17 ฝันร้าย หัวใจสลาย ดอกไม้ขยะ
นำทัพพ์เขย่าขวดยาแก้ปวดแล้วพบว่า มันว่างเปล่า... นี่เขากินมันหมดภายในสองเดือนหรือนี่?
แน่ล่ะ ปัญหารุมเร้าจนเขานอนแทบไม่ได้เลย ป้าจี้หายไป เขาตามหาเท่าไหร่ก็ยังไม่เจอ ข้าวขวัญก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์ให้โอกาสปรับความเข้าใจกับเขาแม้แต่น้อย ลุงสิบโกรธจนไม่มองหน้าเขาอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้นมา ส่วนพี่พลก็ไม่ยอมให้เข้าพบเพื่อเจรจาใดๆ ทั้งสิ้น เหมือนทุกคนทิ้งเขาให้จมอยู่กับปัญหาตามลำพัง
เมื่อมีเวลา เหลือตัวคนเดียว นำทัพพ์จึงพยายามคิดทบทวนหาหนทางแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น... เขาติดต่อเพื่อนนักกฎหมายที่ทำงานอยู่ในอเมริกาเพื่อปรึกษาว่าสามารถยื่นค้านสิทธิบัตรข้าวหอมมะลิแดงได้หรือไม่ ถ้าฟ้องร้องว่าทรูฟู๊ตขโมยงานวิจัยของเขาไป สิทธิบัตรนั้นก็อาจจะเป็นโมฆะ
ตอนนี้เขากำลังพยายามรวบรวมหลักฐาน ยากตรงที่ว่า ข้อมูลพันธุ์กรรมที่ถอดรหัสด้วยคอมพิวเตอร์นั้นไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าเป็นของใคร เขาทำงานคนเดียว ไม่มีทีมงาน ไม่มีพยาน ไม่เคยส่งผลงานวิจัยไปให้หนังสือที่ไหนตีพิมพ์เลยด้วย ที่ลำบากคือ กฎหมายสิทธิบัตรไม่สนใจว่าใครคิดได้ก่อน แต่ให้ความสำคัญกับใครที่ยื่นจดสิทธิบัตรก่อน
แต่ยังไม่ทันที่นำทัพพ์จะรวบรวมหลักฐานอะไรได้เลย พี่ชายของเขาก็สร้างปัญหาใหม่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม
นำทัพพ์แทบจะกระอักเลือดตาย เมื่อพี่:-)โทรมาบอกเขาว่า โรงเรียนชาวนาโดนหมายตรวจค้น และลุงสิบเจอข้อหา ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา มีข้าวเถื่อนและปุ๋ยเถื่อนอยู่ในครอบครอง!
แล้วตอนนี้พี่:-)อยู่ไหนครับ?
:-) กูเป็นครูใหญ่นะโว้ย ก็อยู่สถานีตำรวจสิวะ
พี่รออยู่ตรงนั้นก่อนนะ ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ
เฮ่ย! เดี๋ยวๆๆๆๆๆ เดี๋ยวก่อน... พี่:-)ร้องเสียงหลง ...มิงอย่าเพิ่งมานะ ถ้ามาตอนนี้ :-)... กูกลัว ลุงสิบเจอสองกระทงว่ะ นอกจากละเมิดฯ แล้ว ยังเพิ่มคดีฆาตกรรมด้วย
ให้แกฆ่าผมตายดีกว่า!
ใจเย็นๆ น่า มิง:-)...ยังมีประโยชน์อีกเยอะ เชื่อกูเถอะ มาที่นี่ มิงก็โดนไปด้วย โรงเรียนชาวนาก็อยู่บนที่ดินมิง แถมยังเป็นหนึ่งในกรรมการ ...สู้นั่งเย็นๆ อยู่บ้านแล้วคอยรับสายกูรายงานข่าวดีกว่า จะได้มีสมองอีกก้อนช่วยคิด
แล้วลุงสิบเป็นไงมั่ง?
