Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เพลงรักในความฝัน The first love song บทที่ 16 ติดต่อทีมงาน

ลิงค์กระทู้บทที่ 15 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10712358/W10712358.html


redrose เชิญอ่านต่อ บทที่ 16



“โอ้โห ที่รักจ๋า แก้วน้ำอยู่แค่นี่ก็ลุกหยิบเองไม่ไหวเหรอจ๊ะ” เสียงพี่เขยล้อเลียนพี่สาวท้องโย้ใกล้คลอดลูกเต็มทีทำให้ปรายนึกฉุนกึกขึ้นมา

“พี่พจน์ลองเอาหินหนักสิบกิโลมาร้อยรอบเอวดูสิ ว่าจะลุกง่ายๆ หรือเปล่า” ปรายคว้าไม้เท้ามาหนีบแขนจะเดินไปหยิบแก้วน้ำให้พี่สาวเสียเอง แต่ปริมเข้าช่วยไว้เสียก่อน

“ฮ่าๆ หนูว่าพุงพี่เปรียวน่าจะยี่สิบโลขึ้นค่ะ ว่าแต่พี่รู้ได้ไงว่าหนักพุง คนเรารู้สึกหนักตัวเองได้ด้วยเหรอคะ”

“ไม่รู้ แต่คิดว่ามันต้องหนักและเดินเหินลำบาก” ปรายก็ตอบไปทั้งไม่แน่ใจ มือพับแขนเสื้อตัวใหญ่ๆ ไว้เหนือข้อมืออย่างพยายามทำใจกับการเปลี่ยนแปลงในเนื้อหนังของตัวเอง ครั้งแรกๆ ที่เห็นกระจกเงา เขาตกใจจนเกือบเสียขวัญ เพราะใบหน้าเขาเหมือนตัวประหลาดที่กลอกลูกตาไปมาได้ “จะกลับกันหรือยังเนี่ยพี่เปรียว”

“อยากกลับบ้านเต็มทีละสิ รอเจ้าปริญญ์ก่อนจ้ะ แม่ให้คนทำอาหารเที่ยงมื้อใหญ่เลี้ยงปรายกับเพื่อนๆ ด้วยนะ อ่อ เดี๋ยวแก้มก็คงไปด้วย อย่าไปคุ้ยเรื่องเก่าๆ จนทะเลาะกับเจ้าปริญญ์ล่ะ เขาจะแต่งงานกันแล้ว”

“ผมไม่คิดจะพูดอะไรสักหน่อย” ปรายรู้สึกร้อนผ่าวๆ ที่ใบหน้าขึ้นมาด้วยความอายเมื่อนึกว่าจะต้องพบแก้ม

“ก็ดี เดี๋ยวพี่ค่อยตามไปที่บ้านตอนบ่ายๆ เลยนะ พี่ต้องไปหาหมอก่อน”

ปรายยกมือลูบพุงพี่สาวอย่างสนใจ “พี่เตรียมของเด็กอ่อนครบหรือยัง นี่ท้องลด เด็กคงกลับหัวแล้ว”

“หา... พูดอะไรนะ ท้องลดเหรอ ?” พจน์สามีของเปรียวขำก๊ากออกมา “สำนวนเหมือนหมอตำแยเลยว่ะ ปราย มีความรู้เรื่องท้องเรื่องไส้ด้วยรึเนี่ย”

“ฮะ ผมรู้สึกว่ามีความรู้เรื่องท้องไส้และ เอ่อ...” ปรายยังนึกเคืองหน้ายิ้มๆ ของพี่เขย แต่เขาก็มองพี่สาวอย่างไม่แน่ใจ “ผมมีความรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเจ้าหน้าที่สาวหน้าห้องฝากครรภ์กับหมอบางคนที่นี่ด้วยฮะ !”


“ปรายพูดอะไร !?” พจน์หน้าถอดสีรีบกระชับแว่น ลุกนั่งตัวตรงเป๊ะ ส่วนเปรียวก็ถึงกับหน้าแหยมองน้องสาวที่ยืนอยู่ด้วยอย่างกลัวความลับอะไรบางอย่างจะถูกเผยไปเข้าหูพ่อแม่ แต่เปรียวก็แค่พูดตัดบทแนะให้พจน์ช่วยสำรวจข้าวของ ให้ปริมโทรหาปริญญ์ แล้วอาสาพยุงปรายไปนั่งบนรถเข็นเพื่อไปรอขึ้นรถกลับบ้านก่อนพลางๆ

พอไกลคนอื่นมา เปรียวก็กระซิบถามน้องชาย

“ปรายรู้เรื่องคุณพจน์กับเจ้าหน้าที่นั่นได้ไง ใครบอกจ๊ะ”

“เอ่อ ไม่มีใครบอกครับ ผม... ผม”

ปรายไม่แน่ใจที่จะพูดว่าเขาแค่ฉุกคิดได้ขึ้นมาก็แค่นั้น

“งั้นช่างมัน แต่อย่าพูดให้พ่อแม่รู้นะจ๊ะ เรื่องใหญ่เปล่าๆ พี่จัดการเองได้”

ปรายพยักหน้ารับปากงงๆ เปรียวขอบใจด้วยยิ้มแสนฝืด เมื่อพนักงานเข็นมาเข็นปรายไปส่งถึงรถ ปริมไปนั่งหน้าข้างคนขับ ส่วนปริญญ์เข้ามาประคองเขาขึ้นรถแล้วนั่งลงข้างๆ ตรงเบาะหลัง

“เป็นไร น้องชาย หน้าตาเหมือนคนเพิ่งหายป่วย !?”

