บทนำ เรือหางยาวขนาดย่อมลอยเท้งเต้งอยู่ใกล้กับเกาะแก่งเล็กๆเรียงรายระเกะระกะอยู่ไม่ห่างฝั่งมากนัก เกาะแก่งนี้เป็นแหล่งปะการังและปลาทะเลสีสันสดสวยอันอุดมสมบูรณ์ น้ำทะเลใจแจ๋วมองลงไปเห็นปลานกแก้วสีเขียวสดว่ายอยู่เป็นฝูง ไม่ห่างจากฝูงปลานกแก้วเจ้าปลานีโมสีส้มลาดพาดขาวว่ายวนเวียนป้องกันปะการังสีขาวขุ่นบ้านของมันอย่างแข็งขัน ปลาดาวในขณะนั้นอายุเพียงสิบสามปี ตะโกนเสียงใสแจ๋วเรียกลูกพี่ลูกน้องวัยเดียวกันกับเธอและปานเทพเพื่อนรุ่นพี่จากกรุงเทพดังโหวกเหวก ฉลาม พี่ปานเร็วสิคะใส่สนอคเกิ้ลช้าจัง ปลาดาวจะกระโดดลงไปก่อนแล้วนะ พูดจบเด็กสาวพุ่งตัวลงน้ำด้วยความชำนาญ ตัวเด็กสาวไม่ได้ใส่เสื้อชูชีพเพราะว่ามั่นใจในฝีมือการว่ายน้ำ เธอสวมเพียงสนอคเกิ้ลเช่วยหายใจและตีนกบเท่านั้น สักพักเด็กหนุ่มวัยรุ่นผู้ถูกเรียกว่าฉลามพุ่งตัวลงมาโดยมิได้ใส่เสื้อชูชีพเช่นกัน สองลูกพี่ลูกน้องคุ้นเคยกับท้องทะเลเป็นอย่างดีเพราะใช้เวลาส่วนใหญ่ดำผุดดำว่ายในทะเลสีครามแห่งนี้ตั้งแต่เดินและวิ่งได้คล่อง กลายเป็นว่าใส่เสื้อชูชีพลงน้ำแล้วพาลอึดอัดรำคาญ ปานเทพกระโดดตามลงมา พร้อมทั้งใส่เสื้อชูชีพ ตีนกบ และสนอคเกิ้ล ครบครัน ทั้งสามคนค่อยๆว่ายช้าๆไปลัดเลาะไปตามแนวปะการังสีน้ำตาล ขาวขุ่น สลับกับปะการังสีม่วง แดง เหลือง ฝูงปลาทะเลตัวเล็กๆสีสดใสผ่านหน้าสองหนุ่มหนึ่งสาวไปเป็นระเบียบ บรรยากาศใต้ทะเลช่างเงียบสงบปลาดาวได้ยินแต่เสียงหายใจของตัวเองผ่านท่อสนอคเกิ้ลที่เชื่องช้าและผ่อนคลายเป็นจังหวะสม่ำเสมอ แม้เด็กสาวจะลงมาดำผิวน้ำแถวนี้บ่อยครั้งจนจำกองหินและปะการังแถบนี้ได้เกือบหมดแต่ไม่เคยรู้สึกเบื่อ พักหลังยิ่งปลาดาวโตขึ้น เธอเห็นว่าสีของประการังที่เคยสดใสบางกอกลับแปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล คงเป็นเพราะมีนักท่องเที่ยวที่ไม่ระมัดระวังบางคนเอามือไปจับหรือพลาดเตะขาไปโดน ปลาสีสันสดสวยก็ลดจำนวนไปทุกปี อาจเพราะแหล่งอาหารของมันถูกรุกรานมากขึ้น ถึงอย่างไรธรรมชาติใต้ทะเลยังคงตราตรึงใจกับทุกคนที่ได้ลงมาสัมผัส ฉลามค่อยๆเตะขาไล่ตามหลังปลาดาวจนตามทัน สองพี่น้องว่ายเคียงข้างกันพร้อมกับชี้มือชวนกันชมฝูงปลาข้างใสตัวขาวขุ่นที่ว่ายตั้งตัวในแนวดิ่งแทนที่จะนอนว่ายไปเหมือนปลาชนิดอื่นค่อยๆลอยตัวผ่านหน้าไปฝูงใหญ่ ฉลามกระตุกให้พี่สาวหันไปดูเต่าทะเลตัวเขื่องที่ค่อยๆว่ายผ่านหน้าทั้งสองไป สองพี่น้องเพลิดเพลินอยู่พักใหญ่ ปลาดาวจึงฉุกคิดขึ้นได้ รีบทะลึ่งพรวดเงยหน้าขึ้นมาจากน้ำ คายท่อช่วยหายใจออก กระตุกแขนน้องชายอย่าแรง