14 เผย
หลังจากที่ข้าวขวัญย้ายไปนอนกับป้าจี้ นำทัพพ์ก็ให้พี่ชายย้ายขึ้นไปนอนบนห้องนอนของเขา ส่วนตัวเองนอนในห้องทำงานข้างล่างอย่างเดิม แบบนี้สบายใจกว่า งานวิจัยของเขาจะได้ห่างจากสายตาวาวๆ ที่ชอบสำรวจไปทั่ว ทำให้เขารู้สึกเหมือนอนกับโจรยังไงไม่รู้ สบายใจได้อยู่แค่สองคืน คืนที่สาม ก็มีคนเข้ามาบุกห้องทำงานของเขาจริงๆ
นำทัพพ์ตกใจตื่นด้วยเสียงฝีเท้าของผู้บุกรุก เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นใครคนหนึ่งกำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจากชั้นสองลงมาทางบันไดวน... ในความมืดสลัว เขาเห็นเพียงเงาร่างคน แต่มองไม่ออกว่าเป็นใคร? หรือว่า...พี่พล? มาทำอะไรในห้องทำงานเขา? ...ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นหลับเพื่อจับโจรให้ได้พร้อมหลักฐานมัดตัว จะได้รู้วัตถุประสงค์ว่ามันต้องการอะไรกันแน่ แต่นึกไม่ถึงเลยว่ามันไม่ได้ค้นตรงนั้นตรงนี้อย่างที่เขาคาดเดา กลับตรงเข้ามาทางเตียงสนามที่เขาใช้นอนชั่วคราว!
หรือว่า พี่ชายต้องการ ชีวิตเขา ?
ชายหนุ่มกะจังหวะรอจนร่างนั้นเคลื่อนใกล้เข้ามาจนชิดขอบเตียง ...เท่านั้นแหละ มัน ก็เสร็จเขา!
แต่แล้ว...
สัมผัสจากผู้บุกรุกที่เขาสยบไว้ได้กลับผิดความคาดหมายลิบลับ นำทัพพ์ใจสั่นสะท้าน... นี่มันไม่ใช่เนื้อตัวแข็งแกร่งของโจรผู้ร้าย แต่กลายเป็นร่างนุ่มนิ่มอบอุ่นกรุ่นกลิ่นหอมละมุนที่หนีจากอ้อมกอดเขาไปเนิ่นนาน... เป็นสัมผัสที่เขาไม่มีวันลืมเลือน
ข้าวขวัญ!
โอ...เป็นเธอเหรอเนี่ย? มาหาเขากลางดึกแบบนี้... อา... หมายความว่ายังไง? หรือเธอต้องการสานต่อ ฝันค้างใต้ต้นทองหลางในคืนนั้น?
ข้าวขวัญตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อถูกชายหนุ่มที่เธอคิดว่าหลับอยู่ตะครุบเข้าไปตกอยู่วงแขนของเขาโดยไม่ทันตั้งตัว เพียงชั่วพริบตา ร่างทั้งร่างก็ถูกจับกดจมลงบนเตียงโดยมีร่างของเขาทาบทับ ขยับแขนขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
อา... ความรู้สึกนี้... ช่างเหมือนกับเหตุการณ์บนโซฟาวันนั้น กี่ปีผ่านไปเธอก็ยังคงสู้แรงเขาไม่ได้ ...ที่น่าอายยิ่งกว่า ทุกเซลล์ในร่างกายเธอรวมทั้งหัวใจไม่เพียงไม่ยอมพยายามต่อสู้ ยังตอบสนองต่อสัมผัสผ่าวร้อนที่แนบชิดอยู่นี้อย่างยินดีตามเคย... ช่างน่าเจ็บใจจริงๆ ทำไมเธอถึงไม่มีปัญญาปฏิเสธเขาเลยสักครั้ง? แย่จริง คราวนี้ จะโทษยาปลุกเซ็กส์ในเหล้าของเพื่อนเขาอีกก็คงไม่ได้แล้ว ทำยังไงดี?
