Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
พิศวาศ ณ ยามสาง - 19 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10647251/W10647251.html


บทที่ 19

ด้วยความปรารถนารวบรัดตัดความ ปีศาจเสน่หาจึงไม่ยอมโอนอ่อนให้สามีฉากหลบความมุ่งมั่นที่กำลังทำ ปุราณจึงต้องเลียปากหงุดหงิด และรู้สึกโกรธที่ร่างอรชรของวัสอรย้ายปราดมาขวางหน้าประตู ในแววตาก็ฉายไฟกามส่องโชนกันจะจะ

"สรัล ผมขอร้องเถอะ เท่าที่คุณทำอยู่ ผมก็ผิดหวังมากเสียจนไม่รู้จะบอกคุณยังไงให้เข้าใจแล้วนะ แต่ถ้าคุณยังทำอะไรที่มันน่าเกลียด เหมือนที่ผู้หญิงชั้นต่ำเขาทำกันอยู่อย่างนี้อีก ผมว่าเราคง.. "

"ทำไมคะ ที่สรัลทำมันผิดตรงไหนหรือ" ภรรยากรีดเสียงตัดพ้อ น้ำตาเริ่มรื้นอย่างน้อยใจ "สรัลไม่เคยคิดร้ายใครสักหน่อย สรัลทำทุกอย่างก็เพื่อความรักของเรานะคะ เรารักกันไม่ใช่หรือ ปูยังเคยบอกเลยว่าอยากให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม ก็นี่ไงคะ ชีวิตที่เหมือนเดิมของเรา แค่ว่ารูปร่างหน้าตาของสรัลเปลี่ยนไปเท่านั้น แต่ปูสัมผัสสรัลสิ สรัลเหมือนเดิมทุกอย่าง สรัลเป็นภรรยา.. "

"คุณยังเป็นภรรยาของผม เป็นภรรยาที่ผมรักหมดหัวใจ ผมถึงได้พยายามขอร้องว่าให้หยุดเถอะ เพราะสิ่งที่คุณทำ มันกำลังทำร้ายความรักของเรา ผมไม่อยากเห็นความรักที่เคยมีอย่างล้นปรี่ ค่อยๆ งวดลง จนหัวใจที่เคยชุ่มฉ่ำของผมเหลือเพียงความว่างเปล่า แล้วแห้งผากไปในที่สุด อย่าทำร้ายความรักของเราแบบนี้ได้ไหม"

"ไม่ได้" สรัลตวาดแหว กระชากคอเสื้อของสามี พาใบหน้าเศร้าหมองของเขามาประจันกับแววตาเดือดดาล "สรัลไม่สนว่าความรักของเรามันจะแห้งหรือจะหายไปจากหัวใจของปู สรัลสนแค่ว่า สรัลต้องได้อยู่กับปูอีก เข้าใจหรือเปล่า"

"สรัล"

"ออกไปกินอาหารเช้า สรัลเท่านั้นที่เป็นคนกำหนดว่าเราจะอยู่ด้วยกันแบบไหน ยังไง ให้เรามีความสุขที่สุด และเหมือนเดิมที่สุด อย่าบังคับให้สรัลต้องทำร้ายร่างของนังนี่เลยนะ หรืออยากจะลอง"

ปีศาจใจอำมหิต ไม่ได้ท้าทายแต่ปาก หล่อนปราดไปหยิบมีดมาชูด้วยท่วงท่าน่าหวาดเสียว ทำท่าจะเฉือนเนื้อบนท่อนแขน จนปุราณตาโตใจหาย รีบปรี่เข้าไปขัดขวางลนลาน ปากก็ร้องห้ามละล่ำละลัก

"ไม่ได้นะ ไม่ได้ อย่าทำอย่างนี้ หยุดเดี๋ยวนี้ วางมีด สรัล วางมีด สรัล"

"จูบก่อน แล้วต้องจูบให้สรัลรู้สึกได้ว่ามันเป็นจูบแห่งรักของเรา"

"สรัล"

