Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หวานรัก ณ ปลายดง - 12 ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W10724820/W10724820.html

บทที่ 12

นายขิงหยุดใกล้กับเสาไม้ต้นหนึ่งบริเวณด้านหน้าเพิงพัก หรี่ตาหมั่นไส้แกมน้อยใจสาวชาวดงจอมซน

ไม่อยากเชื่อเลยว่า สาวสวยอย่างใบพลูจะตามตื๊อ ต้อนหน้าต้อนหลังหนุ่มใหญ่หน้าดุ นิสัยสันโดษขวางโลกคนนั้น ปรารถนาเป็นเจ้าของหัวใจใต้แผงอกคล้ำๆ นั่นเสียเหลือเกิน

หัวใจนายขิงคนนี้ มันเป็นยังไง อัปลักษณ์ ไร้ค่าหรือ ตรงไหนหนอที่สาวสวยเกิดความรู้สึกว่าไม่คู่ควร

ตอนโดนเขาล่วงเกินด้วยจุมพิตเสน่หาตั้งนาน เจ้าตัวก็มีทีท่าเคลิบเคลิ้ม แข็งขืนในตอนแรก แต่พอกระทบลิ้นแผ่วๆ บดขยี้แรงอีกนิด ร่างอรชรก็ระทวยให้กอดรัด แน่นหลวมก็ไม่อิดออดแล้ว

แล้วดูตอนนี้สิ เจ้าของแขนหมั่นสลัดรำคาญให้เห็น แต่ใบพลูคนสวยของเขา ก็ยังตามเกาะอย่างไม่สำนึก นายดุมีอะไรดี ขรึมกับพูดน้อยหรือ สูงใหญ่กำยำ ผิวคล้ำหน้าเข้มหรือ

เขาเองก็หล่อน้อยอยู่หรือ สาวๆ ในมหาวิทยาลัยตั้งมากมาย ยังเคยแย้มๆ ไมตรี ขอเบอร์โทรศัพท์บ้าง ทำทีตามไปที่บ้านพัก อ้างอยากให้ติวตำราให้บ้าง แล้วทำไมใบพลูไม่นึกเสน่หาไมตรีที่เขาทุ่มให้หมดหน้าตักบ้างเล่า

"ป้าใจเรียกอยู่ทางโน้น ได้ยินบ้างหรือเปล่า" เขาเข้าไปขัดจังหวะ "ไปยุ่งวุ่นวายอะไรกับอาดุนักหนา ปล่อยอาเขาไปอาบน้ำ แล้วตัวเองก็.. "

"อย่ามายุ่ง นี่มันเรื่องของใบพลู พี่ขิงไสหัวไปเลย"

ภภีมมองตาขุ่นของหนุ่มรูปหล่อแวบหนึ่ง ตามประสาคนเคยขึ้นสังเวียนความรักมาก่อน และพ่ายแพ้ยับเยินกลับลงมา ก็พอจะอ่านออกว่า เจ้าตัวคิดลึกซึ้งกับแม่สาวจอมวุ่นวายคนนี้

"ไปกันเถอะจ้ะอาดุ มีอะไรหรือ หยุดทำไม" ใบพลูเขย่าแขน ตาสวยยังไม่วายชำเลืองไปถลึงใส่หนุ่มขิงรูปหล่อ

"แล้วไม่ได้ยินหรือ ขิงมันบอกว่าป้าใจเรียก ทำไมยังไม่ไป"

"ก็ใบพลูจะไปเป็นเพื่อนอาดุอาบน้ำไง"

"ไม่ต้อง"

"ใบพลู.. "

"ไม่ต้อง อย่าตาม หยุด ใบพลู หยุดเลยนะ อย่าก้าวขามาให้เห็น"

นายขิงเม้มปากกลั้นยิ้ม สงสารว่าสาวสวยโดนกำราบด้วยเสียงเข้มดุ หล่อนออกอาการหงุดหงิด แววตาที่ไล่ตามแผ่นหลังใหญ่ ฉายความน้อยใจ ปากยื่นปากจู๋น่าขำ ดูเหมือนจะงึมงำตัดพ้ออะไรด้วยก็ไม่ทราบ ฟังไม่ถนัด

"ไปคุยกับหน่อย" เขาวางท่อนแขนบนไหล่บาง หรี่ตากำราบเหมือนกัน เพราะอีกฝ่ายอ้าปากจะแหวกลับว่า 'ไม่'