ท่าทีอ่อนระทวยของหญิงสาวใต้ร่าง โหมกระพือไฟปรารถนาที่นำทัพพ์กักเก็บไว้เร้นลึกให้ลุกลามอย่างรวดเร็ว ...ความชิดใกล้ในที่จำกัดบนเตียงสนามเล็กๆ ซึ่งเกิดขึ้นกระทันหันโดยไม่คาดคิด ทำให้ชายหนุ่มสุดจะหักห้ามใจ หมดความสามารถในการใช้ตรรกะเหตุผลใดๆ ได้แต่ก้มหน้าก้มตาลงประทับริมฝีปากไปทั่วใบหน้าเนียน ไหลเรื่อยไปตามซอกคอ... จนมาถึงเนินเนื้อนวลส่วนที่พ้นเสื้อผ้าซึ่งถูกดึงต่ำลงไปทุกที... ทุกที...
ในความมืดที่การรับรู้ทางสายตาถูกจำกัดไว้ ต่างฝ่ายต่างดึงดูดเข้าหากันด้วยสัมผัสเร่าร้อนอ่อนหวานที่แทบจะละลายสองร่างให้หลอมรวมเป็นหนึ่ง กลิ่นกายที่คุ้นเคยกันมา และเสียงลมหายใจเป่ารดกันและกัน
ข้าวขวัญสูดเอาลมหายใจของเขาเข้าไปราวกับคนขาดอากาศจนแทบจะสำลักความสุขตาย เธอเกือบทิ้งสุดสิ่งทุกอย่าง ปล่อยให้เหตุการณ์แสนหวานล้ำดำเนินต่อไปจนสุดทางของมันอยู่แล้ว... แต่ในวินาทีที่เธอกำลังจะตกเป็นของเขาอีกครั้งนั่นเอง...
ไม่นะ... เดี๋ยวก่อน... อา... อย่าเพิ่ง... ทำไม่ได้!
อะไรบางอย่างผ่านวูบเข้ามาในสมองทำให้เธอคิดได้ว่า นี่ไม่ใช่เวลาที่สมควรเลย
ทำไมไม่ได้? นำทัพพ์ถามผ่านมือเรียวยาวที่กำลังดันหน้าเขาออกห่าง
ฉันมาปลุกเธอให้ช่วยไปดูยัยจี้
อะไรนะ? นำทัพพ์รู้สึกเหมือนถูกสาดด้วยน้ำเย็นถังใหญ่
ก็แองเจลล่าน่ะสิ หายตัวไปไหนไม่รู้!
หลังจากช่วยกันจัดแจงเสื้อผ้าบนตัวจนดูเรียบร้อยแล้ว หนุ่มสาวทั้งสองก็พากันวิ่งไปที่บ้านยุ้งข้าว แต่ปรากฎว่า...
แค่ลงไปนอนในกระพ้อมเท่านั้นเอง ไม่ได้หายไปไหนสักหน่อย...หุหุ แองจี้ยืนยัน ในขณะที่นำทัพพ์กับข้าวขวัญหันไปสบตากัน ทั้งคู่ไม่ต้องพูด แค่มองตาก็รู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร...
โกหก!
เล่าให้ฉันฟังตามตรงได้มั๊ย ว่าเรื่องมันเป็นยังไงมายังไง... ฉันหาจนทั่วแล้ว ไม่มีทางพลาดแน่ บ้านหลังเล็กแค่นั้น ในกระพ้อมข้าวก็ไม่มี
กว่าข้าวขวัญจะดึงนำทัพพ์ออกมาซักถามตามลำพังได้ก็เมื่อเขามั่นใจว่ายัยจี้เส้นหลับไปแล้วจริงๆ แต่เขาก็ยังไม่หายห่วง ไม่ยอมจากยุ้งข้าวไปไหน ยืนยันจะนั่งเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูตรงระเบียงนั่นเอง
จะคุยกันตรงนี้เลยก็ได้ แต่บอกเลยว่าไม่มีประโยชน์ แองจี้ไม่ได้หนีออกทางประตูหน้าหรอก เมื่อคืนนี้ ฉันก็นั่งอยู่ตรงนี้ แต่ไม่เห็นใครออกมาจากบ้านเลย เดี๋ยวสิ...
