ร่างของฉินอ๋อง ได้รับการคุ้มครองจากลมปราณไร้สภาพชนิดหนึ่ง อานุภาพของมันคล้ายวิชา ค่ายกลกระบี่โค้งของเหวินเหม่ยชิงที่ใช้รัศมีกระบี่คุ้มครองกาย เพียงแต่เป็นลมปราณชนิดหนึ่งที่โคจรทั่วร่างทำหน้าที่ปกป้องร่างกาย ซึ่งวิชานี้ทำให้ฉินอ๋องสามารถต่อสู้กับผู้อื่นโดยมิต้องกังวลเรื่องการป้องกันตัว และนี่คือความลับประการหนึ่งที่ทำให้ ฉินอ๋องจูคัง อยู่มาได้จนทุกวันนี้
นึกไม่ถึงวันนี้จะได้มีโอกาสเปิดหูเปิดตา วิชาร่างอรหันต์ที่หายสาบสูญไปนานที่แท้ก็อยู่กับท่านอ๋องเอง เจียงไคเซ็นกล่าวขึ้น
บัดนี้พวกสามจอมยุทธได้ผละออกจากการปะทะลมปราณกับฉินอ๋องแล้ว
ความจริงแล้วพวกเรามิได้มีความแค้นกันเป็นส่วนตัว พวกเจ้าไปเถิด ฉินอ๋องกล่าวขึ้น
หูจิ่นเช็คกล่าวตอบขอบคุณท่านอ๋องที่เมตตา แต่ว่า พวกเราในเมื่อรับปากทำงานแล้ว ก็จำต้องทำให้สำเร็จ หาไม่แล้วพวกเราก็มิอาจกอบกู้ชื่อเสียงของพวกเราคืนมาได้ วันนี้พวกเราต้องขอเสี่ยงกับท่านสักครั้ง
งั้นก็ลงมือเถิด ฉินอ๋องพูดด้วยน้ำเสียงกร้าว ดวงตามีประกายเจิดจ้า
เจียงไคเซ็นกล่าวกับพรรคพวกพวกเราลงมือพร้อมกัน!!. สี่จอมยุทธตระเตรียมลงมือกับฉินอ๋องอย่างสุดฝีมือ
ด้านฉินอ๋องยังคงยืนนิ่ง แต่ลอบโคจรลมปราณ ทวนในมือยังสงบแต่พร้อมที่จะใช้ออกได้ทุกเมื่อ ส่วนสี่จอมยุทธเริ่มตระเตรียมเข้าจูโจมฝ่ายตรงข้ามเช่นกัน แต่ละคนล้วนเตรียมเอาวิชาก้นหิบมาใช้อย่างสุดความสามารถ จากนั้นก็โผนทะยานเข้าหาฉินอ๋องโดยพร้อมเพรียง
ย้าก
.. พวกเราสู้ตาย พวกมันเปล่งเสียงเรียกขวัญกำลังใจระหว่างทะยานเข้าไปสู้ตายกับฉินอ๋อง
แต่แล้ว!!!
ระหว่างที่พวกมันพุ่งเข้าหาฉินอ๋องห่างไม่เกินสองวาก็พลันปรากฏวัตถุประหลาดพุ่งแหวกมาจากด้านข้างเสียงดัง ฟุ่บ. ฟุ่บ.. ฟุ่บ
ทำให้พวกมันต่างพากันชะงักชั่วครู่ เมื่อพวกมันเห็นวัตถุประหลาดนั้นชัดเจนต่างก็พากันประหลาดใจ
เป็นพัดจีบเล่มหนึ่ง ลูกประคำเม็ดหนึ่ง และก้อนหินก้อนหนึ่ง
พวกมันโคจรพลังลมปราณเต็มที่พร้อมพุ่งเข้าหาฉินอ๋องด้วยความรวดเร็วดุจสายฟ้า ทว่าของสามสิ่งนี้กลับพุ่งเข้ามาขวางได้ นั่นแสดงว่าคนที่ซัดของเหล่านี้เข้ามาสกัดย่อมต้องมีพลังภายในที่ไม่ธรรมดา
ผู้มาใหม่อยู่ในชุดสีม่วง มองเผินๆ จะเป็นบุรุษก็ไม่ใช่ สตรีก็ไม่เชิง
เป็นกู่ฮวยฮวยเอง!