ถ้าแกเป็นห่วงชีวิตตำรวจและสินทรัพย์ราชการ กลัวลุงแกอาละวาดโรงพักแตกละก็ อย่าห่วงเลย วันนี้มาดแกนิ่งมาก
นั่นแหละที่น่าห่วงล่ะ ถ้าลุงสิบโวยวาย หมายความว่า แกยังดีอยู่ แต่ถ้าเมื่อไหร่เงียบล่ะก็... น่ากลัว...
สามชั่วโมงต่อมา... หลังจากที่นำทัพพ์รอรายงานจากพี่:-)ด้วยความกระวนกระวาย ก็มีสายเรียกเข้า
:-)... ดูท่าปัญหาจะใหญ่ยาวกว่าที่คิดว่ะ
เกิดอะไรขึ้น?
เจ้าหน้าที่เค้าชั่งน้ำหนักของกลางที่ยึดมาได้แล้วส่งไปให้ไอ้พวกทรูฟุตส้นทีนจริงๆ คำนวน เค้าเรียกค่าเสียหาย บวกค่าชดเชย บวกค่าปรับ บวกค่าห่าเฮี่ยอะไรของ:-)อีกไม่รู้... รวมแล้วเบ็ดเสร็จ สิบเจ็ดล้านแปดแสนสี่หมื่นหนึ่งพันเฮี่ยอะไรมีเศษๆ เต็มไปหมดเลย ห่าเอ้ย... ยี่สิบหกตังค์มันก็ยังเอา สาด!
โอเคพี่:-) ไม่ต้องตกใจ รับเอกสารเค้ามาก่อน แล้วยังไงเดี๋ยวผมไปเคลียร์ให้ น่าจะเจรจาต่อรองได้ สุดท้ายเหลือที่ต้องจ่ายคงไม่เท่าไหร่ ผมรับผิดชอบทุกอย่างเอง
ปัญหาใหญ่:-)มันไม่ใช่เรื่องเงินอ่ะเด่ะ
นำทัพพ์ได้ยินเสียงพี่:-)ป้องปากกระซิบใส่โทรศัพท์แล้วสังหรณ์ใจไม่ดีเลย
ลุงสิบแก :-)ไม่ยอมเซ็นเอกสาร
ค่อยยังชั่ว ถ้าเรื่องนั้นล่ะก็แก้ง่ายมาก...
งั้นพี่ก็เซ็นแทนซิ
ไอ้นี่นิ... ฟังกูพูดให้จบก่อนเซ่ พ่อตามิงน่ะ ไม่เซ็นเอกสาร แต่:-) เข้าคุกไปแล้ว!
นำทัพพ์อึ้ง... แค่ข้อหาละเมิดสิทธิบัตรนี่ต้องโทษหนักถึงขนาดติดคุกเลยเหรอ? แล้วอะไรกัน ศาลยังไม่ได้ตัดสินสักหน่อย แต่ไม่รู้ล่ะ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อน
งั้นพี่ก็รีบทำเรื่องประกันตัวสิ ต้องใช้เงินเท่าไหร่ ผมโอนไปให้เดี๋ยวนี้เลย
ไม่มีประโยชน์หรอกเฮีย... เก็บเงินไว้แต่งเมียดีกว่า
เกิดอะไรขึ้น เค้าไม่ให้ประกันตัวงั้นเหรอ? หรือพี่พลเล่นเส้นสายอะไรบ้าๆ
เปล่า ลุงสิบแกเดินเข้าตารางเอง ตำรวจทั้งโรงพักแทบจะกราบแกเลยให้ออกมา แต่แกยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ไม่ยอมออก แกบอกว่า... ให้มันรู้กันไป ว่าชาวนาหมักปุ๋ยปลูกข้าวบนผืนแผ่นดินนี้ทำผิด ละเมิดสิทธิ์นายทุน แกบอกว่าจะไม่ออกจากคุก จนกว่าจะมั่นใจว่า ไม่มีชาวนาคนไหนต้องโดนจับเหมือนแก!