พอเธอพูดถึงตรงนี้ เขาก็ทำท่าจะกลับเข้าไปในยุ้ง แต่เธอดึงมือเขาไว้
ฉันว่าแฟนเธอยังไม่ไปไหนหรอก เราเพิ่งจับผิดเค้าได้สดๆ ร้อนๆ ...ต่อให้หนีไป เดี๋ยวเค้าก็กลับมาเองได้ ไม่ต้องห่วงขนาดนั้นหรอกย่ะ ข้าวขวัญไม่รู้ตัวเลยว่าเสียงของเธอสะบัดขนาดไหน นำทัพพ์ได้ฟังดังนั้นก็เห็นว่าจริงของเธอ ค่อยสบายใจขึ้น ยิ่งได้ยินน้ำเสียงหึงหวงของหญิงสาวทำให้เขาถึงกับยิ้มออกมาได้
ยิ้มอะไร ข้าวขวัญหันมาทำตาเขียวใส่...
เปล่านิ
หยุดนะ...ไอ้บ้า! อย่ายิ้มแก้มบุ๋มอย่างงั้นได้มั๊ย ขอร้องล่ะ เธอจะละลายอยู่แล้ว
นี่... หุบยิ้มแล้วเล่ามาซะดีดี ว่าเรื่องยัยจี้น่ะ ความจริงมันยังไงกันแน่?
เฮ่อ...เราก็ไม่รู้ กำลังกลุ้มใจอยู่เหมือนกัน
นำทัพพ์เล่าให้ข้าวขวัญฟังเรื่องที่ป้าจี้ของเขาหายตัวไปเฉยๆ โดยไม่บอกกล่าว นับวันก็ยิ่งหายไปนานขึ้น... นานขึ้น... จนเขาสงสัยจึงตามสืบพบว่า เธอชอบไปหาพี่:-)ที่โรงเรียนชาวนาและบ้านลุงสิบ
บ้านฉันน่ะเหรอ? มิน่า... ข้าวขวัญจึงเล่าให้นำทัพพ์ฟังว่า เช้าวันก่อนนั้น... ระหว่างคุณพลกลับกรุงเทพไปแล้ว เธอหวนมาหาพ่อ แต่เจอแองจี้ทำลับๆ ล่อๆ อยู่หน้าบ้าน พอเธอถามว่ามาทำอะไร
เธอรู้มั๊ย เค้าบอกฉันว่าไง... เค้าบอกว่ามาคุยกับคุณย่า
เฮ่อ... เราขอโทษแทนเค้าด้วยก็แล้วกันที่พูดอะไรเพ้อเจ้อ เอาคุณย่าเธอมาอ้าง
ช่างเถอะ คุณย่าฉันคงไม่ถือสาเด็กบ้าหรอก แต่เธอว่า...ที่เค้าหายตัวไป เกี่ยวอะไรกับบ้านฉันงั้นเหรอ?
ก็อาจจะเกี่ยว หรือไม่เกี่ยวเลยก็ได้ เพราะเวลาที่เค้าหายตัวไป จะไม่มีรอยเท้าให้ตาม... เหมือนหายไปเฉยๆ...
อย่างคืนนี้ใช่มั๊ย
ใช่... เรากลุ้มใจมากเลย ถึงได้ขอร้องให้เธอช่วยดูแลหน่อย ที่เราเป็นห่วงที่สุด... คือ เค้าดูเหมือนกำลังมีความรัก เฮ่อ... บอกเธอตรงๆ ก็ได้ เรากลัวเค้าจะหนีไปอยู่กับผู้ชาย
อ้อ... มิน่าล่ะ ทุรนทุราย... แฟนนอกใจนั่นเอง ฮึ...แล้วหลอกให้ฉันมานอนเฝ้า ข้าวขวัญสะบัดเสียง
ป้าจี้ไม่ใช่แฟนเราสักหน่อย
ป้าจี้?
จริงๆ นะ แต่ถึงไม่ใช่แฟน เราก็รักเค้ามาก... ถ้าเธออยากรู้เรื่องป้าจี้กับเรา เราจะเล่าความจริงให้ฟัง เอามั๊ยล่ะ?
