโนโลยีชีวภาพปลอดสารพิษ
คุณพลพยายามขอพบ ลุงสิบ แต่ลุงสิบก็ไม่เคยว่างพบเขา ไม่ไปประชุมหรือสัมนาข้างนอก ก็เดินทางไปดูงาน ข้าวขวัญรู้ดีว่า ทำไมช่วงนี้พ่อถึงยุ่งมากกว่าปกติ
ไอ้หมอนี่ ทำเป็นหยิ่ง ลูกสาวลุงสิบได้ยินแล้วถึงกับสะดุ้ง ...ไม่ใช่ว่าใครคิดจะขอเข้าพบผมก็ได้พบง่ายๆ นะ แล้วนี่อะไรกัน ผมอุตส่าห์ลดตัวมาหาถึงที่ ให้ทั้งเงิน ให้ทั้งงาน... เสนอตำแหน่งให้เป็นถึงกรรมการที่ปรึกษาของเราเชียวนา โอกาสดีขนาดนี้ ไม่คว้าไว้ก็โง่แล้ว
กรรมการผู้จัดการทรูฟู๊ตโมโหมาก ไม่เคยมีใครปฏิเสธเขาแบบไม่ไว้หน้าขนาดนี้มาก่อน ...กะอีแค่ชาวนาแก่ๆ มันจะหยิ่งไปได้สักแค่ไหนวะ
การที่ลุงสิบไม่ยอมให้คุณพลเข้าพบ เท่ากับเป็นการเหยียบต่อมอยากเอาชนะของเจ้าชายแห่งทรูฟู๊ตเข้าให้โดยไม่รู้ตัว แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับ เรื่องที่เขาได้ยินมาจากปากชาวบ้านแถวนี้...
ลูกสาวลุงสิบ!? ...กระหรี่!!!?
ล้อเล่นน่า จะเป็นไปได้ยังไง ไฮโซข้าวขวัญเป็นลูกสาวเจ้าของโรงเรียนชาวนา และ...ขายตัว! อย่าบอกนะว่า เธอเป็นไฮโซจอมปลอมหลอกสูบเลือดผู้ชายไปทั่ว...
นี่หรือเปล่าที่ทำให้ไอ้ลุงสิบอะไรนั่นไม่กล้าเจอหน้าเขา? เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ เขาต้องสืบหาความจริงให้ได้ ยิ่งคิดถึงภาพที่เขาแอบเห็นในคืนนั้น คุณพลก็ทนไม่ไหวรีบกดโทรศัพท์หาเลขา...
ที่ฉันสั่งให้หานักสืบเก่งๆ น่ะ ได้รึยัง... ส่งมาให้ฉันด่วนเลยนะ
ข้าวขวัญช่วยพ่อด้วยการหลอกล่อคนที่พ่อไม่อยากเจอหน้าออกไปไกลๆ
ข้าวมีงานด่วนที่บริษัทน่ะค่ะ อย่างน้อยก็น่าจะให้พ่อได้มีโอกาสทำงานที่โรงเรียนชาวนาและพักผ่อนที่บ้านได้สักหลายวัน แล้วเธอจะค่อยย้อนกลับมาหาพ่อ ลูกสาวลุงสิบไม่รู้เลยว่า เข้าทาง คุณพลพอดี เขาต้องการเวลาส่วนตัวสำหรับสืบหาเรื่องของข้าวขวัญ และกลับไปเตรียมทีมงานให้พร้อมสำหรับทำงานสำคัญ... ขุดหาสมบัติบ้านนำทัพพ์ เพราะเขาไม่มีความรู้มากพอที่จะทำอะไรตามลำพัง
เจ้าของบ้านเองก็โล่งใจที่ไม่ต้องทนทุกข์กับภาพบาดตา ถึงลึกๆ แล้ว เขาจะรู้สึกใจหายที่เธอจากไปอีกครั้งและเป็นห่วงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับพี่ชายของเขาอย่างบอกไม่ถูก แต่ตอนนี้เขามีเรื่องหนักใจมากกว่านั้น... ป้าจี้ต้องมีปัญหาอะไรบางอย่างแน่!