“ก็เพิ่งหายนี่” แต่ปรายยังหันไปมองพี่สาวที่ยืนอยู่กับพี่เขยอย่างกังวล “สงสารพี่เปรียว แกคงกลุ้มใจน่าดู พี่พจน์นี่เจ้าชู้จะตาย”

“ฮึ... หายแล้วจริงเหรอเนี่ย !?” มีเสียงแหลมๆ นุ่มๆ ทักเชิงประชดขึ้นมาจากที่นั่งคนขับ

ปรายถึงได้เห็นว่าแก้มเป็นคนขับรถให้ “อ้าว แก้มเองเหรอ กลับมาเมื่อไหร่ สบายดีมั้ย”

“สบายดี เจอคุณหลายรอบแล้วล่ะ แต่ตอนคุณฟื้น ฉันยุ่งๆ เรื่องหางานทำน่ะ”

“ขอบใจที่มารับ” ปรายกระชับเสื้อที่สวมอยู่สองชั้นหนีสายตาสำรวจของแก้ม

แต่แก้มก็ยิ้มให้แม้จะฝืดๆ ไปไม่น้อย “เมื่อกี๊ที่นินทาว่าพี่หมอพจน์เจ้าชู้น่ะ พูดจริงหรือพูดเล่น แล้วจำได้หรือเปล่าว่าตัวเองหนักกว่าพี่หมอแกมาก”


“จำได้สิ แต่ต่อไปไม่ทำแล้ว” ปรายบอกแก้มอายๆ จังหวะเดียวกับที่เขามองออกไปนอกรถแล้วเห็นผู้หญิงสวยคนหนึ่งขึ้นรถแท็กซี่คนเดียว เขานึกห่วงถึงความปลอดภัยของผู้หญิงคนนั้นจนมองตาแทบไม่กะพริบ โดยไม่รู้ว่ากริยาเขาจ้องสาวยังตกอยู่ในสายตาของแก้ม

“ถ้ายังดูสาวตาเป็นมันแบบนี้ ไม่ต้องบอกคนอื่นว่าหายเจ้าชู้หรอก หายป่วยเมื่อไหร่ ก็ไว้บอกตัวเองเถอะ !”

“ผมไม่เจ้าชู้แล้วจริงๆ” ปรายร้อนตัวจนต้องรีบยืนยันและไม่เข้าใจว่าทำไมห่วงผู้หญิงที่ขึ้นแท็กซี่คนเดียวคนนั้น และเมื่อน้องสาวกับพี่ชายกลับพากันหัวเราะด้วย เขาเลยยิ่งเสียความมั่นใจไม่น้อย “ยังไงผมก็ขอโทษแก้มอีกที”


“ขอโทษอีกที ? ทำยังกะเคยขอโทษแล้วงั้นแหละ เคยขอโทษเมื่อไหร่เหรอ” แก้มดักคออย่างรวดเร็ว แต่ก็ยักไหล่ตามมาอย่างไม่ใคร่สนใจแล้ว “แต่ก็ขอขอบใจ และไม่เป็นไร แก้มลืมเรื่องปัญญาอ่อนนั่นหมดแล้ว แก้มไม่ได้เสียใจมากหรอก แค่เสียฟอร์มน่ะ แต่สาวๆ คนอื่นของคุณ แก้มไม่รู้นะ แล้วอ่านหนังสือพิมพ์มั่งหรือเปล่า ได้ข่าวก้อยของคุณมีปัญหากับต้นสังกัดนี่... มีน้ำใจก็อย่าลืมกลับไปถามไถ่กันมั่ง เพราะยังไงคุณก็ผิดเพราะคุณไปดึงเขามาตอนกำลังรุ่ง พอคุณเดี้ยง เขาก็เลยลำบาก”



“แต่ผม... เคยลองโทรหาก้อยแล้วนะแก้ม ก้อยเค้า... ไม่คุยกับผมเอง”

เสียงอ่อยๆ ยอมจำนนต่อความผิดของปรายทำให้แก้มกลับถอนหายใจเสียเอง

“เฮ่อ ถ้ากล้ารับก็แปลกละ”


“พอๆ เพื่อนเก่าอย่าเพิ่งทะเลาะกัน” ปริญญ์โบกมือปรามสถานการณ์เมื่อเห็นน้องชายทำท่ากังวลเรื่องคนรักเก่าขึ้นมาจริงๆ “เรื่องก้อย เดี๋ยวปรายค่อยถามเจ้าพงศ์ เจ้าป้องมันดูเอาเอง ถ้าเจ้ากริชมาก็ถามเจ้ากริช”