จากนั้น นำทัพพ์ก็เล่าเรื่องราวของแองจี้...ลูกสาวที่พ่อแม่ไม่ยอมกล้ารับ รวมทั้งความสัมพันธ์ของเขากับครอบครัวมาลีวงศ์วัฒนาพานิชกิจเจริญ
มิน่าล่ะ ยัยคุณหญิงไพลินนั่นถึงยืนยันว่ากระเป๋าที่เธอให้ฉันเป็นของเค้า
อ๋อ... เราก็เพิ่งมารู้ทีหลังตอนที่เธอก็ดังเข้าวงการไฮโซไปแล้ว ว่าเค้าสั่งทำเป็นของขวัญให้แม่เราเอง
พอนำทัพพ์เล่ามาถึงความสนิทสนมของเขากับป้าจี้ที่เขาเลี้ยงดูมาตั้งแต่แรกเกิด และเหตุผลที่เขาเรียกเธอว่า ป้า ข้าวขวัญก็โวยวาย
แปลว่า ป้าที่เธอพูดถึงมาตลอด ก็คือยัยจี้เส้นน่ะเหรอ? ข้าวขวัญอยากจะกระโดดขบหัวนำทัพพ์จริงๆ หลอกให้เธอคิดว่าเป็นป้าแก่ๆ ซะอีก
อื้ม... เธอจะเรียกจี้เส้นก็ได้ หึหึ... บ้าขนาดนั้นมีคนเดียวนั่นแหละ ไม่เชื่อถามพี่พลดูสิ
งั้นทำไมคุณพลถึงบอกฉันว่ายัยจี้เส้นเป็นว่าที่น้องสะใภ้ล่ะ?
ก็คุณหญิงแม่ที่แย่งกระเป๋ากับเธอน่ะ พยายามจะให้เราสองคนแต่งงานกัน พ่อกับพี่ทุกคนก็เห็นดีด้วย
ทุกคนเห็นดีด้วย... แล้วเธอล่ะ เห็นดีด้วยรึเปล่า?
จะบ้าเหรอ... เธอก็รู้ดีนี่ว่าเรารักใคร
ข้าวขวัญเห็นอะไรบางอย่างที่ดวงตายาวรีคู่นั้นส่งมา มันทำให้เธอเกิดอาการหัวใจพองโต แต่สมองตีบตัน จนทำอะไรไม่ถูก พูดตะกุกตะกัก...
คะ... ใคร?... อ่า... ใครเหรอ?
เราจะไปรักใครอื่นได้อีกล่ะ เฮ่อ... ฉลาดซะเปล่า อะไรกัน ขวัญ...แค่นี้เธอคิดไม่ออกเหรอ?
เธอก็พูดออกมาซี่ ใครล่ะ? ...ได้โปรดเถอะ ช่วยบอกให้เธอได้ยินหน่อยนะ... นะ... นะ... นอกจากหัวใจพองโตแล้ว ข้าวขวัญรู้สึกว่ามันเต้นแรงจนแทบจะกระเด็นหลุดออกมาข้างนอกอีกด้วย
นำทัพพ์ไม่ตอบ แต่ถามกลับ...
นี่ เธอจำได้มั๊ย ว่าเราเคยสัญญากันไว้ ถ้าใครจะมีแฟน ต้องเอามาให้อีกคนพิจารณาก่อน
อื้ม... จำได้สิ ข้าวขวัญหามาให้เขาดูกี่คนกี่คน เขาก็ไม่ให้ผ่าน ติโน่นตินี่
เราไม่เคยพาใครมาให้เธอดูเลยใช่มั๊ยล่ะ? นำทัพพ์ยิ้ม ...แต่เธอรู้รึเปล่า เวลาเราสองคนยืนส่องกระจกด้วยกันน่ะ เราบอกเธอเสมอเลยว่า... นี่ไง ผู้หญิงที่เรารัก เธอว่าโอเครึเปล่า? สวยพอมั๊ยคนนี้?
