15 งูเห่าของชาวนา
นำทัพพ์มัวแต่เหม่อมองแหวนเพชรปริศนาในมือด้วยความหดหู่ใจ จึงไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า แม้คนที่เปิดประตูเข้ามาจะกรุ่นไปด้วยอารมณ์โกรธเดินกระแทกส้นจนเสียงดังสนั่นก็ตาม มารู้ตัวอีกทีก็เมื่อร่างสูงใหญ่ของลุงสิบอยู่ตรงหน้า
สวัส... ยังไม่ทันยกมือไหว้ เขาก็ถูกอีกฝ่ายซัดเต็มแรงเห็นดาวระยิบระยับ
อะ... อะไรกัน ลุงสิบต่อยเขาทำไม? นำทัพพ์อยากถามแต่ปากของเขาชาจนขยับไม่ได้ อีกทั้งยังมีของเหลวรสชาติเค็มๆ เต็มปาก... อา... เลือดกลบปาก!
มืงทำอะไรไว้กับลูกสาวกู?
ทำอะไร? นำทัพพ์เห็นแววตาคู่สวยที่มองเขาอย่างเจ็บปวดก็เข้าใจ อา... คงเป็นเรื่องนั้นแน่ๆ ลุงสิบไปรู้อะไรมาจากไหน?
มืงเคยบอกว่ารักยัยขวัญ แล้วทำไม... ทำไมถึงทำอย่างงั้น? เสียแรงที่กูไว้ใจ ปล่อยลูกสาวให้มืงดูแล
ที่คนเป็นพ่อเสียใจที่สุด คือ เขาอุตส่าห์เปิดทางให้ ใจกว้างขนาดยอมให้มันอยู่กับข้าวขวัญ จะทำอะไรเขาก็ไม่ว่า ขอเพียงแต่ลูกสาวของเขามีความสุข และมันรับผิดชอบอยู่ดูแลเธอตลอดไป เขาก็พอใจแล้ว แต่... มันดันไม่ถนุถนอมสิ่งล้ำค่าที่เขามอบให้ กลับเอาไปใช้กำลังข่มเหงรังแก คิดถึงสำนวนคดีที่ลูกสาวของเขาให้การไว้ว่ามันได้ทำอะไรลงไปบ้าง หนุ่มใหญ่ก็ตะบันหน้ามันอีกหมัดด้วยความคับแค้น คราวนี้นำทัพพ์ถึงกับล้มลงไปนอนแผ่หราอยู่บนพื้น
ยัง... ยังไม่เจ็บปวด เท่าที่มันทำกับข้าวขวัญ ครั้งแรกของลูกผู้หญิง โดนเข้าไปถึงขนาดนั้นจะต้องทนทรมานขนาดไหน ลุงสิบไม่รู้เลยว่าคำให้การในแฟ้มคดีสะเทือนขวัญนั้น เกิดจากประสบการณ์หนุ่มผสมจินตนาการอันบรรเจิดของตำรวจเกือบทั้งโรงพักมายำรวมกัน เขาคิดว่า แค่คำให้การก็ย่ำแย่ขนาดไหนแล้ว เหตุการณ์ที่ลูกสาวของเขาต้องผ่านพบจะต้องเลวร้ายกว่าไม่รู้กี่ล้านพันเท่าแน่ คนเป็นพ่อคิดถึงตรงนี้ก็ลงไปนั่งทับร่าง ไอ้หื่นกาม ตามด้วยหมัดหนักๆ อีกสองที
นำทัพพ์จุกจนพูดไม่ออก ภายในใจร่ำร้องอยากอธิบายให้ลุงสิบเข้าใจ แต่กลับไม่มีเสียงหลุดลอดออกมาแม้แต่น้อย ...คงเป็นเพราะสายตาวิงวอนของชายหนุ่มละมัง ที่ทำให้ร่างสูงใหญ่หยุดชะงักการเคลื่อนไหวในวินาทีก่อนที่เขาจะถูกอัดตายคากำปั้น เปิดโอกาสให้เขาถ่มเลือดออกมาคำโตเพื่อบอกความจริงบางอย่าง...
