Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
[ซีรีส์พระจันทร์] พระจันทร์หวานใจ ตอนที่ 18-19 ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 18




เมื่อตะกี้ใครกันนะที่บอกว่า...

‘ที่พักนั่นถึงแม้จะไม่หรูหราเท่ารีสอร์ทหกดาวของผม แต่ก็กันแดด กันลม กันฝนได้ดี แถมบรรยากาศยังงดงาม กลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมชาติอีกด้วย รับรองคุณเห็นแล้วต้องชอบมันแน่ ๆ’

วราลีนึกทวนคำพูดดังกล่าวในใจ แล้วอยากจะหันไปบีบคอเชวาหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ จับเขาเขย่าให้หัวสั่นหัวคลอนนัก

“นี่น่ะเหรอที่คุณเรียกว่า ที่พัก!?”

คีราณพยักหน้าหงึก ๆ ตอบเสียงเรียบ

“ครับ ผมเรียกว่า ‘ที่พัก’ แต่ถ้าคุณจะเรียกมันว่า ‘รังรักชั่วคราวของเรา’ ผมก็ไม่ขัดข้อง”

วราลีพูดไม่ออก ได้แต่ยืนกวาดตามองไปรอบ ๆ ขณะนั้นดวงจันทร์วันเพ็ญยามปราศจากเมฆหมอกบดบัง ค่อยสาดแสงนวลลูบไล้ลงมาบางเบา

ดูอย่างไรนี่มันก็ ‘ถ้ำ’ ชัด ๆ!

ถ้ำหินตื้น ๆ เล็ก ๆ ข้างน้ำตกบายันที่บรรดานักท่องเที่ยวใช้เป็นที่วางข้าวของสัมภาระก่อนจะเฮโลกันลงไปเล่นน้ำนั่นเอง นี่เขาหลอกให้หล่อนเดินมาเสียไกล ซ้ำยังฉวยโอกาสหาเศษหาเลยระหว่างทาง เพื่อที่จะพาหล่อนมาพักในถ้ำนี้เนี่ยนะ

วราลีสาบาน ถ้าหล่อนอยากคิดฆ่าใครขึ้นมาสักคน เชวาธราณินทร์จะต้องโดนสังเวยเป็นศพแรก!

“อา... พื้นสกปรกนิดหน่อยนะจ๊ะที่รัก แต่ไม่เป็นไร ผมยินดีให้คุณนั่งตัก หรือจะมานอนซบบนอกผมก็ยังได้”

คนพูดจัดแจงหาที่นั่งเหยียดแข้งเหยียดขา เอนหลังพิงผนังถ้ำเสร็จสรรพ ดูท่าทางมีความสุขกับการ ‘ติดเกาะ’ เสียนี่กระไร ซ้ำยังไม่คิดจะถอดเสื้อผ้าที่เปียกชื้นออก เพราะมั่นใจว่าสุขภาพของตนแข็งแรง สามารถทนร้อนทนหนาวได้เป็นอย่างดี ตามคุณสมบัติธาตุดินของตระกูลธราณินทร์นั่นเอง ผิดกับหล่อน เสื้อผ้าเปียกชื้นแนบเนื้อตัวแบบนี้ มันน่าถอดออกนักเชียว แต่จนใจที่ทำไม่ได้เพราะนอกจากจะไม่มีเสื้อผ้าใหม่ให้เปลี่ยนแล้ว ยังมีตัวอันตรายอยู่ใกล้ ๆ อีก

วราลีคร้านที่จะต่อปากต่อคำกับเขา เพราะรู้สึกยิ่งพูดก็ยิ่งขาดทุน ราวกับว่าเชวานักเศรษฐศาสตร์ปากว่ามือถึงคนนั้น มีความสามารถพิเศษในการกอบโกยผลกำไรจากการปะทะคารมเข้าบัญชีตัวเองได้ทั้งหมด เวลานี้หล่อนยอมแพ้ เพราะรู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลียและอยากงีบหลับเงียบ ๆ สักพักมากกว่าจะคุยเรื่องไร้สาระกับเขา

คอยดูเถอะ พรุ่งนี้เช้ากลับไปรีสอร์ทได้เมื่อไหร่ หล่อนจะชำระสะสางทั้งคดีเก่า คดีใหม่และสำเร็จโทษให้เรียบร้อยในคราวเดียวเลย!