อะไรกัน ฉันไม่เห็นเคยได้ยินเลย ข้าวขวัญโวยวายแก้เขิน
หญิงสาวนึกถึงความหลัง... เธอชอบยืนเทียบความสูงกับเขาหน้ากระจก เพราะแอบข้องใจว่าเขาตัวใหญ่กว่าเธอไปได้ยังไง... ไม่รู้เลยว่าเขาคิดอะไรแบบนี้อยู่ในใจ
ก็เราไม่กล้าพูดออกไปนี่นา กลัวเธอจะโวยวายด่าว่ามุกจีบหญิงของเราเชยนิ
มันก็... เช๊ยเชยจริงๆ อ่ะนะ แต่ว่า... หุหุ ถึงจะเชย แต่ก็ชอบ กรี๊ดดดดดด... สลบ อีตาบ้า ไม่รู้เหรอว่า ขอให้เป็นคำบอกรักของผู้ชายที่รัก ต่อให้เชยระเบิดระเบ้อแค่ไหน ผู้หญิงก็อยากได้ยินทั้งนั้นแหละ
นี่เธอ ห้ามล้อเรานะ... อ๊ะๆ... ห้ามยิ้มอย่างงั้นด้วย มุกนี้ถ้าเราใช้ตั้งแต่สมัยโน้น ยังไม่เก่านะ นำทัพพ์ไม่ยอมแพ้
ช่วยไม่ได้นิ ไม่บอกตั้งแต่สมัยโน้นเอง รอจนมันเก่าซะก่อน
ไม่รู้ล่ะ ตอนนี้เธอก็ได้ยินแล้ว ตอบเราได้ยัง? พอจะเป็นแฟนเราได้มั๊ย? หรือต้องไปยืนส่องกระจกด้วยกันก่อน? นำทัพพ์ลุกขึ้นทำท่าจะจูงมือเธอเข้าไปหากระจกส่องในยุ้งข้าว
ไม่ต้องๆ ฉันส่องทุกวันย่ะ สวยเกินพอเป็นแฟนเธอ ต้องบอกว่า เสียดายของ ด้วยซ้ำ... ข้าวขวัญดึงเขาไว้ ...ชิ... บ้าจริงๆ เลย ทำเป็นพระเอกซีรี่ส์เกาหลีไปได้ คิดจะมาใช้มุกนี้เอาตอนอายุเลยสามสิบ ไม่เห็นเข้ากับหน้าเลย ข้าวขวัญบ่นไปงั้นแหละ จริงๆ หน้าเขายังอ่อน ผิวก็ขาวใส ดูไม่เหมือนอายุเกินสามสิบเลยสักนิด
ว่าแต่... เธอเคยถามสักคำมั๊ยว่า ผู้หญิงในกระจกเค้ารักเธอรึเปล่า หรือเธอคิดเอาเองฝ่ายเดียว?
ไม่เห็นต้องถามเลย เราสองคนเจอกันทีไร ก็ดึงดูดเข้าหากันเอง เผลอเป็นต้อง...
พอแล้วๆ อย่าพูดถึงมันได้มั๊ย... อันนี้ไม่เกาหลีแล้ว ออกแนวตบจูบไทยๆ ...เค้าอายน้า
เธอก็รู้ตัวดี ถึงได้หลบหน้าเรามาตลอด เพราะกลัวอดใจไม่ได้ใช่มั๊ยล่ะ
ก็ใช่น่ะสิ... แต่ใครจะไปยอมรับล่ะ อย่างเมื่อกี๊ ถ้าไม่มีเรื่องของยัยจี้เส้น ป่านนี้เธอกับเขาคง... อ่า...