ไม่ว่าจะเข้าใจเขาผิดยังไง แต่เขาอยากให้พ่อของเธอรับรู้ไว้
ผม... รัก... ขวัญ!
นำทัพพ์พูดจบก็กลั้นใจ หลับตารอคอยความตายอย่างหมดห่วง อย่างน้อย เขาก็ได้พูดสิ่งสำคัญที่สุดแล้ว แต่ผิดคาด ลุงสิบไม่ได้ซ้อมเขาจนตาย ร่างสูงใหญ่กลับลุกขึ้นแล้วสะบัดหน้าจากไป ปล่อยเขาทิ้งไว้บนพื้นเพียงลำพัง...
หนุ่มใหญ่วิ่งออกมาจากบ้านของนำทัพพ์ด้วยความสับสนจนแทบจะคลั่ง...
ตอนที่ได้ยินประโยค ผม... รัก... ขวัญ! เขาโมโหจนเกือบหักคอคนพูดตาย ...ถ้ารักลูกสาวเขาจริง แล้วทำแบบนั้นกับเธอลงคอได้ยังไง
แต่บัดนั้นเอง... ภาพภาพหนึ่งซึ่งเขาซุกซ่อนไว้ในซอกหลืบที่ลึกที่สุดของความทรงจำนานแสนนานมาแล้วก็ผุดพรายขึ้นมา...
ร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวผู้เป็นที่รักถูกเขาผูกตรึงไว้กับเตียง ทั้งเนื้อทั้งตัวเธอมีเพียงเชือกที่พันธนาการแขนขาทั้งสี่... และคราบน้ำตาบนใบหน้าซีดขาว ซึ่งไม่อาจปกปิดร่อยรอยแห่งความรุนแรงทั่วร่างน้อยที่เกิดขึ้นจากน้ำมือเขาได้ ...เสียงสะอื้นไห้ดังก้องกลับไปกลับมาอยู่ในหู ราวกับจะตัดพ้อเขาว่า ถ้ารักฉันแล้วทารุณฉันแบบนี้ทำไม? พ่อของข้าวขวัญรีบสะบัดหัวขับไล่ภาพที่เปรียบเสมือนฝันร้ายนั้นออกไป
ไม่... ไม่นะ... เขาไม่ได้ข่มขืนเธอ!
มันไม่เหมือนกัน กรณีของเขา ผู้หญิงคนนั้นคือเมีย ไม่นับว่าเป็นการข่มขืน เพราะเขามีสิทธิ์...
เฮ่อ... จะว่าไป ความจริง ยิ่งเป็นภรรยา เขายิ่งไม่มีสิทธิ์ทำร้ายจิตใจเธออย่างนั้นเลย แต่ทำอย่างไรเล่า เขารักเธอจนลืมตัว
เขาก็แค่... ทนไม่ได้ที่เธอจะทิ้งเขาไปกับใครอื่น อา... เขาไม่ได้ตั้งใจข่มขืนเธอเลยจริงๆ
ใครมันบังอาจขนาดนี้ บอกมา ป้าจี้จะไปจัดการ
นำทัพพ์ไม่รู้ว่า ระหว่างเจอ ลุงสิบซ้อม หรือ ป้าจี้ซัก อะไรมันจะทำให้เขาอายุสั้นกว่ากัน
โชคไม่ดีเลย พอลุงสิบจากไป ป้าจี้ก็วิ่งขึ้นมาเห็นเขานอนแผ่หราหมดสภาพอยู่บนพื้นพอดี เขาเลยถูกแม่คุณซักจนต้องยอมแพ้ เล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่า ลุงสิบเข้าใจเขาผิดนิดหน่อย
เล่าไป ป้าก็ไม่เข้าใจหรอก ทัพพ์กำลังกลุ้มใจมากนะ ขอร้องล่ะ ป้าจี้อย่าเพิ่งถามอะไรเลย อยู่เฉยๆ ...อย่าหายไปไหนให้ทัพพ์กลุ้มใจอีกเรื่องได้มั๊ย
ไหนๆ ก็ได้โอกาสคุยกันแล้ว เขาขอพูดตรงๆ เรื่องของเธอแบบผู้ใหญ่ๆ เลยก็แล้วกัน
ป้าจี้... ทัพพ์ถามจริงๆ ป้าจี้หายไปไหนมา? ทำไมบอกทัพพ์ไม่ได้ เขาเห็นนะ ว่าเธอสะดุ้งตกใจกับคำถามของเขา ...ป้าจี้ไปอยู่กับใครมา?