คิดได้ดังนั้นก็ค่อยผ่อนลมหายใจออก ก่อนหย่อนกายลงนั่งชิดอีกด้านหนึ่งของผนังถ้ำ พยายามอยู่ห่างจาก ‘ตัวอันตราย’ ให้มากที่สุด โดยหวังว่าเขาเองก็คงจะเหนื่อยอ่อนจนเลิกรังควานหล่อนเสียที

วราลีหลับตาลง พร้อมกันนั้นไหล่เล็ก ๆ ที่แบกรับความตึงเครียดมาเนิ่นนานก็เริ่มผ่อนคลาย พลางคิดว่า กาลเวลาในค่ำคืนนี้ช่างผ่านไปเชื่องช้ายาวนานเหลือเกิน แต่กระนั้นก็ยังมีความมั่นใจอยู่ส่วนหนึ่งว่า อีกไม่นานเรื่องราวเลวร้ายทั้งหลายจะผ่านพ้นไปจากชีวิตหล่อน เพราะหล่อนกำลังจะไปจากที่นี่... ไปจากสิละวาและโกจาราแห่งนี้... ไปหาที่เงียบสงบเพื่อทำงานของตัวเองต่อให้เสร็จ และจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับฆาตกรโรคจิต หรือเชวาธราณินทร์อีกเป็นอันขาด

หล่อนจะกลับไปเป็นท่านหญิงไทวาวัต ผู้ใช้ชีวิตหรูหรา สูงส่ง ห่างไกลจากเหล่าสามัญชนดังเดิม...

“ลี คุณว่าแปลกไหม ที่คนร้ายนั่นพยายามขับสปีดโบ๊ตไล่ตามเรามา”

เสียงห้าวเอ่ยขึ้นในความมืด เวลาเขาไม่กวนประสาท ก็พูดจาฟังดูเป็นภาษามนุษย์ดี

“ปกติแล้ว ถ้ามีคนโผล่มาช่วยเหยื่อ คนร้ายจะต้องเป็นฝ่ายตกใจแล้วรีบหลบหนีไปไม่ใช่เหรอ แต่นี่มันยังอุตส่าห์ไล่ตามมา ทั้ง ๆ ที่อาวุธในมือก็มีแค่ท่อนไม้ท่อนเดียว ผมว่าที่มันยอมเสี่ยงขนาดนั้น แสดงว่าต้องมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างแน่ ...คุณรู้จักมันใช่ไหม”

ตอนแรกวราลีตั้งใจว่าจะไม่พูดกับเขาอีก แต่พอคำถามนั้นสะกิดต่อมความสงสัยเข้าอย่างจัง หล่อนก็อดปากเอาไว้ไม่อยู่ เผลอคุยโต้ตอบออกไปจนได้

“ไม่ ฉันไม่รู้จักเขา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร แต่... ที่เขาตามมาคงเพราะต้องการฆ่าฉันกระมัง ...ต้องใช่แน่ ๆ เขาต้องการฆ่าฉัน”

“ผมไม่เข้าใจ ถ้าคุณไม่รู้จักมัน ทำไมมันถึงคิดจะฆ่าคุณล่ะ”

หล่อนส่ายหน้าช้า ๆ หยุดคิดนิดหนึ่ง ค่อยตัดสินใจเล่าให้เชวาหนุ่มฟัง

“คุณรู้ไหม เมื่อตอนหัวค่ำมีคนโทรไปบอกฉันว่า เจ้าโมสาร์ทเกิดอาละวาดไล่กัดนักท่องเที่ยว แล้วก็เลยถูกไล่ต้อนไปจนมุมอยู่ที่ท่าเรือ เขาขอร้องให้ฉันลงไปช่วยปลอบมันหน่อย แต่พอฉันลงไปที่นั่น กลับไม่เจอใครเลยสักคน จากนั้น... จากนั้นรู้สึกว่ามีคนปราดเข้ามาทำร้ายทางด้านหลัง ฉันหมดสติไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าพอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็อยู่ในบ้านพักกับชายชุดดำคนนั้นแล้ว”

“ถ้างั้นก็ยิ่งแปลก หมายความว่าคนร้ายอยู่ในรีสอร์ทงั้นหรือ” คีราณแสดงความคิดเห็น “ดูท่าทางมันน่าจะรู้จักคุณดี เพราะมันรู้เบอร์ห้องพักของคุณ แล้วก็รู้ด้วยว่าคุณเลี้ยงสุนัข บางทีมันอาจจะอยู่ใกล้ตัวกว่าที่คุณคิดก็ได้”

วราลีส่ายหน้าช้า ๆ

“ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น ฉันเพิ่งกลับมาที่วิปุลาได้แค่ไม่กี่วัน นอกจากบอดี้การ์ดที่ปอปอส่งมาดูแลแล้ว ก็ไม่มีใครเข้าใกล้ฉันอีกเลย อ้อ... ยกเว้นคุณกับจิลลา แล้วก็ลาวิก”