ยอมรับความจริงเถอะน่า ขวัญ... นี่บอกเราหน่อยสิว่า โกรธเราเรื่องอะไร ทำไมต้องหนีเราด้วย
ข้าวขวัญพูดอ้อมไปอ้อมมาอยู่นาน แต่นำทัพพ์สรุปใจความสำคัญได้ว่า... เธอโกรธ เพราะคิดว่าเขาซื้อคอนโดนั้นเพื่อ ล่อลวง เธอมา ฟัน สิ่งของต่างๆ ที่เขาให้เธอ ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นเหยื่อล่อ
เวรกรรม... เธอหาว่ารังรักของเราเป็นฮอยฮอย บ้านดักกาจั๊วะเหรอ? ขอโทษเหอะ ใครเค้านอนกับกาจั๊วะบ้าง ผู้หญิงนี่แปลกจริงๆ เราทำขนาดนี้ ยังไม่รู้อีกเหรอว่ารักน่ะ คิดมากอะไรวุ่นวายก็ไม่รู้ ดูสิ เสียเวลาไปตั้งหลายปี... ไม่งั้นป่านนี้ลูกโตแล้ว! ...เสียงนำทัพพ์ค่อยๆ เบาลงเรื่อยๆ เป็นบ่นอุบอิบกับตัวเองในลำคอ ...แต่ได้ยินแค่นี้ ข้าวขวัญก็มีความสุขจนจะสยายปีกโบยบินได้ เธอแหงนหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าที่เพิ่งเริ่มสาง สูดอากาศชื้นฉ่ำยามเช้าเข้าปอด รู้สึกเหมือนหมอกควันสีทะมึนที่ปกคลุมเธออยู่สลายไป โลกทั้งโลกกลับพลันสดใสขึ้นมา
แปลกจริงๆ เลยนะ... เขากับเธอเจอกันครั้งแรกที่ระเบียงยุ้งข้าวนี้... หลายปีให้หลัง จากกันไปนานจนคิดว่าหมดหวังแล้ว แต่ในที่สุด ก็กลับมาสารภาพรักกันก็ที่นี่... สงสัยยุ้งข้าวนี้จะมีอาถรรพ์จริงๆ
หลังจากส่งข้าวขวัญเข้าไปนอนในบ้านยุ้งข้าวและดูว่าป้าจี้ยังนอนหลับอยู่ที่เดิมแล้ว นำทัพพ์ก็กลับมาที่ในห้องทำงาน เขาทิ้งตัวลงนอนสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เหลือค้างบนหมอนอย่างมีความสุข... ในที่สุดเขากับเธอก็ ดีกัน ได้เสียที ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาใช้เวลาตามง้ออยู่ตั้งหลายปี พอพูดจากันได้ก็ดีกันง่ายๆ เหมือนเด็กๆ เลย ที่แท้เธอแค่ต้องการได้ยินเขาบอกรักหรอกเหรอ
เฮ่อ... นึกว่าข้าวขวัญ แชมป์มวยเยาวชนหญิงจะไม่สนใจอะไรแบบนี้ซะอีก แต่ก็นะ เขาลืมไปได้ยังไงกันว่า เธอเป็นผู้หญิง จริงๆ ชอบอะไรสีชมพูหวานแหวว ใส่กกน.หมีพูห์ หึหึ...ไม่รู้เดี๋ยวนี้ยังใส่อยู่รึเปล่าน้า... อยากรู้เร็วๆ จัง ถ้ามีโอกาสอีกครั้งนะ ฮึ่ม...!!!
ชายหนุ่มเกือบจะนอนหลับฝันดีถึงน้องหมีพูห์อยู่แล้ว ถ้าเขาไม่ขยับตัวไปสัมผัสเข้ากับอะไรแข็งๆ เย็นๆ ซึ่งหล่นอยู่กลางเตียงเสียก่อน เมื่อรู้สึกว่ามันตำแขน เขาก็คว้ามันขึ้นมาดูก็พบว่า มันคือแหวนวงหนึ่งซึ่งร้อยอยู่กับสายสร้อย
หืม? ...แหวนเพชร?
เพชรเม็ดใหญ่บนหัวแหวนส่องประกายระยิบระยับแม้ในแสงสลัวของยามเช้าตรู่บอกมูลค่าของมันได้เป็นอย่างดี ...แต่มันมีค่าขนาดไหนก็ไม่สำคัญเท่า มันเป็นของใคร? ทำไมมาอยู่บนเตียงเขา?
อา... ข้าวขวัญ? ต้องใช่เธอแน่ มือเขาอาจจะดึงมันหลุดลงมาโดยไม่ตั้งใจระหว่างเหตุการณ์แสนหวานเมื่อครู่นี้ แปลกจริงๆ เธอหันมานิยมซื้อเครื่องประดับแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่า ทำไมไม่ใส่แหวนที่นิ้ว กลับเอามาร้อยสร้อยใส่แบบนี้? หรือว่ามีใครให้มา...
