Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
PSYCHO HELL (จอมใจอเวจี 12).........ส่วนลึกของหัวใจ ติดต่อทีมงาน

ตอนที่แล้ว
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10696504/W10696504.html

=============
จอมใจอเวจี
บทที่ 12…….ส่วนลึกของหัวใจ
: GTW
=============


เฟรี่ป่วย ความจำเสื่อม
เลยถูกตั้งให้เป็นคนรับใช้แบบไม่รู้เรื่องรู้ราว
^__^......


-------

“จำไว้ เธอชื่อเฟรี่ เป็นคนรับใช้อยู่ที่นี่”

“เฟรี่”

สาวตกสวรรค์พึมพำอย่างเลื่อนลอย เราชื่อเฟรี่ แล้วมาทำอะไรอยู่ที่นี่ ตั้งแต่เมื่อไรกัน

สาวใช้ลากแขนหญิงสาวออกจากห้อง  พาไปยังห้องชั้นล่างซึ่งเป็นห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด นางฟ้าตกสวรรค์หยิบนั่นนี่ขึ้นมาดูแบบเก้ๆกังๆ

ไม่ปริปากบ่นแม้แต่คำเดียว

--------

จอมใจอเวจี 12


“เฟรี่เป็นยังไงบ้าง”

นักรบหน้ากากเอ่ยถามสาวรับใช้คนเก่ง ขณะเป็นเวลาบ่ายของวันนั้น ทั้งคู่กำลังพากันยืนคุยกันอยู่ในสวนหลังตึกซึ่งเต็มไปด้วยพืชพรรณมากมาย มองเห็นขุนเขาเสียดฟ้าไกลออกไปยอดเขาสูงหายลับไปกับหมอกเมฆเบื้องบน

“หลับไปแล้วค่ะ คงจะเหนื่อย”

สาวใช้ตอบด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก ต่างฝ่ายพากันเงียบไปพักหนึ่งและคนที่อดรนทนไม่ได้เป็นฝ่ายถามขึ้นว่า

“ทำแบบนี้จะดีหรือคะ”

ไนท์มองไปยังยอดเขาหม่นมัว  เหมือนคิดอะไรเงียบๆอยู่สักพักจึงตอบด้วยเสียงราบเรียบจับอารมณ์ไม่ได้ว่า

“ข้าคิดว่าเป็นผลดีกับนาง อย่างน้อยจะได้รู้จักความยากลำบากของชีวิตบ้าง อันจะเป็นผลดีกับนางต่อไปในอนาคต ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะอะไรก็ควรจะรับรู้อีกด้านหนึ่งของชีวิต อีกอย่างเจ้าก็จะได้รู้ถึงนิสัยใจคอของนางว่าเป็นอย่างไร”

“คุณเฟรี่ไม่บ่นอะไรเลย ตั้งใจทำงานมากเลยค่ะ” น้ำเสียงนั้นมีแววชื่นชม “ให้ทำอะไรก็ทำ ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ”

“ก็คงรู้ตัวว่าอยู่ในฐานะคนรับใช้”

“แบบนี้พอความทรงจำของเธอกลับคืนมา คงเล่นงานคุณไนท์ตายคามือ”

“ท่าทางจะเป็นแบบนั้น”

ปีศาจนักรบให้ความเห็นปนเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอ เป็นเสียงหัวเราะซึ่งไม่ปรากฏให้ได้ยินบ่อยนัก

“ว่าแต่เจ้าอย่าใช้งานนางให้หนักมากนักนะ และคอยดูแลให้ดี อย่าให้คลาดสายตา”

“ไม่ได้หรอกค่ะ จะต้องใช้งานให้หนัก โอกาสแบบนี้หาได้ง่ายที่ไหน มีนางฟ้าลงมาเป็นลูกน้อง ตายแล้วเกิดใหม่ก็คงหาไม่ได้ ฉะนั้นต้องใช้งานให้หนักจึงจะขัดเกลานิสัยของคุณเฟรี่ได้”

“นี่..เจ้า”