"คุยตรงนี้ก็ได้" สาวสวยรีบเปลี่ยนท่าทีกระด้างกระเดื่อง

"คุยตรงนี้มันโจ่งแจ้งไป เรื่องที่พี่อยากคุยมันเป็นเรื่องลับๆ "

"เอ๊ะ พี่ขิง นี่อย่านะ อย่ามาทำตัวเบ่งเป็นเจ้าชีวิตของใบพลูนะ"

"จะทำ" นายขิงลอยหน้ายั่ว แล้วกุมแขนพลางกระซิบร้อน "เดินไปดีๆ "

"แม่เรียก" เสียงซนยื้อดื้อๆ

"พี่โกหก ไป"

ใบพลูเลิกคิ้ว อ้าปากหวอ แต่หัวซุน เพราะโดนหนุ่มเจ้าเล่ห์ลากตัวปลิว หายไปด้านหลังเพิงพัก ตอนเดินผ่านเปลยวน ยังทันเห็นสามแสนขยับตัวเล็กน้อย

หล่อนเห็นคนเดียวล่ะ เพราะนายขิงไม่ทันสังเกต เขาไม่ทราบว่าสามแสนมาปรากฏตัวที่นี่ และไม่นึกด้วยว่า ยามเย็นอย่างนี้ จะมีใครนึกสนุกมานอนตากลมเล่น



ลุชายป่าโปร่งซึ่งค่อนข้างเปลี่ยว ไม่ค่อยมีใครมาเดินเล่นแถวนี้ นอกจากกลางคืนจะมีเวรยามมาเดินตรวจตรา สอดส่องเพื่อคุ้มครองคนข้างในโน้นให้อยู่อย่างปลอดภัย นายขิงซึ่งเป็นบุตรชายตัวเก็งของลุงแม้น ก็หนีไม่พ้นภารกิจปกป้องปลายดงด้วยเช่นกัน

"ปล่อยแขนสิ อยากพูดอะไรก็พูดมา ห้ามพูดเรื่องจูบเมื่อคืนนี้ ไม่อยากฟัง ทุเรศ"

ใบพลูสลัดแขนเอง เดินกระฟัดกระเฟียดไปหยุดพิงต้นไม้ หน้าสวยเชิดเมินไม่แยแส

นายขิงพาร่างสูงมาประกบอย่างจงใจ ก่อนหน้านี้ เขายังพอเกรงใจอยู่บ้าง แต่หลังจากได้ช่วงชิงจุมพิตแรกมาครอบครองแล้ว เขาเกิดความฮึกเหิม และปรารถนาประกาศให้คนทั้งแดนดงนี้ ได้รับรู้ว่า 'เขารักใบพลู'

"จะทำอะไร"

"จูบ"

"เอ๊ะ ก็บอกแล้วว่าห้ามพูดไง"

ใบพลูเอ็ดหงุดหงิด เสียงร้อนรนมันเบาหวิวแล้วถูกดูดกลืนหายเข้าไปในจุมพิตเร่าร้อน นายขิงรั้งหุ่นนวลมาตระกองกอด แสงตะวันบางส่ายมาส่องพอดิบพอดี

หนุ่มสาวในบ่วงเสน่หาขัดแย้ง จึงแลงดงามอยู่ในลำสีส้มอ่อน ใบพลูขยับขลุกขลัก รู้สึกร้อนไปเอง จนต้องดึงมือสองข้างที่เบียดอยู่ในอกกว้างขึ้นคล้องลำคอบึกบึน

สาวจอมแก่นไม่ได้ลืมว่าจุมพิตของผู้ชายที่ได้สัมผัสเป็นครั้งแรกในชีวิต มันก่อความตื้นเต้นแกมใคร่รู้มากแค่ไหน

ลิ้นร้อนที่แทรกเข้ามาอย่างอุกอาจ มันกระหวัดลิ้นอ่อนของหล่อนไปเกี่ยวรัด เนื้อปากที่ประกบและขยี้กันอย่างเผ็ดร้อน จนแทบจะละลายกลายเป็นเนื้อเดียว คือรสชาติแปลกใหม่ที่หล่อนกระตือรือร้นตอบสนอง และเผลอพิสมัยอย่างเงียบๆ

แต่เย็นย่ำของวันนี้ จุมพิตนี้ มันกลับร้อนแรงกว่า นายขิงไปโกรธใครมาหรือ คงฮึดฮัดใส่ฝ่ายโน้นไม่ได้กระมัง จึงมาระบายเกรี้ยวกราดลงกับหล่อน ผ่านจุมพิตกระชากกระชั้นเช่นนี้