ปุราณครางเหลือเชื่อ กระอักกระอ่วนจนอยากจะกลั้นใจตาย ไปถามใครดูสิ เขามีทางเลือกอื่นอีกไหม ที่พอจะปกป้องร่างของวัสอรเคราะห์ร้ายคนนี้ คงไม่มีละสิ ก็ในเมื่อไม่มี แล้วเขาจะบ่ายเบี่ยงได้ยังไง

"ไม่นะ ฝนไม่เอานะ อย่ามาซี้ซั้วกับฝนนะคุณปู หาวิธีอื่นไม่ได้หรือ"

แล้วเสียงร้อนรนของวัสอรก็แว่วเข้ามาทักท้วงในโสต พร้อมกับเงาเจ้าของร่าง ก็ค่อยปรากฏกระวนกระวายในแก้วตาสีน้ำตาลอ่อน

ปุราณได้ยินและแลเห็นด้วยจิตสะทกสะท้อน เธอรุ่มร้อนว่าปากสวยจะต้องมาเปื้อนราคีด้วยจูบแรกของชายพ่อหม้ายใช่ไหม แต่เธอเห็นหรือเปล่า สรัลไม่ยอมวางมีดเลย จะให้เขาทำยังไง

"คุณปู ฝนไม่เอานะ คุณปู"

สรัลลอบแตกตื่นเงียบๆ กับพลังจิตแข็งกล้าของวัสอร หล่อนได้ยินสาวตัวแสบร่ำร้องประท้วง ปุราณก็ทำท่าลังเลเหมือนเกรงใจ เขาเลียปากนิ่วหน้าอย่างอึดอัด จนหล่อนต้องรีบเร่ง

"ไม่จูบหรือคะ ไม่จูบ เราก็ต้องแลกกันหน่อย"

"ไม่ สรัล"

ปุราณไม่ขอคิดมากอีกแล้ว แม้จะสงสารเวทนาน้ำตาของวัสอรในแก้วตาสีน้ำตาลอ่อน แต่เขาถูกปีศาจร้ายผลักออกห่างไปตั้งสองก้าว แล้วเจ้าตัวก็เงื้อง่ามีดหมายเฉือนแขนอย่างจริงจัง ท่าทางที่เห็น มันก็ดุร้ายและเลือดเย็นยิ่ง

เขาปราดกลับไปกุมข้อมือพิฆาตข้างนั้น แล้วประกบจูบอย่างหลับหูหลับตา หัวใจกำลังร้องไห้ เมื่อระลึกอยู่ตลอดเวลาว่าตนกำลังรังแกจาบจ้วงสาวใสวัยยี่สิบต้นๆ ร่างน้อยสะท้านขึ้น แต่เชื่อเถอะ ไม่ใช่สรัลแน่ที่ตื่นเต้นลนลานอย่างนั้น

วัสอรต่างหาก เธอไร้เดียงสาและตอบสนองไม่เป็น เขาจึงได้แต่ร้าวรานลึก ใจก็แทบสลาย เมื่อประจักษ์ว่าปฏิกิริยาของสาวบริสุทธิ์ คือต่อต้านและขัดขืนอย่างสุดกำลัง

คงไม่มีทางอื่นที่จะช่วยคลายความตระหนกให้สาววัยใสได้เท่ากับละเลงปลายลิ้นลงอย่างนุ่มนวล บรรจงบดเคล้าเนื้อปากอ่อนอย่างทะนุถนอม ริมโสตได้ยินเสียง 'กึก' แผ่วเบา ก็เดาว่ามีดคงหลุดมือร่วงลงพื้นไปแล้ว

แต่สาววัยใสในอ้อมกอดนี่สิ ยังไม่หายตระหนกเลย ผละจูบตอนนี้ เธอจะน่าสงสารเกินไปไหม ถ้าอย่างนั้น ก็ให้เขาปลอบประโลมต่อไปอีกหน่อยเถอะ

"คุณปู"

"อืม ใจเย็นนะ แข็งใจไว้ ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี แค่จูบเอง"

"แค่จูบเองหรือ แต่มันจะเป็นจุดเริ่มต้นของการติ๊ดชึ่งนะ ฝนไม่เอา"