ไนท์หันมากระชากเสียงแบบขุ่นเคือง แต่คู่สนทนาเอามือปิดปากหัวเราะตาเป็นประกาย พลางถอยห่างออกมาอยู่ในระยะปลอดภัย พูดพลางหัวเราะพลางว่า

“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ จะดูแลอย่างดี ดิฉันก็ไม่อยากโดนคุณเฟรี่เล่นงานตอนเธอได้สติกลับมาหรอกค่ะ”

“ดีแล้ว”

คนถูกพาดพิงกำลังนอนหลับไหลอยู่บนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อนจากการทำงาน คฤหาสน์หลังนี้สูงหกชั้น มีห้องมากมายหลายห้อง แต่ดีว่าห้องส่วนใหญ่ปิดตาย ไม่ต้องเข้าไปทำความสะอาด และมีสาวใช้พี่เลี้ยงคนเก่งคอยช่วยเหลือตลอดเวลา ทำให้เบาแรงลงไปได้มาก

สาวใช้คนนั้นบอกว่าชื่อ”เชร่า” เป็นคนฉลาดมีไหวพริบดีมาก เล่าให้ฟังว่าเคยไปฝึกงานบนโลกมนุษย์หลายครั้ง ทำให้ติดภาษาการพูดการจา จากสังคมมนุษย์ลงมาด้วย ลักษณะการพูดจาของเธอฟังดูแปลกๆ ผิดยุคผิดสมัยชอบกล แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร และเธอยังบอกว่าความฝันสูงสุดคือการไปทำงานบนโลกเบื้องบน  แต่จะเป็นได้หรือ ในเมื่อเธอเป็นชาวโลกมืด

“อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น”

นั่นเป็นความเห็นของเชร่าซึ่งบอกอย่างมั่นใจ

แล้วเราเป็นชาวเบื้องล่างหรืออย่างไร ก่อนหลับตาลง ความคิดแบบนี้วนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา แล้วทำไมจดจำอะไรไม่ได้เลย พ่อแม่พี่น้องเป็นใครอยู่ที่ไหน...

ขณะอยู่ในความฝันอันสับสนวุ่นวาย หญิงสาวก็สะดุ้งตื่น เมื่อได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากหัวเตียง

เครื่องมือสื่อสารนั่นเอง กำลังส่งเสียงดัง

หญิงสาวไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ลุกขึ้นนั่ง หยิบเครื่องมือสื่อสารมากดปุ่มด้วยสัญชาตญาณ แถมยกขึ้นแนบหูโดยไม่ต้องคิดด้วยซ้ำ

“เฟรี่..ได้ยินข้าไหม”

เสียงนั้นเหมือนจะเคยได้ยินมาจนเคยชิน แต่ตอนนี้กลับนึกไม่ออกเลยว่าเป็นเสียงของใคร นั่งนิ่งอย่างมึนงงสงสัย

“ตอบข้าด้วยเฟรี่”

“นั่นใคร..”

หลุดปากถามออกไปก่อนสัญญาณจะขาดหายไปกะทันหัน แล้วทุกอย่างก็เงียบกริบอันเป็นผลจากความบังเอิญของการติดต่อมาจากภายนอกที่มีช่วงหลุดลอดเข้ามาได้โดยบังเอิญ แต่โอกาสแบบนี้ไม่มีบ่อยแน่นอน เพราะหลังจากนั้นก็ไม่ได้รับสัญญาณอะไรอีกเลย

แต่ทำไมรู้สึกคุ้นๆเหลือเกิน ใครบางคนกำลังพยายามสื่อสารถึง

พยายามนึกอย่างไรก็นึกไม่ออก อาการปวดหนึบในหัวกลับมาอีกครั้ง

หัวเตียงมีกระจกบานเล็กๆวางอยู่ จับมาส่องดูหน้าตัวเองอย่างเลื่อนลอย เราเป็นใครกันนะ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ดูจากกระจกแล้วหน้าตาก็สวยดีนี่นา ความจริงเราก็สวยน่ารักไม่น้อย คิดแล้วยิ้มอย่างลืมตัว