อ่า... ทำไมหนูทัพพีถามป้าจี้อย่างงี้ล่ะ?
แล้วจะให้ทัพพ์ถามว่าอะไรล่ะ หรือจะให้ถามตรงๆ ว่าป้าจี้ไปนอนกับผู้ชายมาใช่มั๊ย ถึงได้บอกทัพพ์ไม่ได้!
ถึงป้าจี้โวยวายไม่ยอมรับ แต่ท่าทางของเธอบอกเขาหมดเปลือกว่า สิ่งที่คาดเดาไว้ถูกต้อง ป้าจี้กำลังมีความรัก!
...เขาเป็นใคร? พามาเจอทัพพ์หน่อยได้มั๊ย?
เขาพยายามตะล่อมกล่อมเธอให้พาผู้ชายคนนั้นมาทำความรู้จัก แต่ดูเหมือนว่า ป้าจี้จะดื้อปฏิเสธท่าเดียว ทำไม? ...เธอไม่เคยมีอะไรปิดบังเขาเลยนี่นา ทำไมถึงพาแฟนมาแนะนำไม่ได้ หรือไอ้หมอนั่นมันมีปัญหาอะไร ไม่สามารถออกมาเจอผู้คน? ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบมาพากล
คนคนนั้นเป็นใครกันแน่ ทำไมป้าจี้ถึงต้องปกป้องมันขนาดนั้นด้วย?
ข้าวขวัญอุตส่าห์ดีใจ ในที่สุด เธอกับอีตาบ้านั่นก็รู้ใจกันเสียที เธอคิดว่า ภายในวันสองวันนี้ จะไปบอกเลิกกับคุณพล แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นจนได้... แหวนโคตรเพชรที่เธอต้องคืนให้เขาดันหายไปไหนก็ไม่รู้!
หาให้ตายก็ไม่เจอ เธอนึกไม่ออกเลยว่าถอดวางไว้ที่ไหน ...สังหรณ์ใจว่าจะหล่นอยู่บนเตียงที่นำทัพพ์นอนในตอนนั้น เธอกับเขาโรมรันพันตู... แต่เธอไม่กล้าถามเขาตรงๆ ...โธ่ ก็จะให้บอกยังไงล่ะ ว่าพี่ชายของเขาให้แหวนหมั้นเธอ
อ่า... ฉันทำของหล่นหาย... เธอเห็นอะไรแปลกปลอมตกอยู่แถวๆ เตียงเธอบ้างหรือเปล่า?
อะไรล่ะ? ข้าวขวัญไม่แน่ใจว่าคิดมากไปเองหรือไง ทำไมน้ำเสียงของคนที่เพิ่งบอกรักเธอถึงได้เย็นชานักนะ แต่ตอนนั้น เธอร้อนรุ่มใจที่ของสำคัญหายจนคิดอะไรไม่ออก
ขอฉันเข้าไปหาบนเตียงเธอหน่อยนะ
เอาสิ
แต่ก็ไม่เจอ... เฮ่อ... หญิงสาวแอบหวังว่า ถ้าไม่เจอแหวน ก็ขอเจอเจ้าของเตียงปลอบใจสักหน่อยคงจะดีไม่น้อย เธออุตส่าห์หันไปส่งสายตาบอกให้เขาขึ้นมา ช่วยหา แต่กลับพบว่า ร่างสูงจากไปไกลแล้ว ทิ้งเธอให้อยู่บนเตียงเพียงลำพัง
อะไรกันเนี่ย?