มือใหญ่และร้อนมากของนายขิง ครอบครองทรวงบริสุทธิ์อย่างอาจหาญ ใบพลูคนเก่งสะดุ้งแกมวาบหวาม

หล่อนร้องเหมือนตื่นเต้นหรือตกใจก็ไม่ทราบล่ะ มันดังอืออาอยู่ในลำคอ แต่มันก็หายเงียบไปอย่างรวดเร็ว เมื่อลำคอสวยตกเป็นเหยื่อเผาแผ่วๆ ด้วยไฟรักผ่านจูบละเลง

"ต้องการอะไรมากกว่านี้ไหม พี่ให้ได้นะ" นายขิงยุติสัมผัสเสน่หาทั้งหมดลง แล้วเจรจาจริงจัง

"อะไร" สาวแก้มแดงรีบขยับอาภรณ์ เลื่อนปลายเท้าพาตัวห่างไปอย่างเคอะเขิน

"ไม่อะไร" นายขิงตอบกวนๆ แล้วเดินตาม "พี่รักใบพลู มีผู้ชายอีกตั้งหลายคน ต้องเคยสารภาพอย่างพี่แล้วแน่ๆ เลย ไอ้พวกนั้นมันจริงใจแค่ไหน พี่บอกไม่ได้ แต่พี่บอกได้เต็มปากเต็มหัวใจของพี่ว่า พี่รักใบพลู"

"แต่ใบพลูไม่รัก" เสียงอ้อมแอ้มย้อนกลับ "ใบพลูจะไม่รักใครทั้งนั้น ใบพลูรักอาดุ"

"อาดุไม่รักใบพลูหรอก เขาแก่เกินไปสำหรับความรัก เขาไม่เหมาะจะเป็นคนรักใบพลู"

"เหมาะ" ใบพลูหันขวับมาขึงตาวาว แก้มยังแดง ทรวงยังกระเพื่อม และหัวใจข้างในก็ยังเต้นแรงมากอยู่ "ไม่ต้องมาเสนอหน้าวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาดุแก่หรือหนุ่ม ใบพลูรักของใบพลูก็แล้วกัน"

"เขาแก่คราวพ่อแล้วนะ ความรักของคนแก่ปูนนั้น มันไม่คึกคักเหมือนหนุ่มสาวอย่างเราหรอก ใบพลูไม่เหมาะกับเขา ไม่ว่าใบพลูจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตามนะ พี่ประกาศไว้ตรงนี้ พี่รักใบพลู จะขัดขวางใบพลูไม่ให้สมหวังกับอาดุทุกทาง"

"ไอ้บ้า ไอ้พี่ขิงบ้า ไปเลยนะ ไสหัวไปเลย อย่านึกว่าขู่เป็นหมาบ้าแบบนี้แล้ว สาวสวยอย่างใบพลูจะกลัวหงอนะเว้ย ไอ้บ้า ไอ้ทุเรศ"

สาวแก่นเริ่มแผลงฤทธิ์ เถียงเรื่องอื่นยังพออนุโลมอ่อนข้อ แต่ถ้ามาเจาะลึกขัดแย้งเรื่องชายเดียวในดวงใจกันโต้งๆ แบบนี้ สาวสวยอย่างใบพลูจะแว้ดให้ป่าแตกเลย

นายขิงบดกรามระงับความน้อยใจ อกใหญ่มันร้อนฉ่าไปด้วยแรงตบแรงตีของสาวสวย ก่อนจะสะบัดหน้าผละตัว ใบพลูคนสวยก็ทุบตึกๆ หยิกกล้ามเนื้อแน่นอย่างโกรธๆ

เขาทราบว่าหล่อนโกรธมาก หน้าหล่อนแดงไปหมด ตาวาววับเหมือนแม่เสือปกป้องลูกอ่อน มีแถมเตะข้อพับขาให้อีกหน่อย เขาไม่รู้สึกหรอก แรงพยศของผู้หญิงมันเบาจะตาย

แต่ที่รู้สึก คือหัวใจมันเจ็บ ปีนี้ใบพลูของเขาอายุยี่สิบสองต้นๆ เท่านั้น มันสมควรแล้วหรือ ที่หัวใจสดใสดวงนั้น จะลอยไปหลอมกับหัวใจหม่นๆ ของหนุ่มใหญ่ไร้อารมณ์คนนั้น

