เสียงออดห้องดังราวกับระฆังหมดยก คนจะเดินไปเปิดประตูไม่วายทิ้งท้ายอาฆาต “รอดไปนะยัยตัวเปี๊ยก” หากแต่พอส่องดูจากด้านในว่าใครมาภาสพัทธ์ก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อพบว่าผู้มาเยือนคือพี่สาวของบิดาตน แม่ของดิษพงศ์!
“ป้าเกษรา!”
พอเห็นภาสพัทธ์วิ่งหน้าตั้งกลับเข้ามา ปาจารีย์ก็ทำท่าจะวิ่งหนีจนเขาต้องร้องห้ามและตะครุบตัวเอาไว้
“ป้าฉันมา เธอรีบไปใส่ท้องปลอมเลยนะ” ผู้ร่วมรับรู้สถานการณ์ออกทีท่าตื่นเต้นทำอะไรไม่ถูก พาเอาภาสพัทธ์รนไปด้วย ทุกวินาทีที่เข็มเดินหน้าเขารู้เลยว่าคนเป็นป้าต้องเริ่มสงสัย จึงจัดการดึงปาจารีย์ไปนอนบนเตียงพร้อมส่งครรภ์ปลอมให้ใส่บนนั้น ก่อนวิ่งไปเปิดประตูต้อนรับ
“แหม... นึกว่าจะปล่อยให้ป้ายืนจนเข่าทรุดเสียแล้ว” คุณเกษราส่งมือให้หลานชายพยุง ขณะค่อยๆ เดินก้าวเข้ามา
“คุณป้าทำไมมาถึงนี่ล่ะครับ” ปกติแล้วคุณเกษราไม่ค่อยมาที่โรงแรมสักเท่าไหร่ อีกทั้งนี่ก็จะสามทุ่มแล้วด้วย
“พอดีป้าไปธุระมากำลังว่าจะกลับเข้าบ้าน แต่พ่อเราเขาโทรมาคุยโม้ให้ฟังว่ากำลังจะได้หลานชาย ป้าอดใจรอพรุ่งนี้ไม่ไหว อยากแวะมาเห็นหน้าหลานสะใภ้เสียหน่อย อยู่ไหนล่ะ”
ภาสพัทธ์ชายตามองไปฝั่งห้องนอนแล้วก็ถึงกับกลืนน้ำลาย ...อีกฝ่ายจะจัดการตัวเองเรียบร้อยรึยังนะ...
“อยู่ในห้องน่ะครับ พอดีเขาบ่นๆ เวียนหัวนิดหน่อย”
“เอ้าเหรอ ไหนๆ พาป้าไปดูหน่อยซิ” คนเคยท้องมาก่อนก้าวขาเร็วรี่ตรงไปทางห้องนอน ภาสพัทธ์ลอบมาทำท่าเสียวไส้ด้านหลัง ...นึกว่าจะเกรงใจไม่อยากกวน กลายเป็นเร่งให้เข้าไปดูอาการเสียอีก!...
ทว่าพอไปถึงที่เตียงกลับพบเพียงผ้าปูที่นอนยับย่นกับหมอนสองใบกระจายกันไปคนละทิศ ซ้ำเครื่องนอนอะไรบนโซฟาที่ประจำของปาจารีย์ก็ยังมีวางอยู่ชวนให้ผู้มาเยือนสงสัย
ภาสพัทธ์ร้อนรนในใจ ไม่รู้ควรจะอธิบายยังไงกับสภาพห้องตรงหน้า
ปาจารีย์เดินออกมาจากห้องแต่งตัวในชุดคลุมท้องสีชมพูหวาน สภาพผมด้านหลังยังฟูยุ่งเหยิงจากสงครามเมื่อครู่ทว่าเจ้าตัวไม่เห็น ภาสพัทธ์จึงเดินมายืนเคียงแล้วยกมือขึ้นลูบๆ ให้พลางส่งยิ้มเก้อให้คนเป็นป้าก่อนแนะนำ
“ปุ่น... นี่ป้าเกษ แม่ของนายดิษน่ะ” หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้ อีกฝ่ายพยักหน้ายิ้มพราย มองหลานชายด้วยแววตาวิบวับ
“แหม... ป้าขอโทษจริงๆ เห็นแม่เราว่าท้องเฉียดเจ็ดเดือนแล้ว เลยไม่ทันคิดว่ามากลางดึกแบบนี้จะผิดจังหวะเวล่ำเวลา” พูดพลางเดินมาลูบท้องของปาจารีย์ “อืม ท้องสวยดีจริงเชียวนะ ได้ทาครีมกันท้องลายอะไรกับเขาบ้างไหม” คำถามนั้นปาจารีย์ได้แต่ยิ้มหวาน เหลือบตามองภาสพัทธ์อย่างขอความช่วยเหลือ ...อะไรคือครีมกันท้องลาย หล่อนไม่รู้จัก!...