เรื่องแหวนคุณพลยังไม่ทันจบ เธอก็ประสบปัญหาใหม่เมื่อรับโทรศัพท์ของพ่อ
ตอบพ่อมาคำเดียว ไอ้ทัพพ์มันข่มขืนลูกจริงๆ หรือเปล่า?
โธ่ จะให้เธอตอบพ่อว่ายังไงดี เรื่องแบบนี้ มีลูกสาวที่ไหนเล่าให้พ่อฟังกันล่ะ อายตายเลย
ว่าแต่ พ่อรู้อะไรแค่ไหนนะ โอ... หรือว่า อีตาบ้านั่นไปรายงานพ่อเธอ ต้องใช่แน่ เขาเคยบอกว่า... เราจะบอกความจริงกับลุงสิบทุกอย่าง รวมทั้งเรื่องคดีที่เราข่มขืนลูกสาวเขาด้วย!
พ่อ... รู้...ได้ยังไง? ข้าวขวัญอายจนไม่รู้จะพูดกับพ่อยังไง ...พ่อคะ... คือว่า...
ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว พ่อเข้าใจทุกอย่างแล้ว... หนูลืมมันซะนะคะ จบแล้วก็ให้มันจบไป อย่าเอ่ยถึงมันอีกเลยตลอดชีวิต
อุ๋ยโหยว... ดูท่า พ่อจะโกรธนะ อีตาบ้านั่นทำอีท่าไหน อย่าบอกนะว่า เดินดุ่มๆ เข้าไปบอกพ่อว่า ลุงสิบครับ ผมปล้ำลูกสาวลุงเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ ...งี่เง่าจริงๆ แล้วอย่างงี้จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย?
ข้าวขวัญวิ่งไปหาพ่อที่บ้านเพื่ออธิบายให้พ่อเข้าใจ แต่พ่อไม่อยู่ นั่งรอพักใหญ่ พ่อก็ยังไม่กลับบ้าน เธอจึงพกความผิดหวังมานั่งคอยที่ยุ้งข้าว แล้วก็ต้องพบกับปัญหาใหม่ ยัยแองเจลล่าที่นำทัพพ์ฝากให้ดูแลหายตัวไปอีกแล้ว!
หลังจากหาจนทั่วทุกซอกทุกมุม มั่นใจว่าป้าของเขาไม่ได้มุดอยู่ซอกไหน เธอก็ตัดสินใจวิ่งไปรายงานเขา ดูว่าคราวนี้จะโผล่มาพร้อมข้ออ้างอะไรอีก แต่ทว่า เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องของเขา... ภาพที่ปรากฏแก่สายตาทำให้เธอถึงกับ...
กรี๊ดดดดดด!
ชายหนุ่มกำลังซุกไซ้ใบหน้าของเขาตรงหว่างขาของยัยจี้เส้นที่กำลังยืนจังก้าไร้อาภรณ์ปกปิดท่อนล่าง!
ในตอนนั้นเองที่ข้าวขวัญรู้ซึ้งถึงคำว่า หัวใจสลาย !
นี่น่ะหรือ คือคนที่บอกว่ารักเธอ คนที่เธอหวังฝากชีวิตและหัวใจไว้กับเขา... เธอมันโง่เองที่หลงเชื่อคนโกหกหลอกลวง ไหนว่าไม่มีอะไรกับยัยนั่น เป็นแค่ญาติห่างๆ เรียกว่าป้า ...ป้าบ้าบออะไร คราวที่แล้วก็นอนเปลือยอกให้เขาลูบไล้ นี่ก็ยืนถ่างขาอ้าซ่าให้เขา...