โอ้ พอโดนเสียงแง่งอนย้อนใสๆ มาแบบนี้เข้า ปุราณก็เริ่มรวนเลยล่ะ บอกไม่ถูกว่า ตอนนี้มันรู้สึกขมขื่นหรือขบขันกันแน่ วูบหนึ่ง ก็นึกทึ่งในจิตอันแข็งกล้าของสาวแม่บ้าน

บางที เธอเองก็คงกำลังพยายามช่วยเหลือตัวเองให้หลุดพ้นจากการครอบงำอย่างไม่ย่อท้อเช่นกัน เขาก็อยากช่วยเหลือเธอ แต่เวลานี้สิ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาเข้าแล้ว ทำไมยิ่งจูบก็ยิ่ง 'เผลอไผล'

ยอมรับว่า ณ นาทีแรก มันเป็นจุมพิตจำใจ แต่ถัดไปอีกสองสามนาที ปุราณก็พลันวาบหวามซาบซ่านอย่างประหลาด สัมผัสจากแรงบดขยี้ และปลายลิ้นที่ควานกระทบกับลิ้นเล็กที่ไม่คุ้นเคย ดั่งจะก่อกลั่นกลิ่นแห่งเสน่าที่แปลกเปลี่ยน ให้อบอวลอยู่ในอารมณ์กระสัน

ร่างกายแลร้อนสลับเย็น หนักสลับเบา ก่อนจะรู้สึกวืดหวือคล้ายโดนกระชากตกลึกลงสู่ห้วงพิศวาสห้วงใหม่ ที่ไม่เคยนึกเคยฝันว่าจะได้เจอ

'โอ.. ตายแล้ว' พ่อหม้ายกายกระสันลอบร้องอุทานในใจอย่างแตกตื่น ตระหนักว่าตนเผลอใจหลงใหลรสจุมพิตแรกที่กลืนกินได้จากเนื้อปากอ่อนของวัสอรเข้าแล้วจริงๆ ดูสิ ทำไมใจเหมือนจะขาดอย่างนี้เล่า ตลอดร่างก็แลสะท้าน แทบจะทานทนต่อความปวดร้าวรุนแรงไม่ไหวเอาเสียเลย

ทั้งหมดนี้ คือปฏิกิริยาต่อต้านรุนแรง เพียงเพราะว่า ได้ยินจิตใต้สำนึกอันเร้นลึก มันปรามกระวนกระวายให้ยุติจุมพิตเร่าร้อนลง ด้วยคำสั่งสั่นๆ แค่ว่า 'พอเถอะ'

ในขณะที่สามีเผลอใจเร่าร้อนต่อจุมพิตแรกในรอบสามปี ฝ่ายปีศาจภรรยากลับแผดเสียงคลุ้มคลั่งอย่างเดือดดาลอยู่ในจิตผิดหวังสุดขีด ทำนองว่า 'ไม่จริง มันต้องไม่จริง มันต้องไม่มีวันเป็นจริงอย่างนั้น ไม่จริง'

มันเป็นเหตุอัศจรรย์ที่สรัลคาดไม่ถึงเสียจริงๆ มันแปรเปลี่ยนบัดซบเช่นนี้ได้ยังไง จุมพิตแรกที่ปรารถนาและเฝ้ารอมานานกว่าสามปี ถูกวัสอรฉกฉวยไปต่อหน้าต่อตาอย่างนี้ละหรือ แม่บ้านสารเลวคนนี้ กำแหงหนักข้อเสียจนหล่อนอยากจะฉีกเนื้อเอาเกลือทานัก

"เธอมันสารเลว หน้าด้าน ไร้ยางอาย กำแหงจะเป็นศัตรูกับฉันเหมือนยายของเธอใช่ไหม นึกว่าฉันสิงร่างเธอไว้อย่างนี้ แล้วไม่กล้าทำอะไรเธอละสิ"

"อย่ามาว่าฉันอย่างนี้นะ คุณต่างหาก มักมากในกามจนไม่รู้จักดูเวล่ำเวลา ไม่รู้จักอายผีสางเทวดา นึกอยากจูบอยากกอดกับสามีตรงไหนก็ทำ น่าเกลียดที่สุด นี่ไม่ใช่เมืองฝรั่งนะ แค่หยุดชะงักตรงทางม้าลายก็จูบได้ลูบได้"