ฉลาม! พี่ปานหละ นี่เราว่ายมาตั้งนานทำไมพี่ปานยังตามมาไม่ถึงอีก ฉลามนึกถึงเพื่อนรุ่นพี่ขึ้นได้เช่นกัน สีหน้าเด็กหนุ่มวิตกกังวลจนเห็นได้ชัด นั่นสิปลาดาว หรือว่าพี่ปานเทพจะหลงทิศว่ายออกไปไหนแล้วไม่รู้ งั้นเรารีบว่ายกลับไปดูแถวเรือเหอะ เร็วสิเข้าฉลาม ปลาดาวตีขาเร็วจนน้ำแตกกระเซ็นกลับไปทางเก่าโดยมีฉลามว่ายตามไปติดๆด้วยความเร็วไม่แพ้กัน ไม่ถึงสามนาทีทั้งสองเห็นเรือหางยาวที่ผูกไว้กับโขดหินลอยเท้งเต้งอยู่ข้างหน้า แต่เด็กทั้งสองไม่เห็นวี่แววของปานเทพ สองพี่น้องมองหน้ากันเลิกลั่กแล้วช่วยกันตะโกนจนสุดเสียง ใจของปลาดาวตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม หน้าของเด็กสาวซีดเผือด เธอเป็นห่วงพี่ปานยิ่งกว่าชีวิตของตัวเองเสียอีก พี่ปาน พี่ปาน ฉลามกับปลาดาวตะโกนเสียงดังที่สุดเท่าที่แรงของตนจะมี และแล้วปลาดาวยิ้มออกเมื่อได้ยินเสียงของปานเทพตะโกนตอบกลับมา พี่อยู่นี่ ปลาดาว ฉลาม เสียงมาจากหลังโขดหินที่ผูกเรือนี่ ฉลามกับปลาดาวรีบว่ายน้ำไปทางเรือ สองพี่น้องว่ายลอดเชือกที่ผูกหัวเรือไว้กับแง่งหินเล็กๆบนโขดหิน ปลาดาวกับฉลามยิ้มออกเมื่อเห็นปานเทพลอยตัวโดยมือหนึ่งเกาะโขดหินไว้ ทำไมพี่ปานมาอยู่ตรงนี้คะ ปลาดาวถามทันทีที่ว่ายถึงตัวชายหนุ่ม ไม่รู้เหมือนกันปลาดาว พี่พยายามว่ายตามปลาดาวกับฉลามไป แต่กระแสน้ำมันแรงพัดพี่กลับมาทางเรือ พอมาถึงนี่ขาพี่มันเกี่ยวติดกับเชือกอวนข้างล่าง ดึงยังไงดึงไม่ออก จะยกขามาถอดตีนกบยกไม่ขึ้น พี่คิดว่าคงว่ายต่อไม่ไหวเลยเกาะโขดหินนี่ไว้ดีกว่า รอตรงนี้ จะได้ไม่พลัดจากเธอสองคน รอพวกเธอมาช่วย อยู่ดีๆเมฆดำทะมึนลอยเข้าบดบังแสงอาทิตย์ จนท้องฟ้าอันสดใสกลับมืดครึ้ม ทั้งๆที่ก่อนที่ปลาดาวกับฉลามจะลงไปดำเที่ยวเล่นแสงแดดยังเจิดจ้า กระแสน้ำเริ่มพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าฝนจะตกหละปลาดาว เรารีบกลับเรือเถอะ ฉลามร้องเตือน ฉลามไปเอามีดบนเรือมาเร็ว พี่จะดำลงไปตัดเชือกอวนที่พันขาพี่ปาน ฉลามว่ายน้ำกลับไปที่เรือโยนตัวขึ้นไปบนเรืออย่างคล่องแคล่ว คว้ามีดได้เด็กหนุ่มก็กระโจนกลับลงมาส่งให้พี่สาวที่เตรียมพร้อมจะดำลงไปช่วยตัดเชือกอวนที่พันขาปานเทพ ปลาดาวสูดหายใจเข้าไปเต็มปอดเพื่อเป็นทุน แล้วรีบดำพรวดลงไป เด็กสาวค่อยๆปล่อยลมหายใจออกให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อจะได้อยู่ใต้น้ำได้นานเท่าที่เธอต้องการ ขณะนั้นใต้ผิวน้ำมีแสงเพียงสลัวๆเพราะเมฆได้เคลื่อนตัวเข้าบดบังดวงอาทิตย์ข้างบนจนหมด กระแสน้ำเย็นขึ้นจนเด็กสาวรู้สึกสะท้าน