ขอโทษนะ ที่เข้ามาขัดจังหวะ
ข้าวขวัญรีบปิดประตูแล้วหมุนตัวออกวิ่งโดยไม่รู้จุดหมาย ไปไหนก็ได้ให้ไกลจากภาพบาดตาบาดใจ น้ำตาไหลพร่างพรูลงมากลบตาจนมองแทบไม่เห็น แต่เธอก็ยังไม่หยุดวิ่งต่อไป
ใช่แล้ว เธอต้องไปจากที่นี่ คิดได้ดังนั้น ข้าวขวัญก็หมุนตัวกลับไปเก็บกระเป๋าในบ้านยุ้งข้าว โดยมีนำทัพพ์ตามไปไม่ห่าง
เดี๋ยวก่อน ขวัญ... มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด
เขาอยากจะบ้าตาย ป้าจี้ทำแสบอีกแล้ว เด็กบ้าชอบทำอะไรพิเรนไม่คิดหน้าคิดหลัง พอโดนเขาต้อนจนมุม บังคับให้พาผู้ชายคนนั้นมาพบ แม่คุณก็เล่นใช้วิธีสกปรกเพื่อเอาตัวรอด ถอดกางเกงในออกมาให้เขาตรวจ หลักฐาน ว่าเธอยังไม่เคยมีอะไรกับผู้ชาย เขาพยายามดึงกระโปรงเธอไม่ให้ถลกขึ้นมา...ก็แน่ล่ะ ใครอยากจะเห็นน้องจิ๊มิ๊ของป้าตัวเองบ้างล่ะ ฝันร้ายตายห่า แต่แล้วกระโปรงบ้าอะไรของป้าจี้ไม่รู้ดันหลุดลงมากองอยู่กับพื้นพอดีตอนที่ข้าวขวัญเปิดประตูมาเห็นเข้า ถ้าความซวยเป็นสิบล้อ เขาก็คงตายคาที่ เพราะมันพุ่งเข้าชนเขาอย่างจังโดยไม่ทันตั้งตัว!
เดี๋ยวซี่... ฟังเราพูดก่อนได้มั๊ย ขอร้องล่ะ นำทัพพ์พยายามยื้อแย่งกระเป๋าเดินทางไว้ ก่อนที่เธอจะแบกมันวิ่งจากไป
ไม่! ไม่ฟังแล้ว พอกันที... ฉันถูกหลอกมามากพอแล้ว
เราไม่เคยหลอกนะ เธอกำลังเข้าใจผิด นำทัพพ์ไม่รู้จะอธิบายเหตุการณ์ให้เธอเข้าใจถูกยังไงดี ในเมื่อภาพที่เห็นมันน่าเข้าใจผิดขนาดนั้น
โอเค แม่ฉันมันควาย แต่ฉันก็ไม่ได้โง่นะ... ปล่อยเดี๋ยวนี้! หญิงสาวกระชากกระเป๋าจากมือของเขาได้ก็วิ่งเท้าเปล่าลงบันไดยุ้งข้าว โดยมีนำทัพพ์วิ่งกระเผลกๆ ตามด้วยความเป็นห่วงและกลัวว่าเธอจะทำอะไรโดยขาดสติ แต่เมื่อเห็นว่าทิศทางที่เธอวิ่งไปนั้นคือบ้านลุงสิบก็รู้สึกเบาใจลง ทว่า...
พ่อคะช่วยขวัญด้วย!
ไม่นะ... เขายังเจ็บไม่หาย ถ้าโดนอัดรอบสองต้องตายแน่ๆ ข้าวขวัญ... ได้โปรดเห็นแก่ความรักที่เขามีให้เธอคนเดียวตลอดหลายปีมานี้ หยุดร้องหาพ่อเธอเถอะนะ
นำทัพพ์กลั้นใจก้าวขาเร็วสุดชีวิตจนประชิดร่างระหงได้ก็รวบเอวอ้อนแอ้นเข้ามากอดแล้วก้มลงปิดปากเธอด้วยริมฝีปากของเขา แต่ทว่า... สายไปเสียแล้ว เสียงร้องของข้าวขวัญทำให้ร่างสูงใหญ่เปิดประตูบ้านออกมา ทันได้เห็นภาพเคลื่อนไหวขณะที่ลูกสาวของเขากำลังถูก ไอ้หื่นกาม วิ่ง ไล่ปล้ำ พอดี!