ที่แท้เมื่อตอนที่กู่ฮวยฮวย กำลังจะจับ เหวินเหม่ยชิงส่งให้กับหลี่เฉินเชียงในครั้งนั้น กลับถูกสอดแทรก จากของสามชิ้นคือ พัดจีบ เม็ดประคำ และก้อนหิน ทำให้มันทำงานพลาด แถมยังบาดเจ็บสาหัส
มิคาด!!!
ที่แท้กู่ฮวยฮวยกลับเก็บของเหล่านี้ไว้ราวกับหญิงสาวที่เก็บของฝากรักจากชายหนุ่ม หากแต่ความรู้สึกข้างในย่อมแตกต่างอย่างสิ้นเชิง นั่นคือ มันเต็มไปด้วยไฟแค้น!
มันน้อมคาราวะฉินอ๋องแทบจะจรดพื้น ข้าน้อยอดีตเป็นพ่อบ้านแห่งพรรคฉิกจับอิด เคยถูกคนพวกนี้ฝากรอยแค้นเอาไว้ วันนี้ข้าน้อยจะมาขอเอาคืนบ้าง ขอท่านอ๋องทรงประทานอนุญาตด้วย
พูดพลางมันทำท่าจะถอดเสื้อโชว์รอยแค้นให้ฉินอ๋องดู เล่นเอาท่านอ๋องโบกไม้โบกมือพัลวัน
เอาเถอะๆ ข้าอนุญาต ฉินอ๋องระล่ำละลักตอบไปอย่างรวดเร็วเพราะกลัวงานจะเข้า
ด้านสี่จอมยุทธหลังจากงงงันอยู่ชั่วครู่จึงพอจำได้ ต่างหันมาซุบซิบกัน ดูมันเชลียร์ท่านอ๋องซิ คาราวะซะแทบติดพื้นจนก้นมาชี้หน้าพวกเราเลย หูจิ่นเช็คกล่าว
เจียงไคเซ็นคุณชายกรุ้มกริ่ม เพ่งพิจารณาแล้วเอ่ยรำพึงรำพรรณ ความจริงก้นมันกลมกลึงดี ทำเอาอีกสามคนมองหน้ากันไปมา
กู่ฮวยฮวยได้ยินวาจาถากถางก็สะบัดหน้ากลับมาเผชิญหน้าคนทั้งสี่ ทว่าใบหน้าของมันยังมีรอยยิ้มอันลี้ลับ กล่าวว่า วันนั้นพวกท่านลอบกัดข้าพเจ้า วันนี้ข้าพเจ้าคงต้องขอชำระบัญชี
ด้านเจียงไคเซ็นกล่าวว่า พวกเราต้องขออภัย วันนั้นพวกเรามิอาจปล่อยให้ท่านจับตัวแม่นางเหวิน ไปมอบแก่หลี่เฉินเชียงได้พวกเราต้องการลดทอนกำลังใจของมันไม่ว่าเรื่องใดก็มิอาจให้มันสมหวังได้ หากได้ล่วงเกินท่านพวกเราต้องขออภัยอีกครั้ง
พวกเจ้าหยุดพล่ามได้แล้ว !!!มันตวาดด้วยเสียงแหลมสูง
ข้าพากเพียรฝึกวิชากระบี่จนหัวเข่าด้าน วันนี้จะต้องล้างแค้นกับพวกเจ้าให้ได้
พวกมันทั้งสี่ได้ยินถึงกับหน้าซีด เหงื่อตก ฝ่ายตรงข้ามฝึกฝนกระบี่จนหัวเข่าด้าน!
ขนาดหัวเข่ายังด้าน ตรงอื่นไม่ต้องพูดถึงว่าจะผ่านการฝึกฝนมาขนาดไหน?