หากแต่ปลาดาวไม่สนใจ เธอรีบว่ายไปที่เชือกอวนเก่าที่พันติดแน่นอยู่กับตีนกบของปานเทพ เด็กสาวออกแรงเฉือนเชือกอวนเต็มที่ การออกแรงตัดเชือกใต้น้ำย่อมลำบากกว่าบนพื้นหลายเท่า ไหนจะแรงต้านของน้ำ ไหนกระแสน้ำที่พัดแรงจนปลาดาวเกือบจะปลิวออกไปจากเชือกหลายครั้งถ้าเธอไม่จับมันไว้ให้มั่น แต่ในที่สุดเชือกก็ขาดออกจากกัน และขณะนั้นเอง ปลาดาวเตรียมจะถีบตัวขึ้นสู่ผิวน้ำเพราะลมที่กักไว้แทบจะหมดเต็มที เธอรู้สึกเหมือนว่ามีมือมาจับบ่าด้านหลัง ปลาดาวรีบหันพรวดกลับไปดูด้วยความตกใจ เด็กสาวตกตะลึงเมื่อหันกลับไปเห็นร่างผู้หญิงคนหนึ่งลอยอยู่ตรงหน้า สมองเธอรับรู้ทันทีว่าสิ่งที่เธอเห็นไม่ใช่มนุษย์ เพราะร่างของมันเปลือยเปล่า ผมสีเขียวเข้มของมันยาวจนพันปิดร่างกายท่อนบนไว้เหมือนกับสาหร่ายยักษ์ ใบหน้าอสุรกายที่เธอเห็นดำคล้ำแต่ดวงตากลับมีสีแดงก่ำ ปลาดาวเบิกตาโพลง ความกลัวพุ่งสูงขึ้นจนทะลุขีดจำกัด เธอกระวีกระวาดถีบตัวขึ้นผิวน้ำอย่างแรงจนตัวลอยขึ้นไปกระแทกกับตัวปานเทพอย่างจัง ปลาดาว! สองหนุ่มเรียกชื่อเธอพร้อมกันด้วยความดีใจ หน้าตาปลาดาวตื่นตระหนก เธอกำลังช๊อค ตัวสั่นด้วยความหนาวและความกลัวที่เข้าจับขั้วหัวใจ พูดอะไรไม่ออกเพราะปากคอสั่นจนฟันกระทบกับกึกกัก ฉลามรีบดึงเธอให้ว่ายน้ำกลับไปที่เรือ ปานเทพรีบตามสองพี่น้องไปขึ้นเรือโดยไม่รอช้า เมื่อทั้งสามปีนขึ้นเรือหางยาวได้สำเร็จ ฉลามรีบไปติดเครื่องและหันหัวเรือกลับไปทางรีสอร์ททันที ปลาดาวยังคงหนาวสั่นแววตาสั่นระริกจ้องไปยังผิวน้ำเขม็ง ปานเทพมองอาการเด็กสาวด้วยความเป็นห่วง ปลาดาวเป็นอะไรหรือเปล่าหนาวเหรอ ชายหนุ่มถามแต่เด็กสาวไม่ยอมตอบ หันมามองหน้าปานเทพ แววตาวิงวอนน่าสงสาร เด็กสาวเอนตัวลงซบอกเขา ตัวของเธอสั่นสะท้านแต่ไม่ได้ปริปากพูดอะไร เพื่อนรุ่นพี่กอดปลาดาวไว้หลวมๆ มือข้างหนึ่งลูบต้นแขนปลาดาวอย่างทะนุถนอม พลางดึงตัวเด็กสาวมากอดเพื่อปลอบประโลม ปลาดาวรั้งตัวชายหนุ่มมากอดไว้แน่นและซบหน้าลงบนแผ่นอกกว้างนั้น ตัวสั่นระริกเพราะความกลัว หนาวหรือปลาดาว พี่ขอโทษที่ทำให้ปลาดาวต้องลำบาก ขอบใจนะที่เสี่ยงลงไปช่วยพี่ ไม่เป็นไร ปลาดาวเต็มใจ ปลาดาวรักพี่ปานนี่คะ พี่ก็รักปลาดาว ปานเทพตอบเธอพลางลูบผมเบาๆ เด็กสาวหัวใจพองโต หลับตาพริ้มในออ้มกอดอันแสนอบอุ่นนั้น คำว่ารักที่ได้ยินลบความกลัวจากภาพน่าสยดสยองที่เห็นไปจนหมดสิ้น โดยที่ไม่รู้เลยว่าคำว่ารักของเธอและเขาช่างต่างความหมายกันโดยสิ้นเชิง
จากคุณ |
:
ฟองทะเล
|
เขียนเมื่อ |
:
19 มิ.ย. 54 14:44:48
|
|
|
|