ลุงสิบโกรธจนแทบจะพ่นไฟได้เมื่อเห็นมันดึงเธอเข้าไป ฟัด อยู่กลางแจ้งหน้าบ้านแบบชนิดไม่อายฟ้าอายดิน ไม่ว่าลูกสาวของเขาจะดิ้นรนยังไง มันก็ไม่ยอมปล่อย ยังคงจูบเอา... จูบเอา... ท้าทายสายตาเขาโดยไม่เกรงกลัวใดๆ ทั้งสิ้น
คนเป็นพ่อสุดทนแล้ว อ่านคำบรรยายในเอกสารยังไม่เท่ากับเห็นเหตุการณ์สดต่อหน้าต่อตาแบบนี้ ด้วยความโมโหสุดขีด หนุ่มใหญ่ก้าวพรวดเดียวจากระเบียงบ้านลงมากระชากชายหนุ่มที่กำลังข่มเหงรังแกลูกสาวของเขาออกไป แล้วกันร่างระหงของเธอให้แอบอยู่ข้างหลังเขา ตัวเองหันมาเผชิญหน้ากับ คนร้าย
นำทัพพ์เห็นหน้าโหดของลุงสิบก็ต้องเป่าปากถอนใจ เขาพอจะคาดเดาชะตากรรมของตัวเองได้ตั้งแต่เธออ้าปากร้องหาพ่อแล้ว แต่ด้วยทิฐิถือดีว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดจริงๆ นำทัพพ์กลับกลายเป็นเด็กดื้อ ยืนยันจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองให้ได้ตอนนี้แหละ ไหนๆ ก็อยู่พร้อมหน้าแล้ว เขาจะ เคลียร์ ทีละประเด็น
ข้าวขวัญ สารภาพกับพ่อสิว่าเราไม่ได้ข่มขืนเธอ
เขาหวังว่าเธอจะพูดความจริงล้างมลทินให้เขาในส่วนที่ลุงสิบเข้าใจผิดก่อน จากนั้น เมื่อลุงสิบเข้าใจแล้ว เขาก็จะให้ลุงสิบบอกลูกสาวว่า เพิ่งตะบันหน้าเขาเสร็จแล้วออกมาจากห้องก่อนหน้านี้ไม่ถึงสิบห้านาที ถ้าเธอคำนวนเวลา ก็จะเข้าใจว่า เขาเพิ่งได้รับบาดเจ็บ ไม่มีทางมีอารมณ์ใช้ปากทำเรื่องอย่างงั้นกับป้าจี้ทั้งๆ ที่เลือดยังถ่มออกมาไม่หมดแน่นอน
แต่นักวิทยาศาสตร์ผู้มองโลกในแง่ดีอย่างเขาลืมนึกไปว่า ผู้หญิง...โดยเฉพาะตอน ของขึ้น ไม่สามารถแยกแยะประเด็น หรือมองเห็นตรรกะเหตุผลอะไรทั้งนั้น
ลูกสาวลุงสิบโมโหปรี๊ดขึ้นสมอง ไอ้บ้า เวลาอย่างงี้ยังบังอาจมีหน้าจะมาให้เธอ สารภาพ ...เขาไม่ได้ข่มขืนเธอเหรอ หนอย... จะให้บอกพ่อว่าเธอข่มขืนเขารึไง?
