Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ชีวิตชาวบ้านหาดใหญ่ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง-น้ำมันจากยางพารา ติดต่อทีมงาน

ช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ ที่หาดใหญ่
ขาดแคลนน้ำมันกันอย่างมาก
เพราะเป็นยุทธปัจจัยอย่างหนึ่ง
กองทัพญี่ปุ่นต้องการมากในการใช้ขนส่งสินค้าส่วนหนึ่ง
กับใช้ในกิจการทหารเพื่อการสงครามด้วย
รวมทั้งน้ำมันแต่เดิมที่มีการนำเข้าจากต่างประเทศ
ยี่ห้อ mobil (ม้าแดงบนพื้นสีขาว) ตราม้าบิน
ก็ไม่มีการนำเข้าจากเมืองนอกหรือเป็นสินค้าขาดตลาดด้วยเลย
เพราะภาวะสงครามเลยไม่มีการซื้อขายสินค้านี้
ที่แต่เดิมนำเข้ามาจากปีนัง (มาเลย์)
หรือสิงคโปร์แล้วมาขึ้นที่ท่าเรือปีนังได้
ก่อนจะทะยอยขนส่งเข้ามาขายที่หาดใหญ่

ขุนนิพัทธ์จีนนคร จึงได้ทดลองริเริ่มนำยางพารามาทำเป็นน้ำมัน
ข้อมูลในการเขียนครั้งนี้จะได้จากคำบอกเล่าของ
ลุงกิตติ จิระนคร (บุตรชายคนสุดท้องของท่าน)
การผลิตน้ำมันจากยางพาราของท่าน
น่าจะได้มาจากการสังเกตกลุ่มชาวบ้าน
ที่นำเศษหรือขี้ยางพารามาผสมกับน้ำมันก๊าดแล้วจุดไฟ
จะสามารถจุดไฟก่อเตาได้ดีมาก
เด็ก ๆ ที่ก่อเตาไม่ถนัดมักจะใช้ก่อเตาฟืนหรือเตาถ่านด้วยวิธีนี้เช่นกัน
ก่อนจะเปลี่ยนไปใช้แกสจนชักลืมเลือนวิธีการก่อเตาฟืนกันหมดแล้ว

กับการที่ชาวบ้านโยนขี้ยางลงในเตาไฟ
แล้วมีการหลอมละลายมีกลี่นน้ำมันโชยออกมา
ท่านเลยลองสังเกตโดยการต้มดูก่อน
ปรากฏว่ามีกลิ่นน้ำมันโชยออกมาเช่นกัน
โดยการสังเกตจากคาบน้ำที่ติดตามขอบฝา
มีกลิ่นน้ำมันส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน
รวมทั้งมีประสบการณ์ร่วมส่วนหนึ่งจาก
การสังเกตการกลั่นเหล้าของชาวบ้าน
และได้เรียนรู้จากฝรั่งที่มาทำเหมืองแร่ปีนังติล (Penang Tin)
ที่เหมืองแร่ บ้านดินลาน ในเขตอำเภอหาดใหญ่
ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าอยู่ในเขตอำเภอบางกล่ำ หรือไม่
ทราบว่าการกลั่นน้ำมันจะสามารถกลั่นเป็นชั้นต่าง ๆ กัน
โดยทราบจากการพูดคุยและสอบถามฝรั่งที่เป็นวิศวกรเหมืองแร่
ก่อนที่จะหนีหายไปหรืออาจจะถูกจับเป็นเชลย
สมัยที่ญี่ปุ่นบุกประเทศไทยแล้วก็ได้