นำทัพพ์รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย เขากลัวเหลือเกินว่า แหวนวงนี้จะมีความหมายสำคัญที่เธอเก็บซ่อนไว้ยังไม่ต้องการให้ใครรู้... ไม่อยากจะเดาต่อไปเลย ถ้าหากว่าเธอไม่ได้ซื้อเอง ซึ่งก็น่าจะเป็นเช่นนั้นเพราะข้าวขวัญที่เข้ารู้จักไม่ใช่คนสนใจของมีค่าประเภทนี้ และคนที่ มีกำลังทรัพย์ กับ เหตุผล ในการซื้อแหวนเพชรเม็ดขนาดนี้ให้เธอได้ เขามองไม่เห็นใครอื่นอีกเลยนอกจาก...
เฮ่ย... ไอ้ทัพพ์ แกตื่นรึยังวะ ฉันหิวแล้ว เสียงของคนที่เขากำลังนึกถึงดังขึ้นก่อนเจ้าตัวจะเดินย่ำเท้าหนักๆ ลงมาตามบันไดวน นำทัพพ์รีบซ่อนแหวนปริศนาไว้ใต้หมอน
โทรเรียกเค้าเอาข้าวต้มมากินกันที่นี่เหอะ วันนี้ฉันขี้เกียจเดินไปโรงอาหาร ปกติ นำทัพพ์กับแองจี้ฝากท้องไว้กับครัวโรงเรียนชาวนา มีแม่บ้านดูแลข้าวปลาอาหารให้กับนักเรียนซึ่งช่วยกันขนผลผลิตจากบ้านมารวมกับที่ปลูกที่นี่ แล้วปรุงเป็นเมนูเด็ดๆ ทุกวัน แต่คุณพลไม่รับประทานร่วมกับชาวบ้าน เขามักจะสั่งให้ยกสำรับมาเสริฟที่บ้านน้องชายเสมอ
ผมยังไม่หิวเลย พี่พลตามสบายเถอะ ...ขอนอนต่ออีกหน่อยนะ
ว่าแล้ว นำทัพพ์ก็คลุมโปงหนีพี่ชายซึ่งทิ้งเสียงบ่น... อะไรของมันวะ ปกติตื่นแต่เช้า วันนี้กูหิวเร็ว มันเสือกจะตื่นสาย ...ก่อนจะเดินกระแทรกเท้ากลับขึ้นไปบนห้องที่เขายึดของน้องชายนอน
เสียงฝีเท้าหนักๆ จากพื้นไม้ชั้นสองของคุณพลกดดันนำทัพพ์จนรู้สึกเหมือนกำลังถูกพี่ชายเหยียบย่ำ เขามัวแต่ดีใจจนลืมเรื่องสำคัญไปได้ยังไง ข้าวขวัญไม่ใช่เป็นแค่ เพื่อนสนิท ที่เขาตู่เอาฝ่ายเดียวว่าเป็น ภรรยาของเขา อย่างเก่าอีกแล้ว ตอนนี้เธออยู่ในฐานะ แฟนพี่ชาย !
เมื่อไม่นานมานี้เอง พี่พลกับเธอจูงมือกันแถลงข่าว ออกสื่อให้สัมภาษณ์ยอมรับความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ กลายเป็นคู่รักเด่นดังในวงการไฮโซ หลังจากนั้น ก็มีภาพเธอควงพี่พลออกงานให้เห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์และนิตยสาร
ความจริงข้อนี้ลบไล่ความสุขที่ปรี่ล้นหัวใจของเขาออกไปจนหมดสิ้น นำทัพพ์หยิบสิ่งที่อยู่ใต้หมอนออกมากำไว้แน่น... เพชรหัวแหวนกดเนื้อตรงฝ่ามือของเขาจนรู้สึกเจ็บปวดลึกร้าวไปถึงใจ...
เขาเคยคิดว่าเธอรักเขา... แล้วหลักฐานที่อยู่ในมือเล่า มันหมายความว่ายังไง เธอปฏิเสธแหวนหมั้นของเขา แต่กลับสวมแหวนของพี่พลแทนจี้ไว้ที่หน้าอก เหมือนกับยอมรับหมั้นแต่ยังไม่พร้อมจะเปิดเผย งั้น... เธอมาหลอกให้เขาดีใจทำไม?
นี่เขาควรทำอย่างไรดี?
จากคุณ |
:
Acciacatura
|
เขียนเมื่อ |
:
13 มิ.ย. 54 11:35:19
|
|
|
|