คืนนั้น นำทัพพ์ไม่ฟังเสียงคัดค้านของพี่:-) เขาไปที่สถานีตำรวจเพื่อขอร้องลุงสิบให้ออกมาและสัญญาว่าเขาจะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่ลุงสิบไม่เพียงไม่ฟังเขา กลับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาราวกับเขาเป็นมนุษย์ล่องหน แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่เป็นเพื่อนแกตลอดทั้งคืนก็ตาม
สองวันต่อมา ก็มีประกาศมาจากทรูฟู๊ต ให้รางวัลแก่เกษตรกรที่โทรแจ้งข่าวว่า มีเพื่อนบ้านคนไหนใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวเถื่อน หรือ หมักปุ๋ยเถื่อน ซึ่งหมายถึง ข้าวและปุ๋ยที่เหมือนของทรูฟู๊ต ไม่ได้จ่ายเงินซื้อจากทางบริษัทฯ ถือว่า เอาเปรียบเพื่อนเกษตรกรที่จ่ายเงินซื้ออย่างถูกกฎหมาย
ดูท่างานนี้ ลุงสิบได้อยู่ในคุกนานแน่นอน ไม่แน่ว่า จะได้อยู่ตลอดชีวิตด้วยซ้ำ!
ลูกสาวลุงสิบรู้ข่าวช้ากว่าใคร เธอรีบไปหาพ่อ เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของพ่อนั่งหลับตานิ่งอยู่ในห้องขังโรงพัก ข้าวขวัญก็เกาะลูกกรงร้องไห้แบบไม่อายใคร บัดนั้นเอง เธอก็ตัดสินใจจะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยพ่อของเธอให้ได้
ว่าไงจ๊ะ ที่รัก ...พักนี้ไม่ค่อยได้เห็นหน้าเลย
คุณพล ทำแบบนี้มันเกินไปแล้วนะ!
ไฮโซแสนสวยอย่างคุณข้าวขวัญจะเดือดร้อนไปทำไมกัน?
ไม่ต้องมาแกล้งทำไก๋ คุณก็รู้อยู่เต็มอก ว่าเค้าเป็นพ่อของฉัน ขอร้องล่ะ คุณพล ปล่อยพ่อฉันไปเถอะค่ะ
ฮึ... ขอโทษนะครับ ใครจับเขาเข้าคุกไม่ทราบ ผมแค่แจ้งข้อหาละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา จ่ายค่าเสียหายมาซะก็สิ้นเรื่อง ถ้าไม่มี ผมก็ไม่ได้ใจร้ายจะให้เอาลูกสาวมาขัดดอกเหมือนในละครหรอกนะ เรามาเจรจาประนอมกันได้
ข้าวขวัญรู้ว่าพ่อไม่มีทางยอมคุยด้วย ไม่ใช่เพราะพ่อไม่มีเงิน แต่มันเรื่องของศักดิ์ศรีและความถูกต้อง ...คนอย่างพ่อ ถ้าจำเป็น ต้องจ่าย ต่อให้ไม่มี พ่อก็จะหามาจ่ายจนได้ แต่ถ้าพ่อเห็นว่า ไม่ต้องจ่าย สักสตางค์เดียว พ่อก็ไม่ยอม!