พ่อคะ มันนี่แหละค่ะ ขยี้กามลูกสาวพ่อยับเยิน ทำให้ขวัญต้องทนทุกข์ทรมานกับฝันร้ายอยู่หลายปี ฮือๆๆ หญิงสาวซุกหน้ากับแผ่นหลังกว้างของพ่อแล้วร้องไห้โฮออกมาจริงๆ ช่วยไม่ได้ ก็ตอนนี้เธอเศร้าจริงๆ นี่นา แล้วเธอก็ไม่ได้หลอกพ่อด้วย หลายปีมานี้ เธอต้องทนทุกข์ทรมานใจเพราะเขาจริงๆ ส่วนเรื่อง ขยี้กาม ก็... ไม่รู้ล่ะ เขาทำแบบนั้นกับเธอ จะนับว่าขยี้กามก็ไม่ผิดหรอกน่า
คนเป็นพ่อได้ฟังพร้อมสัมผัสน้ำตาของลูกรักบนแผ่นหลังแล้วถึงกับใจสลาย แทบจะร้องไห้ตามลูกสาวด้วย
พอแล้วลูกพ่อ ไม่ต้องพูดแล้ว ปล่อยพ่อจัดการมันเอง ว่าแล้วลุงสิบก็หันมาใช้สายตาพ่นไฟใส่ไอ้หื่นกาม
เลือดชั่วกลบปากไม่พอใช่มั๊ย
หืม? เลือดกลบปากเหรอ? ข้าวขวัญได้ยินพ่อพูดจึงยื่นหน้าออกมาจากแผ่นหลังที่เธอใช้เป็นเกราะกำบังก็เห็นว่า อา... แก้มบุ๋มของเขาช้ำเป็นแถบ ปากก็แตกเลือดไหลซิบๆ ยังดูสดอยู่เลยจริงๆ ด้วย เธอเลียริมฝีปากตัวเองเมื่อนึกถึงรสจูบเมื่อครู่ แตกต่างจากจูบของเขาที่เธอเคยได้รับ เพียงแต่ยามกระทันหันไม่ทันได้สังเกตว่ามันแตกต่างอย่างไร แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่า เป็นเพราะมันเจือกลิ่นคาวเลือดของเขานั่นเอง!
เมื่อกี๊ฉันดันใจอ่อน ยอมปล่อยแกไป ถึงได้ย่ามใจ กล้ากลับมาไล่ปล้ำลูกสาวฉัน เย้ยกันอย่างงี้ คราวนี้ ถ้าฉันปล่อยให้แกมีชีวิตอยู่ก็บ้าแล้ว!
สิ้นเสียงคำรามอย่างโกรธจัดของพ่อ ข้าวขวัญก็กลืนน้ำลายลงคอ กรุ่นกลิ่นคาวเลือดของเขาอวลอยู่ใน ฆานประสาท รู้สึกว่ารอยบวมช้ำบนใบหน้าขาวซีดดูน่าเวทนา พร้อมกันนั้นก็รู้สึกเป็นห่วงเขาอย่างบอกไม่ถูก ถ้าพ่อฆ่าเขาตายจริงๆ ล่ะก็ เธอจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไง ไม่ได้ไม่ได้...
เธอรีบโอบเอวแข็งแรงของพ่อซึ่งกำลังโถมร่างเข้าใส่ไอ้หื่นกามสุดชีวิต
พ่อขา... ไม่เอาค่ะ ใจเย็นๆ ...อีตาบ้า ยืนหน้าโง่อยู่ได้ ยังไม่รีบหนีอีก
นำทัพพ์ซึ่งกำลังหลับตาเตรียมเป็นกระสอบทรายให้ลุงสิบระบายความโกรธแค้นลืมตาขึ้นมาทันทีด้วยความงุนงง ตกลงจะเอายังไงกันแน่ เมื่อกี๊เพิ่งสั่งฆ่าเขา มาตอนนี้กลับบอกให้เขาหนีไป???
ข้าวขวัญ เธอยังรักเราอยู่ใช่มั๊ย? นำทัพพ์รู้สึกเหมือนมีดอกไม้เบ่งบานอยู่รอบๆ หัวใจ ทั้งๆ ที่สถานการณ์ตรงหน้าดอกไม้น่าจะปลิวไปไหนหมดแล้วไม่รู้
ไอ้บ้า พูดอะไรตอนนี้ ไปให้พ้นนะ ไปซี่... ไปไปไป๊...
ขวัญปล่อยพ่อ พ่อจะฆ่ามัน!