"วัสอร นี่เธอกล้ามาตำหนิฉันหรือ"

"ทำไมจะไม่กล้า คุณขโมยร่างฉันไปนะ คุณยังหวังว่าจะให้ฉันเกรงใจอยู่อีกหรือ ออกไปจากร่างของฉันเดี๋ยวนี้ ฉันไม่รู้ว่าคุณเข้ามาสิงได้ยังไง แต่ฉันจะไม่ยอมให้คุณมาแย่งร่างของฉันไปติ๊ดชึ่งตามใจชอบแน่"

'เหนื่อย' นั่นคือวูบแรกของวัสอร พลังจิตของเธอไม่แข็งกล้ามากพอจะฮึดสู้กับพลังจิตของปีศาจร้อนรัก เธออ่อนเพลียมาก แล้วพานทำให้ร่างกายอ่อนระทวยไปด้วย โดยที่เธอไม่นึกรู้สักนิดว่า สรัลเองก็เหนื่อยมากเหลือเกิน หาไม่แล้ว ร่างของเธอก็คงไม่ระทวยจนต้องรีบหย่อนนั่ง




ปุราณกลับออกไปแล้ว หลังจากตัดใจแทบตายกว่าจะยอมถอนจุมพิต เขาจึงไม่ได้ยินสองสาวปะทะคารมกันอย่างหนักหน่วง ภายใต้ร่างเพียงร่างเดียวของวัสอร

เวลานี้ ในดวงตาเรียวสีน้ำตาลเข้ม ฟุ้งกระจายไปด้วยละอองเสน่หา เขาไม่กล้าสบตากับพริ้มเพรา เกรงว่าหล่อนจะพบเห็น มันเป็นความรู้สึก 'อาย' หากจะให้สาวใช้จับได้ว่า เขากำลังซาบซ่านกับรสจูบไม่เต็มใจในตอนแรก แต่อยากได้ไม่สิ้นสุดจังเลยในตอนหลัง แถมยังเป็นจูบของตัวเองเสียอีก

สายตาร้อนสวาทหมั่นหันเหไปยังบัวฉัตรขาวซึ่งกำลังเบ่งบานเต็มที่ กลีบขาวกรีดกระจายอวดความเรียวมน ฐานเขียวชอุ่มเบื้องล่างรองรับอย่างปกป้อง ขณะนี้ มันกำลังขยับเลื่อนไปซ้ายทีขวาที กระทบพันธุ์ไม้น้ำที่รายล้อม พอผีเสื้อปีกสวยบินโฉบลงแตะ มันก็ขยับไหวแรงขึ้นอีกนิด

'ป่านนี้ วัสอรจะเป็นยังไงบ้าง เกลียดเขามากไหม รังเกียจจูบแรกที่ต้องมาสูญเสียไปให้กับพ่อหม้ายคนนี้หรือเปล่า'

หัวใจเฝ้าตั้งคำถาม หากแต่เจ้าของหัวใจกลับไม่กล้าควานหาคำตอบ มันแปลกเกินไป เมื่อฉุกคิดขึ้นมาว่า ตนหวาดกลัวคำตอบในเชิงลบ

เมื่อดึงสายตาไม่ซื่อแก่รักแรกกลับมา ปุราณก็จงใจใช้มันจ้องมองอาหารเช้าตรงหน้าเท่านั้น เพราะเขาทำอย่างนี้ จึงไม่เห็นว่า พริ้มเพราก็เกิดอาการกระดากกระเดื่องจนไม่กล้ามองเขาได้อย่างเต็มตาเช่นกัน

มันก็เป็นเพราะว่าหล่อนผิดสังเกตที่เขาออกมาช้า จึงลองกลับเข้าไปดูในครัวอีกครั้ง แล้วพบกับภาพจุมพิตพิศวาสใกล้โต๊ะเตรียมอาหาร

แม้จะเห็นว่ามีมีดเล่มหนึ่งตกอยู่ใกล้ปลายเท้าของวัสอร แต่มันก็ไม่ได้สร้างความตกใจหรือตกตะลึงได้เท่ากับภาพบดเบียดเสียดสีเนื้อต่อเนื้อของหนุ่มสาว