คุณพลจะต้องการเงินพ่อฉันไปทำไม มันก็แค่เศษเงินของคุณเท่านั้นเองนะคะ
ชายหนุ่มยักไหล่ ข้าวไม่เคยได้ยินเหรอจ๊ะ... Business is Business เงินทองเป็นของไม่เข้าใครออกใคร
ข้าวขวัญที่เคยได้ยินพ่อพูดเสมอว่า เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาเป็นของจริง... เจอคำคมของคุณพลเข้าไปพูดอะไรไม่ออก
พลยิ้ม... จริงๆ เงินที่เขาปรับไอ้ลุงสิบน่ะ มันก็แค่เศษเงินของเขาจริงๆ อย่างที่เธอว่านั่นแหละ แต่เท่ากับเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู พวกชาวไร่ชาวนาที่ไม่รู้จักคำว่า สิทธิบัตร คืออะไร จะได้รู้ไว้ ว่าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของทรูฟู๊ต ต้องโดนอะไรบ้าง ...สะใจจริงๆ ยิงนกนัดเดียวร่วงเป็นฝูงเลย ได้ล้างแค้นยัยลูกสาวกับพ่อมัน เสือกหยิ่งนัก แล้วก็...
แต่ถ้า... ข้าวมีอะไรมาแลกเปลี่ยนล่ะก็ ผมอาจจะยอมช่วย...
แลกเปลี่ยน? คุณพล... หมายความว่ายังไงคะ? ข้าวขวัญเม้มปาก อา...อย่าบอกนะว่าเขาต้องการนอนกับเธอ!?
เฮ่ย... ไม่ต้องทำหน้าอย่างงั้นน่า ผมมันคนมีศักดิ์ศรี ไม่คิดทำอะไรอย่างงั้นกับข้าวหรอก ชายหนุ่มยิ้ม ...ตั้งแต่เด็กแล้ว ผมไม่เคยกินของเหลือจากไอ้เป๋นั่น แล้วทำไมโตขึ้นมา ผมต้องไปรับเดนมันด้วย? ข้าวขวัญฟังแล้วเจ็บเข้าไปถึงขั้วหัวใจ
...สู้ให้ข้าวมาช่วยงานผมดีกว่า
ช่วยงาน?
นำทัพพ์พยายามโทรศัพท์หาข้าวขวัญมาสองวันแล้ว เขาอยากปรึกษาเรื่องพ่อของเธอ หวังว่าลูกสาวจะสามารถพูดให้พ่อใจอ่อนยอมออกมาได้ แต่เธอไม่รับสายของเขาเลย จนกระทั่งตอนนี้...
ประจวบเหมาะกับที่ข้าวขวัญกำลังคุยกับคุณพลครึ่งๆ กลางๆ ...เธอปิดเสียงมือถือซึ่งใส่ไว้ในกระเป๋า จึงไม่ได้ยินสัญญาณเรียกเข้าของนำทัพพ์ แต่กลับขยับตัวไปโดนปุ่มกดรับสายโดยไม่ตั้งใจ... ปลายทางจึงได้ยินบทสนทนาของเธอกับคุณพลพอดี
นำทัพพ์ใจเต้นระรัวขึ้นมาทันทีที่เธอรับสาย
ฮาโหล ขวัญ
ฮาโหล... นำทัพพ์พยายามกรอกเสียงตัวเองลงไปในโทรศัพท์ แต่ดูเหมือนว่า คนรับสายจะไม่ฟังเขาเลย เธอไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ เพราะกำลังคุยอยู่กับใครบางคนทางโน้น
คุณจะให้ข้าวทำอะไรคะ?
เสียงของเธอที่นำทัพพ์ได้ยินนั้น ไม่ได้พูดกรอกใส่โทรศัพท์ แต่ก็อยู่ไม่ไกล ทำให้เขาได้ยินทุกถ้อยคำอย่างชัดเจนและเข้าใจในทันทีว่าเธอไม่ได้มีเจตนารับสายของเขา มันเป็นแค่อุบัติเหตุกดปุ่มพลาดเท่านั้น นำทัพพ์เกือบจะวางสายอยู่แล้ว แต่เป็นเพราะเสียงคู่สนทนาของเธอดังลอดเข้ามา ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเสียมารยาทฟังต่อไป เพราะเสียงนั่น เป็นของคนที่เขาคุ้นเคย และที่สำคัญ คนคนนั้นเอ่ยชื่อของเขาด้วย!