“แล้วคุณก็ตัดสองคนนั้นออก เพราะคนหนึ่งเป็นสาวน้อยรูปร่างแบบบาง ส่วนอีกคนเป็นชายอ้วนอุ้ยอ้าย ดูอย่างไรก็ไม่มีเค้าฆาตกร เหลือแต่ผมคนเดียวที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยงั้นซี”

“คุณจะประชดฉันไปถึงไหน ตอนนี้ฉันก็เชื่อแล้วไงว่าคุณไม่ใช่คนร้าย”
ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ในความมืด จากนั้นร่างเงาตะคุ่มก็ก้าวมาทรุดนั่งข้างกายหล่อน วราลีเตรียมลุกหนี แต่มือหนาและร้อนผ่าวคว้าแขนหล่อนไว้

“ในเมื่อเชื่อแล้วว่าผมไม่ใช่คนร้าย คุณก็ไม่จำเป็นต้องกลัวหรือหนีผมอีก”

“คุณน่ะมันตัวอันตราย!” หล่อนเค้นเสียงเหมือนแมวขู่ฟ่อ ๆ พยายามแกะมือชายหนุ่มออกจากแขนตัวเอง ทว่าไม่สำเร็จ “ปล่อยฉัน ถ้าเราจะคุยกันดี ๆ ก็อย่าทำแบบนี้”

“งั้นผมไม่คุยก็ได้ แต่ขอให้คุณอยู่ใกล้ ๆ ห้ามหนีไปไหน ตกลงไหมครับ”
วราลีกำลังจะปฏิเสธอยู่แล้วเชียว แต่พอมือหนาคลายออกจากการเกาะกุมง่ายดายเกินคาด ถ้อยคำของหล่อนก็ชะงักอยู่ที่ริมฝีปาก

“ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ว่าทำไมถึงควบคุมตัวเองไม่ได้เวลาที่มีคุณอยู่ใกล้ ๆ แต่บอกตามตรง... ตอนที่ได้พบคุณครั้งแรกนั่น ผมรู้สึกราวกับว่าคุณก้าวออกมาจากความฝันของผมเปี๊ยบเลย ผมรู้ใจตัวเองดีว่าต้องการอะไร แล้วก็ไม่ลังเลที่ยอมรับมัน ...วราลี ผมอยากจะบอกคุณอย่างนี้ ผมชอบคุณ อยากอยู่ใกล้ ๆ คุณ อยากเทคแคร์คุณ อยากเห็นคุณมีความสุข เพราะนั่นมันเป็นความสุขของผมด้วยเช่นกัน”

คีราณยิ้มกว้าง เห็นฟันขาวและประกายรื่นรมย์ของแววตาฉายวาบตัดกับความมืด เขาสารภาพความในใจกับหล่อนด้วยน้ำเสียงเหมือนกำลังเล่านิทานให้เด็กหญิงคนหนึ่งฟัง แต่เพียงแค่นั้นก็มากพอแล้วที่จะสะกดให้วราลีนิ่งฟังได้โดยไม่เบือนหน้าหนีหรือปริปากโต้แย้ง

“คุณอาจรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องธรรมดา เพราะคงเคยมีคนสารภาพกับคุณแบบนี้หลายครั้งแล้ว ซึ่งก็ไม่แปลก และผมก็ไม่แคร์ เพราะผมแน่ใจว่าความรู้สึกของผมไม่เหมือนใครคนใดในโลก...”

อะไรทำให้เขามั่นใจขนาดนั้น... ความอยากรู้ทำให้หญิงสาวนั่งเงียบ และสานสบแววตาคมซึ้งที่อาศัยความมืดเคลื่อนเข้ามาใกล้โดยไม่รู้ตัว

“นอกจากจะชอบคุณในฐานะผู้ชายชอบผู้หญิงคนหนึ่งแล้ว ผมยังมี ‘หน้าที่’ ต้องปกป้องคุ้มครองคุณด้วย ท่านหญิงไทวาวัต... ‘หน้าที่’ ที่หยั่งรากลึกอยู่ในสายเลือด ในหัวใจ และในจิตวิญญาณของอัศวินธราณินทร์มาช้านาน”

“เดิมทีฉันมีบอดี้การ์ดนะ” วราลีเถียง “แล้วใครกันล่ะที่ทำให้ฉันต้องเหลือตัวคนเดียวแบบนี้”

“ผมว่าคุณเลิกจ้างยักษ์ขี้เซาพวกนั้นเถอะ แค่มีผมคนเดียวก็ปกป้องคุ้มครองคุณได้ดีกว่าใครเป็นไหน ๆ”