ไม่ค่ะ พ่อ ข้าวขวัญกอดพ่อไว้แน่นไม่ปล่อย ... ไปซี่... ไสหัวไปให้พ้น แล้วอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก
ประโยคนี้ขยี้ดอกไม้ในใจเขาจนไม่เหลือ ในเมื่อไม่มีใครเชื่อเขาเลย คนพ่อก็จะฆ่าเขา ลูกสาวก็ขับไล่ไสส่ง เขาก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ต่อให้โดนต่อยจนตายไปตอนนี้ก็พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขาไม่ได้ ...ในที่สุด แพะน้อยนำทัพพ์ก็ตัดสินใจแบกบาปจากไปด้วยความสิ้นหวัง
นี่ลูกพ่อยังจะไปช่วยไอ้สารเลวนั่นอีกทำไม?
อ่า... คือว่า ขวัญไม่อยากเห็นพ่อทำร้ายคนนี่นา... ฮือๆ... ให้มันแล้วไปเถอะค่ะ ...พ่อไปส่งขวัญกลับคอนโดฯ ดีกว่า นะคะนะคะ... ขวัญมีงานด่วนต้องทำวันนี้ด้วยค่ะ ลุงสิบสบถสองสามคำ ก่อนจะยอมเก็บกระเป๋าเดินทางขึ้นมาถือไว้แล้วจูงลูกสาวไปขึ้นรถ
อ่า... พ่อขา วันสองวันนี้ พ่อต้องไปประชุมหรือมีงานสัมนาที่ไหนหรือเปล่กาคะ ...ไปค้างกับหนูสักสองคืนได้มั๊ยคะ ข้าวขวัญรู้สึกไม่วางใจ กลัวว่าพ่อของเธอจะกลับมาฆ่าเขา อย่างน้อย ผ่านไปสักสองสามวัน พ่ออาจจะโมโหน้อยลงบ้าง
ได้สิคะ ลุงสิบตอบลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ...ขวัญรอพ่อบนบ้านประเดี๋ยว พ่อขอเวลาไปสั่งงานตา:-)ไว้ แล้วกลับมาจัดกระเป๋าก่อนนะ
ค่อยโล่งใจหน่อย เฮ่อ... ทำไมเธอต้องเป็นห่วงคนหลอกลวงพันธุ์นั้นด้วยนะ น่าเจ็บใจตัวเองเหลือเกิน
อ้อ! ขวัญ... ลูกอย่าลืมล๊อคประตูดีๆ ล่ะ พ่อกลัวไอ้หมอนั่นมันย้อนกลับมารังแกหนูตอนพ่อไม่อยู่
ข้าวขวัญอยากจะบอกพ่อเหลือเกินว่า... เขาไม่สนหนูหรอกค่ะ ป่านนี้ คงกลับไปทำอะไรๆ เด็กคนนั้นต่อจากที่ค้างไว้ ใช่ซี่... เธอมันสามสิบกว่าแล้ว ยัยจี้เส้นมันเพิ่งจะยี่สิบต้นๆ นี่... ใหม่กว่า สาวกว่า
ตายห้า! หญิงสาวเพิ่งนึกขึ้นมาได้ เธอถูกเขาจูบเข้าไปเต็มๆ หลังจากที่เขาก้มหน้าซุกไซ้ตรงนั้นของยัยนั่นเหรอเนี่ย... อี๊................. สกปรกที่สุด! จินตนาการบรรเจิดของข้าวขวัญ ทำให้ลุงสิบเสียเวลาเก็บของเพราะมัวแต่เดินไปเดินมาอยู่ในห้องน้ำพักใหญ่
เอ... น้ำยาบ้วนปากสมุนไพรทั้งขวดหายเกลี้ยงไปได้ยังไงเนี่ย? เกลือทะเลสำหรับสีฟันก็หมดด้วยเหรอเนี่ย?
จากคุณ |
:
Acciacatura
|
เขียนเมื่อ |
:
16 มิ.ย. 54 21:09:03
|
|
|
|