นายดุก็มีดีอยู่ที่พูดน้อยกับเก็บตัว มันกลายเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดสาวๆ ให้เหลียวมาสนใจ และกระตือรือร้นต่อการค้นหาเงื่อนงำที่คิดไปเองว่า หนุ่มใหญ่น่าจะมีแอบซุกซ่อนไว้เบื้องหลังมาดขรึมเคร่งนั้น

มันไม่มีหรอก บิดาก็เล่าให้เขาฟังออกบ่อยว่า นายดุไม่คิดจะมีใคร ชายแก่คนนั้นไม่มีหัวใจ

ใบพลูไม่พอใจก็ช่างปะไร แต่เขาพอใจจะเรียกนายดุว่าชายแก่ จะตอกย้ำกรอกหูสายสวยให้ทุกวันเชียว มันต้องมีสักวันหนึ่ง ที่ใบพลูจะสำนึกได้ว่า หล่อนเกิดมาเพื่อเป็นดวงใจของนายขิงคนนี้เท่านั้น

"ไอ้บ้าเอ๊ย จูบเรามันไร้น้ำยาขนาดนี้เลยหรือวะ ผูกมัดใจใบพลูไม่ได้สักนิดเลยจริงๆ หรือ"

หนุ่มบัณฑิตหมาดๆ สบถโมโห เตะพงหญ้ากับกรวดดินแถวนั้นอย่างฉุนเฉียว

บิดาเป็นผู้นำชาวบ้านทั่วละแวกป่าผืนนี้ เขาจึงไม่อยากหักหาญใบพลูให้เกิดเรื่องงามหน้า เกรงว่าจะทำให้ความศรัทธาของชาวบ้านที่มีต่อบิดาสั่นคลอน

อีกอย่าง เขาก็รักสาวสวยจากใจ จึงปรารถนายกย่องให้เกียรติ ไม่อยากชิงสุกก่อนห่าม ไม่อยากล่วงเกินร้อนแรงมากไปกว่ากอดจูบที่ทำไปแล้ว

"โอ๊ย ไอ้ขิงเอ๊ย แกจะเกิดมาแพ้ผู้ชายแก่ๆ คนหนึ่งได้ยังไงวะ" เขาตะโกนกับผืนป่าข้างหน้า "หนุ่มก็หนุ่มกว่า หล่อก็หล่อกว่า พลังรักก็คึกคักกว่าด้วยเว้ย โว้ย"

ป่ามันไม่ตอบสนองอะไรด้วยหรอก หนุ่มขิงรูปหล่อจึงต้องสะบัดหน้าใส่มันเหมือนคนพาล เขาผละจากความสลัวตรงนั้น ย้อนกลับมาตามทางเดิมซึ่งมืดลงแล้ว

บนเปลยวนว่างเปล่า สามแสนตื่นแล้ว เธอไม่ได้ตื่นเองหรอก ป้ามาลีมาปลุกให้ลุกไปอาบน้ำ เธอเพิ่งจะตามป้ามาลีไปไม่ถึงห้านาทีเลย นายขิงก็เดินกระแทกกระทั้นมานั่งแหมะใกล้ที่พักของเธอนั่นเอง

ตาขุ่นมองเปลยวนในเงามืดขวางๆ ชำเลืองไปยังราวไม้ เห็นเสื้อผ้าหลายชุดยังตากหยอกล้อสายลมยามค่ำ เป้ใหญ่อีกใบ ก็ค่อยรู้สึกสะดุดใจ เพราะไม่คุ้นตามาก่อน ร่างสูงลุกขึ้น ตั้งใจเดินไปสำรวจเสียหน่อย ลุงแม้นก็มาโผล่หน้าส่งเสียงขัดจังหวะเสียก่อน

"อ้าว ไอ้ขิง มาหลบหน้าหลบตาตรงนี้เอง ไปช่วยยกกระบะไม้ไผ่หน่อยเว้ย"

"อาดุไปไหนล่ะ เขาทรงพลังไม่ใช่หรือ ให้เขายกไปสิ"

"เออ ตกลงไม่ไปใช่ไหม"

"ไป"

ลุงแม้นเท้าสะเอวตอนกระแทกเสียงประชดแล้วล่ะ พอไอ้หนุ่มกระแทกเสียงตอบพาลๆ จึงค่อยหลุดเสียงหัวเราะขำๆ ออกมา