ช่วยไปหลอกเอาข้อมูลวิจัยใหม่ๆ ที่ไอ้ทัพพ์กำลังทำอยู่มาให้ผมหน่อยสิ เสียงพี่พล... ไม่ผิดแน่ เขาจำได้ไม่มีวันลืม!
นี่พี่พลขโมยเอาข้อมูลพวกนั้นไปยังไม่พออีกหรือ ยังจะใช้ให้เธอมา หลอก เขา?
คุณพล จะให้ข้าวไปหลอกเอางานของเค้ามายังไงคะ?
เด็กโง่
ไอ้ทัพพ์มันหลงเสน่ห์ข้าวของผมขนาดนั้น หึหึ... ผมคงไม่ต้องบอกรายละเอียดนะว่า ถ้าข้าวอยากหลอกใช้ไอ้ทัพพ์ ต้องทำอะไรกับมันบ้าง...
... เสียงข้าวขวัญเงียบไป...
น่า... อย่าคิดมาก ยอมเอาตัวเข้าแลกนิดหน่อย ไม่สึกไม่หรอหรอก แฟนข้าวคนนี้น่ะ ใจกว้างงงงงง... เสียงหัวเราะเสียดหูของพี่ชายทำให้นำทัพพ์ทนฟังต่อไปไม่ไหว เขาตัดใจกดปุ่มวางสาย แต่ยังไม่วายมีเสียงพี่ชายลอดออกมาจากโทรศัพท์ก่อนที่สัญญาณจะขาดไป
เอ๊ะ... แหวนที่ผมให้ข้าวไปไหน?
แหวน! อา... เขาหมายถึงแหวนวงนั้นใช่มั๊ย เป็นของพี่พลให้เธอจริงๆ หรือนี่
ความรู้สึกของเขาตอนนี้ ไม่ต่างกับความรู้สึกของเด็กชายนำทัพพ์ในรถคันนั้น วันที่รู้ความจริงว่า แม่ของเขามีใครคนอื่นอีกคนนอกจากพ่อ
นำทัพพ์ปาโทรศัพท์ในมือทิ้งอย่างหมดอาลัยตายอยาก เขาได้แต่ภาวนาขออย่าให้ข้าวขวัญทำอะไรให้เขาต้องรู้สึกผิดหวังในตัวเธอมากไปกว่านี้อีกเลย
เอ๊ะ... แหวนที่ผมให้ข้าวไปไหน? ก่อนจากกัน พลยังอุตส่าห์ตาไวเห็นว่าสร้อยคอที่เขาใส่ให้เธอหายไป
ทำไมไม่ใส่ล่ะจ๊ะ?
เอ่อ ข้าว...อ่า เก็บไว้ที่บ้านค่ะ แล้วจะรีบเอามาคืนคุณนะคะ จะได้หมดเวรหมดกรรมต่อกันเสียที
ไม่ต้องๆ เอาเป็นว่า ถ้าข้าวทำงานสำเร็จล่ะก็ ผมยกให้
พลบอกอย่างใจดี ...เป็นที่ระลึก!
ยังไงก็คุ้มล่ะวะ แหวนไม่กี่ล้าน แต่งานวิจัยของไอ้ทัพพ์อาจจะทำกำไรให้เขามหาศาล
แต่ข้าวขวัญไม่ต้องการของจากมนุษย์พันธุ์นี้ เธอจะต้องหามันออกมาคืนเขาให้จงได้
พลค่อนข้างเชื่อมั่นว่า ถ้าเขาส่งยัยข้าวไปแลก ต่อให้ต้องการหัวมัน ไอ้ทัพพ์ก็ยอมตัดลงมาให้ได้ ผู้ชายด้วยกัน ทำไมจะดูไม่ออก มองตาก็รู้แล้วว่ามันหลงแม่นี่จนหัวปับหัวปำ แต่กรรมการผู้จัดการทรูฟู๊ตคำนวนอะไรบางอย่างพลาดไป...
