Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ชีวิตบ้านคลองหวะ-ยางแผ่น ติดต่อทีมงาน

สำหรับสวนยางรายใหญ่
หรือรายย่อยที่ขยันขันแข็ง
มักจะนิยมทำยางแผ่นมากกว่าการขายน้ำยางสด
เพราะจะได้น้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 2 กิโลกรัม
ทั้งนี้มีน้ำปะปนอยู่ในเนื้อยางพาราส่วนหนึ่งด้วย
ทำให้เวลาขายก็จะได้ราคาต่อหน่วยไม่น้อยกว่า 20 กิโลกรัม
มากกว่าราคาต่อน้ำหนักน้ำยางสดที่โรงงานรับซื้อน้ำยางสด
ให้ในอัตรา 17.5 กิโลกรัมต่อเปอร์เซ็นต์น้ำยางแห้งที่ร้อยละ 35
(คำนวณจากน้ำยางพารา 50 ลิตร คูณ .35 = 17.5 กิโลกรัม)
แต่ถ้านำน้ำยางพารา 50 ลิตรมาทำยางแผ่น
จะได้น้ำหนักเกือบ ๆ หรือประมาณ 20 กิโลกรัม

แม้ว่าในช่วงแรก ๆ นั้น
จะมีการบอกเล่าให้ชาวบ้านฟังว่า
น้ำยางราคาดีให้ขายน้ำยางสด
ถ้าน้ำยางสดราคาไม่ดีให้ทำยางแผ่นขาย
แต่สุดท้ายพอขายน้ำยางสดนานเข้า ๆ
เลยพาลเลิกทำยางแผ่นขายไปเลย
เพราะสะดวกรวดเร็วและได้รับเงินเลย
ส่วนเครื่องจักรรีดยาง พอไม่ใช้งานนาน ๆ
ขาดการบำรุงรักษาก็เสื่อมสภาพไปอย่างช้า ๆ
พอสุดท้ายก็กลายเป็นเศษเหล็กประจำบ้าน
จะทิ้งก็เสียดายจะซ่อมใหม่ก็หลายตังค์
ทำไปทำมาเลยกลายเป็นของเก่าประดับบ้าน

การทำยางพาราแผ่นของชาวบ้าน
เมื่อรวบรวมน้ำยางพารามาได้จำนวนหนึ่งแล้ว
ก็จะนำน้ำยางพาราจำนวนสามลิตร
ผสมกับน้ำสะอาดจำนวนสองลิตร
ใส่ลงในตะกง (ถาดอลูมีเนียมสี่เหลี่ยม)
คนให้เข้ากันก่อนใส่น้ำส้มยางผสมน้ำเปล่า
ขนาดประมาณครึ่งแก้วหรือหนึ่งแก้ว
ยี่ห้อยอดนิยมสมัยก่อนคือ ตราเสือ
ของร้านกิมฮง ในตลาดหาดใหญ่
ที่สั่งหัวน้ำส้มเป็นไหมาแบ่งขวดขาย
ราคาขายช่วงนั้นขวดละหกบาท

จริง ๆ แล้วน้ำส้มยางจะใช้น้ำตาลโตนดที่บูดแล้วก็ได้
หรือที่ชาวบ้านมักจะมาทำเป็นหวาก(น้ำเมา)กินก็ได้
เพราะน้ำส้มคือ ตัวทำปฏิกิริยาที่แยกน้ำกับน้ำยางให้ออกจากกัน
หรือเมื่อยางพาราจับกันเป็นก้อนแล้ว
เหมือนก้อนเลือดหมูหรือเลือดไก่ที่เป็นก้อน
ก็ยังสามารถรินน้ำที่เหลือในตะกงออกมาใส่ไห
หรือถังเก็บไว้ใช้อีกในวันหลังได้
เพียงแต่ต้องเติมปริมาณน้ำส้มยางให้มากกว่าเดิมอีกเล็กน้อย

เมื่อยางเริ่มจับตัวเป็นก้อนสี่เหลี่ยมใหญ่ ๆ ตามรูปตะกง
ก็จะใช้มือคลึง แต่จริง ๆ แล้วใช้เท้าเหยียบเร็วกว่า
เพื่อรีดน้ำให้ออกมากที่สุดเท่าที่รีดได้
จากนั้นก็นำเข้ารีดด้วยเครื่องจักรหน้าเรียบ
เครื่องจักรบางเจ้าใช้แรงงานคน
บางเจ้าใช้เครื่องยนต์หรือไฟฟ้าแทนในช่วงหลัง ๆ
นำยางแผ่นที่รีดน้ำออกมากแล้ว
รีดด้วยเครื่องจักรหน้าเรียบสามครั้ง
จะมากกว่านั้นก็ได้แต่เสียเวลา  
เพราะยางมักจะแบนเรียบแล้ว

ต่อมาก็นำมารีดด้วยเครื่องจักรลายดอกอีกครั้งหนึ่ง
ที่ต้องรีดด้วยเครื่องจักรลายดอกที่แผ่นยางพารา
เพราะเวลาแผ่นยางพาราแห้งซ้อนกันแล้ว
จะสามารถดึงออกจากกันง่ายกว่า
ยางพาราที่เป็นแผ่นเรียบที่จะชิดติดกันสนิท
เพราะไม่มีร่องอากาศเป็นรู ๆ ทำให้ดึงออกเป็นแผ่น ๆ ได้ยากมาก

แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 54 15:27:16

 
 

จากคุณ : ravio
เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 54 23:06:57




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com