แกไม่ถามหรอกว่าเจ้าตัวไปกินรังแตนแถวไหนมา เพราะไอ้ท่าหัวฟัดหัวเหวี่ยงแบบนั้น ก็มีแต่สาวสวยอย่างใบพลูคนเดียวนั่นล่ะ ที่ทำให้มันเกิดได้ และเกิดบ่อยจนแกชินเสียแล้ว



เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยยังไม่มีโอกาสได้เจอหน้ากัน เพราะนายขิงหงุดหงิดไม่หาย จึงปลีกตัวไปสงบอารมณ์ตามลำพังในซอกมืดแถวลำธาร

แต่ก็ไม่ลืมแวะตักข้าวตักกับเต็มจานใหญ่ไปกินด้วย สำหรับพ่อหนุ่มรูปหล่อ เรื่องกินค่อนข้างใหญ่ พอกันกับเรื่องเอาชนะใจสาวชาวดงชื่อใบพลูนั่นล่ะ

ซึ่งก็คงจะคล้ายกับภภีม เขาหงุดหงิดลึกๆ ไม่สบายใจเลยที่สามแสนมาปรากฏตัวด้วยเป้าหมายชัดเจน เริ่มอึดอัดตั้งแต่ทราบจากนายเก่งกาจว่า เธอเข้าป่ามาตามหาพี่ชาย เมื่อเจอแล้วจะพากลับบ้าน ถ้าพี่ชายไม่กลับ เธอก็จะขออยู่ป่าด้วย

'อยู่ป่าด้วยหรือ มีเหตุผลอะไรที่ต้องทุ่มเทขนาดนั้น เด็กบ้า' เขาด่าในใจ โยนหินก้อนเล็กๆ ลงกองไฟข้างหน้า

สีจัดและไอระอุของมัน ไม่อาจตรึงสายตาและความคิดให้หยุดเคลื่อนไหว กิ่งไม้ใกล้มือ ถูกหยิบมาเขี่ยๆ ทิ่มๆ เปลวสีจัดส่ายรวนตามจังหวะหาเรื่องของคนอารมณ์ไม่ดี

คอก็ปวด ไหล่ก็เมื่อย ภภีมหงุดหงิดวุ่นวายไปเสียหมด เขาทุบกำปั้นลงบนไหล่บ้าง ต้นคอบ้าง สลับกับบีบนวดไปเรื่อยเปื่อย กระทั่งเงาวูบวาบมาปรากฏใกล้ๆ

เขาเหลือบตาเพียงแวบเดียว เห็นวงหน้าผุดผาดของชุลียาในร่างของสามแสนแล้ว ก็รีบเมิน แสร้งเฉยชาไม่ยินดียินร้ายที่คนดีพาหน้ามายั่ว

"เมื่อยหรือคะ" เธอถามยิ้มๆ

"อืม" เขาตอบสั้นๆ โยนกิ่งไม้ลงกองไฟ ทำทีควานหากิ่งใหม่

"สามแสนนวดให้นะ"

"ไม่เป็นไรหรอก ไม่ได้หนักหนาอะไร"

"รังเกียจสามแสนหรือคะ"

"ไม่ใช่อย่างนั้น"

เขาตวัดตามองรอยยิ้มสุภาพแวบหนึ่ง ปากจิ้มลิ้มมันก็สวยอยู่ อยากมองนานกว่าหนึ่งแวบ แต่ติดขัดตรงที่ความอ่อนไหวของตัวเอง มองนานไปใคร่จูบขึ้นมา ร่างกายจะปวด หัวใจจะเจ็บ และอารมณ์จะร้าวเสียเปล่าๆ

"ไม่ใช่อย่างนั้นก็ดีแล้วนี่คะ" เธอย้อนกลับมา เสียงสุภาพน่ารัก แต่ก็บอกในทีว่า 'ดื้อ'

"จะทำอะไรสามแสน บอกว่าไม่ต้องไง" เขาเอะอะ เมื่อเธอย้ายร่างโปร่งมาหยุดข้างหลัง วางมือเล็กแตะบ่า

"สามแสนจะนวดให้ ไม่เป็นไรหรอกน่า พี่ชายน่ะ มีบุญคุณต่อสามแสน ช่วยชีวิตสามแสนไว้ตั้งสามครั้ง แต่สามแสนยังไม่เคยได้ตอบแทนอะไรพี่ชายเลย"

"ไม่ต้องหรอก ฉันไม่ใช่คนคิดมาก แล้วก็ไม่มีนิสัยหว่านพืชหวังผล"