วันนี้ข้าพเจ้าจะให้พวกท่านลิ้มรสเพลงกระบี่ดรุณีที่แท้จริง
เพลงกระบี่ดรุณี! พวกมันต่างพากันอุทานพร้อมกัน
คัมภีร์วิชากระบี่ในตำนานที่บรรดาขันทีในวังหลวงต่างพากันด่าทอตบตีแย่งชิง กันเพื่อครอบครองเล่มนั้นนะหรือ?
ข้าได้ยินว่าหากคิดจะสำเร็จวิชานี้ ต้องเชือดหนอนชาเขียวทิ้งเชียวนา พวกมันซุบซิบแผ่วเบา
มิน่าเล่า ท่าทางถึงได้ประหลาดเช่นนี้
โธ่ อีกระเทยโอทอป
กู่ฮวยฮวยถูกด่าว่ากระเทยบ้านนอกก็โกรธจัด
ไอ่พวกสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก ไอ่นรกเห่ย-เห่ยเป่ย ไอ่พวกชอบตำแตง
หนอนแดงกินหมี่ หลงชะนีชีเน่ ชอบเร่ฉิ่งฉับ ไอ่พวกอัปีรย์สิด
โดนจัดชุดเล็กเข้าไป พวกมันถึงกับทำหน้าเหรอหรา หูจิ่นเช็ค กัดฟันด่าตอบไอ่ฮุนเซน
ทำเอาอีกฝ่ายโกรธจนหน้าเขียว หน้าเหลือง ม่วง
ผายลม ข้าจะจัดหนักให้กับพวกเจ้า มันเปลี่ยนจากเสียงแหลมเล็กคล้ายสตรีไปเป็นเสียงใหญ่ทุ้มต่ำ
จากนั้นชักกระบี่เข้าจู่โจมจอมยุทธทั้งสี่ พร้อมใช้ออกด้วยกระบวนท่าแรกของเพลงกระบี่ดรุณีอันลือลั่น แสงจันทร์ แสงตะวัน พร่างพราว ท่านี้ใช้ออกด้วยความรวดเร็วว่องไวยิ่ง ประกายดาวพร่างพราวทั่วบริเวณ
เหล่าสี่ยอมยุทธ ต่างตั้งรับกันเป็นพัลวัน อานุภาพของกระบวนท่านี้ รุกเร้า จนพวกมันต้านทานแทบไม่ไหว
ยังมิทันให้ฝ่ายตรงข้ามตั้งหลักได้ พ่อบ้านแห่งฉิกจับอิดก็พลิกแพลงใช้ออกด้วยกระบวนท่า เป็นเพียงแสงไฟ ใกล้ริบหรี่อยู่ในแสงเทียน กระบวนท่านี้สร้างความกดดันให้พวกมันอย่างหนัก
เจียงไคเซ็น ถึงกับกล่าวกับพรรคพวก ข้าฯจะทนไม่ไหวแล้ว! ส่วนหูจิ่นเช็คกล่าวเตือนสติพรรคพวกว่า ทนอีกนิดพวกเราต้องรวบรวมกำลังเข้าต้านทานให้ถึงที่สุด เหล่าจอมยุทธทั้งสี่ต่างรวบรวมเกร็งพลังลมปราณ พร้อมใช้อาวุธปัดป้องอุดตะลุด
ทว่าอีกฝ่ายยังร่ายรำกระบี่เข้าใส่อย่างต่อเนื่องด้วยกระบวนดั่งใจฉัน ใกล้ดับ พร้อมกับแสงเทียน แต่ละกระบวนท่าล้วนพลิ้วไหว วูบวาบ จนฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถตอบโต้ได้ ได้แต่อดทนเป็นฝ่ายตั้งรับอยู่ด้านเดียว
การต่อสู้ยามนี้จึงกลายเป็น หนึ่งรุมสี่ ไปโดยปริยาย กู่ฮวยฮวยยังคงร่ายรำเพลงกระบี่อย่างต่อเนื่องอีกหลายท่า
.