เธอหายตัวไปนานขึ้น... นานขึ้น... ทุกที ถึงขนาดกล้า ค้างคืน
คงได้ใจที่เขาไม่เคยต่อว่า ไม่เคยจับมาเค้นหาความจริง จนกระทั่งครั้งนี้ เธอหายไปนานถึงสามวันเต็มๆ ทำเขาวุ่นวาย หาตัวเธอแทบตายก็ไม่เจอ แต่สุดท้าย เธอก็โผล่ออกมาเอง พอโดนถามก็อ้างว่าไปวัด นั่งสมาธิ... หัวเด็ดตีนขาดเขาก็ไม่เชื่อ!
อะไรบางอย่างบอกเขาว่าเธอไม่ได้ไปไหนไกล กระเป๋าเงิน โทรศัพท์มือถือหรือของใช้ส่วนตัวเธอก็ไม่เคยเอาติดตัวไปด้วย แปลกจริงๆ... ไปไหนนะ?
นำทัพพ์เอาสีฝุ่นมาโรยไว้ที่บันได เพื่อแกะรอยเท้าดูว่า เส้นทางที่เธอไป มีที่ไหนบ้าง... เขาแปลกใจมากเมื่อพบว่า ถ้าไม่นับห้างใกล้ๆ นี้ ที่เธอมาขออนุญาตเขาติดรถลุงจ้อนกับป้าเคียวไปซื้อของแค่ครั้งเดียว ...มีเพียงสองที่ที่เธอไปบ่อยที่สุด...
หนึ่งคือห้องทำงานพี่:-)ที่โรงเรียนชาวนา และ... บ้านลุงสิบ
ไปทำไมบ่อยๆ ห้องพี่:-)กับบ้านลุงสิบ?
ก็ป้าสนใจอยากรู้เรื่องการทำนาอินทรีย์นี่นา ก็ต้องถามครูใหญ่โรงเรียนชาวนาซี่
ป้าจี้น่ะเหรอ สนใจการทำนา? นำทัพพ์ไม่เชื่อ แต่ก็ไม่อยากค้านอะไรตอนนี้
แล้วบ้านลุงสิบล่ะ อย่าบอกนะว่า ครูใหญ่อธิบายไม่รู้เรื่อง เลยต้องไปเค้นถามคนก่อตั้งโรงเรียน?
ป่าวนะ ป้ายังไม่เคยเจอลุงสิบเลย ป้าไปคุยกับคุณย่า ...อ๊า อย่าทำหน้าอย่างง้านซี่ ทับบี้น้อย ป้าไม่ได้โกหกน้า... ถึงคุณย่าจะหูหนวก คุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง แต่เราสองคนคุยกันถูกคอจริงๆ
นำทัพพ์เหนื่อยใจ ป้าจี้โกหกได้หน้าตายขนาดนี้ คงไม่มีวันบอกอะไรเขาแน่ มีแต่ต้องสืบหาด้วยตัวเอง จับได้คาหนังคาเขาเท่านั้น เธอถึงจะยอมรับความจริง เพียงแต่ เขากลัวว่า มันจะสายเกินไปหรือเปล่า...
พลกำหมัดกัดฟันแน่นด้วยความเคียดแค้น...
แค้นไอ้นักสืบรายำนั่น ที่บังอาจกล้าดีเอาคดีบัดสีมาขูดรีดเอาเงินเขา...
แค้นยัยลูกสาวชาวนา...ข้าวขวัญ ที่บังอาจมาหลอกลวงเขา... เป็น ไพร่ แต่กล้ามาเชิดอยู่ในสังคมชนชั้น อำมาตย์ !
อา... เขาไม่น่าไปแถลงข่าวเปิดตัวเธอเป็นแฟนสาวของเขาเลย เจ็บใจจริงๆ ...น่าจะเอะใจแต่แรกแล้วนะ จากข่าวที่ผ่านๆ มา เธอจับหนุ่มไฮโซสูบเลือดกินเป็นอาหาร นี่คงเห็นเขาเป็นเหยื่อตัวใหญ่อ้วนพีล่ะสิท่า ยังโชคดีที่เขาไม่เคยรักใครง่ายๆ ...นี่เกือบไป เห็นเธอทั้งสวยทั้งฉลาดทั้งชาติตระกูลดี ทำให้เขาสนใจจริงจัง แต่ที่ไหนได้...
ที่แค้นที่สุด คือไอ้เป๋ทัพพ์ มันบังอาจ... บังอาจ...