เพิ่งสังเกตว่าเขี้ยวของตัวเองทั้งสองข้างยาวกว่าปกติจนสังเกตได้ เอามือจับดูอย่างแปลกใจ เขี้ยวยาวแหลมๆแบบนี้หรือว่าเราเป็นพวกผีดิบ แล้วผีดิบคืออะไร  ทำไมคิดคำว่าผีดิบขึ้นมาได้

ช่างเถอะ...ยังไงก็ดูดีไปอีกแบบ คิดพลางวางกระจกลง แต่ยังอดคิดไม่ได้ว่า หน้าตาอย่างเรามาเป็นคนรับใช้ได้อย่างไร มันไม่น่าเป็นไปได้

แถมมาเป็นคนรับใช้ ที่มีเจ้านายท่าทางน่ากลัวอีกต่างหาก

แต่รู้สึกว่าคุ้นๆ อีกแล้วกับเจ้านายคนนี้ ไม่ใช่ในฐานะคนรับใช้กับเจ้านาย แต่จะเป็นในฐานะอะไร นึกไม่ออกอีกแล้ว

ลุกขึ้นนั่งบนเตียง มองซ้ายมองขวา ตรวจดูสภาพในห้องให้แน่ใจว่าสะอาดเรียบร้อย คิดดูก็แปลก ทำไมห้องนอนคนรับใช้คนนี้มันค่อนข้างหรูหราผิดสังเกต หรือว่าที่นี่รสนิยมผิดแผกแตกต่างกันออกไป แต่ก็ไม่มีเวลาคิดมากนัก จะต้องลุกไปกวาดห้องถูพื้นอีกสักรอบ เดี๋ยวเจ้านายใจร้ายจะดุเอา

อุปกรณ์พวกถังน้ำและไม้ถูพื้นยังวางอยู่ปลายเตียง หญิงสาวผู้รับบทคนใช้จำเป็นลุกขึ้นไปหยิบไม้ถูพื้นและถังน้ำ  กลางห้องน้ำมีอ่างน้ำขนาดใหญ่สูงประมาณเอว น้ำในอ่างใสสะอาด น่ากระโดดลงไปเล่น  แต่ยังไม่ทันทำอะไรเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงของสาวใช้พี่เลี้ยงคนเก่ง

“คุณเฟ...เอ๊ย เฟรี่ ไปห้องครัวด่วน เจ้านายให้ไปทำอาหาร”

ทำอาหาร...ประโยคนี้ทำเอาไม้ถูพื้นแทบหลุดจากมือ

ยังไม่ทันตั้งหลัก เจ้าของเสียงก็เปิดประตูแล้วเดินเข้ามาในห้อง และเดาทางได้ว่าลูกน้องจำเป็นจะต้องอยู่ในห้องน้ำ จึงเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าไม่เป็นปกตินัก เพราะถึงจะเก่งมากมายอย่างไร แต่การมารับบทเป็นพี่เลี้ยงนางฟ้าคนสวยซึ่งตนเองนับถือรักใคร่แบบนี้มันไม่ใช่เรื่องจะทำได้สนิทใจนัก

“คุณไนท์ เอ๊ย...เจ้านายสั่งมาให้ไปทำอาหารในครัว งานอย่างอื่นวางมือไว้ก่อน”

“ข้าทำอาหารไม่เป็น” เสียงอ่อยๆหน้าเจื่อนๆจนมองแล้วน่าสงสาร

“อะไรกัน เป็นคนใช้ก็ต้องทำอาหารเป็น ตามดิฉัน เอ๊ย...ตามข้ามา ทำไมวันนี้พูดผิดๆ ถูกๆ จังเรา....”