เป็นครั้งแรกที่วราลีไม่รู้สึกกดดันเลยสักนิด เมื่อรับฟังคำสารภาพจากใจของชายหนุ่ม แต่ความยากลำบากอยู่ตรงที่ ไม่รู้ว่าควรจะตอบรับหรือปฏิเสธเขาอย่างไรต่างหาก ทั้งนี้เพราะหล่อนรู้จักเชวาธราณินทร์น้อยมาก น้อยเหลือเกิน แล้วเขาก็มักทำให้หล่อนสับสน มองไม่เห็นตัวตนที่แท้จริงว่าเขาเป็นคนอย่างไรกันแน่

...เจ้าชู้ กะล่อน กวนประสาทไปวัน ๆ หรือว่าเป็นชายหนุ่มที่ร่าเริง อารมณ์ดีและเปิดเผยความรู้สึกนึกคิดของตัวเองต่อคนรอบข้างอย่างจริงใจ ตรงไปตรงมาที่สุด ?

“บางครั้งผมอาจเกเร หาเรื่องรังแกคุณบ้าง ก็เพราะคุณเป็นผู้หญิงที่ผมชอบนี่ คนอื่นจะเป็นยังไงไม่รู้ แต่นิสัยผมเป็นแบบนั้นแหละ เพราะฉะนั้นขอให้คุณวางใจเถอะ ผมไม่ใช่ตัวอันตราย และรับรองว่าจะไม่มีวันทำร้ายคุณแน่นอน”

คีราณยืนยันคำพูดของเขาด้วยการ ‘รังแก’ หล่อนอีกครั้ง ใบหน้าคร้ามคมในเงามืดเคลื่อนเข้ามาใกล้ ริมฝีปากร้อนเร่าราวเปลวไฟประทับลงบนกลีบปากอ่อนนุ่มของหล่อน แผดเผาหล่อนให้หลอมละลายช้า ๆ ทว่านุ่มนวลและอ่อนโยนอย่างยิ่ง
คราวนี้วราลีไม่ได้ผลักไสหรือขยับหนี ตรงกันข้าม หล่อนหลับตาพริ้ม ลิ้มรสแห่งจุมพิตนั้นโดยปราศจากความกลัวอีกต่อไป...

ถูกต้องแล้ว คีราณ ธราณินทร์อาจไม่ใช่ผู้ชายที่ดีที่สุดเท่าที่หล่อนเคยรู้จักมา แต่เขาเป็นผู้ชายที่พร้อมจะทำให้หัวใจของหล่อนหวั่นไหวได้ทุกเมื่อยามเผชิญหน้ากัน

วราลียังจำได้ เพียงแค่สบตากับเชวาหนุ่มในหน้าหนังสือพิมพ์วิปุลนิวส์ หัวใจหล่อนก็เต้นผิดจังหวะไปวูบหนึ่ง ยิ่งเมื่อเห็นภาพเขาคลอเคลียอยู่กับดาราสาวชื่อดัง จารุคามิน ความโกรธอันไร้เหตุผล ไร้ที่มาที่ไปก็พลุ่งพล่านขึ้นอย่างมิอาจระงับ และมันคงจะตลกพิลึก หากหล่อนยอมรับว่าอยู่ดี ๆ ตนเองก็รู้สึก ‘หึง’ ผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ คนที่ไม่เคยรู้จักมักจี่ หรือพูดคุยกันมาก่อนเลยสักครั้งเดียว

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาหล่อนก็โกรธเขา ตั้งแง่รังเกียจใส่เขา และพยายามกันเขาออกห่างจากตัวเองให้มากที่สุด โดยหยิบยกเหตุผลสารพัดสารเพมาอ้าง ถึงขนาดกล่าวหาว่าเขาเป็นฆาตกรหื่นกามก็ทำมาแล้ว ทั้งนี้เพราะกลไกบางอย่างในหัวใจบอกให้หล่อนทำเช่นนั้น

หาไม่... ‘ความหวั่นไหว’ จะแปรเปลี่ยนเป็น ‘ความรู้สึกอย่างอื่น’ ที่ลึกล้ำกว่า ใหญ่หลวงกว่า สุ่มเสี่ยงกว่า และยากที่จะไถ่ถอนกลับคืน

หล่อนเฝ้าเพียรปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองเช่นนั้นมาโดยตลอด จวบจนกระทั่งวงแขนแข็งแกร่งนั้นโอบกอดหล่อนไว้ และริมฝีปากเร่าร้อนพรมจูบต่อเนื่องมิหยุดหย่อน วราลีจึงค่อยรู้ว่ากลไกต่อต้านในหัวใจของหล่อนได้ถูกเชวาหนุ่มคนนี้ทำลายลงจนหมดสิ้นแล้ว...

จากคุณ : Friday Story
เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 54 11:19:17




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com