อ๊ากกกก... แค่คิดภาพตามสำนวนในคำให้การที่เพิ่งอ่านจบ อกคุณพลก็แทบจะระเบิดแตกตายด้วยความริษยา ...สาวสวยร้อนแรงอย่างเธอผ่านมือชายมามากหน้าหลายตา เขายังพอจะทำใจรับได้ แต่ถ้าเขาต้องมากินของเหลือเดนใครต่อใครก็ไม่รู้ ส่วนไอ้เป๋กลับได้ตัดริบบิ้นเปิดซินเธอตอนอายุแค่ยี่สิบต้นๆ เขาทนยอมไม่ได้เด็ดขาด! ...ยิ่งอ่านรายละเอียดทุกฉากทุกตอนจากในแฟ้มคดีแล้ว เขาก็ยิ่งแค้นๆๆๆ... ไอ้บ้าขาเป๋มันทำไปได้ไงวะ...สองหมื่นกว่าครั้ง แล้วยังมีต่อๆๆๆ อีก... โดนปู้ยี่ปู้ยำขนาดนั้น มันคงไม่เหลืออะไรแล้ว จะให้เขารับเอามาทำเมียเหรอ เหอๆ ฝันไปเหอะ...ให้ฟรีๆ ยังเอาไม่ลงเลย อวกจะแตก!
ลูกไพร่ เดนไอ้เป๋!
กรรมการผู้จัดการทรูฟู๊ตยิ่งคิดก็ยิ่งคลั่ง เกือบพลั้งมือฉีกทึ้งแฟ้มสำเนาคดีขาดกระจุยอยู่แล้ว แต่ในวินาทีนั้นเอง สมองที่กำลังเดือดปุๆ ของเขาก็กลับประมวลความคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ราวกับปีศาจผุดขึ้นจากขุมนรก...
เดี๋ยวก่อนนะ... ลูกสาวลุงสิบ อดีตเด็กไอ้ทัพพ์ งั้นเหรอ? ไม่สิ... มันต้องไม่ใช่เป็นแค่อดีต
ภาพในค่ำคืนนั้น ท่ามกลางแสงจันทร์ใต้ต้นทองหลางผ่านวูบเข้ามาเป็นภาพประกอบ ดูดดื่มกันขนาดนั้น ถ้าเขาไม่ปาก้อนกรวดใส่หัวไอ้เป๋ ก็ไม่รู้ว่ามันจะแลกลิ้นนัวเนียกันไปอีกนานแค่ไหน
ต้องไม่ผิดแน่... ผู้ชายด้วยกันดูออก ไอ้ทัพพ์มันยังรักของมันอยู่! อะไรวะ ป่านนี้แล้ว สงสัยไม่มีผู้หญิงอื่นจะเอา เลยยังติดใจของเก่าที่เคยปล้ำเค้าไว้ตั้งแต่ปีมะโว้ มิน่า...ถึงหนีมาทำนาที่นี่ :-)! นึกว่าพ่อพระ ทำโรงเรียนชาวนา ที่ไหนได้ มารอดักซ้ำเด็กเก่า! อยากจะรู้จริง มีดีอะไรนักหนา
ส่วนยัยนั่น... ก่อนหน้านี้เขาไม่ทันสังเกต แต่ถ้าย้อนกลับไปคิดให้ดี...ท่าทีของเธอเหมือนหญิงสาวกำลังงอนให้ชายหนุ่มตามง้อ งอนเรื่องอะไรวะ ไม่น่าจะใช่เรื่องที่เคยโดนปล้ำ หรือว่าสองหมื่นทีมันไม่สะใจ?
แล้วไอ้ลุงสิบอะไรนั่นรู้เรื่องคดีที่ลูกสาวโดนข่มขืนรึเปล่า หรือว่าเป็นแผนของพ่อหลอกขายลูกสาวกิน แลกกับที่ดินของไอ้เป๋?
พอแล้ว แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับเขา ไม่ต้องเดาต่อหรอกว่า ระหว่างพวกมันเกิดอะไรขึ้น ขอแค่รู้ว่ายัยข้าวขวัญ เป็น คนสำคัญ ของไอ้ทัพพ์กับลุงสิบ... คนหนึ่งเป็นพ่อ คนหนึ่งเป็นผัว!