ประโยคหลังเหมือนบ่นกับตัวเอง แต่เสียงดังฟังชัดพออีกฝ่ายหนึ่งได้ยินอย่างชัดเจน ส่วนในใจก็นึกไปว่าอยู่ดีไม่ว่าดี มารับบทไม่ถนัดแบบนี้ช่างลำบากยากยุ่งใจเหลือเกิน ขอโทษนะคะคุณเฟรี่...  วันไหนเป็นปกติดีโปรดเมตตาไว้ชีวิตคนใช้คนนี้ด้วย..ที่เหลือไปคิดบัญชีกับเจ้านายตัวดีคนนั้นก็แล้วกัน

“อาหารนี่มันทำยากไหม”  เสียงถามเบาๆ มองตาใส ฟังแล้วอยากกระโดดกอด

“ก็....ไม่รู้สินะ ต้องเข้าครัวลองทำดู วางของพวกนี้ลงก่อนแล้วตามมาเร็วๆ”

เฟรี่ได้แต่เดินตามอย่างงงๆ และไม่แน่ใจในตนเองเลยสักนิด เพราะไม่ว่าความจำเสื่อมหรือไม่เสื่อม ก็ไม่เคยทำอาหารเองเลย อยู่บ้านหรือที่ทำงานก็มีคนรับใช้คอยเอาอกเอาใจ จัดหาอาหารมาบริการถึงที่ รู้แค่ว่าอร่อยหรือไม่อร่อยถูกปากถูกใจเท่านั้น เรื่องจะมานั่งมายืนทำอาหารไม่เคยรับรู้

เชร่าสาวใช้คนเก่งพาสาวใช้ฝึกงานคนใหม่ลงมายังห้องครัว ซึ่งพอมองเห็นมีดหลากหลายขนาดวางเรียงรายอยู่บนชั้นวาง ทำเอาสาวใช้คนใหม่ลอบกลืนน้ำลายอย่างหวาดเสียว นี่มันคลังเก็บอาวุธสำหรับทำสงครามหรืออะไรกัน

พี่เลี้ยงคนเก่งดูท่าทางชำนาญงานเป็นงานมากกว่าแบบเทียบกันไม่ติด จับนั่นวางนี่อย่างคล่องแคล่ว สักพักก็มีข้าวของวางเต็มชั้นสำหรับทำครัวแต่วัตถุดิบสำหรับการทำอาหารจะเป็นพืชผักแทบทั้งนั้น เพราะคนของที่นี่ไม่กินเนื้อ

“เอาล่ะ..”

เชร่าพูดพลางยิ้มพลางก่อนโยนมีดหมุนลอยขึ้นสูงแล้วยื่นมือออกไปรับอย่างชำนาญ ทำเอาคนมองดูอยู่ด้านข้างหลับตากลัวว่ามีดจะหล่นลงปักมือ

“เริ่มจากการหั่นผักก่อน งานง่ายๆแบบนี้คงทำได้นะ”

พูดจบก็ยื่นด้ามมีดทำครัวขนาดกลางให้ เฟรี่สะดุ้งถอยหลังออกไปอย่างไม่ตั้งใจ

“ไม่ต้องกลัว นี่มีดทำครัว ไม่ใช่มีดฆาตกร .. ลองดู หั่นผักในถาดนี้เป็นชิ้นพองาม ให้หมดถาด”

เสียงร้องสั่งของพี่เลี้ยงทำให้ต้องยื่นมือสั่นๆ ออกไปรับมีดมาถือไว้ในท่าเตรียมพร้อม เชร่ามองแล้วอดหัวเราะไม่ได้ เมื่อเห็นท่าทางการจับมีดทำครัวของหญิงสาว เหมือนคนถือมีดราวกับจะเดินออกไปแทงเชือดคอคนอื่นอย่างไรอย่างนั้น

“ไม่ๆๆ ไม่ใช่ถือมีดท่าทางเหมือนจะย่องไปฆ่าใคร จะทำครัวหรือจะออกไปเสียบคอหอยใครกันแน่ นี่จะต้องถือแบบนี้....เรากำลังทำอาหารนะ ไม่ใช่ไปฆ่าใคร”

ว่าแล้วก็แสดงการจับมีดทำครัวที่ถูกต้องสวยงามให้ดูเป็นตัวอย่าง เฟรี่พยายามทำตาม แม้จะดูเก้งก้างขัดตาอยู่บ้างก็พยายามเต็มที่ในการจะเป็นมือหั่นผักมืออาชีพ

“ดีมาก..”

