Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
...หิมะร่วงโปรยปรายในใจเธอ... ติดต่อทีมงาน

..


 ... ปื้นสีขาวของเกล็ดหิมะบนหมวกและถุงมือหนากว่าเมื่อตอนที่ผมทรุดตัวลงนั่งไม่น้อย   ในความง่วงดวงตาของผมเริ่มหนักขึ้นทุกที   เสื้อกันหนาวดูเหมือนจะบางเกินไป   มันไม่อาจต่อต้านความหนาวเย็นที่ชำแรกเข้ามาเสียดผิว   ร่างกายของผมจึงเริ่มสั่นเทิ้ม  ใบหน้ารู้สึกด้านชาจนไม่อาจแสดงความรู้สึกใดๆ   ผมกระดุกกระดิกตัวแทบไม่ได้มานานเกือบชั่วโมงแล้ว   หิมะตกหนักเหลือเกิน   ร่างกายของผมกำลังจมอยู่ในกองหิมะ ส่วนของไหล่และศีรษะเท่านั้นที่โผล่พ้นเกร็ดหิมะขึ้นมา   ต้นสนบนเนินที่ผมนั่งพิงอยู่ไม่อาจปกป้องผมได้เลยแม้แต่น้อย   ผมกำลังจะตายเพราะความหนาวเย็นแล้วหรือนี่…………..
……………  


“   โ  ธ่ เ อ๋ ย   “


บรรทัดข้างบนนี้ไม่ใช่คำอุทานของตัวละคร   แต่มันเป็นคำสบถของผม   จะอะไรเสียอีก   ก็เรื่องที่ผมเขียนขึ้นมาเนี่ย   มันเห่ยสิ้นดี   สมกับที่ถูกถากถางว่า หัดใหม่

“แต่ผมไม่ได้หัดใหม่   ขอบอก”   ผมปฏิเสธเสียงแข็ง   ก่อนคว้าแก้วกาแฟแสนรักขึ้นมาจิบ

“หงุดหงิดอะไรนักหนา   เฮียวรุณ”   แก้วกาแฟหลิ่วตาถามผม

“นายจะไปรู้อะไร   ผมหัดเขียนมาตั้งนานแล้ว   แต่เขียนเท่าไรมันก็ไม่ได้เรื่องสักที   แค่นี้ก็ช้ำจะตายอยู่แล้ว   แต่ยังดันมีนักวิจารณ์ทะลึ่งโพสต์ข้อความแซวผมว่า เป็นเด็กหัดใหม่   ผมเลยฉุนขาด   น้าอาจินต์เป็นพยานได้   ผมไม่ใช่เด็กหัดใหม่”   ผมฉุนในความบ้องตื้นของตัวเอง   แต่เจ็บกระดองใจเมื่อนึกถึงข้อกล่าวหา

“เฮียวรุณ อย่าซี้ซั้วอ้าง   คุณอาจินต์แห่ง ฟ้าเมืองไทย เนี่ยนะ   เฮียรู้จักด้วยเหรอ”   แก้วกาแฟฉงน

“เออ สิวะ   ตอนหนังสือของน้าอาจินต์ราคาแค่โอเลี้ยงห้าแก้ว   ผมก็เขียนเรื่องส่งไปลงแล้ว”   ผมหมายถึงยุคที่โอเลี้ยงราคาแก้วละบาท

“อ้าว แล้วคุณอาจินต์ลงตีพิมพ์ผลงานของเฮียหรือเปล่า”   แก้วกาแฟทำหน้าสงสัยในระรวยกลิ่นกาแฟหอมกรุ่น

“เปล่า   ลงถังผงว่ะ”   ผมจ๋อยกว่าเดิม

“ก็ถูกของนักวิจารณ์มันสิ”   แก้วกาแฟซ้ำเติมผม

“ตอนนั้นผมอยู่ชั้น ป.ห้า   แต่ดัดจริตเขียนเรื่องของผู้ใหญ่   นายควรเข้าใจ”   ผมสารภาพความจริง