ฮ่าๆๆๆ... หรือว่า ฟ้าประทานเธอมา ช่วยงาน เขาจริงๆ ไม่งั้นจะประจวบเหมาะขนาดนี้หรือ พ่อเธอคือคนก่อตั้งโรงเรียนชาวนา จะพ่อแท้พ่อเทียมก็พ่อที่เลี้ยงเธอโตมาล่ะวะ ส่วนผัวที่รักเธอหัวปักหัวปำ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน กลับเป็นน้องชายที่ซุกซ่อนกุญแจไขประตูสู่ขุมทรัพย์มหาศาลไว้ ...รอก่อนนะ รอให้เขาหลอกใช้จนเสร็จงานเสียก่อน แล้วคอยดูเถอะ เขาจะต้องเอาคืนให้แสบหนำใจเลยทีเดียว!
คิดได้ดังนั้น กรรมการผู้จัดการทรูฟู๊ตก็รีบเก็บสำเนาแฟ้ม คดีสะเทือนขวัญ เข้าซองอย่างดี หึหึ... น่าจะได้ใช้งานมันในอนาคตอันใกล้นี้แหละ
ทำไมไม่เป็นเขา... ผู้ชายที่คุกเข่าจับมือเธอไว้ ทำไมไม่เป็นคนที่เฝ้าคิดถึง
ทำไมไม่ใช่เสียงของเขา... ผมรักข้าว... เราแต่งงานกันเถอะนะคนดี ผมสัญญาว่าจะปกป้องดูแลข้าวของผมตลอดไป ทำไมคำพูดที่เธอเฝ้าฝันอยากได้ยินแบบนี้ไม่ออกจากปากของนำทัพพ์ กลับเป็นคุณพล คนที่เธอแค่รู้สึกว่าเขาพิเศษกว่าชายอื่นเล็กน้อย แต่ยังไม่เคยไว้ใจ แค่ร่วมงานด้วย เธอก็ยังวิตกกังวล ไม่รู้ว่ามีอะไรเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือเปล่า
ข้าวขวัญเห็นแหวนเพชรที่ส่องประกายอยู่ตรงหน้าแล้วอยากร้องไห้ นึกถึงแหวนเพชรอีกวงที่เธอเคยได้รับจากคนที่ใช่ แต่ถูกส่งแบบ ฝากใครมาให้ก็ไม่รู้ ทำไมเธอต้องเจอกับอะไรอย่างงี้ด้วย
ถ้าเธอรู้ล่วงหน้าล่ะก็จะไม่มาตามนัดคุณพลเลย... เช้านี้เขาโทรมาบอกว่ามีเรื่องด่วนมาก ให้รีบมาประชุมที่ตึกทีเอ็ฟซึ่งไม่ไกลจากอาคารที่เธอทำงานอยู่ ด้วยความที่เธอชินกับลูกค้าเร่งงานแบบเอาแต่ใจ ภายในสิบนาที หญิงสาวก็มาถึงหน้าห้องทำงานเขา แต่เลขากลับบอกให้เธอขึ้นไปหาเขาที่ห้องประชุมใหญ่ชั้นสูงสุดของอาคาร
ข้าวขวัญนึกภาพว่าเปิดประตูเข้าไป เธอจะได้เห็นคนเต็มห้องประชุมขนาด 500 ที่นั่งวางเก้าอี้แบบสัมนา แต่เปล่าเลย ห้องประชุมมีเพียงชายหนุ่มในชุดสูทสีขาวยืนอยู่ตามลำพังท่ามกลางดอกไม้สีชมพูบานสะพรั่งไปทั้งห้อง ฉากหลังเป็นหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดม่านให้เห็นวิวมหานครกรุงเทพในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส อีกด้านซึ่งเคยเป็นหน้าเวทีจัดสัมนา ฉายโปรเจคเตอร์จากกล้องที่ตั้งไว้เก็บภาพช่วงเวลาสำคัญอันแสนหวานนี้
ข้าวจ๋า ...อย่ามัวชักช้า ตอบรับเร็วๆ สิวะ กูเมื่อย! อุตส่าห์ลงทุนเอาเพชรมาล่อ อย่าบอกนะว่าไม่พอใจวงเล็กไป? ...นี่เขาใจป้ำสุดๆ แล้วนะ ไม่เคยให้ใครมากขนาดนี้มาก่อน อย่างน้อยเธอก็เป็นผู้หญิงที่เขารู้สึกถูกชะตามาแต่ต้น ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเป็นไฮโซเก๊ที่เคยโดนไอ้น้องเป๋ของเขาเอาจนยับเยินหมดแล้ว ฉากขอแต่งงานนี้อาจจะเป็นของจริงก็ได้ ...อีกอย่าง เมื่อเทียบกับมูลค่าของงาน ถ้าเธอทำสำเร็จ แหวนเพชรห้ากะรัตวงนี้ก็นับว่าจิ๊บๆ ถือว่าให้รางวัลล่วงหน้า ...ว่าไงจ๊ะ
อ่า... มันเร็วเกินไปมั๊ยคะ? ข้าวยังไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น
อย่างงี้ก็แล้วกัน... คุณพลรีบเอาแหวนเพชรร้อยใส่สร้อยทองเส้นเล็กๆ ที่เตรียมมาแถมให้อีกหน่อย เขาคาดเดาไม่ผิดเลยว่าเธอต้องเล่นตัว ...ถ้าข้าวยังไม่แน่ใจ แต่ไม่รังเกียจผม ก็ใส่มันเป็นจี้ก่อน ไว้เราพร้อมเมื่อไหร่ ค่อยสวมนิ้ว แล้วประกาศหมั้นอย่างเป็นทางการ ดีมั๊ยจ๊ะ?