พี่เลี้ยงเอ่ยปากชม พลางเลื่อนถาดผักไปให้แล้วสอนอีกว่า

“เวลาหั่นผักสมาธิจะต้องแน่วแน่ จิตใจเป็นหนึ่งเดียวกับมีด ราวกับให้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายของเรา จึงจะหั่นผักผลไม้ออกมาน่ารับประทาน จงคิดว่ากำลังหั่นผัก ไม่ใช่คิดแต่ว่าเมื่อไรจะเสร็จ แล้วอย่าเผลอนึกว่านิ้วมือตัวเองเป็นผักเข้าล่ะ ที่นี่ไม่กินเนื้อกัน”

นางฟ้าตกสวรรค์พยักหน้าอย่างตั้งใจเต็มที่แล้วก้มหน้าก้มตาพยายามทำตามคำแนะนำนั้นโดยไม่เรื่องมากหรือออกอาการ “ดื้อ” ทำให้พี่เลี้ยงสาวแอบมองด้วยความชื่นชมในอีกด้านหนึ่งของนางฟ้าผู้เจ้าอารมณ์เอาแต่ใจคนนี้ ถ้าไม่ความจำเสื่อมชั่วคราวคงไม่ได้เห็นภาพน่ารักๆแบบนี้

จะเป็นไปได้ไหมนะ..ว่าวันข้างหน้าจะมีโอกาสไปเป็นคนรับใช้บนโลกเบื้องบนบ้าง นั่นเป็นความหวังสูงสุด โลกมนุษย์ก็เคยไปฝึกฝนมาแล้วซึ่งมุมมองของสังคมแตกต่างกันออกไปจากโลกเบื้องล่างแห่งนี้ สำหรับโลกมนุษย์อาชีพคนรับใช้ไม่ได้มีเกียรติเหมือนอยู่ในโลกเบื้องล่าง เชร่าคิดในใจ

“ทำอะไรกัน”

เสียงห้วนๆห้าวดังขึ้น ทำเอาเฟรี่ผวาสะดุ้งสุดตัวมีดแทบหล่นจากมือ นักรบปีศาจโผล่มาแบบไม่รู้เนื้อไม่รู้ตัว

“กำลังฝึกให้เธอทำอาหารค่ะ”

พี่เลี้ยงรายงานเสียงใส ไนท์มองหน้าแม่ครัวจำเป็นผู้ยืนนิ่งหลบตามองพื้นอยู่อย่างไม่แน่ใจแล้วพึมพำเบาๆว่า

“แน่ใจนะว่ากินได้”

“กินได้แน่นอนค่ะ เธอตั้งใจมาก ไม่ดื้อไม่ซนอะไรสักอย่าง จะต้องเป็นแม่ครัวที่ดีได้อย่างแน่นอน”

“ดีแล้ว..แต่เอ๊ะ.....”

ปีศาจหนุ่มชะงักแล้วทำท่าเหมือนสูดกลิ่นอะไรบางอย่างในอากาศ ก่อนหันไปทางเฟรี่แล้วพูดเสียงหนักๆว่า

“ยื่นมือออกมา”

หญิงสาวสะดุ้งทำหน้าแบบบอกไม่ถูก หันไปมองพี่เลี้ยงเหมือนจะขอคำปรึกษา แต่ฝ่ายนั้นก็มองมาอย่างสงสัยเหมือนกันจนไนท์ต้องส่งเสียงสำทับอีกครั้งหนึ่งจึงยอมยกมือขึ้นยื่นให้ดู

เลือดไหลเป็นทาง

จากอาการตกใจเมื่อปีศาจหนุ่มโผล่เข้ามากะทันหัน ทำให้เผลอทำมีดบาดนิ้วมือโดยไม่ตั้งใจจนเลือดโชก  และด้วยความตื่นกลัว “เจ้านาย” ผู้ดุร้ายเลยทำให้ลืมความเจ็บลืมบาดแผลได้แต่ยืนก้มหน้าปล่อยให้เลือดไหลไม่หยุดอยู่อย่างนั้น