เมื่อถึงบ้านก็ได้พบกลุ่มเพื่อนที่มารอรับปรายอยู่ ทุกคนพากันรับขวัญโดยการชวนคุยเรื่องงาน เรื่องสนุกๆ ในอดีตที่เคยระเริงกับอบายมุขกันอย่างไม่ต้องคิดอะไร และตามด้วยการอ้อมแอ้มเล่าเรื่องก้อยกับกริช เขาฟังด้วยความตั้งใจ แต่ฟังไปไม่เท่าไหร่เขากลับคิดว่าน้องสาวอาจเล่าเขาบ้างแล้วตอนนอนสลบอยู่ก็ได้ เพราะรู้สึกเหมือนรู้เรื่องดีและทำใจได้แล้วว่ากริชกับก้อยคบกัน เพื่อนๆ กลับแปลกใจที่เขาไม่มีท่าทีใดๆ


ปรายยังปล่อยให้เพื่อนกลับไปคุยเรื่องสนุกต่อ ตัวเองมาชวนผึ้งคุย

“เสียดายจังที่ผมหายไม่ทันงานแต่งผึ้งกับพงศ์”

“อือ เราก็เสียดาย ที่จริงพวกเราจะรอปรายอีกหน่อย แต่มีคนแนะนำว่าให้รีบแต่ง เราก็เลยแต่งทันที”

“ดีแล้วล่ะ ไม่เห็นต้องรอใครเลย ขอให้ผึ้งมีลูกเร็วๆ นะ”


“ประชดหรือหรือเปล่า มาชอบเด็กเอาเมื่อไหร่เนี่ย !?” ผึ้งมองหน้าปรายแล้วพูดตรงๆ ตามเคย “ทีตอนนั้นนะ พงศ์ขอให้นายเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว นายถามว่าจะรีบแต่งกันไปไหน เราเกือบได้ตบปากนายน่ะ นายจำได้มั้ย ?”

“จำได้สิ...” ปรายพยักหน้า “ผมเคยทำเรื่องน่าอายไว้เยอะแยะ”

“นี่นายเปลี่ยนไปจริงๆ หรือเพราะร่างกายยังอ่อนแอ !?” ผึ้งยังสำรวจปรายอีกทีเหมือนผู้ใหญ่สำรวจเด็ก แล้วขอตัวไปพบแม่เขา “แม่นายห่วงนายมาก นี่ปรึกษาเราเรื่องทำกายภาพบำบัดให้นาย แกบ่นว่าที่โรงพยาบาลทำเจ็บ แกอยากทำให้เอง นายต้องรักแม่ให้มากๆ นะ ลูกจะดีจะชั่วจนใครจับขึ้นตะแลงแกงประหารชีวิตยังไง พ่อแม่ก็ไม่มีวันลดความรักต่อลูก”


“ขอบใจที่บอกเรา” ปรายยิ้มให้อย่างขอบใจจริงๆ “ต่อไปเราจะเป็นคนใหม่”


“อู้ย ตอบน่ารักเชียว ...ฮึ นึกว่าสอนอะไรหน่อยหน่อย จะตาขวางใส่แบบเมื่อก่อน ถ้านายเปลี่ยนไปจริงๆ แสดงว่ามนุษย์ต้องเจออะไรร้ายแรงเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ แต่ของนายนี่ทั้งแปลกทั้งเจ็บนะ ดังนั้นอย่าหาเรื่องใส่ตัวกันอีก” ผึ้งสรุปยิ้มๆ ยังไม่วายค้อนใส่ปรายทีหนึ่งก่อนลุกไป


พงศ์ที่นั่งฟังอยู่ถึงกับหัวเราะก๊ากนินทาไล่หลังเมียทันที

“เมียกูน่าจะเป็นครู เจอใครก็สอนดะ”

“ผึ้งเป็นคนดี นิสัยดี มรึงโชคดีที่มีเมียแบบนี้”

“อื้อหือ...?” พงศ์แคะหู “เมื่อก่อนมรึงว่ายายผึ้งจะสวยมากถ้าหุบปากได้”


“กูเปลี่ยนไปแล้วมั้ง” ปรายพึมพำ พลางกอดแมวที่คนใช้เอามาให้ด้วยความคิดถึง แล้วนั่งฟังเพื่อนๆ คุยเรื่องเก่าๆ สิ่งที่หลุดจากปากพงศ์กับป้องทุกเรื่องทำให้ปรายมั่นใจว่าเขาความจำปกติ แต่อาจเพราะท้องฟ้าสีครามเหนือหมู่ไม้และสายลมอ่อนๆ ในสนามหญ้าสีเขียวที่พวกเขานั่งอยู่ หรือแมวในอ้อมแขน มันกลับทำให้เขาพยายามคิดในสิ่งที่จำไม่ได้

จากคุณ : rainfull
เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 54 20:50:20




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com