จนกระบวนท่าสุดท้าย ตอบฉันได้ไหม ว่าฉันผิด ผิดอย่างไร
กระบวนท่าสุดท้ายนี้ทำเอาพวกมันสุดจะกลั้น ความจริงพวกมันทนมาได้ถึงกระบวนท่านี้ก็ต้องถือว่า ทนเกินขีดจำกัดไปแล้ว
พวกมันต่างพากันหัวเราะจนล้มกลิ้งล้มหงายสลับ ร่ำไห้โฮ น้ำหูน้าตาไหล บ้างก็คร่ำครวญโศกเศร้า บ้างก็ตีอกชกตัว เอาหัวโขกกำแพง บ้างก็ฮาเกลือกกลิ้งลงกับพื้นแล้วซบหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด ขี้มูกขี้ลายไหลหยดย้อย เป็นที่น่าอเนจอนาถ
หูจิ่นเช็ค ข้าฯไม่ไหวแล้วๆ ฮือ ฮือ ทำท่าเหมือนจะขาดใจตาย
โอย โอย นี่มันเพลงกระบี่บ้าอะไรวะเนี่ย ฮ่า ฮ่า โฮก โฮก
ความจริงพวกมันผาดโผนในยุทธภพ ผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน หากแต่เพลงกระบี่เยี่ยงนี้พวกมันสุดจะทานทน
จากนั้นพวกมันก็วิ่งเตลิดเปิดเปิง ล้มลุกคลุกคลานไปคนละทิศละทาง อย่างทุลักทุเล
ด้าน เหมาเจ๋อหมิน เห็นดังนั้น จึงผละจากการต่อสู้กับฟาหลินซี หันมาชี้หน้าด่ากู่ฮวยฮวย อีเจ๊โบ ฝากไว้ก่อนคราวหน้าพวกข้าฯจะมาคิดบัญชี
จากนั้นก็รีบแล่นติดตามพรรคพวกพวกไป
มาไวๆ อย่าได้ช้า ไอ่หน้าปลวก
ด้านฉินอ๋องจูคัง เห็นพวกเหล่าจอมยุทธทั้งห้า ล่าถอยไปแล้ว จึงได้กล่าวขึ้นว่า ขอขอบคุณเจ๊โบที่ช่วยเหลือ...
กู่ฮวยฮวยหันมาจ้องหน้าอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาดุดัน ทำเอาฝ่ายต้องข้ามถึงกับต้องกระโดดแผลวถอยห่างไปอย่างรวดเร็ว เพราะเกรงกระบี่ของอีกฝ่าย แต่เมื่อพ่อบ้านแห่งพรรคฉิกจับอิดเห็นใบหน้าอันคมคายงามสง่าของฝ่ายตรงข้าม ดวงตาก็พลันเปลี่ยนเป็นหวานฉ่ำกล่าวขึ้นด้วยเสียงอ้อยอิ่ง
ข้าพเจ้ามีนามว่า กู่ฮวยฮวย อดีตเป็นพ่อบ้านของพรรคฉิกจับอิด ปัจจุบันตกงานกำลังหาคนเลี้ยงดูอยู่
ทำเอาฝ่ายตรงข้ามได้ยินถึงกับขนลุกเกรียว ยังมิทันได้โต้ตอบ อีกฝ่ายกล่าวต่อด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย คนบ้าอะไรจะชื่อเจ๊โบ
จากนั้นมันเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกใจ
ตายแล้ว ๆ ซังเอ๋อหายไปไหนเนี่ย แล้วยังพ่อหนุ่มรูปหล่อนั่นอีก เฮ้อ บอกแล้วว่าอย่าเที่ยวเล่นซุกซน
จากนั้นกล่าวต่อ ท่านอ๋อง หม่อมทูลลาล่ะปะก๊ะ แล้วหายตัวไปในพริบตา
แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 54 19:28:21
แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 54 14:53:21
แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 54 14:51:03
แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 54 14:49:03
แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 54 14:39:24