'คุณพระช่วย' ตอนนั้น พริ้มเพราก็อุทานตะลึงพรึงเพริดเช่นนั้น สองขาเหมือนถูกบางอย่างกดทับให้ยกขยับไม่ได้ชั่วคราว ประหนึ่งจะบังคับให้หล่อนต้องอ้าปากหวอตาค้างและจับภาพเร่าร้อนเมามันให้นานอีกหน่อย

จะได้เห็นอย่างละเอียดลออว่า ปุราณสอดแขนรัดร่างอรชรของวัสอรด้วยท่าทีกระหายมากแค่ไหน เขาโยกย้ำลำตัวลงไปเบียดกับร่างน้อย บีบคั้นให้วัสอรต้องถอยหลังไปปะทะตึกกับขอบโต๊ะเตรียมอาหาร เธอหมดทางบ่ายเบี่ยงอีกแล้ว นอกจากจำนนต่อการเสียดสีกระชากกระชั้น หากแต่น่าจะ 'ร้อนแรงจัง'

ไม่เพียงเท่านั้น ในความทรงจำอันตื่นตะลึงของพริ้มเพรา ยังประทับเสียงครางรัญจวนอย่างบอกไม่ถูกของเจ้านายพ่อหม้ายไว้เต็มสองหู

เขาทำท่าราวกับเคลิ้มหรือแอบคลั่งไคล้วัสอรมาเนิ่นนาน แล้วพอได้จังหวะถึงตัว ก็ถาโถมเข้าใส่อย่างไม่ยั้ง จนวูบหนึ่ง หล่อนก็แทบไม่อยากเชื่อว่า นั่นคือบัญชาราคะของปีศาจสรัล

พริ้มเพราไม่เข้าใจก็ไม่แปลก แต่ปุราณซึ่งก็ไม่เข้าใจด้วยนี่สิ ถึงจะเรียกว่าแปลกกว่า แต่มันก็ช่วยไม่ได้ที่เขาจะงุนงงและสับสนต่อกระแสอารมณ์ร้อนแรงที่ถาโถมประหนึ่งน้ำบ่า จนเขาเองก็แทบจะตั้งรับกระแสกระสันนั้นไม่ทันและไม่ไหว

แม้แต่เวลานี้ ตักอาหารเข้าปากไปหนึ่งคำ ใจก็กระสันเสียวตามไปหนึ่งจังหวะ สมาธิไม่ได้รับรู้กับความอร่อยของอาหารในปาก แต่กลับไปเคลิ้มละเมอกับรสจุมพิตในห้วงรัญจวนอย่างดื่มด่ำ

ความจริงก็คือ ตลอดสามปีที่ผ่านมา พ่อหม้ายหนุ่มไม่เคยก่อสายสวาทร่วมคู่ชู้ชื่นสู่ภรรยาผู้พรากจากอย่างจริงจังเลยสักครั้ง

ทั้งหมดที่เขาคิดไปว่ามีความสุขเสียจัง อิ่มเอมนักหนากับรสสวาทที่ตักตวงได้ แสนสำราญกับการปรนเปรออย่างเร่าร้อน เขาแลเห็นภาพเหล่านั้นด้วย และนึกว่าตนได้รับมันทั้งหมดด้วยกาย

แต่เปล่าเลย ภาพเหล่านั้น มันคือมายาที่จิตราคะอันแข็งแกร่งของสรัล กำหนดให้มันเกิดขึ้น หรือบอกให้ชัดเจนกว่านี้ก็คือ ทั้งหมดเป็นเพียง 'ภาพหลอน'

แรงกามที่ซ่อนซุกอยู่ใต้ผืนอารมณ์แห่งความโศกเศร้า มันยังทรงไว้ซึ่งพลังแห่งการปลดปล่อย เพียงแค่รอเวลา และเห็นลู่ทางอันเหมาะอันควร มันก็จะไม่รอช้าต่อการพาตัวพุ่งทะยานออกไปอย่างคลุ้มคลั่ง