"รู้แล้ว" สามแสนยิ้มน่ารัก เริ่มกดนิ้วลงบนเนื้อแข็ง "พี่ชายก็คิดเสียว่า สามแสนนวดพี่ชายเป็นการตอบแทนบุญคุณเสียก็แล้วกัน ดีไหม"

"สามแสน" ภภีมใจสั่นขึ้นทุกที

"คะขาพี่ชาย" สามแสนขานรับน่ารัก มือเล็กง่วนกับภารกิจตอบแทนบุญคุณอย่างมีความสุข

"โอ๊ย สามแสน อย่ากดตรงนั้น มันช้ำอยู่"

ภภีมครางพร้อมกับเกร็งแผ่นหลังเอี้ยวหนีแรงนวด สามแสนรีบชะงักมือ ก้มลงเพ่งสำรวจรอยช้ำ มันเป็นวงใหญ่สีแดงก่ำปนม่วงนิดๆ

"พี่ชายไปโดนอะไรมาคะ" เธอถามแล้วย้ายไปบีบต้นแขนแทน

"อุบัติเหตุนิดหน่อย โดนท่อนไม้ฟาดเอา ตอนลื่นข้างล่างโน่น" เขาบุ้ยปากไปกลางลำน้ำ

"หรือคะ เจ็บมากไหมคะพี่ชาย"

"ฮื่อ"

หนุ่มใหญ่ไม่มีเจตนาจะเลื่อนหน้าเคร่งไปประจันกับหน้างามซึ้ง มันเป็นความบังเอิญที่หนุ่มสาวใจตรงกัน เพราะสามแสนโน้มมารอฟังคำตอบอย่างน่ารักพอดิบพอดี

แต่ขอโทษที เปลวไฟสีจัด กลับส่องให้ภภีมเห็นอดีตรักเจิดจ้าขึ้น แววตารักใคร่ของสามแสน ไม่ผิดเพี้ยนกับแววตาภักดีของชุลียาแม้แต่น้อย กระทั่งคำถามเมื่อครู่ น้ำเสียงที่ใช้ ก็เปี่ยมล้นด้วยแรงรักเช่นกัน

"อุ๊ย เจ็บตรงนี้หรือคะคุณภีม ไปโดนอะไรมาละคะ"

"อุบัติเหตุนิดหน่อย โดนอกใหญ่ๆ ของสาวๆ กระแทกใส่"

"หรือคะ เจ็บมากไหมคะคุณภีม"

"ฮื่อ"

แล้วร่างนุ่มของชุลียาก็โดนรั้งจากข้างหลังมาหล่นตัก ภภีมในวัยยี่สิบเศษ กกกอดหมดแขน พรมจุมพิตเสน่าทั่ววงหน้านวล หล่อนระบายยิ้มหมั่นไส้ให้เขาหมั่นเขี้ยว เสียงแผ่วติติงว่าเขาเจ้าเล่ห์ ก็หวานเสียจนเขาอดกลั้นแรงปรารถนาไม่ไหว

"อุ๊ย ทำอะไรคะ คุณภีมลงมานานแล้วนะคะ เดี๋ยวคุณท่าน.. "

"คุณท่านหลับแล้วน่า นี่มันดึกแล้วนา ใครจะลุกมาสอดส่องความรักของเรา จริงไหม นี่ หยุด ชุ หยุด" เขาสำทับเฉียบเอาแต่ใจ สะกดกิริยาขัดขืนเกรงใจ "ถ้าดิ้นอีกนิดเดียว ฉันโกรธ"

"คุณภีม"

"เงียบ"

เขาเอาแต่ใจมากจริงๆ ใช่ไหม ภภีมในอดีตรับรู้แต่เพียงว่า ความรักต้องรุดไปข้างหน้า ขับเคลื่อนด้วยภาษารักผ่านสองกาย

จุมพิตทุกรอยคือเครื่องยืนยันว่าเขารักชุลียาหมดใจ พลังหนุ่มที่ทุ่มโถมคึกคะนอง เปรียบได้ดั่งพันธนาการพิศวาส ที่จะตรวนตรึงใจสองดวงให้อยู่เคียงข้างตลอดกาล

ภาพลำนำรักอ่อนหวานเมื่อยี่สิบปีก่อน กำลังเคลื่อนไหวไปอย่างเร่าร้อน มันฉายสว่างอยู่ในดวงตาเรียวของสามแสน