ลูกสาวลุงสิบไม่ได้โง่ ข้าวขวัญเก็บความเจ็บแค้นแสนสาหัสกลับมานั่งคิดนอนคิดทั้งคืน... การที่พลใช้ให้เธอไปหลอกเอางานวิจัยของนำทัพพ์ นั่นก็เท่ากับเป็นการเฉลยประเด็นสำคัญ... พี่น้องคู่นี้ไม่ได้ญาติดีกันอย่างที่คนเป็นพี่แอบอ้าง และมันทำให้เธอยิ่งมั่นใจว่า ที่เธอคิดไว้ถูกต้อง... นำทัพพ์ไม่ได้เอาผลงานวิจัยข้าวหอมมะลิแดงไปให้พี่ชายจริงๆ ...ไม่อย่างงั้น ทำไมพลจะต้องมาเปลืองแรงเสียเวลาขู่ให้เธอไปหลอกน้องชาย ในเมื่อนำทัพพ์ก็ทำงานให้กับทรูฟู๊ตอยู่แล้ว คิดมาถึงตรงนี้ ข้าวขวัญก็รู้สึกเหมือนหมอกควันดำมืดที่ปกคลุมอยู่ในหัวใจค่อยๆ จางลงไป โลกรอบๆ ตัวพลันกระจ่างสดใสขึ้นมาอีกครั้ง...
ถ้าอย่างงั้น แทนที่เธอจะหลอกนำทัพพ์ เอาข้อมูลของเขาไปป้อนให้คนเลวๆ อย่างนายพล สู้เธอบากหน้าไปขอร้องให้นำทัพพ์ช่วยหาทางแก้ไขปัญหาไม่ดีกว่าหรือ... คนฉลาดอย่างเขาน่าจะมีหนทาง อีกอย่าง เขาเป็นเจ้าของผลงานวิจัยตัวจริง น่าจะมีหลักฐานในการยื่นคำร้องคัดค้านหรือทำอะไรสักอย่างได้
แต่... นำทัพพ์อาจจะไม่ช่วยเธอก็ได้ ...เพราะถึงยังไง พลก็เป็นพี่ชายของเขา ทรูฟู๊ตก็เป็นบริษัทของตระกูล เขาจะยอมทรยศต่อพ่อแม่บุญธรรม ครอบครัวที่เลี้ยงดูเขามาเชียวหรือ?
ไอ้ทัพพ์มันหลงเสน่ห์ข้าวของผมขนาดนั้น หึหึ... ผมคงไม่ต้องบอกรายละเอียดนะว่า ถ้าข้าวอยากหลอกใช้ไอ้ทัพพ์ ต้องทำอะไรกับมันบ้าง คำชี้แนะจากพล กลับเข้ามาในสมองของเธออีกครั้ง น่า... อย่าคิดมาก ยอมเอาตัวเข้าแลกนิดหน่อย ไม่สึกไม่หลอหรอก
เขารักเธอหรือเปล่า ข้าวขวัญไม่รู้ แต่เธอมั่นใจอยู่อย่าง... เขามีความปรารถนาในตัวเธอ! หญิงสาวกลืนน้ำลายอึกใหญ่โดยไม่รู้ตัว... แค่คิดก็อกใจสั่นไหวไปหมดแล้ว
บ้า!... ไม่ๆๆๆๆ... เขามีหญิงอื่นแล้วนะ เธอยังจะทำอะไรแบบนั้นกับเขาอีกได้ยังไง
ได้!
เธอต้องทำได้ซี่ ข้าวขวัญ เพื่อพ่อ... เพื่อชาติ... เพื่อประชาธิปไตย... (เกี่ยวอะไรไม่รู้ อ้างประชาธิปไตยไว้ก่อน) เธอจะยอมเสียสละ เลือดเนื้อ อีกสักครั้ง...