“ถังขยะสร้างนักเขียน”   แก้วกาแฟเน้นเสียงทุ้มต่ำ   มันเล่นประโยคสูงส่งของคุณอาจินต์ นักเขียนอาวุโสและศิลปินแห่งชาติที่ผมนับถืออย่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง

น่าสงสารประโยคนี้เหลือเกิน   บ่อยครั้งที่มันถูกนักวิจารณ์รุ่นอนุบาลใช้เป็นยันต์กันโดนเล่นกลับ   หลังจากเขียนบทวิจารณ์ปู้ยี่ปู้ยำงานของคนอื่นอย่างเมามัน

“แต่สำหรับผม   ประโยคที่ว่านี้ มันไม่จริงเลยสักนิด”   ผมเถียง

“ยังไง”

“ไอ้ที่พูดกันว่า   ถังขยะสร้างนักเขียน   ผมเขียนมาจนแก่ป่านนี้แล้ว   ยังไม่เคยได้ลงตีพิมพ์เลยสักเรื่อง   สาบานได้”

“สม”

“ฟังก่อนสิ   ผมเลิกขยำผลงานเฮงซวยของตัวเองเขวี้ยงลงถังผงมานานแล้ว ขอบอก  ก็ตะบันเขียนมาตั้งแต่สมัยใช้กระดาษโรเนียว จนกระทั่งมีคอมพิวเตอร์ใช้ เลยไม่จำเป็นต้องขยำกระดาษลงถังผงระบายอารมณ์   แต่ให้ตาย จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้เป็นนักเขียนซักกะติ๊ดเลยว่ะ”   ผมแย้งก่อนคว้าแก้วกาแฟขึ้นมาซดเพื่อให้มันหมดโอกาสโต้แย้ง

“ส่งเรื่องไปสำนักพิมพ์บ่อยไหม”   แก้วกาแฟปากเสียยังมีโอกาสถามต่อ

“ทั้งชีวิตส่งไปเรื่องนั้นเรื่องเดียว”   ผมฉีกยิ้มตอบแบบอายๆ

“ก๊าก   สมน้ำหน้า   แล้วมาทำซ่าโวยวาย”   แก้วกาแฟหัวเราะเยาะเย้ยผมก่อนจะหมดหยดสุดท้าย  

ผมโมโหไอ้แก้วเวร   แต่ก็ไม่กล้าขว้างมันลงพื้นเหมือนในนิยายเวลาพระเอกฉุนจัด   เสียดายลายจุดดัลเมเชี่ยน   คิดว่าสมควรจะเก็บมันไว้รำลึกถึงนายนักวิจารณ์ตัวดี ที่ถากถางผมจนแทบจะเสียผู้เสียคนดีกว่า

ก่อนที่จะปิดโปรแกรมบนจอคอมพิวเตอร์   หลานสาวจอมซนของผมก็วิ่งเข้ามาเล่นด้วย   สองแกละของเธอสะบัดกวัดแกว่งไปมาแลน่ารักสมวัย   ผมจึงรีบอุ้มเธอไว้บนตักด้วยความเอ็นดู

ในวัยซุกซน เธอพยายามจะอ่านบทความของผมที่ปรากฏบนจอมอนิเตอร์   ผมจึงค่อยๆสะกดคำให้เธออ่านตาม

“หิมะสีขาวๆของคุณอาอยู่ที่ไหนเหรอคะ   หนาวมากไหมคะ”   หนูน้อยหวานใจวัยเจ็ดขวบเศษถามผม เมื่อเธออ่านเจอคำว่า หิมะ  