“อ้อ ทาครับ ผมช่วยทาให้ตลอด”
“เหรอ ไหนใช้ยี่ห้ออะไร ให้ป้าดูหน่อยซิ คราวก่อนที่ยัยดาวท้องนะ ไปซื้อยี่ห้ออะไรมาก็ไม่รู้ ไม่เห็นดีเลย ป้าต้องไปช่วยเลือกให้” คุณเกษราบ่นย้อนไปถึงลูกสาวคนที่สาม พี่ของดิษพงศ์ที่แก่กว่าภาสพัทธ์หนึ่งปี
“อ่า... คือเพิ่งหมดไปเมื่อวาน แล้ววันนี้มัวแต่วุ่นๆ เลยลืมซื้อเข้ามาน่ะครับ”
“งั้นรึ... อืม ไว้เดี๋ยวซื้ออีกที เอาเป็นยี่ห้อนี้นะ...” คนรักลูกห่วงหลานบอกรายละเอียดเสร็จสรรพ พอสายตามองไปเห็นสภาพห้องนอนที่ราวกับเพิ่งผ่านสงครามมาแล้วก็ส่ายหน้า “เอาไว้คราวหน้าป้าค่อยมาหาใหม่ดีกว่า ตามสบายนะ”
“ปุ่นเดินไปส่งนะคะ”
“อุ้ยๆ ไม่เป็นไร ให้ตาพัทธ์มาส่งคนเดียวก็พอ หนูไปพักเถอะ” เพียงเท่านั้นคนเป็นป้าก็หมุนตัวเดินออกไป โดยมีหลานชายสุดที่รักไปส่งถึงประตูลิฟท์ โดยไม่วายถูกตีต้นแขนมันเขี้ยว “เมียเราเขาท้องเขาไส้ จะทำอะไรน่ะเพลาๆ บ้าง อ่อนโยนน่ะเป็นไหม หืม ตาพัทธ์!”
เท่านั้นล่ะ ภาสพัทธ์จึงได้ถึงบางอ้อ... สภาพห้องนั่น แม่นายดิษพงศ์คิดเอาเองว่า (...)
“คุณป้าคุณกลับไปแล้วเหรอคะ” ปาจารีย์เอ่ยถามขณะเดินสวนตรงหน้าห้องแต่งตัว
“อืม... สงสัยฉันคงต้องพาเธอไปหาคุณป้าที่บ้าน ไม่งั้นท่านจะมาเซอร์ไพรส์เอาตอนไหนก็ไม่รู้ น่าหวาดเสียว” คนรับฟังแม้จะไม่อยากไป แต่เหตุผลของภาสพัทธ์ก็น่าเห็นด้วยเป็นที่สุด “แล้วนี่… จะไปเปลี่ยนชุดเดิมรึไง”
“ค่ะ เมื่อกี๊ตอนใส่กับชุดนั้นแล้วเสื้อมันคลุมไม่หมด เห็นซิลีโคลนแล่บตามช่องกระดุม ปุ่นเลยต้องวิ่งเข้าไปเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรง” ภาสพัทธ์พยักหน้าอย่างนึกภาพออก
“ฉันว่าเธอใส่ชุดคลุมท้องนอนน่ะง่ายสุด เผื่อใครโผล่มาตอนไหนจะได้ไม่วุ่นวายแบบเมื่อกี๊”
“ไม่ถนัดนี่คะ ยิ่งนอนห้องเดียวกับคุณก็ยิ่งแล้วใหญ่ เกิดตื่นมาแล้วเจอกระโปรงเปิดขึ้นมาถึงหน้าอกจะทำยังไง” จ้างให้(อีก)ก็ไม่เอา
ฝ่ายหญิงพูดไปโดยไม่ทันระวังจินตนาการเร็วล้ำของอีกฝ่าย ภาสพัทธ์ถึงกับต้องสะบัดหน้าเดินหนี
เขาไม่ใช่ผู้ชายตายด้านอย่างที่ปาจารีย์เข้าใจ การนอนร่วมห้องกับผู้หญิงที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไร ไม่ใช่แม้กระทั่งเพื่อนนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายสักนิด!