ไม่ใช่สิ ไม่ใช่แค่ภาพเท่านั้นที่แลเห็น กระทั่งเสียงแห่งรักที่ผุดพร่าพลุ่งพล่าน ภภีมก็ได้ยินอย่างวาบหวามระคนว้าวุ่น นั่นคือความรักของเขา สาวน้อยที่นอนระทวยให้กายหนักถาโถมคลื่นสวาท คือชุลียาสุดที่รักของเขา

กระแสเจ็บจี๊ดบนต้นแขนมันคมมากเลย แค่ว่ากรีดเบาๆ ภาพมายาทั้งหมดก็ขาด แสงแห่งอดีตก็ดับ

ในดวงตาของสามแสน ฉายเพียงแรงภักดีที่มีต่อพี่ชาย มันเต้นไหวน่าหลงใหลเหลือเกิน เธอตื่นเต้นอะไรหรือเปล่า ประหม่าที่ดวงตาสองคู่โคจรมาประสานใกล้กันเกินไปใช่ไหม แรงนวดมันถึงหนักหน่วงนัก

"โอ๊ย สามแสน อย่าบีบตรงนั้น มันช้ำอยู่"

"อ้าว อีกแล้วหรือคะ" เธออุทานขำๆ หัวเราะด้วย ตอนได้ยินเขาครางซ้ำประโยคเดิม แต่ก็ไม่ลืมก้มสำรวจต้นแขน ทำตาโต แล้วร้องว่า "โอ้โฮ เหมือนจะช้ำกว่ากลางหลังนะคะ ไปโดนอะไรมาอีกคะพี่ชาย"

"กระแทกกับเหลี่ยมโขดหิน ตอนว่ายน้ำไปหยิบเชือก มันหลุดมือ โอ๊ย สามแสน เจ็บตรงนั้น หยุดเลย ไปเลยนะ พอแล้ว นวดไปก็ไม่ได้เรื่อง"

สามแสนหัวเราะ นึกขำที่เขาปัดมือหยาบๆ ขึงตาขุ่นเหมือนโกรธ เธอลอบค่อนขอดในใจทำนองว่า 'เนื้อช้ำ หรือกล้ามเนื้อหย่อนตามสังขารกันแน่ ทำเป็นอ้าง ไม่อยากยอมรับว่าแก่ก็บอกเถอะ'  

"แล้วทำไมยังไม่นอน"

ภภีมไม่เชิงถาม ปรายตามองเธอนั่งลง ห่างประมาณหนึ่งช่วงแขน สักอึดใจ ก็ลุกไปขยับดุ้นฟืน ประกายไฟก็ปะทุเกิดเสียงเปรียะเบาๆ เธออาจไม่ทราบก็ได้ว่า มีสายตาว้าวุ่นคู่นี้ ตามมองตามจับกระชั้นชิด

"ลุงกาจเล่าว่ารอนแรมอยู่ตั้งสองสามวันไม่ใช่หรือ คงไม่ได้พักผ่อนเต็มที่หรอก รีบไปนอนเถอะ" เขาเร่งอีก

"สามแสนก็ไม่ได้ตั้งใจมาพักผ่อนนี่คะ"

เธอตอบเสียงนุ่ม ยิ้มน่ารักมาก หวานเหมือนรอยยิ้มของชุลียา ภภีมกลืนน้ำลายวาบหวามระคนปวดร้าวในอารมณ์ เขาอยากให้สามแสนอยู่ห่างให้มากที่สุด

ภาพอดีตเมื่อครู่ มันตอกย้ำให้เขาหวาดหวั่น อารมณ์อ่อนไหวที่เขาควบคุมไม่ค่อยได้ อาจทำให้พลั้งเผลอ หยิบยื่นสัมผัสไม่ดีไม่งามสู่สามแสนเข้าสักนาที

ถ้ามันเกิดขึ้นจริง เขาจะยิ่งเจ็บปวด เพราะสำนึกรู้ตลอดเวลาว่า สัมผัสนั้นมันไม่บริสุทธิ์ เขาลืมชุลียาไม่ได้ แล้วเขาก็เกิดความรักในตัวสามแสนด้วยเหตุผลนั้น เพียงเหตุผลเดียวจริงๆ

"จะบอกว่ามาตามหาฉันละสิ ทำไม เป็นนางมโนราห์ดีๆ ไม่ชอบใช่ไหม อุตริอยากเป็นพระสุธนหรือ"

"ค่ะ" สามแสนหัวเราะน่ารัก นึกขำที่เขาเปรียบเทียบปากจัด "ก็ใครใช้ให้พี่ชายอุตริเป็นนางมโนราห์ก่อนละคะ"