ด้วยเหตุผลที่ตั้งอยู่บนครรลองของความรู้สึกตามธรรมชาตินี้เอง จึงอธิบายได้ว่า ทำไมปุราณจึงเกิดความปรารถนาร้อนแรงจับจิตเสียขนาดนี้

ก็ในเมื่อตลอดสามปีที่ผ่าน เขาจับต้องได้เพียงหมอกควันที่หลอนให้เป็นร่างของภรรยาสุดที่รักเท่านั้น หากแต่เนื้อนุ่มแน่นของวัสอร มันคือตัวตนแท้จริง ที่เขาสัมผัสได้ด้วยเนื้อแท้ของตัวเอง

แล้วเนื้อต่อเนื้อมันชิดมันเบียดกันเสียขนาดนั้น มีหรือจะไม่กระตุ้นให้อารมณ์รักมันคุ แล้วผู้ชายธรรมดาคนนี้ มีหรือจะทัดทานความแรงร้อนของมันไหว มีหรือที่หัวใจ ซึ่งมืดแห้งด้วยว่าไร้แสงแห่งเสน่หา ร้างหยดน้ำแห่งสายสวาท จะไม่รีบก่อไฟจุดชนวนพิศวาสให้มันลุกโพลง

อาหารเช้าไม่อร่อยจริงๆ ปุราณจึงฝืนกลืนกินไปได้แค่สามสี่คำ เขาต้องลุกไปยืนชิดขอบสระ สูดหายใจลึกยาวหลายครั้ง หงุดหงิดที่ไม่อาจข่มความปรารถนาให้สร่างพยศ สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงไม่ใช่เพราะไว้ตัวดังเคย หากแต่มันสั่นเกินไป เขาไม่อยากให้พริ้มเพราแลเห็น




หนึ่งเจ้านายใจกระเจิง กับอีกหนึ่งสาวใช้ใจเพริด ต่างยืนซ่อนซุกความรู้สึกภายในกันคนละมุม สองฝ่ายไม่ยอมหันกลับมาสบตากัน หรือสนทนาฉันนายบ่าว

ซึ่งก็แน่นอนอีกว่า ทั้งสองย่อมไม่อาจรับรู้เหตุการณ์ที่กำลังระอุอยู่ในห้องครัว มันอุบัติหลังจากที่วัสอรได้พักได้นั่งอยู่ครู่หนึ่ง จนรู้สึกได้ว่า 'หายเหนื่อย'

"ฟังให้ดี" เสียงเข้มหนักเฉียบขาดของสรัลประกาศกร้าว "ถ้าคราวหน้า เธอยังกล้ากำแหงออกมาขัดขวางทางรักของฉันอีกครั้ง ฉันจะทำร้ายร่างของเธอให้เจ็บน่วมจนหมอก็ไม่กล้ารักษา"

"ฉันไม่กลัวหรอก" วัสอรตอบโต้แข็งขัน "คุณนึกว่าฉันโง่หรือ ถึงฉันจะไม่ได้เกียรตินิยม แต่ฉันก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่า เวลานี้ มีร่างของฉันเท่านั้น ที่จะทำให้คุณได้กลับมาใกล้ชิดกับคุณปูในฐานะคนอีกครั้ง ผู้หญิงฉลาดอย่างคุณน่ะหรือ จะกล้าทำลายเครื่องมือเชื่อมโยงร่างผีของตัวเอง"

"หุบปากเดี๋ยวนี้นะ" สรัลตวาดเกรี้ยวกราด ใบหน้าวัสอรแดงก่ำขึ้นด้วยฤทธิ์พิโรธของหล่อนเอง "ฉันนึกไว้อยู่แล้ว ตั้งแต่เจอเธอวันแรก ก็รู้สึกตงิดๆ ว่าเธอต้องไม่ใช่สาวพูดง่ายหรือปราบสบาย แล้วมันก็จริง นี่น่ะหรือ หลานสาวแม่นมอ่อน จริงหรือ ทำไมไม่ถ่ายทอดนิสัยนุ่มนิ่มของแม่นมอ่อนมาบ้างเลยล่ะ"