บทที่ 7
ตั้งแต่วันที่คุณการุณและคุณเพชรัตน์ไปหาที่โรงแรม ดิษพงศ์ก็จัดการกระจายข่าวให้แก่พนักงานตัวแม่ด้านการสื่อสารเรื่องชาวบ้านและเจ้านายให้ไปเป็นกระบอกเสียงต่อ ว่าตำแหน่งอุปโลกน์จีเอสของปาจารีย์นั้นเป็นการส่งสะใภ้ตัวเอ้มาเรียนรู้สายงาน เพียงเท่านั้นล่ะ... สายตาของคนที่เคยค่อนขอดปาจารีย์ว่าอ่อยเจ้านายก็เปลี่ยนไป รังสีอาฆาตที่เคยส่งมาทิ่มแทงจากด้านหลังหญิงสาวเป็นอันหายวับไปในพริบตา
“คุณพัทธ์พาปุ่นออกมาข้างนอกอย่างนี้มันจะดีเหรอคะ” คนท้องโย้เหลียวซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง เมื่อจู่ๆ คุณสามีกำมะลอก็ชวนออกมาดูหนังรอบเที่ยงในวันหยุด “บอกตรงๆ ปุ่นกลัวเจอคนรู้จัก”
“แล้วเธอจะเก็บตัวอุดอู้อยู่แต่ในห้องหรือไง เดี๋ยวพี่ดาวก็ได้มาชวนไปนวดสปาสำหรับคนท้องอีกหรอก” พักหลังๆ นี้ ดุจดาว หนึ่งในสามพี่สาวของดิษพงศ์แวะเวียนมาหาน้องสะใภ้บ่อยจัดจนภาสพัทธ์หวั่นใจกลัวความลับแตก ต้องเสนอหน้าพาตัวเองไปออเซาะคลอเคลียภรรยากันท่าไม่ให้มาวุ่นวายแถวๆ ท้องปาจารีย์ ยังดีที่พี่สาวอีกสองคนของดิษพงศ์แต่งงานมีครอบครัวอยู่ต่างประเทศ ไม่อย่างนั้นคงได้เวียนหัวหนักกว่านี้แน่
“คุณดาวเธอใจดีนะคะ ญาติๆ คุณดีกับปุ่นทุกคนเลย ใครได้มาเป็นเจ้าสาวตัวจริงของคุณเนี่ยถือว่าโชคดีมากๆ” ก็ดูเอาเถอะ ขนาดหล่อนเป็นคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าอะไร ยังไม่มีใครถือตัวใส่เลย
“คงยาก” ภาสพัทธ์ตอบกลับรวดเร็วขณะหยุดยืนดูตัวอย่างภาพยนตร์ “เรื่องนี้ก็น่าดูนะเนี่ย” คนซื้อตั๋วอีกเรื่องเกิดอาการลังเล หากแต่ปาจารีย์ขมวดคิ้ว
“ทำไมล่ะคะ”
“ก็ฉันชอบแนวแอคชั่นดราม่า”
“ปุ่นไม่ได้หมายถึงหนังค่ะ” เจ้าของร่างเล็กถอนหายใจอย่างระอา “เฮ้อ... รักกันแท้ๆ แต่ไม่รู้จะเล่นตัวไปทำไม จะตายจากกันวันไหนก็ไม่รู้ มัวแต่เล่นแง่ใส่กันอยู่ได้” นิสัยช่างพึมพำของปาจารีย์พาให้ภาสพัทธ์หันกลับมามองตาขุ่น
“หมายความว่าไง”
“ก็คุณยังรักคุณทิพย์อยู่ ไหนๆ เธอก็กลับมาแล้ว คุณจะไปตั้งแง่ใส่เธอทำไม” พอหันไปเห็นสีหน้าคนถูกสอนแล้วหญิงสาวก็ต้องลอบกลืนน้ำลาย นี่ไม่ใช่เรื่องที่ตนควรพูดสินะ และภาสพัทธ์ก็ตีหน้ายักษ์ได้น่ากลัวสุดๆ เสียด้วย!