"ไปนอนได้แล้ว" เขาตัดบทเลย ห้วนและฉับ

"อีกนานไหมคะพี่ชาย กว่าจะซ่อมเสร็จ" เสียงใสย้ายหัวเรื่อง ไม่รับรู้ความเย็นชาห่างเหินของพี่ชาย

"ถ้าฝนไม่ตกช่วงนี้ ไม่กี่วันก็เสร็จ ไปนอนเถอะ" ตอบจบก็ไล่อีก

"หลังจากนั้นละคะ" เสียงนุ่มก็ยังคงดื้อเรียบร้อยต่อไป

"อะไร"

"หลังจากนั้น พี่ชายจะทำอะไรคะ"

เปลวสีจัดส่องวงหน้าผุดผาด ส่องดวงตาเรียว และส่องความใคร่รู้แรงกล้าในนั้น ภภีมแลเห็นทั้งหมดด้วยใจเต้นระรัว

เขาบอกสามแสนไม่ได้หรอกว่า เขาจะบ้าตายอยู่แล้ว ไล่เธอให้ไปนอนเสียที เธอก็ดื้อแพ่งไม่เข้าท่า เธอไม่ใช่สามแสน เข้าใจหรือเปล่า ที่นั่งยวนยั่วให้อารมณ์รักมันเกิด ให้ไฟสวาทมันคุ คือชุลียาสุดที่รักต่างหาก

"เรียนจบแล้วไม่ใช่หรือ" เขาไม่ตอบคำถาม แต่กลับย้อนถามให้สามแสนพยักหน้างงๆ "ถ้าอย่างนั้น ก็อย่ามาคาดคั้นปัญญาอ่อนกับฉัน ชีวิตของฉัน ปล่อยให้ฉันจัดการเอง อย่ามายุ่ง ไปนอน"

"พี่ชาย"

"สามแสน ไปนอน ลุกไปเดี๋ยวนี้ ลุกไป"

"อุ๊ย ไปก็ได้ ทำไมต้องดุด้วย"

สามแสนใจหายวาบ ลุกผลุงถอยหลังอย่างตกใจ ภภีมหรี่ตาดุ เกือบหลุดรอยยิ้มเอ็นดูออกมาพราวทั่วกรอบหน้าแสร้งเคร่ง เธอโตเป็นสาวแล้ว แต่กริยากลัวๆ ของเธอยังน่าเอ็นดูเหมือนเมื่อห้าปีก่อนไม่เปลี่ยนเลย

ไม่ต้องถามว่ากลัวอะไร เขาเดาได้อยู่แล้ว เธอกลัวท่าขยับลุกเหมือนเอาเรื่องที่เขาแกล้งทำ กลัวเสียงสำทับหนักที่เขาแสร้งปั้นให้เฉียบดุ

"พี่ชายเป็นคนแก่น้ำขึ้นน้ำลงและดุไม่เคยเปลี่ยนเลย จริงๆ นะ"

"สามแสน ไปให้พ้นนะ"

สาวน่ารักห่อปากตาโต เปล่งหัวเราะเบาๆ อย่างมีความสุข เมื่อนึกไปว่า สามารถยั่วพี่ชายให้ลุกฉุนเฉียว หันรีหันขวาง มองหาอะไรสักอย่างที่น่าจะหยิบฉวยมาทำร้ายได้

ไม่ล่ะ เรื่องอะไรจะอยู่รอให้เจ็บตัว สามแสนเห็นเขาก้มหยิบก้อนหิน แล้วทำท่าเงื้อง่าแต่ก็ไม่ขว้าง เขากัดปากดุๆ แต่สามแสนกลับมองกิริยานั้นด้วยใจตื้นตัน อย่ามาตบตากันเลย ไม่มีใครรู้ซึ้งมากไปกว่าสามแสนว่า เขาเป็นคนใจดีมากแค่ไหน

เธอไปนอนก่อนก็ได้ ยุติการเจรจาในคืนนี้ลงเพียงเท่านี้ ขณะที่หมุนตัวหันหลังให้กับพี่ชายหน้าดุ เธอก็บอกกับตัวเองอย่างมุ่งมั่นว่า 'นี่ไม่ใช่การหันหลังตลอดกาลนะคะพี่ชาย มันคือจุดเริ่มต้นของภารกิจพิชิตหัวใจพี่ชายของสามแสนต่างหาก'

จากคุณ : รัชนีกานต์
เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 11:33:11




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com