คิดได้ดังนั้น ลูกสาวลุงสิบก็ขัดสีฉวีวรรณตั้งแต่หัวจรดเท้า เช็ดตัวเสร็จ เธอก็เปิดตู้หยิบเอาเอ็มเจ็ดสิบเก้า เอ้ย... ชุดชั้นในผ้าลูกไม้เนื้อบางสีดำที่แอบซื้อเก็บไว้นานแล้วออกมา... ฮึ... เธอไม่ยอมแพ้ยัยจี้เส้นหรอกน่า นำทัพพ์เจอชุดนี้ของเธอเข้าไป ไม่ช่วยพ่อเธอก็ให้มันรู้ไปสิ
สมัยก่อนตอนเป็นเพื่อนสนิทกัน นำทัพพ์เคยไปเดินเล่นกับเธอในห้าง เมื่อผ่านร้านชุดชั้นใน เขาหยุดยืนหรี่ตามองหน้าเธอสลับกับชุดชั้นในที่โชว์อยู่ในหุ่นหน้าร้านแล้วอมยิ้มแก้มบุ๋ม...
อะไรยะ?
เปล่า
เปล่าอะไร ยิ้มทะลึ่ง นี่แน่ะ เธอเอานิ้วจิ้มบุ๋มที่แก้มแรงๆ
โอ๊ย... เราก็แค่ลองเปรียบเทียบหมีพูห์น้อยกับลูกไม้สีดำเท่านั้นเอง
ไอ้บ้า นี่แน่ะๆๆๆ
วันต่อมา เธออุตส่าห์แคะกระปุกแล้วย่องไปถอยชุดนี้ออกมา ตอนนั้น... เธอก็ยังไม่เข้าใจตัวเองว่า ซื้อมาทำไม ใส่ก็ไม่กล้า แค่มองยังอายเลย แต่ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่า เด็กสาวคนนั้นได้ยินสายตาของเพื่อนสนิทที่เธอแอบหลงรักบอกว่า ชุดนั้นเหมาะกับเธอนะ สัญชาติญาณหญิงของเธอถูกกระตุ้นให้เกิดความปรารถนาอยากให้เขาชื่นชม แต่ข้าวขวัญก็ยังไม่เคยมีโอกาสใส่มันอวดเขาเลย จนถึงวันนี้...
นำทัพพ์รู้ ว่าเธอต้องมา!
ตั้งแต่ปาโทรศัพท์มือถือทิ้งลงพื้น เขาก็นั่งนับลมหายใจรอเธอมาหาเขาด้วยความรู้สึกสับสนจนบอกไม่ถูก ทั้งรัก ทั้งแค้น ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ ทั้งตื่นเต้น ทั้งยินดี... น่าโมโหตัวเอง ทั้งๆ ที่รู้ทั้งรู้ว่าข้าวขวัญมาเพื่อหลอกเขาตามคำสั่งของคนรักใหม่ เขาก็ยังอดดีใจที่จะได้พบหน้าเธอไม่ได้ ยิ่งคิดถึงว่าเธอมา แลก อะไรกับเขา ชายหนุ่มก็เกิดอาการร้อนรุ่ม อกใจสั่นไหว ได้แต่สั่งห้ามตัวเองว่า ไม่! ...เขาจะไม่แตะต้องตัวเธออย่างเด็ดขาด
คิดสิ... คิดว่าจะลงโทษเธอยังไงดี ที่บังอาจดูถูกความรักของเขา นำทัพพ์กำแหวนร้อยสร้อยของเธอในมือแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนไปทั้งแขน ในสมองของเขาเหมือนมีพายุพัดกระหน่ำร้อยๆ พันๆ วิธีทำให้เธอเจ็บช้ำ
และแล้ว... ในที่สุด เธอก็มาจริงๆ!
จากคุณ |
:
Acciacatura
|
เขียนเมื่อ |
:
25 มิ.ย. 54 21:33:08
|
|
|
|