“เธอรู้เรื่องนั้นได้ยังไง” เพราะคาดไม่ถึง ชายหนุ่มจึงฉุดข้อแขนเธอไว้มั่น
“คุณพัทธ์ ปุ่นเจ็บนะคะ” คนตัวเล็กพยายามจะดึงมือออก หากแต่ไม่เป็นผล
“ฉันถามว่าเธอรู้ได้ยังไง ไปฟังมาจากใคร ยัยบุศย์หรือไอ้ดิษ!”
ปาจารีย์อึกอักที่จะตอบตรงๆ ถึงเรื่องที่เขาฟูมฟายให้ฟังใน ‘คืนนั้น’ แต่หากไม่ตอบก็จะมีสองคนที่ซวย จึงปั้นเรื่องปั้นราวถูๆ ไถๆ ไป “ก็... ปุ่นก็รู้จากคุณนั่นล่ะค่ะ วันนั้นที่ยกเหล้าเข้าไป คุณเมาแล้วบอกให้ปุ่นชงเหล้า จากนั้นก็เล่าเรื่องคุณทิพย์ออกมา” เจ้านายหนุ่มเพิ่งสังเกตว่าเขาโน้มหน้าเข้าใกล้อีกฝ่ายมากเกินไป พอเรื่องราวคืนนั้นถูกเอ่ยขึ้น ภาพเหตุการณ์ที่เขาดึงปาจารีย์มาจูบก็ฉายชัด ยิ่งภาสพัทธ์เผลอเหลือบมองริมฝีปากเล็กตรงหน้าแล้วก็ต้องรีบดีดตัวเองออกมาพร้อมกับปล่อยมือ
คนที่ไม่รู้ว่าชายหนุ่มจำได้ถึงเรื่องราวคืนนั้นได้แต่แปลกใจกับทีท่าของร่างสูงที่แทบจะสะบัดมือเธอทิ้งราวกับแตะโดนของร้อน ทว่าไหนๆ ก็คุยประเด็นนี้แล้ว หญิงสาวจึงขอพูดต่อ
“ปุ่นไม่ได้ตั้งใจจะจุ้นเรื่องคุณหรอกนะคะ แค่อยากแนะนำเฉยๆ” พอถูกเจ้าหล่อนสะกิดแผลอีกครั้ง คนมีความหลังก็หน้าหงิก ทำเสียงขุ่นตอกกลับอีกระลอก
“เธอไม่เคยถูกใครทิ้ง ไม่เข้าใจหรอกว่ามันเป็นยังไง” ความเจ็บช้ำสาหัสเจียนตาย กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ภาสพัทธ์จำได้ไม่ลืม ทั้งที่แน่ใจว่าเขาทำหน้าที่คนรักดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เหตุใดธารทิพย์จึงตีจากไปหาชายอื่นที่ไม่รู้ว่าเข้ามาแทรกซ้อนระหว่างหล่อน คบอยู่กับเขาช่วงไหน คิดทีไรระบมในใจทุกที
ชายหนุ่มหันไปมองหน้าคนตัวเล็กแล้วก็ได้แต่ทอดถอนหายใจ ปาจารีย์ไม่เคยมีความรักฉันท์หญิงชายจะไปรู้อะไร ไม่มีประโยชน์ที่เขาจะไปโมโหใส่คู่ขาของลูกสาวป้ามะลิ เอาเถอะ... ขอให้แฮปปี้กับความรักในโลกสีชมพูของคู่มโหรีดนตรีไทยอย่างบุศรัณย์ก็แล้วกัน...
“หนังจะฉายแล้ว ไป...” มือใหญ่ดันไหล่ภรรยาท้องโย้อย่างตัดบท ปาจารีย์ได้แต่บ่นกับตัวเองเบาๆ ว่าภาสพัทธ์ไม่ได้ชอบแค่ดูแอคชั่นดราม่าอย่างเดียว แต่ยังชอบตั้งท่าจะดราม่าแอคชั่นใส่หล่อนด้วย!
โปรดติดตามตอนต่อไป
จากคุณ |
:
อัยย์เนญ่า (Nyah)
|
เขียนเมื่อ |
:
25 มิ.ย. 54 12:36:54
|
|
|
|