เห็นแบบนั้นแล้วใจหาย

ไนท์รีบปราดเข้ามาจับมือตรวจดูบาดแผลทันที พลางร้องสั่งให้เชร่าไปหายาและผ้าพันแผลจากห้องพยาบาลโดยเร็ว สาวใช้คนเก่งรีบเผ่นแผลวไปทันทีแบบคนรู้งานเหมือนกัน

“ทำไมยืนเฉยอยู่อย่างนี้”

เสียงของปีศาจนักรบห้วนดุ แต่แฝงแววห่วงไยอย่างปิดไม่มิด คนเจ็บส่ายหน้าไปมาไม่รู้จะตอบอย่างไรดี ไนท์ใช้นิ้วกดบริเวณปากแผลค้างไว้พลางบอกว่า

“ไม่เป็นไร กดแผลไว้แบบนี้เลือดก็หยุดไหลแล้ว.....เจ็บมากไหม”

ประโยคหลังถามเสียงแผ่ว คนถูกถามส่ายหน้า พูดไม่ออก กลัวเจ้านายจะกระโดดงับคอหอย คราวนี้ไนท์เป็นฝ่ายส่ายหน้าบ้าง ทั้งสงสารเห็นใจ สาวน้อยผู้ดื้อรั้นเอาแต่ใจตอนนี้เหมือนเป็นแมวน้อยเชื่องๆน่ารักน่าอุ้มจับโยนเล่นตัวหนึ่ง

ปล่อยให้ความจำเสื่อมแบบนี้ตลอดไปดีไหมนี่

ไม่ได้หรอก..จะช้าจะเร็วลูกแมวตัวนี้ก็จะต้องกลับสวรรค์ ไปยังที่ซึ่งควรอยู่ ต่างคนต่างมีสถานที่เหมาะสมของตัวเอง ความพลัดพรากจากลาเป็นเรื่องซึ่งไม่อาจหนีพ้น สุดท้ายก็จะเหลือแต่ความทรงจำ  นางฟ้าก็มีโลกของนางฟ้าจะมาคลุกคลีอยู่กับปีศาจมากนักก็เป็นไปไม่ได้

แต่ถึงวันนั้น ข้าจะเหลือหัวใจไว้คิดถึงเจ้าบ้างไหมนะ...

“เจ้ากลัวข้ามากไหม”

ปีศาจนักรบถามอีกยังคงกดนิ้วลงบนแผล  เฟรี่นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง จึงยอมพยักหน้าช้าๆ

“ทำไม เพราะข้าเป็นปีศาจใช่ไหม”

พยักหน้าอีกครั้ง

“อืมม์..ข้าเข้าใจ ขนาดบางทีข้ายังกลัวตัวเองเหมือนกัน แต่ไม่ต้องห่วง อีกหน่อยเจ้ากับข้าก็จะจากกัน ไม่ได้เจอกันอีกต่อไป”

เฟรี่เงยหน้าขึ้นมามองเป็นครั้งแรกเมื่อจบประโยคนั้น อีกหน่อยก็จะจากกันแล้ว ไม่ต้องเจอกันอีก ไม่ต้องเห็นหน้าไม่ต้องพูดต้องคุยกับปีศาจเจ้านายควรจะเป็นเรื่องน่ายินดีไม่ใช่หรือ แต่ทำไมพอฟังคำว่า “จากกัน” ถึงได้รู้สึกใจหายแบบไม่มีเหตุผลขนาดนี้ ใจหายจนรู้สึกเหมือนตกวูบลงไปในหุบเหวลึกล้ำ ไม่มีที่สิ้นสุด ทำไมมาอารมณ์นี้ ต้องดีใจไม่ใช่หรือ

น้ำอุ่นๆไหลผ่านสองแก้ม

จากกัน...ไม่เจอกันอีกแล้ว

ทำไมฟังแล้วรู้สึกอ้างว้างสะเทือนใจขนาดนี้  ทำไมมารู้สึกกับเจ้านายใจร้ายแบบนี้

ไม่เจอกันอีกแล้ว.. อีกต่อไป.................

แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 54 21:49:15

แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 54 20:58:09

จากคุณ : GTW
เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 54 20:12:39




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com