“อ๋อ   มันอยู่ในหน้ากระดาษนี่ไงลูก   สีของมันขาวบริสุทธิ์เลยล่ะ   เวลาเราอ่านเรื่องของหิมะ   ตัวหนังสือก็จะพาจิตใจของเราล่องลอยไปยังโลกอีกแห่งหนึ่ง โลกแห่งนี้ถูกประดิษฐ์ประดอยตามแต่ตัวหนังสือจะบรรจงแต่งแต้มเอาไว้ ดังนั้นมันจึงเต็มไปด้วยหิมะแสนสวย แน่นอน มันเป็นโลกส่วนตัวของหนูคนเดียวเลยแหละ หนูจะเรียกมันว่า จินตนาการ ก็ได้นะลูก”   ในรอยยิ้มผมกุมที่ทรวงอกแสดงท่าทางเคลิบเคลิ้มก่อนชำเลืองไปที่ใบหน้าของเธอ   ดูท่าเธอกำลังตั้งใจฟัง    

ขณะแววตาแสนบริสุทธิ์จ้องแป๋วไปที่จอ   ผมไม่อยากรบกวนจินตนาการของเธอ จึงอ่านเรื่องบนจอให้เธอฟังต่ออย่างช้าๆ ผมอ่านไปจนถึงตอนที่เริ่มถกกับแก้วกาแฟก็ตัดสินใจหยุด

“คุณอาขา   หนูอยากเป็นคนเขียนเรื่องแบบคุณอาค่ะ” หลานสาวคนโปรดของผมฉอเลาะ

“ทำไมล่ะ ลูก”

“หนูอยากมีจินตนาการเยอะๆค่ะ   ถ้าหิมะตกในใจหนูได้ทุกวัน มันคงจะสนุกมากเลยนะคะ   หนูเห็นคุณอาเขียนอะไรตั้งหลายอย่างให้คนอ่าน   หนูว่าจินตนาการของคุณอาตลกดี   แก้วกาแฟก็พูดได้ด้วย   หนูจะลองเขียนดูบ้าง ได้ไหมคะ”   ยิ้มน้อยๆบนปากเล็กๆของเธอชวนให้ผมหลงใหล

“เป็นความคิดที่ดีมากเลยลูก”

“แต่คุณอาขา   หนูกลัวเขียนผิด   เดี๋ยวคุณอาจะหัวเราะหนู”

“หนูลงมือเขียนได้เลย   โลกของนักเขียนไม่มีถูกไม่มีผิดหรอก   งานเขียนทุกชิ้นมีคุณค่าอยู่ในตัวของมันเองทั้งนั้นแหละจ๊ะ”   ผมลูบศีรษะเธอเบาๆด้วยความเอ็นดู  

“ส่วนความบริสุทธิ์หรือว่ารอยแปดเปื้อนของผลงาน   พระเจ้าเบื้องบนจะทรงรับถึงรู้ถึงจิตวิญญาณของนักเขียนที่สอดใส่ลงไปด้วยพระองค์เอง”   สำหรับประโยคนี้ผมเก็บไว้ในใจ   ไม่ได้บอกเธอ  

ที่สุดเธอก็รับปากกับผมว่า   จะเอาผลงานของเธอมาให้ผมอ่านในวันหลัง

เมื่อวันหลังที่ว่ามาถึง   ผมจะวิจารณ์ผลงานของเธออย่างไรดี   เธอถึงจะมีโอกาสเป็นนักเขียนที่มีฝีมือในอนาคต   นั่นมันเป็นปัญหาของผม  

บางทีบทความอันไร้ค่าของผมอาจจะจุดประกายวรรณกรรมอันเจิดจ้าให้แก่เธอก็เป็นได้ แต่เชื่อว่า ถึงอย่างไรผมก็คงไม่ต้องใช้ถังขยะเพื่อสร้างนักเขียนเป็นแน่

..

whiterose

..

แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 54 16:35:57

จากคุณ : วรุณนฤมล
เขียนเมื่อ : 19 มิ.ย. 54 09:38:02




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com