ฝันไปเหอะ ไม่มีวันนั้นหรอก ...ดีนะที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ถ้าเธอรีบตระครุบเขาเอาไปทำผัวล่ะก็ งานนี้เขาขาดทุนย่อยยับแน่! แต่ถึงยังไง โปรเจ็คนี้ก็น่าลองเอาตัวเข้าเสี่ยง มีแต่ต้องทำแบบนี้เท่านั้น ถึงจะหลอกใช้เธอได้อย่างสบายใจ ผู้หญิงร้อยทั้งร้อย เจอผู้ชายบอกรักและขอแต่งงานอย่างงี้เข้าไปก็ละลายทุกคนล่ะวะ อย่างว่าแต่เขามันระดับไหน มีผู้ชายสักกี่คนวะที่มีปัญญาขอแต่งงานบนยอดตึกสี่สิบชั้นที่ตัวเองเป็นเจ้าของ
รอไอ้เป๋นั่นน่ะเหรอ เหอๆ... เกิดใหม่อีกสิบชาติ ก็ยังไม่มีปัญญา ต่อให้มีตึก ซื่อบื้ออย่างมันก็จัดฉากทำโรแมนติกอย่างงี้ไม่เป็นหรอก เป็นแต่จับขึ้นเตียงตั้งหน้าตั้งตาปล้ำ ไม่งั้นเธอจะโมโหจนเอาเรื่องบัดสีขนาดนั้นไปฟ้องตำรวจให้อับอายทำไม
คุณพลคะ... ข้าว... หญิงสาวพูดไม่ออก รู้สึกเหมือนอกหักรักสลายทั้งๆ ที่มีผู้ชายสมบูรณ์แบบกำลังขอเธอแต่งงาน ถ้าเพียงแต่เธอรักคุณพลสักนิด เวลานี้เธอจะมีความสุขสักแค่ไหนหนอ หรือว่า... ควรรักคนที่เขารักเราดีกว่า?
พลเห็นสีหน้าของหญิงสาวตอนที่เขาบรรจงสวมสร้อยคอร้อยแหวนให้ก็รู้ได้ในทันทีว่าเธอหวั่นไหวแล้ว ชายหนุ่มกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ รู้สึกเหมือนกำลังใส่ปลอกคอสัตว์ป่าที่เขาล่ามาเลี้ยงไว้ใช้งาน ...หึหึ ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่เชื่องกับ ว่าที่สามีมหาเศรษฐีแสนดี หรอกน่า ยิ่งไฮโซจอมปลอมอย่างเธอคิดจะจับผู้ชายรวยๆ อยู่แล้วด้วย
ผมภูมิใจจัง ในที่สุดก็ได้พบนางในดวงใจที่ไม่ใช่แค่สวยอย่างเดียว ข้าวของผมฉลาด สามารถช่วยส่งเสริมธุรกิจได้ ต้องอย่างงี้สิ ถึงจะเหมาะสมกับตำแหน่งสตรีหมายเลขหนึ่งของทรูฟู๊ต
ขอให้งานสำคัญสำเร็จก่อนเถอะ!
จากคุณ |
:
Acciacatura
|
เขียนเมื่อ |
:
11 มิ.ย. 54 14:51:03
|
|
|
|