"คุณนี่ก็แปลกนะ ตัวเองเป็นผีเห็นๆ แถมยังมาแย่งร่างคนอื่นไปใช้ ไม่ขออนุญาตสักคำ ตอนนี้ ยังมีหน้ามาตำหนิเจ้าของร่างอย่างโน้นอย่างนี้ ก็ถ้าไม่ชอบนิสัยของฉัน ก็ออกไปจากร่างของฉันเสียสิ ฉันจะได้ไปจากที่นี่ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ ฉันอยากกลับกรุงเทพ"

"เสียใจ" สรัลยักไหล่เยาะหยัน "เธอพูดถูก ร่างของเธอคือเครื่องมือเชื่อมโยงร่างผีของฉันให้กลับมาเป็นคนเหมือนเดิม แล้วทำไมฉันต้องออกไปจากร่างของเธอด้วย คืนนี้ ฉันกับปูจะกอดจูบฟอนเฟ้น แก้ผ้า.. "

"เงียบนะ อย่าพูด น่าเกลียดที่สุด" วัสอรรีบชิงตวาดแหว หน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย "ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่า คุณปูจะรักผู้หญิงปากรั่ว พูดจาน่าเกลียดกับเรื่องในมุ้งได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ฉันไม่ชอบคุณเลย แล้วถ้าฉันมีโอกาสนะ ฉันจะล้างสมองคุณปูให้ลืมภรรยาคนนี้ไปเสียให้เกลี้ยง"

"เธอกล้าหรือ"

"คุณปูน่ะน่ารัก ฉันเชื่อว่าคุณยายต้องไม่โกหก หรือยกยอเขาจนเกินจริง ก่อนหน้านี้ เขาต้องเป็นคนน่าเข้าใกล้กว่านี้แน่ แต่เพราะคุณนั่นแหละ ทำให้เขาเปลี่ยนไป"

"เงียบนะวัสอร"

"ความตายของคุณบีบคั้นให้เขาต้องเก็บตัว และทิ้งทุกอย่างที่เคยมีเคยเป็น เพราะเขารักคุณ ฉันรู้สึกเสียใจแทนเขาจัง ที่แทนที่คุณจะซาบซึ้งในความรักที่เขามีให้ แต่คุณกลับใช้มัน มาทำลายชีวิตของเขา จนแทบไม่เหลือความเป็นผู้เป็นคนอย่างปกติ"

"สารเลว"

วัสอรส่งเสียงไอ เพราะสรัลกำลังโมโห หล่อนบีบคอเธอ เค้นจิกด้วยนิ้วอำมหิต ตาถลึงวาวจดจ้องอาฆาต ยิ้มแสยะเมื่อร่างที่ตนสิงดิ้นขลุกขลัก หล่อนไม่รู้สึกทรมานหรอก แต่ร่างคนต้องเจ็บปวดรวดร้าวแน่

"ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในเวลานี้ของฉันก็ตาม แต่ฉันก็ไม่จำเป็นต้องยอมอ่อนข้อให้เธอลามปามครั้งแล้วครั้งเล่า จำใส่หัวโง่ๆ ของเธอไว้ หากยั่วให้ฉันโกรธมากกว่านี้ เธอจะตายคามือฉัน อยากตายก็เอาสิ อย่างมาก ฉันก็ค่อยไปหาเหยื่อดวงตกรายใหม่ ขโมยร่างมาสิงต่อไป มันไม่เห็นจะยากตรงไหน"

วัสอรน้ำตาไหลพราก เธอหยุดต่อกรกับปีศาจชั่ว เพราะตระหนักแล้วว่า ฝืนดันทุรังไปก็เท่านั้น ร่างกายของตัวเองจะมีแต่เจ็บกับเจ็บ

กระทั่งมืออำมหิตปลดปล่อยคอแดงช้ำเป็นอิสระ เธอจึงค่อยรู้สึกเหมือนได้เจอกับอากาศระลอกใหม่ จึงรีบสูดลนลาน ทรวงกระเพื่อมแข่งกับเร่งหายใจรัวและหอบหนัก สำนึกที่เกาะกุมได้เพียงอย่างเดียวในยามนี้ ก็คือ 'เหนื่อย'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 17:50:32




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com