ท่านจึงได้ทดลองนำยางพารามาต้มกลั่น
โดยใช้ถังเหล็กทรงกระบอกสองร้อยลิตรจุดไฟข้างใต้
แล้วใส่ยางพาราแผ่นหรือผืนไว้ในถังสองร้อยลิตร
ประมาณสามส่วนสี่ของถังน้ำมัน
ด้านข้างบนสุดใช้กะทะเหล็กใส่น้ำไว้ด้านบน
เป็นน้ำเย็นที่จะคอยเปลี่ยนอยู่เรื่อย ๆ
ด้านข้างกะทะที่วางบนถังเหล็กสองร้อยลิตร
จะใช้เศษผ้าชุบน้ำอุดแน่นไม่ให้ไอน้ำระเหยออกมา
เมื่อยางพาราที่ถูกความร้อนเพราะการต้ม
จะระเหยไอน้ำขึ้นไปจับบนปลายล่างกะทะ
พอกระทบกับความเย็นจะจับตัวรวมเป็นหยดน้ำไหลลงมา
ตรงข้างล่างกะทะก็จะมีถาดหรือกรวย
ไว้รองรับไอน้ำที่หยดลงมาตรงปลายโค้งของกระทะ
ก่อนจะไหลออกด้านข้างของถัง
ซึ่งทำเป็นไส้ไก่ขดพันกันไว้
แช่ในน้ำเย็นที่หมุนเวียน
เหมือนการกลั่นน้ำหรือกลั่นสุรา
น้ำที่หยดออกมาจากการกลั่นนี้
จะมีสีเขียวเหมือนปีกแมลงทับและเย็นกว่าปกติมาก
เป็นน้ำเชื้อหัวแรกของการทำน้ำมันจากยางพารา
จะนำไปเทรวมกันในถังขนาดสี่พันลิตร
หมายเหตุ ยางพาราที่ต้มในถังสองร้อยลิตร
แทบจะไม่มีเศษหลงเหลืออยู่ในถังเลย

เมื่อรวบรวมได้หัวเชื้อน้ำมันจำนวนสี่พันลิตรแล้ว
จะนำมาเพื่อทำการกลั่นอีกรอบหนึ่ง
ด้วยการให้ความร้อนข้างใต้ถังหัวเชื้อดังกล่าว
การกลั่นครั้งนี้ก็เหมือนเดิมคือ
ความร้อนที่ให้จะทำให้เกิดไอน้ำไหลออกด้านบนท่อ
ท่อที่ทำเป็นไส้ไก่หลาย ๆ ขด
ก่อนจะผ่านการควบแน่นด้วยน้ำเย็น
ก็จะหยดออกมาเป็นชั้น ๆ คือ ชั้นแรก
คือ น้ำมันเบนซินประมาณเก้าห้า (ปัจจุบัน)
ต่อมาก็เป็น  น้ำมันก๊าด
ถัดมาคือ  น้ำมันโซล่าหรือดีเซล
ท้ายสุดคือ ยางมะตอย
ซึ่งต้องขูดออกมาทิ้งข้างนอก

การกลั่นน้ำมันใช้ความร้อนที่กะด้วยสายตา
จะได้น้ำมันตามความร้อนที่ให้
ส่วนนำ้มันก็ดูที่สีเป็นหลักก่อน
ตามด้วยกลิ่นของน้ำมัน
โดยค่อย ๆ แยกถังเก็บตามสีและตามกลิ่นของน้ำมัน

น้ำมันดังกล่าวที่ผลิตได้สามารถใช้งานได้เหมือนน้ำมันทั่วไป
แต่จะมีปัญหาคือ หัวนมหนูมักจะอุดตันได้ง่าย มีเขม่าจับมาก
หรือสกปรกกว่าน้ำมันจากการกลั่นน้ำมันดิบแบบปัจจุบัน
แต่เครื่องจักรยนต์หรือเครื่องรถยนต์ในสมัยก่อน
ไม่สร้างสลับซับซ้อนมากมายเหมือนตอนนี้
ดังนั้นการซ่อมและการบำรุงรักษา
ค่อนข้างจะทำได้ง่ายกว่าในปัจจุบันมาก
ปัญหาดังกล่าวจึงไม่ใช่ปัญหาหลักมากนัก
ปัญหาหลัก ๆ คือ กลัวไม่มีน้ำมันใช้มากกว่า

แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 54 19:40:35

แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 54 22:07:17

จากคุณ : ravio
เขียนเมื่อ : 20 มิ.ย. 54 21:39:17




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com